ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน
ตอน: 16 พบกันอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นโพไซดอนตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อรีบจัดการทำงานตามคำสั่งของแมกซิมอสให้เสร็จทันเวลา แม้จะมีเมดาสที่แอบใช้พลังเทพที่ตนมีเข้าครองร่างของคนงานฟาร์มม้าคนหนึ่ง ให้มาช่วยทำงานก็ตามที แต่กว่างานจะเสร็จเหงื่อก็โทรมกายเทพแห่งท้องทะเล ชายหนุ่มรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและขับรถไปรับแขกของเอสโตรที่ท่าเรืออย่างรวดเร็วโดยที่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า
เมื่อมาถึงท่าเรือชายหนุ่มก็จัดการจอดรถแล้วรีบเดินลงไปรอที่ท่า เพราะเห็นว่าเรือเฟอร์รี่ลำโตเข้าจอดเทียบท่าแล้ว และนักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยเดินออกมาจากเรือ คีรีลไม่ลืมที่จะหยิบกระดาษเขียนชื่อแขกติดมือมาด้วย เขาเหลือบมองไปที่ป้ายเพื่ออ่านชื่อนั้นก่อนจะพบว่ามันออกเสียงยาก และมั่นใจว่าไม่ใช่ชื่อของชาวตะวันตกหรือชาวอเมริกันแน่นอน จึงเลือกที่จะชูป้ายสูงๆ เมื่อบวกเข้ากับความสูงอันโดดเด่นและร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามของตน ก็ทำให้ป้ายชื่อนั้นมองเห็นได้เด่นชัดกว่าป้ายชื่อที่คนอื่นๆ ถือมาคอยรับนักท่องเที่ยว
ครู่หนึ่งประสาทสัมผัสของเขาก็สัมผัสได้กับลมหายใจแห่งท้องทะเลลึก มันเป็นความรู้สึกที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเมื่อไม่นานมานี้ และทันทีที่ร่างกายรับรู้ได้ สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างเพรียวสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่แม้เธอจะสวมแว่นกันแดดอันโตปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง รวมถึงหมวกแก็ปที่ปีกของมันก็ปิดหน้าเธอไปบางส่วน ทว่าเขากลับแยกเธอออกจากนักท่องเที่ยวนับร้อยคนได้ทันที
เธอคือผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อไม่นานมานี้ที่เกาะซานโตรินี และทำให้เขายังสงสัยถึงความเป็นมาเป็นไปจนถึงทุกวันนี้ เพราะแม้จะให้เมดาสไปสืบหาแต่กลับไม่พบข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนั้นยังคงเป็นปริศนา จนกระทั่งได้เห็นเธออีกครั้งในวันนี้ และโชคดีเหมือนจะมาสองชั้นเมื่อหญิงสาวเดินตรงดิ่งมาที่เขา พร้อมกับเปิดรอยยิ้มกว้างและถอดแว่นกันแดดออก เปิดให้เขาเห็นดวงหน้าสดใส ดวงตาระยิบระยับเหมือนมีหมู่ดาวอยู่ในนั้นยามเธอแย้มยิ้ม
“ฉันแอล กันธิชา ค่ะ คุณคือคนจากรีสอร์ตโอดิสซีใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมขนาดนี้” ในขณะที่ยังยืนอึ้งอยู่นั้น หญิงสาวก็เป็นฝ่ายทักขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงแลเหมือนจะตื่นเต้นที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง
“อา ใช่ครับผมเป็นคนงานของโอดิสซีฟาร์มแอนด์รีสอร์ต” กว่าเทพหนุ่มจะหาเสียงตัวเองเจอและตอบกลับไป ก็ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นและทำหน้าเหมือนจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงไม่ตอบคำถามในทันที
“จำฉันได้หรือเปล่าคะนี่ เราเจอกันที่ท่าเรือซานโตรินีเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนไงคะ”
“อ๋อ จำได้ครับ” เมื่อเขาตอบไปแบบนี้หญิงสาวก็ส่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“โลกกลมจริงๆ นะคะ ดีจริงๆ ที่คุณทำงานที่รีสอร์ตนี้ เห็นว่าที่ฟาร์มกับรีสอร์ตมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำหลายอย่าง คุณคงแนะนำให้ฉันได้นะคะ”
“ยินดีครับ โอดิสซีมีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างครบรูปแบบ” เขาพูดพลางยื่นมือไปรับกระเป๋าเป้จากเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะฉันสะพายเองได้ ใบเล็กแค่นี้เอง ปกติฉันแบกหนักกว่านี้หลายกิโลกรัมค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะกระชับสายสะพายเป้ให้เข้ากับไหล่ของตนเอง
“ให้ผมบริการเถิดครับ เพราะผมเป็นคนงานที่ต้องมาบริการคุณ หากคุณไม่รับการบริการจากผมเกรงว่าผมจะโดนเจ้านายตำหนิได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายค่ะ” หญิงสาวเอียงกายมาข้างหนึ่งเพื่อจะปลดสายสะพายเป้ให้ถนัด แต่มันไม่ง่ายนัก ชายหนุ่มจึงเข้ามาช่วยอีกแรงด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะรับกระเป๋าเป้ของหญิงสาวมาถือไว้เหมือนมันเบาเสียจนกลายเป็นกระเป๋าเปล่ายามอยู่กับเขา
“เชิญตามมาทางนี้ครับ” เทพผู้เป็นใหญ่แห่งน่านน้ำผายมือเชิญให้หญิงสาวก้าวเดินตามมาที่ลานจอดรถ เขากำลังจะบริการเธอด้วยการเปิดประตูให้ แต่หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มสดใสกลับไวกว่า เพราะเธอชิงเปิดประตูก่อนเขาและเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว แถมยังเป็นที่นั่งข้างคนขับเสียด้วย
“คุณไปเก็บกระเป๋าเถอะ”
คีรีลพยักหน้ารับคำสั่งของเธอก่อนจะเดินเอาเป้ไปใส่ไว้ที่ท้ายรถ แล้วเข้ามาทำหน้าที่คนขับซึ่งหญิงสาวนั่งอยู่เคียงข้าง
“ฉันนั่งตรงนี้ไม่ทำให้คุณเสียสมาธิในการขับรถนะคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางเปิดกระจกรถลงแล้วหยิบเอากล้องดิจิตอลแบบโปรขึ้นมาเตรียมถ่ายภาพข้างทางที่รถจะวิ่งผ่าน
“ไม่ครับ ผมเสียอีกที่ต้องถามว่าคุณไม่รังเกียจหรือที่จะมานั่งคู่กับคนงานแบบนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันชอบนั่งข้างหน้าแบบนี้มากกว่าไปนั่งเบาะหลัง เพราะจะถ่ายภาพได้สะดวก รวมถึงฉันสามารถถามข้อมูลการเดินทางแล้วก็เรื่องอื่นๆ จากคุณได้ไงคะ ว่าแต่คุณจะรำคาญไหมถ้าฉันจะบอกให้หยุดรถบางที่ แล้วก็อาจจะถามคุณเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตลอดทาง” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เทพแห่งท้องทะเลรู้สึกแปลกๆ จะว่าคุ้นเคยหรือเคยเห็นมาก่อนก็ไม่เชิงนัก
“คุณอยากให้จอดรถตรงไหนก็บอกนะครับ เรื่องข้อมูลถ้าทราบ ผมก็จะตอบให้ทุกคำถาม” เขาเอ่ยพลางสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับรถออกจากลานจอด
ตลอดทางจากท่าเรือมาจนถึงโอดิสซีฟาร์ม แอนด์ รีสอร์ต ถนนหนทางลักษณะอยู่บนเขาสูง เส้นทางค่อนข้างไปทางโล่งและแล้งเพราะที่เกาะครีตฝนตกน้อย กันธิชาเอ่ยปากให้คีรีลจอดรถอยู่สองสามครั้งเพื่อถ่ายรูป และถามถึงข้อมูลพวกการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะจากเขาด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบคำถามเธอด้วยความเต็มใจ เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ของโอดิสซีฟาร์ม ต้นไม้จะมีมากกว่าทางที่ผ่านมา มองเห็นพื้นที่ส่วนเป็นที่ฟาร์มม้าเด่นมาแต่ไกล ส่วนพื้นที่ของรีสอร์ตนั้นมีอาคารชั้นเดียวปลูกเรียงรายแทรกตัวอยู่ตามหมู่ไม้ มีแปลงผักและผลไม้จำพวกส้มและเบอร์รี่ปลูกอยู่อีกด้านของบ้านพักนักท่องเที่ยว
คีรีลขับรถมาจอดที่อาคารต้อนรับนักท่องเที่ยว ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมรถมาเปิดประตูให้กับกันธิชา ซึ่งหญิงสาวก็นั่งรออยู่ในรถ คงรู้ดีว่าหากไม่ยอมให้เขาบริการชายหนุ่มอาจโดนตำหนิได้ จากนั้นเขาก็ไปหยิบเป้ของหญิงสาวมาสะพายไว้ที่ไหล่แล้วพาเธอเดินเข้าไปในอาคารไม้ผสมปูนชั้นเดียว ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเกาะครีต
เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในอาคารเอสโตรก็ยืนรอต้อนรับอยู่พร้อมรอยยิ้ม
เมื่อมาถึงท่าเรือชายหนุ่มก็จัดการจอดรถแล้วรีบเดินลงไปรอที่ท่า เพราะเห็นว่าเรือเฟอร์รี่ลำโตเข้าจอดเทียบท่าแล้ว และนักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยเดินออกมาจากเรือ คีรีลไม่ลืมที่จะหยิบกระดาษเขียนชื่อแขกติดมือมาด้วย เขาเหลือบมองไปที่ป้ายเพื่ออ่านชื่อนั้นก่อนจะพบว่ามันออกเสียงยาก และมั่นใจว่าไม่ใช่ชื่อของชาวตะวันตกหรือชาวอเมริกันแน่นอน จึงเลือกที่จะชูป้ายสูงๆ เมื่อบวกเข้ากับความสูงอันโดดเด่นและร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามของตน ก็ทำให้ป้ายชื่อนั้นมองเห็นได้เด่นชัดกว่าป้ายชื่อที่คนอื่นๆ ถือมาคอยรับนักท่องเที่ยว
ครู่หนึ่งประสาทสัมผัสของเขาก็สัมผัสได้กับลมหายใจแห่งท้องทะเลลึก มันเป็นความรู้สึกที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเมื่อไม่นานมานี้ และทันทีที่ร่างกายรับรู้ได้ สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างเพรียวสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่แม้เธอจะสวมแว่นกันแดดอันโตปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง รวมถึงหมวกแก็ปที่ปีกของมันก็ปิดหน้าเธอไปบางส่วน ทว่าเขากลับแยกเธอออกจากนักท่องเที่ยวนับร้อยคนได้ทันที
เธอคือผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อไม่นานมานี้ที่เกาะซานโตรินี และทำให้เขายังสงสัยถึงความเป็นมาเป็นไปจนถึงทุกวันนี้ เพราะแม้จะให้เมดาสไปสืบหาแต่กลับไม่พบข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนั้นยังคงเป็นปริศนา จนกระทั่งได้เห็นเธออีกครั้งในวันนี้ และโชคดีเหมือนจะมาสองชั้นเมื่อหญิงสาวเดินตรงดิ่งมาที่เขา พร้อมกับเปิดรอยยิ้มกว้างและถอดแว่นกันแดดออก เปิดให้เขาเห็นดวงหน้าสดใส ดวงตาระยิบระยับเหมือนมีหมู่ดาวอยู่ในนั้นยามเธอแย้มยิ้ม
“ฉันแอล กันธิชา ค่ะ คุณคือคนจากรีสอร์ตโอดิสซีใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมขนาดนี้” ในขณะที่ยังยืนอึ้งอยู่นั้น หญิงสาวก็เป็นฝ่ายทักขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงแลเหมือนจะตื่นเต้นที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง
“อา ใช่ครับผมเป็นคนงานของโอดิสซีฟาร์มแอนด์รีสอร์ต” กว่าเทพหนุ่มจะหาเสียงตัวเองเจอและตอบกลับไป ก็ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นและทำหน้าเหมือนจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงไม่ตอบคำถามในทันที
“จำฉันได้หรือเปล่าคะนี่ เราเจอกันที่ท่าเรือซานโตรินีเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนไงคะ”
“อ๋อ จำได้ครับ” เมื่อเขาตอบไปแบบนี้หญิงสาวก็ส่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“โลกกลมจริงๆ นะคะ ดีจริงๆ ที่คุณทำงานที่รีสอร์ตนี้ เห็นว่าที่ฟาร์มกับรีสอร์ตมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำหลายอย่าง คุณคงแนะนำให้ฉันได้นะคะ”
“ยินดีครับ โอดิสซีมีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างครบรูปแบบ” เขาพูดพลางยื่นมือไปรับกระเป๋าเป้จากเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะฉันสะพายเองได้ ใบเล็กแค่นี้เอง ปกติฉันแบกหนักกว่านี้หลายกิโลกรัมค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะกระชับสายสะพายเป้ให้เข้ากับไหล่ของตนเอง
“ให้ผมบริการเถิดครับ เพราะผมเป็นคนงานที่ต้องมาบริการคุณ หากคุณไม่รับการบริการจากผมเกรงว่าผมจะโดนเจ้านายตำหนิได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายค่ะ” หญิงสาวเอียงกายมาข้างหนึ่งเพื่อจะปลดสายสะพายเป้ให้ถนัด แต่มันไม่ง่ายนัก ชายหนุ่มจึงเข้ามาช่วยอีกแรงด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะรับกระเป๋าเป้ของหญิงสาวมาถือไว้เหมือนมันเบาเสียจนกลายเป็นกระเป๋าเปล่ายามอยู่กับเขา
“เชิญตามมาทางนี้ครับ” เทพผู้เป็นใหญ่แห่งน่านน้ำผายมือเชิญให้หญิงสาวก้าวเดินตามมาที่ลานจอดรถ เขากำลังจะบริการเธอด้วยการเปิดประตูให้ แต่หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มสดใสกลับไวกว่า เพราะเธอชิงเปิดประตูก่อนเขาและเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว แถมยังเป็นที่นั่งข้างคนขับเสียด้วย
“คุณไปเก็บกระเป๋าเถอะ”
คีรีลพยักหน้ารับคำสั่งของเธอก่อนจะเดินเอาเป้ไปใส่ไว้ที่ท้ายรถ แล้วเข้ามาทำหน้าที่คนขับซึ่งหญิงสาวนั่งอยู่เคียงข้าง
“ฉันนั่งตรงนี้ไม่ทำให้คุณเสียสมาธิในการขับรถนะคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางเปิดกระจกรถลงแล้วหยิบเอากล้องดิจิตอลแบบโปรขึ้นมาเตรียมถ่ายภาพข้างทางที่รถจะวิ่งผ่าน
“ไม่ครับ ผมเสียอีกที่ต้องถามว่าคุณไม่รังเกียจหรือที่จะมานั่งคู่กับคนงานแบบนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันชอบนั่งข้างหน้าแบบนี้มากกว่าไปนั่งเบาะหลัง เพราะจะถ่ายภาพได้สะดวก รวมถึงฉันสามารถถามข้อมูลการเดินทางแล้วก็เรื่องอื่นๆ จากคุณได้ไงคะ ว่าแต่คุณจะรำคาญไหมถ้าฉันจะบอกให้หยุดรถบางที่ แล้วก็อาจจะถามคุณเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตลอดทาง” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เทพแห่งท้องทะเลรู้สึกแปลกๆ จะว่าคุ้นเคยหรือเคยเห็นมาก่อนก็ไม่เชิงนัก
“คุณอยากให้จอดรถตรงไหนก็บอกนะครับ เรื่องข้อมูลถ้าทราบ ผมก็จะตอบให้ทุกคำถาม” เขาเอ่ยพลางสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับรถออกจากลานจอด
ตลอดทางจากท่าเรือมาจนถึงโอดิสซีฟาร์ม แอนด์ รีสอร์ต ถนนหนทางลักษณะอยู่บนเขาสูง เส้นทางค่อนข้างไปทางโล่งและแล้งเพราะที่เกาะครีตฝนตกน้อย กันธิชาเอ่ยปากให้คีรีลจอดรถอยู่สองสามครั้งเพื่อถ่ายรูป และถามถึงข้อมูลพวกการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะจากเขาด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบคำถามเธอด้วยความเต็มใจ เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ของโอดิสซีฟาร์ม ต้นไม้จะมีมากกว่าทางที่ผ่านมา มองเห็นพื้นที่ส่วนเป็นที่ฟาร์มม้าเด่นมาแต่ไกล ส่วนพื้นที่ของรีสอร์ตนั้นมีอาคารชั้นเดียวปลูกเรียงรายแทรกตัวอยู่ตามหมู่ไม้ มีแปลงผักและผลไม้จำพวกส้มและเบอร์รี่ปลูกอยู่อีกด้านของบ้านพักนักท่องเที่ยว
คีรีลขับรถมาจอดที่อาคารต้อนรับนักท่องเที่ยว ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมรถมาเปิดประตูให้กับกันธิชา ซึ่งหญิงสาวก็นั่งรออยู่ในรถ คงรู้ดีว่าหากไม่ยอมให้เขาบริการชายหนุ่มอาจโดนตำหนิได้ จากนั้นเขาก็ไปหยิบเป้ของหญิงสาวมาสะพายไว้ที่ไหล่แล้วพาเธอเดินเข้าไปในอาคารไม้ผสมปูนชั้นเดียว ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเกาะครีต
เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในอาคารเอสโตรก็ยืนรอต้อนรับอยู่พร้อมรอยยิ้ม
namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2559, 15:20:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2559, 15:20:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1268
<< 15 ไม่ใช่เหตุผลที่จะลอง | 17 ลมหายใจแห่งท้องทะเล >> |
Zephyr 3 ก.ย. 2559, 09:57:47 น.
เอสโตรนายอย่าแย่งคีริลนะ
เอสโตรนายอย่าแย่งคีริลนะ