In a day รอรักหลังวิวาห์
Tags: อาลี โมนา
ตอน: Chapter 10: Sweet (หวาน)
Chapter 10: Sweet (หวาน)
เขามองตาฉันอย่างสื่อความหมาย มุมปากสีชมพูเรื่อค่อยๆยกยิ้มให้ฉัน ฉันหลบตาเขาเพราะรู้สึกเขิน ไม่บ่อยนักที่เขาจะยิ้มให้ฉันแบบนี้
“อย่าหลบหน้าสิ”
เขาเอามือขวาที่จับไหล่ฉันอยู่มาจับปลายคางฉันเบาๆให้ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง
“รู้อะไรไหม การที่คนๆหนึ่งตกลงใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนนั้น แสดงว่าเขาคนนั้นได้เลือกแล้ว และพี่ คือหนึ่งในนั้น”
“อืม”
ฉันไม่กล้าสบตาเขา ฉันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่กับเขาในระยะประชิด
“โมนา”
“ฮื้ม”
“เรามาทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบกันเถอะ”
“…………………….”
ฉันมองตาเขาอย่างตั้งคำถาม แต่เขากลับยื่นหน้ามาจูบหน้าผากฉัน ริมฝีปากเขาค่อยๆเลื่อนจากหน้าผากลงมายังแก้มทั้งสองข้างไปยังปลายจมูกและปิดท้ายด้วยริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกหวั่นไหวและปั่นป่วน เหมือนมีบางอย่างดึงดูดเราสองคน ถ้าเปรียบประจุไฟฟ้าเขาคงเป็นประจุบวกและฉันเป็นประจุลบที่ต่างวิ่งเขาหากันอย่างร้อนแรง ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ชีวิตคู่ของเราจะเป็นเช่นไร จะสุขหรือทุกข์ ฉันรู้เพียงว่าตอนนี้เวลานี้ ฉันกับเขาเรากำลังทำให้ชีวิตคู่ของเราสองสมบูรณ์แบบที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่เลือกให้เราสองได้เป็นคู่กัน
04.30 AM
“โมนา น้องโมนา”
“ฮื้อ”
“ตื่นได้แล้วครับ ใกล้จะเข้าเวลาละหมาดซุบฮี*แล้ว ลุกเร็ว”
“ฮื้อ”
“ทำไมวันนี้ขี้เซาละเนี้ย”
ความจริงแล้วฉันไม่ได้ง่วงอะไรมากหรอกแต่ฉันรู้สึกอายที่จะมองหน้าเขา ให้ตายสิเราเพิ่งผ่านเวลานั้นไปหลังเที่ยงคืนเองนะ ฉันทำตัวไม่ถูกมันเขินๆยังไงไม่รู้
“หรืออยากให้ปลุกด้วยวิธีอื่น”
ฟอดด ฟอดด
เขาหอมแก้มฉันซ้ายขวาสลับกันสามสี่ครั้ง อร๊ายยทำแบบนี้ฉันก็เขินนะ
“ไม่ตื่นใช่ไหม งั้น”
“ว๊าย พี่อาลี ทำอะไรเนี้ย”
เขาอุ้มฉันโดยไม่ทันตั้งตัว จนฉันต้องรีบกอดคอเขาเพราะกลัวตก
“อ้าวตื่นได้แล้วหรอ พี่นึกว่าจะหลับเป็นตายซะอีก”
“น้องตื่นนานแล้วคะ ปะ ปล่อยได้แล้ว”
ฉันพูดพร้อมงุดหัวเข้ากับอกเขา ฉันยังไม่กล้ามองหน้าเขา โอ๊ย ใจฉันเต้นแรงอะไรแบบนี้
“ไม่ปล่อย เขินหรอ”
“เขินอะไรเล่า”
“หึ ไม่ต้องเขินหรอกน่า เราเป็นสามีภรรยาทั้งนิตินัยและพฤตินัยกันแล้วนะ”
“อื้อ”
“ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“เอ่อ พี่อาลี ปล่อยก่อนสิ”
“ปล่อยทำไม ไปอาบพร้อมกันนี่แหล่ะ”
“ห่ะ เอ่อ น้องว่าพี่อาบก่อน พี่อาลี ไม่เอา พี่ อื้อ น้องอายนะ พี่ อ า ลี”
“หึ หึ อย่าดิ้นสิเดี่ยวตกนะ”
“ไม่เอาน้องอาย”
“จะอายอะไรเล่า หึ หึ”
ฉันดิ้นขลุกคลักอยู่ในอกเขา เขาไม่ฟังฉันเลย เขารีบสาวเท้าเขาห้องน้ำทั้งที่ยังอุ้มฉันอยู่ไม่ยอมปล่อย พร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างสบายอารมณ์><
06.00 AM.
“อารมณ์ดีจังนะเจ้าลี”
“ก็อย่างที่พ่อเห็นนั้นแหล่ะ”
“เหอะ นี่ปากหรอ”
“โมนาละครับพ่อ”
“เมียแก ฉันจะไปรู้หรอ”
“นี่ปากหรอพ่อ ก็น้องเขาลงมาทำกับข้าวก่อนผมจะลงนี่น่า พ่อน่าจะเห็น”
“หนูโมนานั่งคุยกับเจ้าลันในสวนโน้น”
“อลันกลับมาตอนไหนครับพ่อ”
“เมื่อคืน”
“คุยกันนานแล้วยังครับพ่อ แล้วพ่อรู้ไหมว่าเขาคุยอะไรกัน”
“เอ๊ะเจ้านี่นิอยากรู้ก็ไปถามเองสิ มัวแต่วางฟอร์มอยู่นั่นแหล่ะ หึงเมียตัวเองละสิ”
“หึงอะไรพ่อ ผมไปตามมาทานข้าวดีกว่า”
ฉันนั่งคุยกับอลันเกี่ยวกับดอกไม้ที่เขาปลูก อลันบอกว่าเขาชอบปลูกดอกไม้มาก หากมีเวลาเขาก็มักจะคลุกอยู่กับเจ้าดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ฉันเองก็ชอบดอกไม้ และวันนี้เราก็นัดกันไปดูพันธุ์ดอกไม้เพื่อจะมาปลูกทดแทนดอกที่ตาย
“งั้นเดี่ยวสายๆผมพาพี่โมนาไปช่วยเลือกนะครับ”
“ได้ๆพี่เองก็อยากไปรู้จักข้างนอกบ้างอยู่แต่ที่บ้านไม่รู้จะทำอะไร”
“ฮะฮ่ะฮ้า พี่ลีนี่จริงๆเลย ถ้าอย่างนั้นเดี่ยวผมพาพี่ทัวร์เองครับ”
“จริงหรอ อลันว่างหรอวันนี้”
“ว่างทั้งวันครับ วันนี้วันหยุดด้วย สบายมาก”
“โอเคถ้างั้นตามนี้เดี่ยวเราไปกัน”
“จะไปไหนกัน”
เขามาตอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือฉันยังไม่กล้ามองหน้าเขาตอนนี้ ฉันยังอายอยู่
“ผมจะพาพี่โมนาไปช่วยเลือกพันธุ์ดอกไม้ หลังจากนั้นเราอาจจะเที่ยวกันก่อนกลับ”
“ฉันไม่ให้ไป เมียฉัน ฉันพาไปเองได้”
“แต่น้องอยากไป แค่ไปช่วยเลือกพันธุ์ดอกไม้ให้อลันเอง”
“ผมเป็นสามีคุณนะ เชื่อฟังกันหน่อย”
“……………..”
“โมนา จะไปไหน โมนา”
ฉันมองหน้าเขาก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน โดยไม่พูดอะไร ใช่สิ ฉันทำอะไรก็ต้องบอกเขา จะไปไหนก็ต้องขอเขา ใช่ฉันรู้ว่ามันคือหน้าที่ของภรรยาที่ดีที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องอยู่ในการยอมรับของสามี ฉันแค่ไม่อยากจะพูดอะไรต่อก็เท่านั้นเอง
“พี่ลีนี่หึงไม่เข้าเรื่อง”
“หึงอะไรของแก ฉันแค่ไม่อยากให้เมียฉันไปกับแกก็แค่นั้น”
“ก็นั้นแหล่ะพี่ แล้วทำไมพี่ไม่อยากให้พี่โมนาไปกับผม พี่รู้อะไรไหม พี่โมนาเขาบอกกับผมว่าอยู่แต่ในบ้านมันน่าเบื่อ เขาอยากไปรู้จักข้างนอกบ้าง แต่พี่ก็นะ ไม่เคยพาพี่โมนาไปไหนเลยใช่ไหม”
“แล้วใครบอกแกว่าฉันไม่เคยพาเมียฉันไปไหน ฉันกำลังจะพาไปนี่ไง และอีกอย่างนะ ฉันเป็นสามี การที่ฉันไม่อนุญาตให้เมียตัวเองไปกับบุรุษอื่นแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นน้องชายฉันก็เถอะ เพราะฉันกลัวการฟิตนะห์* ฉันอยากและจำเป็นที่จะต้องปกป้องเธอ”
แกร็กก
ฉันที่กำลังพับเสื้ออยู่ต้องหันไปมองว่าใครเปิดประตูเขามา แต่ฉันก็น่าจะรู้ดีว่าคงไม่มีใครแล้วนอกจากเขา
“โมนา ยังไม่แต่งตัวอีกหรอ”
“แต่งตัวไปไหน”
“ก็ไปเลือกพันธุ์ดอกไม้และไปเที่ยวกันไง”
“ถ้าพี่ลีไม่ให้ไปน้องก็ไม่ไปคะ”
“ใครบอกว่าพี่ไม่ให้ไป พี่แค่ไม่ให้เราไปกับอลันเพราะพี่จะพาเราไปเอง”
“จริงหรอ”
“จริงสิ แต่งตัวได้แล้ว มาเดี่ยวพี่เลือกชุดให้”
“คะ”
ฉันกับเขา เราต่างช่วยกันเลือกชุดที่จะใส่ไปเที่ยวกัน เขาปฏิบัติต่อฉันดั่งที่ฉันเคยวาดฝันครั้งยังไม่แต่งงาน ฉันอยากให้เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยละ
ละหมาดซุบฮี*= การละหมาดในช่วงเช้าตรู่ก่อนแสงอาทิตย์ขึ้น หรือ ตามเวลาละหมาด
ฟิตนะห์*= การถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือการดูหมิ่นแคลนในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
เขามองตาฉันอย่างสื่อความหมาย มุมปากสีชมพูเรื่อค่อยๆยกยิ้มให้ฉัน ฉันหลบตาเขาเพราะรู้สึกเขิน ไม่บ่อยนักที่เขาจะยิ้มให้ฉันแบบนี้
“อย่าหลบหน้าสิ”
เขาเอามือขวาที่จับไหล่ฉันอยู่มาจับปลายคางฉันเบาๆให้ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง
“รู้อะไรไหม การที่คนๆหนึ่งตกลงใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนนั้น แสดงว่าเขาคนนั้นได้เลือกแล้ว และพี่ คือหนึ่งในนั้น”
“อืม”
ฉันไม่กล้าสบตาเขา ฉันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่กับเขาในระยะประชิด
“โมนา”
“ฮื้ม”
“เรามาทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบกันเถอะ”
“…………………….”
ฉันมองตาเขาอย่างตั้งคำถาม แต่เขากลับยื่นหน้ามาจูบหน้าผากฉัน ริมฝีปากเขาค่อยๆเลื่อนจากหน้าผากลงมายังแก้มทั้งสองข้างไปยังปลายจมูกและปิดท้ายด้วยริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกหวั่นไหวและปั่นป่วน เหมือนมีบางอย่างดึงดูดเราสองคน ถ้าเปรียบประจุไฟฟ้าเขาคงเป็นประจุบวกและฉันเป็นประจุลบที่ต่างวิ่งเขาหากันอย่างร้อนแรง ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ชีวิตคู่ของเราจะเป็นเช่นไร จะสุขหรือทุกข์ ฉันรู้เพียงว่าตอนนี้เวลานี้ ฉันกับเขาเรากำลังทำให้ชีวิตคู่ของเราสองสมบูรณ์แบบที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่เลือกให้เราสองได้เป็นคู่กัน
04.30 AM
“โมนา น้องโมนา”
“ฮื้อ”
“ตื่นได้แล้วครับ ใกล้จะเข้าเวลาละหมาดซุบฮี*แล้ว ลุกเร็ว”
“ฮื้อ”
“ทำไมวันนี้ขี้เซาละเนี้ย”
ความจริงแล้วฉันไม่ได้ง่วงอะไรมากหรอกแต่ฉันรู้สึกอายที่จะมองหน้าเขา ให้ตายสิเราเพิ่งผ่านเวลานั้นไปหลังเที่ยงคืนเองนะ ฉันทำตัวไม่ถูกมันเขินๆยังไงไม่รู้
“หรืออยากให้ปลุกด้วยวิธีอื่น”
ฟอดด ฟอดด
เขาหอมแก้มฉันซ้ายขวาสลับกันสามสี่ครั้ง อร๊ายยทำแบบนี้ฉันก็เขินนะ
“ไม่ตื่นใช่ไหม งั้น”
“ว๊าย พี่อาลี ทำอะไรเนี้ย”
เขาอุ้มฉันโดยไม่ทันตั้งตัว จนฉันต้องรีบกอดคอเขาเพราะกลัวตก
“อ้าวตื่นได้แล้วหรอ พี่นึกว่าจะหลับเป็นตายซะอีก”
“น้องตื่นนานแล้วคะ ปะ ปล่อยได้แล้ว”
ฉันพูดพร้อมงุดหัวเข้ากับอกเขา ฉันยังไม่กล้ามองหน้าเขา โอ๊ย ใจฉันเต้นแรงอะไรแบบนี้
“ไม่ปล่อย เขินหรอ”
“เขินอะไรเล่า”
“หึ ไม่ต้องเขินหรอกน่า เราเป็นสามีภรรยาทั้งนิตินัยและพฤตินัยกันแล้วนะ”
“อื้อ”
“ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“เอ่อ พี่อาลี ปล่อยก่อนสิ”
“ปล่อยทำไม ไปอาบพร้อมกันนี่แหล่ะ”
“ห่ะ เอ่อ น้องว่าพี่อาบก่อน พี่อาลี ไม่เอา พี่ อื้อ น้องอายนะ พี่ อ า ลี”
“หึ หึ อย่าดิ้นสิเดี่ยวตกนะ”
“ไม่เอาน้องอาย”
“จะอายอะไรเล่า หึ หึ”
ฉันดิ้นขลุกคลักอยู่ในอกเขา เขาไม่ฟังฉันเลย เขารีบสาวเท้าเขาห้องน้ำทั้งที่ยังอุ้มฉันอยู่ไม่ยอมปล่อย พร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างสบายอารมณ์><
06.00 AM.
“อารมณ์ดีจังนะเจ้าลี”
“ก็อย่างที่พ่อเห็นนั้นแหล่ะ”
“เหอะ นี่ปากหรอ”
“โมนาละครับพ่อ”
“เมียแก ฉันจะไปรู้หรอ”
“นี่ปากหรอพ่อ ก็น้องเขาลงมาทำกับข้าวก่อนผมจะลงนี่น่า พ่อน่าจะเห็น”
“หนูโมนานั่งคุยกับเจ้าลันในสวนโน้น”
“อลันกลับมาตอนไหนครับพ่อ”
“เมื่อคืน”
“คุยกันนานแล้วยังครับพ่อ แล้วพ่อรู้ไหมว่าเขาคุยอะไรกัน”
“เอ๊ะเจ้านี่นิอยากรู้ก็ไปถามเองสิ มัวแต่วางฟอร์มอยู่นั่นแหล่ะ หึงเมียตัวเองละสิ”
“หึงอะไรพ่อ ผมไปตามมาทานข้าวดีกว่า”
ฉันนั่งคุยกับอลันเกี่ยวกับดอกไม้ที่เขาปลูก อลันบอกว่าเขาชอบปลูกดอกไม้มาก หากมีเวลาเขาก็มักจะคลุกอยู่กับเจ้าดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ฉันเองก็ชอบดอกไม้ และวันนี้เราก็นัดกันไปดูพันธุ์ดอกไม้เพื่อจะมาปลูกทดแทนดอกที่ตาย
“งั้นเดี่ยวสายๆผมพาพี่โมนาไปช่วยเลือกนะครับ”
“ได้ๆพี่เองก็อยากไปรู้จักข้างนอกบ้างอยู่แต่ที่บ้านไม่รู้จะทำอะไร”
“ฮะฮ่ะฮ้า พี่ลีนี่จริงๆเลย ถ้าอย่างนั้นเดี่ยวผมพาพี่ทัวร์เองครับ”
“จริงหรอ อลันว่างหรอวันนี้”
“ว่างทั้งวันครับ วันนี้วันหยุดด้วย สบายมาก”
“โอเคถ้างั้นตามนี้เดี่ยวเราไปกัน”
“จะไปไหนกัน”
เขามาตอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือฉันยังไม่กล้ามองหน้าเขาตอนนี้ ฉันยังอายอยู่
“ผมจะพาพี่โมนาไปช่วยเลือกพันธุ์ดอกไม้ หลังจากนั้นเราอาจจะเที่ยวกันก่อนกลับ”
“ฉันไม่ให้ไป เมียฉัน ฉันพาไปเองได้”
“แต่น้องอยากไป แค่ไปช่วยเลือกพันธุ์ดอกไม้ให้อลันเอง”
“ผมเป็นสามีคุณนะ เชื่อฟังกันหน่อย”
“……………..”
“โมนา จะไปไหน โมนา”
ฉันมองหน้าเขาก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน โดยไม่พูดอะไร ใช่สิ ฉันทำอะไรก็ต้องบอกเขา จะไปไหนก็ต้องขอเขา ใช่ฉันรู้ว่ามันคือหน้าที่ของภรรยาที่ดีที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องอยู่ในการยอมรับของสามี ฉันแค่ไม่อยากจะพูดอะไรต่อก็เท่านั้นเอง
“พี่ลีนี่หึงไม่เข้าเรื่อง”
“หึงอะไรของแก ฉันแค่ไม่อยากให้เมียฉันไปกับแกก็แค่นั้น”
“ก็นั้นแหล่ะพี่ แล้วทำไมพี่ไม่อยากให้พี่โมนาไปกับผม พี่รู้อะไรไหม พี่โมนาเขาบอกกับผมว่าอยู่แต่ในบ้านมันน่าเบื่อ เขาอยากไปรู้จักข้างนอกบ้าง แต่พี่ก็นะ ไม่เคยพาพี่โมนาไปไหนเลยใช่ไหม”
“แล้วใครบอกแกว่าฉันไม่เคยพาเมียฉันไปไหน ฉันกำลังจะพาไปนี่ไง และอีกอย่างนะ ฉันเป็นสามี การที่ฉันไม่อนุญาตให้เมียตัวเองไปกับบุรุษอื่นแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นน้องชายฉันก็เถอะ เพราะฉันกลัวการฟิตนะห์* ฉันอยากและจำเป็นที่จะต้องปกป้องเธอ”
แกร็กก
ฉันที่กำลังพับเสื้ออยู่ต้องหันไปมองว่าใครเปิดประตูเขามา แต่ฉันก็น่าจะรู้ดีว่าคงไม่มีใครแล้วนอกจากเขา
“โมนา ยังไม่แต่งตัวอีกหรอ”
“แต่งตัวไปไหน”
“ก็ไปเลือกพันธุ์ดอกไม้และไปเที่ยวกันไง”
“ถ้าพี่ลีไม่ให้ไปน้องก็ไม่ไปคะ”
“ใครบอกว่าพี่ไม่ให้ไป พี่แค่ไม่ให้เราไปกับอลันเพราะพี่จะพาเราไปเอง”
“จริงหรอ”
“จริงสิ แต่งตัวได้แล้ว มาเดี่ยวพี่เลือกชุดให้”
“คะ”
ฉันกับเขา เราต่างช่วยกันเลือกชุดที่จะใส่ไปเที่ยวกัน เขาปฏิบัติต่อฉันดั่งที่ฉันเคยวาดฝันครั้งยังไม่แต่งงาน ฉันอยากให้เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยละ
ละหมาดซุบฮี*= การละหมาดในช่วงเช้าตรู่ก่อนแสงอาทิตย์ขึ้น หรือ ตามเวลาละหมาด
ฟิตนะห์*= การถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือการดูหมิ่นแคลนในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
TheW
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2559, 13:04:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2559, 13:05:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1330
<< Chapters 9: Sulk (งอน) | Chapter 11: Also Sweet (ยังหวานอยู่) >> |
yoraya 10 ก.ย. 2559, 20:16:04 น.
ฟิตนะห์ มีความหมายครอบคลุมมากมาย ใช้ในลักษณะอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น การสร้างความวุ่นวาย การสร้างความปั่นป่วนในสังคม การสร้างความเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล การสร้างความแตกแยก ฯลฯ ซึ่งมันจะนำไปสู่ความวิบัติ จึงถูกกำชับให้เราหลีกเลี่ยงการฟิตนะห์ เพราะมันคือบ่อเกิดของภัยร้ายและทำลายสันติภาพ ภราดรภาพในสังคมลง ปล. ขออนุญาตเสริมนะคะ และ...เป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ^^
ฟิตนะห์ มีความหมายครอบคลุมมากมาย ใช้ในลักษณะอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น การสร้างความวุ่นวาย การสร้างความปั่นป่วนในสังคม การสร้างความเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล การสร้างความแตกแยก ฯลฯ ซึ่งมันจะนำไปสู่ความวิบัติ จึงถูกกำชับให้เราหลีกเลี่ยงการฟิตนะห์ เพราะมันคือบ่อเกิดของภัยร้ายและทำลายสันติภาพ ภราดรภาพในสังคมลง ปล. ขออนุญาตเสริมนะคะ และ...เป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ^^