เธอเป็นดั่ง...ยอดชีวัน ภาคพิเศษ
Tags: หม่อมเจ้า,วัง,แอบรัก
ตอน: ๑ | ช า ย เ ส เ พ ล ๓
เด็กสาววัยสิบหกปีในชุดกระโปรงนักเรียนวิ่งกระหืดกระหอบลงบันไดมาหน้าตาตื่น คนที่วิ่งตามหลังคือหญิงสาวร่างท้วมผู้หนึ่ง
ด้วยก้าวสั้นๆ ทำให้ไม่อาจวิ่งตามคนที่วิ่งนำไปแล้วได้ทัน
“ช้าๆ ค่ะคุณหญิง เดี๋ยวตกบันไดนะคะ”
พยายามปรามนับสิบครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะฟัง เพราะยิ่งซอยเท้าเร็ว จนคนตามต้องหยุดกลางทาง เกาะราวบันไดแล้วหายใจเร็วแรงอย่างหอบเหนื่อย
“มันไม่หายไปไหนหรอกค่ะ คงจะเดินเล่นแถวๆ นี้แหละค่า”
“ถ้ามันวิ่งออกไปนอกถนนล่ะพี่แม้น ป่านนี้ถูกรถชนตายเสียแล้วก็ไม่รู้”
หม่อมราชวงศ์หญิงอินทุอรวิ่งมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เอี้ยวตัวไปมองคนที่ยังหยุดยืนอยู่กลางบันได แล้วส่ายหน้าจนผมกระจาย “รีบตามไปเร็วๆ นะพี่แม้น ช่วยๆ กันหาจะได้เจอเร็วๆ” พูดจบก็วิ่งหน้าตั้งออกจากวัง
หญิงสาวหาเจ้าแมวตัวอ้วนขนสีขาวปกปุยตั้งแต่หน้าประตูใหญ่ ลัดเลาะไปตามริมรั้ว ไปจนถึงสวนหย่อมข้างวัง ถึงขนาดมุดเข้าไปหาในสุมทุมพุ่มไม้ จนเสื้อผ้ายับย่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง และมีเศษหญ้า เศษใบไม้ติดอยู่เป็นหย่อมทั้งบนศีรษะ และบนเสื้อผ้าของหล่อน
ความที่เอาใจจดจ่ออยู่แต่กับเจ้าแมวเหมียวที่เฝ้าดูแลมันมาถึงสองปี ทำให้อินทุอรไม่รู้จนแล้วจนรอดว่า มีใครคนหนึ่งมาหยุดยืนกอดอกมองหล่อนอยู่นานแล้ว ตั้งแต่หล่อนมุดเข้าพุ่มนี้ออกพุ่มนู้น บางทีก็คลานเข่าไปกับพื้นพลางร้องเรียก
“เจ้าปุย...ปุยจ๋า อยู่ไหน ออกมาเร้ว!”
เจ้าปุยคือชื่อแมวของหล่อน
แมว...ที่มีใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากรู้ข่าวว่ากระต่ายตัวที่หล่อนเลี้ยงก่อนหน้านี้ตายไปเพราะโดนรถชน
เปล่าหรอก...ใครคนนั้นไม่ได้มอบของขวัญชิ้นนี้ให้หล่อนด้วยตัวเอง แต่เป็นเพื่อนของหล่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเขาต่างหากที่นำมันมาให้
‘เอ้า...ของขวัญ’
ชายหนุ่มยื่นกรงสีชมพูหวานซึ่งด้านในมีแมวเหมียวขนปุกปุยกำลังทำจมูกฟุดฟิดราวกับได้กลิ่นอันไม่เคยคุ้น
‘หือ...กฤตซื้อให้อินเหรอ’
‘เปล๊า’ ชายหนุ่มซึ่งเป๋นคู่หมั้นคู่หมายของหล่อนมาตั้งแต่วัยเยาว์ไหวไหล่พลางทำเสียงสูง ก่อนจะวางกรงนั้นลงบนโต๊ะตรงหน้าหล่อน ‘คนที่อยู่อังกฤษต่างหากฝากให้เราไปซื้อให้’
คราแรกที่เห็นเจ้าแมวตัวน้อย ใช่ว่าหล่อนไม่ตื่นเต้นดีใจ
แต่วินาทีที่ได้ยินว่าใครกันแน่ที่ตั้งใจจะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้หล่อน หัวใจหล่อนถึงได้เต้นระรัว
‘ใครนะ...อาดนัยน่ะเหรอ?’
‘อื้อ...จดหมายมาหาเราตั้งเดือนที่แล้วว่าให้เตรียมของขวัญให้อินด้วย อาดนัยยุ่งมาก เลยยังไม่มีเวลากลับมา...ก็เหมือนทุกปีแหละ ต้องหาของขวัญให้อินเสมอ ไม่เว้นสักปี อาดนัยนี่จำวันเกิดอินได้ตลอดเลยนะ เราเสียอีกลืมได้ทู้กปี!’
‘โธ่! จะแปลกอะไร เราไม่ใช่บรรดาสาวๆ ของกฤตนี่ กฤตก็เลยไม่ใส่ใจเราน่ะสิ!’
‘ก็นั่นน่ะสิ! ไม่น่าสงสัยเหรอ อาดนัยน่ะสาวๆ ก็เยอะแต่กลับจำวันเกิดอินได้ เราว่า...มันแปลกๆ นา’
คำพูดของกฤตพลทำให้หล่อนเก็บไปคิดอยู่หลายคืน แต่ที่สุดแล้วความที่นับถือเป็นอาหลาน อีกทั้งอาดนัยก็ยังเห็นหล่อนมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หล่อนจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรเกินเลยไปกว่าความเอ็นดู ความเอาใจใส่ และถูกชะตา
อินทุอรบอกกับตัวเองซ้ำๆ เช่นนี้ตลอดมา แต่แม้จะตอกย้ำกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าในบางครั้ง...หล่อนอดหวั่นไหวกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาดนัยทำให้ไม่ได้ แม้แต่ถ้อยคำห่วงใยในจดหมายก็ทำให้หล่อนปลาบปลื้ม ซาบซึ้ง และอารมณ์ดีได้ทั้งวัน
“ปุยจ๋า ออกมาได้แล้ว! เร็วเข้า!”
อินทุอรยังคงตามหาเจ้าปุยต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หล่อนมุดเข้าไปในโพรงพุ่มไม้ที่อยู่ริมกำแพง กวาดตามองหาเจ้าแมวตัวน้อย เมื่อไม่พบก็ถอนใจเฮือกอย่างผิดหวัง แล้วค่อยๆ คลานเข่าถอยออกมา
ตอนที่ลุกขึ้นยืน และก้าวถอยหลังนั้นเอง เท้าของหล่อนพลันเหยียบเข้ากับก้อนหินก้อนหนึ่ง ส่งผลให้เท้าพลิก
“โอ๊ะ!”
หล่อนอุทานเบาๆ เมื่อเซซวนใกล้จะล้ม แต่แล้วอะไรบางอย่าง...บางสิ่งที่แสนอบอุ่นกลับเข้ามารองรับตัวหล่อนไว้
...มันคืออ้อมกอด หญิงสาวบอกตัวเองเมื่อก้มมองลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อสีขาวออกมา
ความล่ำสันและกล้ามเนื้อที่เห็นได้ชัดเจนบอกชัดว่าเป็นแขนของผู้ชาย แต่ของใครกันเล่า?
...ทูลหม่อมพ่อยังไม่กลับวัง กฤตพลก็ไปเที่ยวหัวหินได้สี่ห้าวันแล้ว เช่นนั้นจะเป็นใครไปได้
...ใครกันที่กล้าโอบกอดหล่อนอย่างแนบแน่นเช่นนี้
ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้หล่อนใจเต้นแรง ราชนิกูลสาวรีบหันไปมอง ใจกระตุกวูบเมื่อสานสบสายตากับดวงเนตรอันเคยคุ้นของใครบางคน
“อาดนัย!”
“สาวน้อยของอา” เป็นคำทักทายที่ทำให้หล่อนใจเต้นจนแทบพลัดออกมานอกอก
“ทำอะไรอยู่คะ? เปื้อนไปทั้งตัวแล้ว”
คนที่ใครต่อใครต่างตั้งฉายาให้ว่า ‘ชายเสเพล’ ตรัสถามด้วยสุรเสียงขบขัน ระคนเอื้อเอ็นดู
“หาเจ้าปุยอยู่หรือคะ หานานหรือยัง อาช่วยหาไหม”
อินทุอรไม่ตอบ...ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่หล่อนกำลังตกใจกับการปรากฏกายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของอีกฝ่าย
“อ้าว...พูดไม่ออกเสียแล้ว ตกใจมากหรือคะ”
ระหว่างที่ถาม อ้อมกอดนั้นก็ยังคงอยู่
...จากที่กอดกระชับแน่น เปลี่ยนเป็นกอดหลวมๆ กระนั้นไออุ่นจากเรือนกายใหญ่โตก็ทำให้หล่อนแทบหลอมละลาย
“ไม่ได้กอดหนูอินตั้งนาน...ลืมกอดของอาไปหรือยังคะสาวน้อย”
ลืมงั้นหรือ...จะลืมได้อย่างไร
หล่อนไม่เคยลืมหรอก...ไม่เคยลืมว่าอาดนัยเคยกอด เคยหอมหล่อนอย่างไร
เพียงแต่การกอดในครั้งนั้นกับครั้งนี้ มันไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว!
ด้วยก้าวสั้นๆ ทำให้ไม่อาจวิ่งตามคนที่วิ่งนำไปแล้วได้ทัน
“ช้าๆ ค่ะคุณหญิง เดี๋ยวตกบันไดนะคะ”
พยายามปรามนับสิบครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะฟัง เพราะยิ่งซอยเท้าเร็ว จนคนตามต้องหยุดกลางทาง เกาะราวบันไดแล้วหายใจเร็วแรงอย่างหอบเหนื่อย
“มันไม่หายไปไหนหรอกค่ะ คงจะเดินเล่นแถวๆ นี้แหละค่า”
“ถ้ามันวิ่งออกไปนอกถนนล่ะพี่แม้น ป่านนี้ถูกรถชนตายเสียแล้วก็ไม่รู้”
หม่อมราชวงศ์หญิงอินทุอรวิ่งมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เอี้ยวตัวไปมองคนที่ยังหยุดยืนอยู่กลางบันได แล้วส่ายหน้าจนผมกระจาย “รีบตามไปเร็วๆ นะพี่แม้น ช่วยๆ กันหาจะได้เจอเร็วๆ” พูดจบก็วิ่งหน้าตั้งออกจากวัง
หญิงสาวหาเจ้าแมวตัวอ้วนขนสีขาวปกปุยตั้งแต่หน้าประตูใหญ่ ลัดเลาะไปตามริมรั้ว ไปจนถึงสวนหย่อมข้างวัง ถึงขนาดมุดเข้าไปหาในสุมทุมพุ่มไม้ จนเสื้อผ้ายับย่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง และมีเศษหญ้า เศษใบไม้ติดอยู่เป็นหย่อมทั้งบนศีรษะ และบนเสื้อผ้าของหล่อน
ความที่เอาใจจดจ่ออยู่แต่กับเจ้าแมวเหมียวที่เฝ้าดูแลมันมาถึงสองปี ทำให้อินทุอรไม่รู้จนแล้วจนรอดว่า มีใครคนหนึ่งมาหยุดยืนกอดอกมองหล่อนอยู่นานแล้ว ตั้งแต่หล่อนมุดเข้าพุ่มนี้ออกพุ่มนู้น บางทีก็คลานเข่าไปกับพื้นพลางร้องเรียก
“เจ้าปุย...ปุยจ๋า อยู่ไหน ออกมาเร้ว!”
เจ้าปุยคือชื่อแมวของหล่อน
แมว...ที่มีใครคนหนึ่งซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากรู้ข่าวว่ากระต่ายตัวที่หล่อนเลี้ยงก่อนหน้านี้ตายไปเพราะโดนรถชน
เปล่าหรอก...ใครคนนั้นไม่ได้มอบของขวัญชิ้นนี้ให้หล่อนด้วยตัวเอง แต่เป็นเพื่อนของหล่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเขาต่างหากที่นำมันมาให้
‘เอ้า...ของขวัญ’
ชายหนุ่มยื่นกรงสีชมพูหวานซึ่งด้านในมีแมวเหมียวขนปุกปุยกำลังทำจมูกฟุดฟิดราวกับได้กลิ่นอันไม่เคยคุ้น
‘หือ...กฤตซื้อให้อินเหรอ’
‘เปล๊า’ ชายหนุ่มซึ่งเป๋นคู่หมั้นคู่หมายของหล่อนมาตั้งแต่วัยเยาว์ไหวไหล่พลางทำเสียงสูง ก่อนจะวางกรงนั้นลงบนโต๊ะตรงหน้าหล่อน ‘คนที่อยู่อังกฤษต่างหากฝากให้เราไปซื้อให้’
คราแรกที่เห็นเจ้าแมวตัวน้อย ใช่ว่าหล่อนไม่ตื่นเต้นดีใจ
แต่วินาทีที่ได้ยินว่าใครกันแน่ที่ตั้งใจจะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้หล่อน หัวใจหล่อนถึงได้เต้นระรัว
‘ใครนะ...อาดนัยน่ะเหรอ?’
‘อื้อ...จดหมายมาหาเราตั้งเดือนที่แล้วว่าให้เตรียมของขวัญให้อินด้วย อาดนัยยุ่งมาก เลยยังไม่มีเวลากลับมา...ก็เหมือนทุกปีแหละ ต้องหาของขวัญให้อินเสมอ ไม่เว้นสักปี อาดนัยนี่จำวันเกิดอินได้ตลอดเลยนะ เราเสียอีกลืมได้ทู้กปี!’
‘โธ่! จะแปลกอะไร เราไม่ใช่บรรดาสาวๆ ของกฤตนี่ กฤตก็เลยไม่ใส่ใจเราน่ะสิ!’
‘ก็นั่นน่ะสิ! ไม่น่าสงสัยเหรอ อาดนัยน่ะสาวๆ ก็เยอะแต่กลับจำวันเกิดอินได้ เราว่า...มันแปลกๆ นา’
คำพูดของกฤตพลทำให้หล่อนเก็บไปคิดอยู่หลายคืน แต่ที่สุดแล้วความที่นับถือเป็นอาหลาน อีกทั้งอาดนัยก็ยังเห็นหล่อนมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หล่อนจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรเกินเลยไปกว่าความเอ็นดู ความเอาใจใส่ และถูกชะตา
อินทุอรบอกกับตัวเองซ้ำๆ เช่นนี้ตลอดมา แต่แม้จะตอกย้ำกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าในบางครั้ง...หล่อนอดหวั่นไหวกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาดนัยทำให้ไม่ได้ แม้แต่ถ้อยคำห่วงใยในจดหมายก็ทำให้หล่อนปลาบปลื้ม ซาบซึ้ง และอารมณ์ดีได้ทั้งวัน
“ปุยจ๋า ออกมาได้แล้ว! เร็วเข้า!”
อินทุอรยังคงตามหาเจ้าปุยต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หล่อนมุดเข้าไปในโพรงพุ่มไม้ที่อยู่ริมกำแพง กวาดตามองหาเจ้าแมวตัวน้อย เมื่อไม่พบก็ถอนใจเฮือกอย่างผิดหวัง แล้วค่อยๆ คลานเข่าถอยออกมา
ตอนที่ลุกขึ้นยืน และก้าวถอยหลังนั้นเอง เท้าของหล่อนพลันเหยียบเข้ากับก้อนหินก้อนหนึ่ง ส่งผลให้เท้าพลิก
“โอ๊ะ!”
หล่อนอุทานเบาๆ เมื่อเซซวนใกล้จะล้ม แต่แล้วอะไรบางอย่าง...บางสิ่งที่แสนอบอุ่นกลับเข้ามารองรับตัวหล่อนไว้
...มันคืออ้อมกอด หญิงสาวบอกตัวเองเมื่อก้มมองลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อสีขาวออกมา
ความล่ำสันและกล้ามเนื้อที่เห็นได้ชัดเจนบอกชัดว่าเป็นแขนของผู้ชาย แต่ของใครกันเล่า?
...ทูลหม่อมพ่อยังไม่กลับวัง กฤตพลก็ไปเที่ยวหัวหินได้สี่ห้าวันแล้ว เช่นนั้นจะเป็นใครไปได้
...ใครกันที่กล้าโอบกอดหล่อนอย่างแนบแน่นเช่นนี้
ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้หล่อนใจเต้นแรง ราชนิกูลสาวรีบหันไปมอง ใจกระตุกวูบเมื่อสานสบสายตากับดวงเนตรอันเคยคุ้นของใครบางคน
“อาดนัย!”
“สาวน้อยของอา” เป็นคำทักทายที่ทำให้หล่อนใจเต้นจนแทบพลัดออกมานอกอก
“ทำอะไรอยู่คะ? เปื้อนไปทั้งตัวแล้ว”
คนที่ใครต่อใครต่างตั้งฉายาให้ว่า ‘ชายเสเพล’ ตรัสถามด้วยสุรเสียงขบขัน ระคนเอื้อเอ็นดู
“หาเจ้าปุยอยู่หรือคะ หานานหรือยัง อาช่วยหาไหม”
อินทุอรไม่ตอบ...ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่หล่อนกำลังตกใจกับการปรากฏกายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของอีกฝ่าย
“อ้าว...พูดไม่ออกเสียแล้ว ตกใจมากหรือคะ”
ระหว่างที่ถาม อ้อมกอดนั้นก็ยังคงอยู่
...จากที่กอดกระชับแน่น เปลี่ยนเป็นกอดหลวมๆ กระนั้นไออุ่นจากเรือนกายใหญ่โตก็ทำให้หล่อนแทบหลอมละลาย
“ไม่ได้กอดหนูอินตั้งนาน...ลืมกอดของอาไปหรือยังคะสาวน้อย”
ลืมงั้นหรือ...จะลืมได้อย่างไร
หล่อนไม่เคยลืมหรอก...ไม่เคยลืมว่าอาดนัยเคยกอด เคยหอมหล่อนอย่างไร
เพียงแต่การกอดในครั้งนั้นกับครั้งนี้ มันไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2559, 16:03:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2559, 16:03:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1513
<< ๑ | ช า ย เ ส เ พ ล ๒ | ๒ | เ สี ย ง ข อ ง หั ว ใ จ >> |

แว่นใส 12 ส.ค. 2559, 18:02:35 น.
ความรู้สึกเปลี่ยนยัง
ความรู้สึกเปลี่ยนยัง
