โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๒.๒ - จุดเริ่มต้นของกับดัก

พนมกรเอนกายพิงพนักโซฟาบุหนังสีดำ มือข้างหนึ่งโยนหนังสือพิมพ์ที่อ่านจบแล้วลงบนโต๊ะ สองตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกสูงจดเพดาน ผ้าม่านสีขาวถูกรวบไว้ด้านหนึ่ง เปิดให้แสงตะวันสาดส่องเข้ามาภายใน ทิวทัศน์เบื้องนอกคือภาพที่เขาเห็นจนชินตา สองปีมาแล้วหลังจากขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเอสพีกรุ๊ปแทนผู้เป็นบิดาซึ่งลาจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เขามักจะยืนชมวิวตรงหน้าต่างมองภาพตึกรามบ้านช่องซึ่งแออัดยัดเยียดอยู่ท่ามกลางอาคารสูงสิบกว่าชั้น บางอาคารเรียกว่าสูงเสียดฟ้าก็คงได้ เขาอยากจะขึ้นไปสูงแบบนั้น หรือกว่านั้น...บนจุดสูงสุดที่สูงกว่าใครอื่น

เขาทะเยอะทะยานมากเกินไปหรือเปล่า?

เคยถามตัวเองเช่นนั้น แต่คำตอบที่ได้รับก็มีเพียงคำเดียวทุกครั้งไป...ไม่!

มันไม่ใช่ความทะเยอทะยานหรอก เพราะเขามั่นใจว่าเขามีความสามารถมากพอ!

ชายหนุ่มเบือนสายตามามองหนังสือพิมพ์ที่พับอย่างเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ กระนั้นก็ยังจำรูปภาพและข้อความประกอบด้านข้างซึ่งอยู่จัดวางอยู่ด้านล่างของหน้าสังคมได้

‘นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง พนมกร สุริยไพศาล กับลูกสาวคนเล็กของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ดูท่าจะปิ๊งปั๊งกันเสียแล้ว งานนี้ต้องตามดูกันต่อไปว่าสองครอบครัวจะพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นหลอมรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันหรือไม่’

เนื้อความไม่ต่างอะไรจากที่เขาคิดไว้...ก็จะแปลกอะไร ในเมื่อข่าวนี้เขาส่งคนไป...จะพูดว่าอะไรดีละ ‘พูดกรอกหู’ ‘จุดประกาย’ ‘จุดความสนใจ’ ‘โน้มน้าว’ ‘หลอกล่อ’ หรือ ‘สะกดจิต’ นักข่าวของหนังสือพิมพ์ทั้งสามฉบับเอง แค่พูดเปรยๆว่า

‘สองคนนี้เหมาะสมกันดีนะ’

‘ฉันเห็นคุณพนมกรจ้องคุณสายรุ้งตาไม่กะพริบเลย สงสัยจะปิ๊งเสียแล้วมั้ง’

‘มองกันซะตาหวานเยิ้มแบบนี้ สงสัยจะได้คู่รักคู่ใหม่เร็วๆนี้แล้วแหละ’

พร่ำพูดไปครั้งแล้วครั้งเล่า จากความไม่สนใจก็จะกลายเป็นสนใจอย่างง่ายดาย

แล้วเป็นอย่างไรเล่า...ข่าวปิ๊งปั๊งระหว่างเขากับเธอถูกจัดลงในหน้าสังคมจนได้ แม้จะรูปเล็กและอยู่ล่างสุด เสี่ยงต่อการถูกละเลย แต่เขารับรองได้ว่าครอบครัวนาฏยรัตน์ต้องมองเห็นมันอย่างแน่นอน!

พนมกรพรูลมออกจากปาก ยกมุมปากข้างหนึ่งเป็นรอยยิ้ม ก่อนมันจะคลี่ออกกว้างขึ้นทีละน้อยๆ สองตาซึ่งแลจับเพดานมีรอยเต้นระริกแบบที่มีคนสนิทเพียงคนเดียวรู้ว่าผู้เป็นนายกำลัง ‘สนุก’ และ ‘สมหวัง’

“ปก...” หันไปเรียกคนที่ยืนสำรวมอยู่ทางด้านหลัง เขาเป็นชายหนุ่มร่างบึกบึนสมชื่อ...ปกป้อง ผิวค่อนข้างคล้ำ สวมชุดสูทสีดำสนิทเหมือนบอดี้การ์ดที่เห็นตามละครหรือภาพยนตร์สักเรื่อง ผมตัดสั้นแทบจะติดหนังศีรษะ แต่ไม่ได้ทำให้เขาดูแย่ ตรงกันข้ามกลับหล่อเหลาไม่น้อย ยิ่งตอนสวมแว่นกันแดดด้วยแล้ว สาวๆมักจะเหลียวหลังมองตามหลังด้วยซ้ำไป

“หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะให้ฉันหน่อย” ชี้นิ้วไปยังไอโฟนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานดำมะเมื่อม จากนั้นก็จิบกาแฟรอ ดื่มไปได้สองอึก โทรศัพท์ของเขาก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ชายหนุ่มฉวยมันขึ้นมากดหาเบอร์โทร.ที่บันทึกไว้ตั้งแต่เดือนก่อน

ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะหาเบอร์โทร.ของใครสักคน แม้คนคนนั้นจะยังไม่เคยรู้จักกันก็ตาม

พอกดโทร.ออก และรอเสียงสัญญาณอยู่ครู่หนึ่ง ทางปลายสายก็กดรับ เธอส่งเสียงใสๆมาตามสาย เล็กแหลมกว่าเสียงจริง แต่ก็ยังฟังไพเราะอยู่เหมือนเดิม

“สวัสดีค่ะ สายรุ้งพูดค่ะ”

ไม่รู้เพราะเสียงของเธอ หรือชื่อของเธอ จึงทำให้เขาฉีกยิ้มกว้าง

“สวัสดีครับ คุณรุ้ง จำผมได้รึเปล่าครับ” เขาหยอกล้อเธอเล็กน้อย หมายจะสร้างความสนิทสนมให้มากขึ้น รอให้อีกฝ่ายอึกอักอยู่ชั่วขณะหนึ่งจึงเฉลย “พนมกรไงครับ จำได้รึเปล่า”

“คุณกรเหรอคะ! จำได้สิคะ คุณเป็นคนช่วยรุ้งไว้เมื่อวานทำไมรุ้งจะจำไม่ได้ล่ะคะ แต่เอ๊ะ...คุณรู้เบอร์โทร.ของรุ้งได้ยังไงคะเนี่ย”

“ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมกลุ้มใจมาก เลยต้องถามเบอร์คุณจากเพื่อนของคุณ”

“กลุ้มใจเหรอคะ?”

“เรื่องข่าวไงครับ คุณเห็นรึยัง” ทางปลายสายเงียบไปอึดใจ ชวนให้เขากระวนกระวายแปลกๆ ต่อเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมา พนมกรจึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

“เห็นแล้วค่ะ ก็แค่ข่าวซุบซิบนินทาเท่านั้นเองค่ะ รุ้งไม่สนใจหรอก”

“แต่ผมไม่สบายใจเลย” ชายหนุ่มขยับกายนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าศอกกับต้นขาของตัวเอง “อยากคุยกับคุณสักหน่อย...ได้ไหมครับ”

“ได้สิคะ พูดมาเลยค่ะ” น้ำเสียงของเธอยังร่าเริง ดูจะไม่ยี่หระกับข่าวซุบซิบนินทานั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“พูดตรงนี้ไม่สะดวก ออกมาเจอผมหน่อยได้ไหมครับ”

พนมกรกลั้นใจรอคอย กระทั่งได้รับคำตอบ เขาจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ตอนนี้คุณอยู่ที่บ้าน หรือที่มหาวิทยาลัย ว่างกี่โมงครับ ผมจะได้ไปรับ”

“คือรุ้งออกมาเที่ยวกับเพื่อนน่ะค่ะ”

“ที่ไหนครับ”

พนมกรเงี่ยหูฟังคำตอบอย่างตั้งใจ เมื่อได้ที่นัดหมายเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยลาและต่างคนก็ต่างกดวาง

เขาโยนไอโฟนลงบนโต๊ะ เม้มปากน้อยๆขณะครุ่นคิด สายรุ้งเฉยชากับเขาเกินไป หนำซ้ำยังไม่หลงเสน่ห์ ไม่สิ...ไม่สนใจเขาเลยสักนิด หัวใจเธอทำด้วยอะไรหนอ? หากเป็นผู้หญิงคนอื่น ถ้าไม่กระโจนเข้ามาเขาเลย ก็มักจะแสดงอาการขวยเขินหรือประหม่าออกมาบ้าง แต่เธอกลับ...

ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วยักไหล่ ผุดลุกขึ้นยืน ติดกระดุมเสื้อสูทเรียบร้อย จึงก้มดูเวลา พบว่าอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด...นานเกินไปสำหรับคนใจร้อนอย่างเขา

“ไปส่งฉันหน่อย”

หันไปพูดกับปกป้อง...คนสนิทที่ทำงานด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว

“ส่งที่ไหนครับนาย”

ผู้เป็นนายกระแอมกระไอเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาจัดข้อเสื้อกับเนกไทของตัวเอง แล้วก้าวอาดๆออกจากห้องก่อนส่งเสียงตามหลังมาว่า

“ดรีมเวิลด์!”



ประธานบริษัทเอสพีกรุ๊ปก้าวลงจากรถด้วยความรู้สึกขัดๆเขินๆ เหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างไรไม่รู้

ดรีมเวิลด์!...เธอนัดเขาที่นี่เนี่ยนะ! คิดได้ยังไง!

ชายหนุ่มรำพันอยู่ในใจขณะเหลียวซ้ายแลขวาราวกับสถานที่นี้เป็นดินแดนอันแปลกประหลาด ก่อนจะปิดประตู เขาก้มลงสั่งความกับปกป้องว่า

“แกจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เสร็จธุระเมื่อไรฉันจะโทร.หา”

“ครับนาย”

พูดจบก็ขับรถจากไป ทิ้งให้พนมกรรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้งให้เดียวดายอยู่เพียงลำพังอย่างน่าขัน ชายหนุ่มยืนหันรีหันขวาง หมุนตัวไปมาราวกับไม่รู้จะทำอะไรเป็นอันดับแรก พอเห็นครอบครัวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาก็รีบเดินตามไปห่างๆ เห็นพวกเขาเหล่านั้นขึ้นรถสองโดยสารรับ-ส่งนักท่องเที่ยงก็ตามขึ้นไป นั่งชั้นบนแถวท้ายสุดของตัวรถ ระหว่างทางก็ก้มมองตัวเอง สลับกับมองคนอื่น รู้สึกจะแต่งตัวเป็นทางการมากไปจึงคลายเนกไท ถอดเสื้อสูทออกมาวางพาดบนตัก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ด สุดท้ายก็ปลดกระดุมตรงปลายแขนแล้วพับมันขึ้นมาจนถึงข้อศอก

เอาวะ! คิดจะจีบเด็ก ก็ต้องทำตัวเด็กหน่อยละวะ!

บอกตัวเองเสร็จสรรพก็ถอนหายใจเฮือก คิดไม่ตกว่าถ้าพนักงานในบริษัท สาวๆ หรือคนรู้จักของเขามาเห็นเขาในสภาพนี้จะตกตะลึง ช็อค หรือจะเก็บไปหัวเราะเยาะและนินทาเขาในภายหลังกันแน่

ประธานบริษัทเอสพีกรุ๊ปวัยสามสิบสามปีเลือกสถานที่เดทได้น่าทึ่งมาก...ดรีมเวิลด์! สถานที่ยอดนิยมที่คู่รักวัยรุ่น และเด็กๆต่างโปรดปราน!

ถ้านักข่าวบังเอิญมาเห็นแล้วลงข่าวแบบนี้ล่ะ ภาพพจน์เขาจะป่นปี้ขนาดไหน?!

คิดพลางถอนหายใจพลาง จนรถโดยสารหยุดตรงหน้าห้องจำหน่ายบัตร พนมกรลุกขึ้นยืน คว้าสูทพาดบ่าแล้วเดินครอบครัวกลุ่มนั้นลงไป ต่อคิวซื้อบัตรเรียบร้อยก็ยืนคว้าง อย่างไม่รู้จะไปไหนดี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยืนรอให้สายรุ้งโทร.มานัดว่าจะไปเจอกันที่ไหนอยู่ตรงนั้นเอง สูทที่พาดบ่าเขาก็เปลี่ยนมาถือไว้ในมือซ้ายแทน

แดดร้อนอบอ้าวทำให้เขาอยากจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเสียให้รู้แล้วรู้รอด รอประมาณครึ่งชั่วโมงก็ทนไม่ไหว หยิบไอโฟนในกระเป๋าขึ้นมา มีข้อความเข้าแต่เป็นโฆษณาอะไรสักอย่าง ไม่ทันได้อ่านเขาก็ลบทิ้งในทันที จากนั้นจึงโทร.หาเธอ เพียงไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“ผมมารออยู่ที่ดรีมเวิลด์แล้วนะครับ” สายรุ้งยังไม่ทันพูดฮัลโหล เขาก็รีบรายงาน “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน มาถึงรึยังครับ”

“อีกตั้งครึ่งชั่วโมงนี่คะ”

“ผมชอบมาก่อนเวลาน่ะครับ แต่คุณไม่ต้องรีบหรอกนะ ผมรอได้”

“รุ้งอยู่ที่นี่แล้วค่ะ” ประโยคนั้นทำให้พนมกรทำหน้าเหวอ อ้าปากค้างไปเลยทีเดียว

“อ้าว เหรอครับ คุณอยู่ที่ไหนครับ ผมจะไปหา”

“ทานข้าวกับเพื่อนๆอยู่ค่ะ คุณอยู่ตรงไหนคะ เดี๋ยวรุ้งไปหาเอง”

คนถูกถามคิดคำนวณผลได้ผลเสียดูแล้ว หากเขาให้เธอมารับก็จะเป็นการแสดงความไม่เป็นสุภาพบุรุษและทำให้คะแนนความนิยมลดลงเสียเปล่าๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เขาเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวตอนเปิดใหม่ และตอนนั้นเขาอายุยังไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำไป ถ้าเดินตามหาเธออย่างสะเปะสะปะเช่นนี้คงไม่ดีแน่ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจ

“รบกวนด้วยนะครับ ผมไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ขืนเดินไปหาคุณเองอีกครึ่งชั่วโมงจะหาเจอรึเปล่าก็ไม่รู้”

สายรุ้งรับคำก่อนวางสายไป ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มและไอศกรีมโคนรสวนิลาในมือ

“ไปค่ะ เข้าไปข้างใน หาที่นั่งคุยกันก่อน” เธอสวมชุดนักศึกษา...เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกระโปรงพลีท สะพายกระเป๋าใบใหญ่ และสวมรองเท้าผ้าใบ ดูเด็ก สดใส และเหมือนจะแก่นแก้วไม่น้อย

ยามอยู่ต่อหน้าบิดาเธอคงจะเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ แต่อยู่กับเพื่อนๆเธอก็น่าจะเป็นเด็กซนอยู่เหมือนกัน

“แล้วเพื่อนๆคุณล่ะ”

“กลับไปแล้วค่ะ”

“อ้าว...เป็นเพราะผมรึเปล่าครับ”

เธอสั่นศีรษะจนผมกระจาย เมื่อคืนผมเธอยังยาวตรงอยู่เลย มาวันนี้เขาจึงได้เห็นว่ามันหยักศกนิดๆจึงดูฟูฟ่องกว่าปกติเล็กน้อย

“เปล่าหรอกค่ะ ก่อนคุณโทร.หารุ้ง เพื่อนๆรุ้งกำลังจะกลับพอดีค่ะ”

เขารับคำในลำคอขณะเดินตามเธอเข้าไปด้านใน จุดหมายปลายทางนั้นก็แล้วแต่ว่าเธอจะพาไป

“คุณกรมีเรื่องอะไรจะคุยกับรุ้งเหรอคะ”

“หาที่นั่งก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

“คุณทานอะไรมารึยังคะ” สายรุ้งหยุดเดินอย่างกะทันหัน และหมุนตัวหันมามองเขา พนมกรไม่ทันระวัง ขนเธอเข้าอย่างจังจนทำให้ไอศกรีมในมือเธอทิ่มใส่ปากของเธอเต็มแรง

หญิงสายหลับตาปี๋ ส่งเสียงครางอ๋อย...เสียงเธอเล็กราวกับเสียงแมว ทั้งน่าเอ็นดู และน่าขันในเวลาเดียวกัน

“ขอโทษครับ! ขอโทษ!” เขารีบดึงมือเธอลง และคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดรอยเปื้อนที่เลยไปจนเกือบถึงแก้มให้อย่างรีบร้อน “ผมเดินไม่ระวังเอง ขอโทษครับ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ รุ้งหยุดกะทันหันเอง” เอ่ยพลางปรือตาขึ้นมอง เห็นผ้าเช็ดหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปหมดก็รีบยื้อยุดมือเขาไว้ “ไม่ต้องแล้วค่ะ ใช้ทิชชู่ดีกว่า” จากนั้นก็ล้วงหยิบทิชชู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาเช็ดอย่างลวกๆ เสร็จแล้วก็คว้าผ้าเช็ดหน้าของเขาไว้ พับเก็บในกระเป๋าเล็กๆข้างกระเป๋า รูดซิปเก็บมิดชิด

“ผ้าเช็ดหน้าคุณเปื้อนแล้ว เดี๋ยวรุ้งเอาไปซักให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เปื้อนนิดหน่อยเอง”

สายรุ้งทำเป็นไม่ได้ยิน เธอกวาดตามองหาถังขยะ เมื่อพบก็ตรงรี่เข้าไปทิ้งทิชชู่ในมือ ส่วนไอศกรีมโคนนั้นเธอก็เอามาทานต่ออย่างนึกเสียดาย พนมกรเดินตามมา เห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

“ผมซื้อไอติมให้ใหม่ไหม”

เจ้าตัวเคี้ยวหมุบหมับๆจนหมด จึงหันมาส่ายหน้า ยิ้มให้เขาจนตายิบหยี

“ไม่ต้องหรอกค่ะ รุ้งอิ่มแล้ว”

ว่าพลางลูบท้องตนเองไปมา...เป็นอากัปกิริยาที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำต่อหน้าเขามาก่อน พนมกรจึงมองด้วยแววตาเต้นระริก ทั้งขบขันและ...จะเรียกว่าประทับใจก็คงได้

“ปากคุณเปื้อนน่ะ” ใช่แค่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือมาบรรจงเช็ดให้อย่างไม่รังเกียจ นิ้วโป้งของเขาไล้ไปมาตรงมุมปากด้านขวาอย่างแผ่วเบา ชวนให้สายรุ้งใจสั่น ริมฝีปากอิ่มเต็มเผยอเล็กน้อย เพื่อจะบอกเขาว่ายังมีทิชชู่อยู่ในกระเป๋า แต่เสียงของเธอกลับกลืนหายลงไปในลำคอ ทันทีที่นิ้วของเขาสัมผัสกับปากของเธอ

เขามองริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นด้วยความรู้สึก...อยากลิ้มลอง

มันคงทั้งนุ่ม ทั้งหวาน...จนอาจจะทำให้เขาหลงลืมตัวเอง

บ้าจริง! เขาก่นด่าตัวเองเมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้า

ดวงตาอันตื่นตระหนก และอาการหลบเลี่ยงสายตานั้นทำให้เขาใจหายวูบ

หากเธอเกิดกลัวหรือเกลียดเขาขึ้นมา เขาจะทำอย่างไรเล่า!

“รุ้ง” เอื้อนเอ่ยออกมาได้คำเดียว เธอก็หมุนตัว เดินจ้ำอ้าวนำหน้าเขาไปเสียแล้ว พนมกรแทบอยากจะตบดวงตาทั้งสองข้างของตัวเอง ก็เพราะไอ้สายตา ‘หื่นๆ’ คู่นี้แหละที่มันทำให้เธอเกิดกลัวเขาขึ้นมาจนได้!







ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2559, 07:06:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2559, 07:06:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1208





<< บทที่ ๒.๑ - จุดเริ่มต้นของกับดัก   บทที่ ๓.๑ - เดตแรก >>
Zephyr 1 ก.ย. 2559, 22:40:18 น.
พี่กรเก็บอาการหน่อย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account