แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 20 ...เบื่อวงการ

ราตรีผ่านพ้นไปพร้อมกับเช้าวันใหม่ที่มาถึงรวดเร็วนัก จนธรารู้สึกเหมือนได้นอนไปไม่เท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ หรืออาจเป็นเพราะปารวัตรเรียกรวมทุกคนตอนตีสี่ก็เป็นได้ หลังจากถ่ายทำฉากพระนางดูพระอาทิตย์ขึ้นลุล่วงไปแล้ว ทีมงานทุกคนก็ยังทำงานกันหัวหมุน แต่งานนี้เหมือนว่าคนที่หนักสุดจะไม่พ้นคนสำคัญของผู้กำกับที่โดนเรียกใช้จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

“ชล ช่วยไปตามนักแสดงตัวประกอบมารวมกันที่หาดให้หมดหน่อย” ปารวัตรหันมาสั่งหญิงสาวโดยไม่มองหน้า

เธอพยักหน้ารับคำก่อนวิ่งออกไป หลังจากที่คำสั่งแต่ละครั้งเสร็จสิ้น คำสั่งใหม่ก็ถูกโยนมาอีกระลอก เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เช้าจนทุกคนแปลกใจ

“ชล มาช่วยพี่ดูบทหน่อย” หญิงสาวเดินเข้าหาเขาอย่างว่าง่าย โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตใบหน้าเหนื่อยอ่อนของเธอเลยแม้แต่น้อย

“คุณปารวัตร ทีมงานก็มีตั้งหลายคน มาใช้อยู่ทำไมคนเดียวครับ” เสียงเข้มของทินกรดังขึ้น ทำให้ปารวัตรต้องเงยหน้าจากธุระทั้งหลายที่เขาจัดการอยู่

เขายิ้มบางเบา ก่อนตอบ “ก็เธอเป็นทีมงานนี่ครับ อีกอย่างก็ถือเป็นการใช้หนี้ที่ทำกล้องผมพังด้วย คุณทินกรมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

พระเอกหนุ่มเหลือบมองหน้าทีมงานใหม่ที่ส่งสัญญาณปรามเป็นพัลวัน “เปล่าครับ ผมเห็นเขาดูเหนื่อยๆ

คำพูดของทินกรนั่นเองที่ทำให้ปารวัตรหันมองหน้าธราได้เต็มตา ใบหน้านั้นยังคงยิ้มแย้ม ทว่าดูเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปุ่น ชลทำได้” หญิงสาวรับปากสีหน้ามั่นใจเหลือล้น

“พี่ขอโทษ ชลไปพักก่อนดีกว่า”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ พี่บอกให้ไปพัก” เสียงนุ่มของปารวัตรวันนี้ดุกว่าวันอื่น หญิงสาวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย

ปารวัตรมองตามเธออย่างรู้สึกผิด เหตุผลทุกอย่างที่เขาควรจะใช้มันถูกกลืนหายไปพร้อมกับภาพที่ผุดขึ้นมาในสมอง ภาพหนุ่มสาวยืนคุยกันอยู่ที่ชายหาดเมื่อคืนทำเอาใจเขาสั่นแปลกๆ แม้จะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่ที่เห็นชัดคือความสนิทสนมระหว่างทินกรและธราที่ยังคงค้างคาในความรู้สึก

สองคนนี้ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่อยู่ในกองถ่ายเขาก็เห็นว่าทั้งคู่ทะเลาะจิกกัดกันออกบ่อย หรือว่าเพราะทั้งคู่สนิทกันอยู่แล้วต่างหาก ธราถึงได้พูดจาจิกกัดทินกรได้อย่างไม่เกรงกลัว

แค่คิด หัวใจของปารวัตรก็สั่นไหวแปลกๆ แล้ว

“คุณปุ่นคะ มีนักข่าวบันเทิงและทีมงานจากทางช่องมาขอดูบรรยากาศกองถ่ายค่ะ” ดาวเอ่ยขึ้นอย่างรัวเร็ว “ตอนนี้อยู่ข้างบนแล้วค่ะ ให้ลงมาที่หาดได้เลยไหมคะ”

ปารวัตรพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกกล่าวทุกคน “ทุกคนครับ เตรียมตัวสำหรับฉากต่อไปเลยครับ”

ไม่นานนักเลยที่นักข่าวและทีมงานนับสิบจะลงมาบันทึกภาพกันที่บริเวณชายหาด พิธีกรสอดส่องมองหาอัจฉราและทินกร คู่ขวัญของวงการซึ่งถ่ายฉากเดินเคียงคู่กันอยู่ริมทะเล

พระเอกหนุ่มกอดเอวอัจฉราไว้แนบชิด แล้วกวักน้ำใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย เป็นภาพที่ใครเห็นต่างก็ชอบบรรยากาศที่แสนอบอุ่นนี้ ทว่าจิตใจของทินกรกลับว้าวุ่นและไร้ซึ่งอารมณ์โรแมนติกใดๆ

...อุตส่าห์หลบนักข่าวตั้งแต่เมื่อวาน ตามมาถึงกองเลยโว้ย

“คัต!! ดีมากครับ คุณทินกร น้องฟ้า นักข่าวมารอถ่ายรูปอยู่ด้านหลังครับ” ผู้กำกับหนุ่มประกาศพักกองทานอาหารกลางวันทันทีหลังถ่ายจบ

ชายหนุ่มจูงมือนางเอกสาวก้าวเข้ามาหานักข่าวด้วยสีหน้ายินดีเป็นที่สุด แต่มันกลับตรงข้ามกับความรู้สึกเขาตอนนี้ซะเหลือเกิน

“เป็นยังไงบ้างครับ ย้ายออกมาถ่ายทำนอกสถานที่”

“ก็ดีนะครับ สนุกดีได้เที่ยวไปในตัว เนอะฟ้า” พระเอกหนุ่มหันไปพยักพเยิดกับอัจฉราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขออนุญาตถามคุณเพลิงนะครับ เรื่องข่าวในตู้โทรศัพท์” ทินกรหุบยิ้มทันที ไม่คิดว่าการที่นักข่าวจะบุกมาถึงกองถ่ายเพียงเพื่อจะถามเรื่องส่วนตัวของเขา แถมยังเป็นแค่เรื่องที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงด้วยซ้ำ

“ถ้าจะถามเรื่องนี้ ผมก็ตอบได้แค่ว่าเป็นแค่ข่าวซุบซิบทั่วไปนะครับ ผมว่ามั่วมากเลย ใครจะไปหวานกันได้แม้กระทั่งในตู้โทรศัพท์ จะใส่สีตีไข่อะไรช่วยอิงความเป็นจริงหน่อยดีกว่า”

“ตกลงคือยืนยันว่าไม่ใช่คุณใช่ไหมคะ” นักข่าวสาวเอ่ยถามอีกรอบเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด

ก็จะให้เขาตอบได้อย่างไรกันล่ะว่าใช่เขา ในเมื่ออัจฉราที่คนอื่นก็รับรู้ว่าเป็นแฟนเขายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน

ชายหนุ่มไม่หันมองอัจฉราด้วยซ้ำ ตอนที่บอก “เอาไว้มีหลักฐานยืนยันให้แน่ชัดก่อนว่าใช่ผม แล้วผมถึงจะตอบ ขอตัวก่อนนะครับ”

เขาเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเร็วรี่ เรียกได้ว่าวิ่งเลยดีกว่า และนักข่าวก็ยังคงไล่ตามไม่ลดละ

“เดี๋ยวสิคะ คุณเพลิง กลับมาตอบก่อนสิคะ” เสียงตะโกนดังไล่หลังโดยที่ชายหนุ่มไม่สนใจจะหันไปมอง

และเมื่อนักข่าวเห็นว่าไล่ตามไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงหันมาถามอัจฉรา “เกิดอะไรขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของคุณสองคนหรือเปล่าคะ”

หญิงสาวมองตามหลังทินกรไปอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็ยังหันมายิ้มแย้มแจ่มใสกับชื่อมวลชน “ไม่เลยค่ะ ยังรักกันดีเหมือนเดิม”

ทินกรหันซ้ายแลขวาอยู่ตรงโขดหินไม่ห่างจากจุดที่ถ่ายทำมากนักเพื่อให้แน่ชัดว่าสื่อมวลชนจากทุกแขนงได้เดินทางกลับออกไปแล้ว

ให้ตายสิ นี่เขาไม่คิดเลยสักนิดว่าจะต้องมาวิ่งหนีนักข่าวแบบนี้ แต่มันคงจะดีกว่าการเผชิญหน้า เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดโป้ปดใดๆ ทั้งสิ้น

“นี่คุณ มาอยู่ทำไมตรงนี้ ที่นี่เขาห้ามเก็บหอยนะ” เสียงหวานใสชวนให้หงุดหงิดนั้นดังขึ้นด้านหลัง ชายหนุ่มหันกลับไปอย่างเอาเรื่อง

“ผมมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ” น้ำเสียงเขาหงุดหงิดระคนเหนื่อยใจนัก

คนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่ง แล้วถามเสียงใส “เพราะฉัน? ยังไง?”

“เมื่อกี้นักข่าวมาถามเรื่องข่าวในตู้โทรศัพท์” พลันที่คำตอบนั้นออกมาจากปากชายหนุ่ม หญิงสาวก็ทำท่าทีสนใจขึ้นมาทันใด

“แล้วคุณตอบนักข่าวไปว่าไง”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

ธราเบิกตาโพลงราวกับได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ หญิงสาวเขย่าตัวเขาเร็วๆ “หา? นี่คุณกล้าตอบนักข่าวไปแบบนี้เชียวเหรอ”

“ไม่ใช่! ผมหมายถึงว่าจะตอบว่าไรก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับกับคุณ” ...เบื่อจริง คุยกับคนเข้าใจอะไรยากนี่

หญิงสาวหน้ามุ่ยใส่เขา ก่อนเอ่ย “ก็เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าเป็นเพราะฉัน แล้วจะไม่ใช่เรื่องของฉันได้ยังไงกันล่ะ”

“ใช่ เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมตอบไปว่าอะไร เพราะคุณไม่ใช่ดารา เข้าใจไหม” เสียงที่เขาเอ่ยออกไปนั้นดูหงุดหงิดจนหญิงสาวรู้สึกได้ แต่เธอจะให้ยอมในสิ่งตัวเองไม่ผิดมันก็ไม่ใช่นิสัยเธอนักหรอก

“แล้วคุณก็นึกสิ ว่าก่อนหน้าที่จะไปอยู่กันในตู้โทรศัพท์น่ะมันเพราะอะไร คุณไล่ฉันไม่ใช่เหรอ ก็ถ้าคุณมีฉันแล้วคุณรู้สึกว่าชีวิตมันวุ่นวาย คุณจะมาตามฉันกลับไปทำไมล่ะ ทีวันนั้นล่ะมาขอโทษ ทีวันนี้ล่ะหยิบยกมาเป็นประเด็น หาว่าฉันเป็นต้นเหตุ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวเล็ก เสียงในใจอยากจะร้องบอกเธอเหลือเกิน ก็เพราะยังอยากให้มาวุ่นวายน่ะสิ ถึงได้ออกมาตาม นี่เธอไม่รับรู้อะไรเลยหรือ แต่สิ่งที่เอ่ยออกไป ช่างแตกต่างจากที่ใจรู้สึกนัก

“ก็คุณเป็นต้นเหตุจริงๆ ไม่ใช่เหรอไง คุณทำกระเป๋าเงินผมหาย และยังทำให้ผมต้องเช่าห้องให้คุณอยู่ มีข่าวนู่นนี่นั่นก็เพราะคุณทั้งนั้นเลย” แม้จะไม่ได้ง้องอนเธออย่างที่ใจอยากทำ แต่เสียงที่เขาเอ่ยประโยคเมื่อครู่ก็ไม่ได้แข็งกร้าวเลยสักนิด กลับนุ่มนวลอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ

“เชอะ เดี๋ยวถ้าวันไหนคุณไม่มีฉันขึ้นมาแล้วจะเหงา” พูดไปยังใจหายเสียเอง เธอเองก็ไม่รู้ว่าหากเวลานั้นมาถึง เวลาที่ทำให้เธอต้องกลับไปในยุคปัจจุบัน เมื่อนั้นทั้งเธอและเขาจะเป็นเช่นไร

ชายหนุ่มสบตาเธอ ก่อนมองออกไปในทะเลกว้างใหญ่ยาวไกลสุดสายตา “ผมเบื่อ”

“เบื่อฉันเหรอไง” หญิงสาวแหวใส่ เตรียมเล็บมือไว้ข่วนเขาทันที หากคำตอบของคำถามนี้ไม่ตรงกับที่เธอต้องการ

“เบื่อความไม่เป็นส่วนตัว ในวงการนี้ ชีวิตส่วนตัวผมกลายเป็นเรื่องสาธารณะไปหมด จะไปไหน ทำอะไร ก็ต้องมีกล้องคอยถ่าย ดูสิ อย่างเรื่องในตู้โทรศัพท์ ถ้าผมเป็นแค่ไอ้ดิน เด็กผู้ชายกำพร้าคนนั้น คงไม่มีใครมาสนใจหรอกว่าผมอยู่กับใคร ทำอะไรอยู่”
ชายหนุ่มเงียบไปไม่นานนัก เสียงเข้มนั้นก็เอ่ยต่อ

“แต่เพราะผมคือเพลิง ทินกร คือพระเอกชื่อดังที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจ ผมถึงทำให้เรื่องแค่นั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้”

แม้จะเห็นใจเขาเหลือเกิน แต่เธอก็อยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจ “คุณเลือกทางนี้เอง คุณเลือกที่จะอยู่สูงกว่าคนอื่น คุณก็ต้องยอมรับให้ได้”

ใช่ เขาอยู่สูงกว่าใครทั้งหมด ห่างจากก้อนกรวดไร้ค่าอย่างเธอมากนัก นั่นเป็นสิ่งที่ต้องจำไว้ในใจให้มั่นนะชล

“ยอมรับน่ะได้ แต่ไม่รู้สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมต้องการอะไร รู้แค่ว่าอยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง ชีวิตที่ในวงการให้ผมไม่ได้”

เถอะ...อีกหน่อย เขาก็จะได้ลิ้มรสชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มที่ หญิงสาวคิดในใจ หลังจากนี้หากชีวิตของเขาเป็นไปตามที่เธอค้นข้อมูลมาล่ะก็ เวลานั้นเขาคงมีเวลาว่างจนอยากจะตะเวนหางานทำเลยทีเดียว

“แล้วคุณออกมาเดินแถวนี้ทำไม คุณปารวัตรบอกให้ไปพักไม่ใช่เหรอ”

“เขาบอกให้ฉันพักจากงาน ไม่ได้บอกนี่ว่าต้องไปนอนพัก” หญิงสาวมองไปรอบกายพลางยิ้มกริ่ม “อุตส่าห์ได้มาเที่ยวทั้งที อุดอู้อยู่ในห้องพักตลอด จะสนุกอะไรเล่า”

“ดูท่าคุณจะชอบเที่ยวเนอะ”

“ตอนเด็กๆ พ่อแม่พาฉันเที่ยวบ่อยน่ะค่ะ ฉันเป็นลูกคนเดียวด้วยแหละ พ่อแม่เลยค่อนข้างตามใจ อยากไปไหนก็ให้ไป”

ชายหนุ่มขำในลำคอ “ถึงว่าสิ โตมาล่ะเอาแต่ใจชะมัดเลย”

หญิงสาวหุบยิ้มเมื่อครู่ก่อนจะสะบัดหน้ามาเขาทันทีจนเรือนผมพลิ้วไหวถูกแก้มชายหนุ่ม “อย่ามาหาเรื่องน่าคุณเพลิง ฉันเอาแต่ใจตรงไหนไม่ทราบ”

“ยังจะถามอีก ก็วันแรกที่เจอกัน พอผมไม่ให้คุณขึ้นรถไปด้วย คุณก็เขวี้ยงกระเป๋าตังค์ผมลงจากรถไปคือไร พอผมไม่เช่าห้องให้อยู่ คุณก็จะบอกคนอื่นว่าผมปล้ำคุณนี่คือไร ไม่ให้เรียกว่าเอาแต่ใจแล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้ล่ะยายลิง”

หญิงสาวหน้าแดงก่ำ เมื่อนึกถึงวันที่เธอร้องกรี๊ดๆ ลั่นคอนโด จนเขาต้องจำยอมลงไปเซ็นเช่าห้องให้อยู่อีกห้อง “คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ เอาแต่ใจ ขี้หงุดหงิด ขี้วีน ขี้โวยวาย คนอะไรนิสัยเสีย”

“นี่ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ คิดว่าสนิทกันแล้วเหรอถึงได้มาพูดอย่างนี้” เสียงทุ้มของทินกร เข้มขึ้นมาอีกนิดเป็นเชิงปรามให้เธอหยุดพูด แต่หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“สนิทหรือเปล่าก็ไม่รู้หรอกค่ะ รู้แค่ว่าฉันก็ต้องสำคัญกับคุณบ้างแหละ คุณถึงได้ออกมาตามฉันวันนั้น”

พลันที่ประโยคนั้นจบ บรรยากาศรื่นเริงเมื่อครู่ เงียบสนิทไปทันตา มีเพียงเสียงคลื่นที่สาดกระเซ็นมาโดนคนทั้งคู่ และเสียงลมหวีดหวิวที่ไม่ทำให้มันอึมครึมเกินไปนัก

ทว่าความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงใสๆ ของคนตัวเล็ก “ไปดีกว่า เดี๋ยวพี่ปุ่นเป็นห่วง”

จบประโยค แขนแข็งแรงของทินกรก็คว้าหมับเข้าที่เอวจนร่างบางเซล้มลงมาซบอกล่ำ ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ให้ผมไปก่อน เดี๋ยวคุณค่อยไป คนอื่นเห็นจะเข้าใจผิด” พูดจบเขาก็ลุกออกไปทันที ไม่หันมาแยแสคนข้างหลังอีกว่าจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาอย่างไร

เธอคงจะไม่รู้เลยสักนิดว่าคำพูดแต่ละคำที่เอ่ยออกมาทำให้เขาต้องกลั้นใจและกำหมัดแน่นแค่ไหนกับการไม่แสดงอาการใดๆ ออกไปให้เจ้าตัวเก็บมาล้อเลียน ไม่อยากให้เธอเห็นมันเป็นเรื่องตลกน่าขบขัน

อะไรๆ ก็พี่ปุ่น ทีกับเขานี่ไม่มีความเคารพกันสักนิดด้วยซ้ำ




การถ่ายทำทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งถึงวันเดินทางกลับ ทีมงานทุกคนเก็บข้าวของขึ้นรถกันเรียบร้อย ธรายืนมองไปยังหาดทรายและน้ำทะเลเบื้องหน้าที่แสนวิจิตรนัก สัญญากับตัวเองไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าหากเธอกลับไปในยุคปัจจุบันเมื่อไหร่ เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีกครั้งเพื่อดูว่าอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว

มาในฐานะนักเขียนของสำนักพิมพ์อันนารักษ์ มิใช่ทีมงานในกองถ่ายละคร หรือลูกหนี้ของดาราดัง

ปารวัตรเรียกรวมทุกคนอีกครั้ง ก่อนบอกกล่าวปิดการถ่ายทำที่ภาคใต้ “ขอบคุณทุกคนมากครับสำหรับสามวันที่ผ่านมา ทำงานกันเหนื่อยมากแล้ว ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ นักแสดงคนไหนอยากลงกลางทาง แจ้งคนขับรถเลยนะครับ”

เขาเดินแยกจากกลุ่มคนออกมาเพื่อจัดของและอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ยังเหลืออยู่ ธรายืนมองเขาอยู่สักพัก ก่อนเดินเข้าไปทักทายด้วยความกริ่งเกรงนัก

ก็จะมิให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อวันนี้เขายังไม่ได้พูดคุยกับเธอเลยสักคำ

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะพี่ปุ่น”

เขาหันมายิ้มบางๆ ให้เธอก่อนบอก “ไม่เป็นไรหรอก ตรงนี้นิดเดียวเอง รอเวลารถออกดีกว่า”

“แล้ว...ชลกลับกับพี่ปุ่นหรือเปล่าคะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาที่มองกลับมานิ่งๆ

เธอคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ที่รู้สึกว่าตั้งแต่เมื่อวาน ปารวัตรแปลกไป กลายเป็นหนุ่มพูดน้อย ไม่ชวนคุยและเอาอกเอาใจเธอเหมือนเคย

“ใช่สิ หรือว่าชลอยากกลับกับคนอื่น” ...คนอื่นที่เป็นถึงพระเอกชื่อดังของช่อง เป็นคนที่ผู้หญิงมากมายใฝ่ฝันถึง

...และผู้หญิงพวกนั้นรวมเธออยู่ด้วยไหมชล

“ไม่นะคะ กลับกับพี่ดีแล้ว พี่ปุ่นพูดเก่งดี ชลชอบคุยด้วยค่ะ” ชายหนุ่มสบตาเจ้าของรอยยิ้มนั้นแล้วก็อดอุ่นใจไม่ได้ มือหนายีหัวแม่ตัวเล็กจนผมยุ่งแล้วบอก

“ไปกันเถอะ กลับเลยดีกว่า” ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าความรู้สึกบางอย่างมันจะทักท้วงเขาอยู่ขณะนี้ก็ตาม โดยอีกใจหนึ่งเขาก็บอกตัวเองด้วยเช่นกันว่าหากสงสัยอะไรควรถามตรงๆ เลยดีกว่า แต่หากจะถามเวลานี้คงยังไม่เหมาะนัก รอให้เขามั่นใจอะไรบางอย่างเสียก่อน เขาอาจกำลังเข้าใจผิดไปเองก็ได้

แต่ก่อนที่หนุ่มสาวจะเดินไปขึ้นรถของตัวเองนั้น ทินกรก็เดินเข้ามาขวางไว้เสียก่อน พระเอกหนุ่มถือวิสาสะจับต้นแขนธรา ก่อนจะหันมาบอกปารวัตร

“ขอโทษนะครับคุณปารวัตร ขอพูดกับทีมงานลูกหนี้คุณสักครู่นะ” ดูเหมือนว่าประโยคของทินกรจะไม่ต้องการคำตอบ เพราะเมื่อพูดจบเขาก็กระชากแขนธราออกไปจากตรงนั้นทันที ท่ามกลางความสงสัยระคนขุ่นเคืองใจของอัจฉราและปารวัตร

“อะไรกันคุณ เดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยหรอก” หญิงสาวปรามเขาพลางหันมองรอบข้างเลิ่กลั่ก

“นั่นมันหน้าที่ของคุณที่จะต้องแก้ตัวเอาเอง แต่ผมจะมาบอกว่า ผมฝากเจ้าตูบไว้ที่ป้าแม่บ้านข้างล่างให้เลี้ยงแทนในช่วงที่เรามาที่นี่ คุณช่วยไปเอามันมาหน่อย แล้วเดี๋ยวผมไปเอาที่ห้องคุณ ผมจะแวะไปส่งฟ้าก่อน” ยังไม่ทันจะตอบตกลงใดๆ ทั้งสิ้น ชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับไปขึ้นรถคันหรูของตัวเองอย่างเร็ว

“อะไรว้า มาเร็วเคลมเร็วอย่างกับประกัน” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็แค่นี้ก็ดีแล้ว ถือว่าเขาพูดจาดีกับเธอมากแล้วนับแต่ได้พบเจอกันมา

“มีอะไรหรือเปล่าชล คุณทินกรเขาว่าอะไรหรือเปล่า”

“อะ...เอ่อ...เปล่าหรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะพี่ปุ่น เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพค่ำ”

ธราเดินไปรอที่รถแล้ว มีเพียงปารวัตรที่ยังมองตามด้วยความรู้สึกสั่นไหว หรือที่เขาบอกตัวเองว่าอาจจะคิดมากไปนั้น จริงๆ แล้วเขาคิดน้อยเกินไปด้วยซ้ำ

สองคนนี้สนิทกันแค่ไหน เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน


_____________________________________________________________________________________

ขอโทษที่มาช้านะคะ (มากด้วย) T^T ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่จะมาให้บ่อยขึ้นน้าา สำหรับคนที่ลืมตอนก่อนไปแล้ว ก็ย้อนกลับไปอ่านสักตอนนึงก็ได้เนาะ เดี๋ยวลืม แหะๆ ตอนนี้แต่งไปได้ไกลแล้วนะคะ กำลังจะทำเล่มมม รบกวนอุดหนุนเก๊าหน่อยยย ><

และก็ ฝากเพจด้วยนะคะ

เพจ : เอวาลิน - นักเขียน

ขอบคุณค่า



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2559, 09:05:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2559, 09:05:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 786





<< ตอนที่ 19 ...เป็นห่วง   ตอนที่ 21 ...มือเค็มเป็นบ้าเลย! >>
Zephyr 20 ก.ย. 2559, 11:55:32 น.
นายเป็นพระรองไง พี่ปุ่น
ในชีวิตจริง ไม่ใช่ ผู้กำกับ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account