คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: The wheel of fortune


Wheel of Fortune

บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกกับมนุษย์
แม้จะพยายามสักเท่าไร แต่มีบางสิ่งที่ไม่อาจควบคุม
แม้จะวิ่งหนีสักเท่าไร ก็มีบางอย่าง...ที่ไม่อาจเลี่ยงพ้น

ชนิศาฉีกยิ้มกว้าง โบกมือให้ชายหนุ่มที่เดินสวนมาจากอีกด้านอย่างร่าเริง ร่างบางเดินตัวปลิวเข้าไปหาเขา พร้อมเอ่ยทักเสียงหวานจนเลี่ยน

"พี่กานต์ขา" เธอลากเสียงยาวอย่างตั้งใจ เอียงคอฉอเลาะดูเกือบจะน่ารัก

"เอากี่ขาดีคะ" การันต์ตอบกลั้วหัวเราะ

"สองขา แถมตัวและหัวใจด้วยได้ไหมคะ" เธอตอบหน้าตาเฉย กระพริบตาปริบ ๆ อ้อนอย่างไม่เกรงใจเพื่อนชายอีกสองคนที่เดินมากับการันต์

"เอาปอดไปด้วยไหม ต่ออนาสโตโมสิสเดียวนะเชรี" เพื่อนชายที่เดินมากับการันต์เอ่ยล้อไปถึงการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและปอด

"ก็เอามาทั้งตัวแล้วไง ไม่ต้องต่อเลยสักอนาสโตโมสิส"

"อ้าว ไม่ลงทุนนี่นา ไม่ต่อสักอนาสโตโมสิส" การันต์อดล้อไม่ได้

ชนิศาหันมามองหน้าชายหนุ่ม เอียงคออย่างน่าเอ็นดู "ลงสิคะ...เชรีลงทุนไปทั้งใจเลยนะคะ"

ชายหนุ่มทั้งสามอดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางออดอ้อนอ่อนหวานของชนิศาที่ดูเหมือนจะมีให้เฉพาะเจาะจงกับการันต์

"นี่จะกลับแล้วเหรอ" การันต์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวสะพายกระเป๋าเรียบร้อย

ชนิศาส่ายหน้า "เปล่าค่ะ เชรีมีนัดกับนักวิจัยน่ะค่ะ เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยกลับมา" เธอโบกมือให้สามหนุ่ม แล้วหมุนตัวเดินออกมาเงียบ ๆ

หญิงสาวใช้เวลาคุยกับนักวิจัยนานกว่าที่คาดไว้ เมื่อด็อกเตอร์สาวที่ช่วยดูแลโครงงานวิจัยทราบว่าเธอหลงใหลในกราฟสามสีของตลาดหุ้น

เมื่อเจอคนคุยถูกคอ ชนิศาก็เผลอคุยเสียนานจนลืมเวลา กว่าเธอจะกลับไปที่ห้องเรียนก็เป็นเวลาใกล้เลิกเรียนแล้ว
ชนิศาถือกระเป๋าไปนั่งข้างปัณณา เพื่อนสาวเหลือบมองอย่างสนใจก่อนถาม

"ไปไหนมาน่ะ"

"ไปหานักวิจัย...คุยนานเลย"

ปัณณานิ่งไปครู่ ก่อนเอ่ยคำถามที่ทำให้ชนิศาเลิกคิ้วอย่างงุนงง "เชรีงอนอะไรกอรอหรือเปล่า"

"หืม..." เธอเอียงคออย่างงุนงง "พี่กานต์บอกปัณปัณว่าอะไรเหรอ"

"ไม่รู้ ไม่ได้บอก"

"อ้าว แล้วทำไมคิดว่าเชรีจะงอนพี่กานต์ล่ะ"

"ไม่รู้สิ" ปัณณาไม่ยอมเฉลย

ชนิศาคลี่ยิ้มบาง ส่ายหน้าช้า ๆ เมื่อหยิบแท็บเล็ทขึ้นมาเปิด "เราจะงอนพี่กานต์ได้ยังไง"

"ทำไมล่ะ"

เธอเงียบไปครู่ ก่อนตอบ "เรางอนคนที่ไม่รักเราไม่ได้หรอกค่ะ...มันจะเก้อ" เมื่ออารมณ์ศิลป์เข้าแทรก ชนิศาจะกลายเป็นสาวน้อยอ่อนหวานที่เอ่ยคำคะขากับทุกคนอย่างคล่องปาก

ปัณณาหันมามองเพื่อนสาว ชนิศาจึงยักคิ้วแล้วขยิบตาข้างหนึ่งตอบอย่างขี้เล่น
"เชรีชอบกอรอจริง ๆ หรือเปล่า"

ชนิศาหลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ "ถามแบบนี้...เราเขินนะ"

"กอรอบอกอะไรเชรีไหม...ที่เชรีถามไปน่ะ" ปัณณาซักอย่างจริงจัง ท่าทีผิดจากชนิศาที่ยังยิ้มหวานอย่างทีเล่นทีจริง

เธอนิ่งไปครู่ ก่อนถามเสียงหวาน "ถามอะไรคะ"

"ก็ที่เชรีถาม...ไม่มีอะไรนะ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา"

"แล้วปันปันคิดไหมคะ" เธอเอียงคอมองเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัย แววตาใสซื่อเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเอ่ยคำตอบ

ปัณณานิ่งไป ก่อนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "เราคิดเหมือนเชรี"

แม้สองสาวจะยอมรับว่าปลื้มในตัวการันต์ และพูดคุยเรื่องชายหนุ่มอย่างสนิทสนม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงเข้าใกล้ความรู้สึกภายใจในตนเอง

ชนิศาหัวเราะ พลางถอนใจเบา ๆ "แย่ละ" เธอคิดว่าการันต์คงน่าสงสารแย่ หากว่าสองสาวที่มีท่าทีว่าปลาบปลื้มในตัวเขา ที่จริงเป็นแม่มดร้ายที่คิดแต่จะเล่นสนุกตามใจตัวเองทั้งคู่

"อะไรแย่เหรอ"

"ก็ถ้าเราคิดเหมือนกัน..." เธอลากเสียงตอบด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม ไม่ยอมเอ่ยความคิดในใจ ขณะที่สายตามองจับสังเกตท่าทีของปัณณาอย่างสนใจ

หญิงสาวตรงหน้าคลี่ยิ้มกว้าง เอ่ยชวนอย่างน่ารัก "มาเป็นแฟนคลับกอรอกัน"

คราวนี้ชนิศาหลุดหัวเราะจนเพื่อนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหันมามอง
"มักน้อยจัง..." เธอฉีกยิ้มกว้าง "ไม่อยากเป็นแค่แฟนคลับน่ะ"

ปัณณาเบิกตากว้างมองเพื่อนสาว ก่อนบอก "จีบสิ"

"จีบมานานจนท้อละค่ะ"

"จีบแล้วจริงเหรอ" ปัณณามองอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ชนิศาไหวไหล่บอกหน้าตาเฉย

"ตั้งนานละค่ะ...ปันปันช้ากว่าเรานะ"

"เห็นกอรอยังเฉย ๆ ไม่รู้เลยว่าเชรีจีบแล้ว"
"แหม...ล่าสุดยังตัดรอนเราด้วยคำว่า..." เธอเงียบไปครู่ กระแอมเบา ๆ ทำเสียงทุ้มบอก "พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว"

"เฮ้ย...ใครน่ะ"

"ไม่รู้สิ พี่กานต์ไม่ยอมบอกล่ะ"
"โอย...อยากรู้ระดับสิบ" ปัณณาโอดครวญ

"ปันปันลองถามสิ เผื่อพี่กานต์จะบอก"
ปัณณาย่นจมูก ส่ายหน้า "ยาก...กอรอน่ะเหรอจะบอกเรา"

ชนิศาไหวไหล่เบา ๆ ไม่ได้เก็บเรื่องชายหนุ่มมาใส่ใจอีก จดคำบรรยายของอาจารย์ไปครู่ใหญ่ ปัณณาก็สะกิดแขนเธอเบา ๆ แล้วเอ่ยถาม

"เชรีจีบกอรอยังไงน่ะ"
หญิงสาวอมยิ้ม "ก็อ่อยไปเรื่อยเปื่อย" ความจริงอาจต้องเรียกว่าอ้อนเสียมากกว่า เธอแค่สนุกกับการได้อ้อนการันต์

ผู้ชายอบอุ่นที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเมื่อเข้าใกล้จนอยากจะสนิทสนมมีไม่มาก เธอไม่แน่ใจว่าการันต์มีคุณสมบัติข้อไหน และไม่คิดจะหาคำตอบ เมื่อตอนนี้เธอสนุกที่คุยกับเขา หญิงสาวก็เพียงคุยไปเรื่อยเปื่อย

"แล้วจะจีบต่อไหม...หรือถอนตัว"

เธอหัวเราะในคอ เมื่อคิดว่าการจีบการันต์ที่เธอแสดงออก ความจริงไม่ควรเรียกว่าจีบ เพราะเธอไม่ได้มีแม้เศษเสี้ยวของความหวังว่าเขาจะสนใจตอบด้วยซ้ำ

ชนิศาแค่ชอบการได้อ้อนเขา และเมื่อเขายอมให้เธออ้อน หญิงสาวจึงไม่ได้เดินจากไปไหน
"ไม่รู้สิ...เราชอบอ่อยพี่กานต์น่ะ สนุกดี" เธอยอมรับดื้อ ๆ "ปัณปัณไม่ลองจีบพี่กานต์ดูล่ะ"

"อืม...เราก็ว่าจะลองดู" ปัณณาบอกอย่างมุ่งมั่น "รอโดนตัดรอนบ้าง ค่อยถอนตัว"

ชนิศากลอกตาอย่างเห็นใจ เธอยังจำได้ว่าการันต์บอกว่าไม่ได้ชอบปัณณา แต่ความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่ใช่ธุระที่เธอจะไปยุ่ง หญิงสาวจึงทำเพียงสงบคำ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก



ชนิศาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟานุ่ม ยกขาทั้งสองข้างขึ้นพาดกับผนังแล้วค่อย ๆ ขยับตัวพาศีรษะมาห้อยข้างโซฟา เธอหยิบสมาร์ทโฟนมากดเล่น ก่อนที่มือซนจะพาเธอไปเปิดอ่านบทสนทนาที่คุยกับการันต์

Che'rie : พี่กานต์ก็บอกสิคะ
Karunt : มันก็หมดอารมณ์แอบชอบสิ
หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ สัญชาตญาณผู้หญิงมีแนวโน้มในการคิดไปเองอย่างเข้าข้างตัวเองค่อนข้างสูง

...ถ้าบอกเธอ...ก็หมดอารมณ์ของการแอบชอบ...
การแอบชอบจะไม่ใช่การแอบชอบ ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายรู้ตัว

ตรรกะฉบับชนิศาลอยขึ้นมาในหัวที่ห้อยอยู่ข้างโซฟาทำให้เธออ้าปากค้าง พลิกตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

"ไม่...คงไม่ใช่หรอกนะ"

เธออาจชอบการันต์ แต่เธอก็ยังรักอิสระเกินกว่าจะผูกพันกับใคร ชนิศาไม่อยากทำร้ายคนที่เธอถูกใจ
หญิงสาวนิ่งไปนาน ก่อนตัดสินใจเปิดโปรแกรมสนทนา เรียกหาชื่อที่คุ้นเคย

Che'rie : เฮีย...ถามอะไรหน่อยสิ
Che'rie : เวลาผู้ชายบอกว่าแอบชอบใครสักคน แล้วบอกเราไม่ได้เพราะมันจะหมดอารมณ์แอบชอบนี่...
Che'rie : เขาไม่ได้คิดใช่ไหม ว่าผู้หญิงจะตีความตามตัวอักษร
Che'rie : ความจริงแล้ว มันไม่ได้แปลว่าเขาชอบหนูใช่ไหม

เธอนั่งมองหน้าจออยู่นาน แต่ไม่มีคำตอบจากปลายทาง จนชนิศาเริ่มเบื่อ ร่างบางจึงก้าวไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ นั่งลงตั้งสติจดจ่อกับเอกสารงานวิจัยต่อ
เกือบชั่วโมง เสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังเรียกความสนใจจากเธอ ชนิศาเหลือบมองหน้าจอที่ปรากฏชื่อของคนคุ้นเคย

Taechit : ใครบอกมา
Che'rie : เพื่อน...
Taechit : ได้คำตอบยัง

Che'rie : ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ใช่
Che'rie : มนุษย์ xy ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มีความเสียงในการคิดไปเองสูง
Taechit : ก็ได้คำตอบแล้วนี่

ชนิศากลอกตามองโทรศัพท์ เบะปากกึ่งค้อนใส่ราวจะให้ความหงุดหงิดในใจส่งผ่านไปถึงปลายทางอีกฝั่ง

เตชิตคือรุ่นพี่ศัลยแพทย์ที่เธอรู้จักตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เขามีบางอย่างที่ทำให้เธออยากเข้าใกล้ กว่าจะรู้ตัวชายหนุ่มก็ยื่นมือมาตรงหน้าเธอแล้ว เพียงแต่ชนิศาได้สติเตือนตัวเองได้ทันว่าเขาเป็นผู้ชายอันตรายที่ไม่ควรให้หัวใจ เธอจึงถอยห่างมายืนข้าง ๆ ในฐานะน้องสาวมาเกือบ 4 ปี

Che'rie : อืม...คงไม่ใช่
ถึงจะพยายามคิดอย่างนั้น แต่เพื่อความไม่ประมาท เธอจึงพิมพ์ข้อความหาการันต์

Che'rie : พี่กานต์ไปบอกอะไรปันปันหรือเปล่าคะ
คำถามของเพื่อนสาว และท่าทีที่พยายามอธิบายว่าการันต์ไม่ได้คิดอะไรกับปัณณาทำให้ชนิศาแปลกใจ

Che'rie : ทำไมปันปันคิดว่าเชรีงอนพี่ได้คะ
Karunt : 555
Karunt : ไม่ได้บอกอะไรนะ
Karunt : เชรีไม่งอนพี่อยู่แล้ว ใช่ไหม

ชนิศานิ่งไปครู่ใหญ่กับคำตอบที่ได้ วูบหนึ่งเธอก็คิดจะแกล้งงอนเขาอยู่เหมือนกัน แต่การงอนคนผ่านข้อความทางโทรศัพท์โดยการไม่เอ่ยตอบคือการสื่อสารที่ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มคิด เธอจึงตัดสินใจพิมพ์ตอบ

Che'rie : บอกปันปันไปแล้วล่ะค่ะ
Che'rie : ว่าหนูงอนคนที่ไม่ได้รักหนูไม่ได้หรอก
Che'rie : เพราะมันจะเก้อ

เธอส่งตัวการ์ตูนรูปแมวที่นอนหมอบถอนใจอยู่บนพื้นไปให้เป็นเชิงใช้แทนท่าทีของตน
ไม่นาน การันต์ก็ส่งข้อความตอบมาให้

Karunt : เชรีงอนได้อยู่
Karunt : พี่ง้ออยู่นะ...ถ้ารู้ตัว

ชนิศาหรี่ตามอง กัดริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์ เธอไม่รู้ว่าการันต์ตั้งใจไหม แต่ถ้าจะให้เธอวิเคราะห์ ข้อความเช่นนี่เป็นหนึ่งในการอ่อยอย่างมีชั้นเชิงที่อาจทำให้ผู้หญิงที่ไร้ภูมิต้านทานคิดไปได้ไกลหลายร้อยไมล์ทะเล

นิ้วเรียวค่อยแตะหน้าจอเพื่อพิมพ์ข้อความตอบ

Che'rie : พี่กานต์อย่าใจดีแบบนี้กับผู้หญิงหลายคนนะคะ
Che'rie : สงสารสาว ๆ ที่ภูมิต้านทานต่ำบ้าง เดี๋ยวจะหลงเสน่ห์พี่กานต์กันหมด

Karunt : นี่ก็พูดเกินไป
Che'rie : เก็บไว้ง้อคนที่พี่แอบชอบเถอะค่ะ

เธอส่งสติ๊กเกอร์แมวแลบลิ้นยิงฟันไปแทนการล้อเลียน เพื่อไม่ให้ข้อความที่ส่งไปดูมีนัยยะจริงจังมากไปนัก
การันต์เงียบไปครู่ใหญ่ กว่าข้อความตอบจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

Karunt : ถ้าเขางอนพี่ได้ ก็คงไม่ต้องแอบชอบแล้วล่ะ

ชนิศาอมยิ้ม มองหน้าจอโทรศัพท์อย่างพึงพอใจ

เธอได้คำตอบแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ เป็นเรื่องดีที่เธอสามารถจะเดินหน้าอ้อนเขาต่อได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก และความสัมพันธ์อย่างคนรักที่มีความต้องการเป็นเจ้าของ

Che'rie : ใครกันคะ บอกหน่อยนะ
Che'rie : เดี๋ยวหนูเป็นศิราณีให้ ถึงจะฝืนใจนิดก็เถอะ

เมื่อมั่นใจว่าเธอยังอยู่ในพื้นที่ของความเป็นเพื่อนอย่างปลอดภัย ชนิศาก็ไม่ลังเลที่จะรุกคืบเข้าไปด้วยการอ่อยกึ่งตัดพ้ออย่างแง่งอน

Karunt : คิดค่านายหน้าไหมนี่
Che'rie : กับพี่กานต์ ไม่คิดก็ได้ค่ะ
Che'rie : แต่ถ้าจะเลี้ยงขนมหนูบ้าง...ถือเป็นน้ำใจ

เธอหลุดหัวเราะกับหน้าจอโทรศัพท์อย่างผ่อนคลายมากขึ้น
การันต์ส่งสติ๊กเกอร์รูปคนที่ยกนิ้วเป็นสัญลักษณ์โอเคมาให้

Karunt : เดี๋ยวเลี้ยงก่อนเลย
Che'rie : บอกก่อนสิคะ...หนูไม่ชอบรับค่าจ้างก่อนงานสำเร็จ
Karunt : ไม่บอก
Karunt : แต่ขนม เลี้ยงได้

ชนิศากลอกตามองเพดานห้อง เผลอทำแก้มป่องอย่างเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ พ่นลมหายใจยาวกึ่งถอนใจเมื่อพิมพ์ตอบ

Che'rie : พอ เลิกคุย

การันต์ส่งสติ๊กเกอร์คนชูนิ้วก้อยมากึ่งง้อ เธอจึงยอมพิมพ์ต่อ
Che'rie : ปันปันป่ะคะ
Che'rie : น่ารักนะ

แม้จำได้ว่าเขาบอกชัดเจนว่าไม่ใช่ปัณณา เธอก็ยังอดถามอีกครั้งด้วยความหวังแทนเพื่อนสาวไม่ได้
ท่าทางปัณณาจริงจังกับการันต์ หากเขาชอบเธอตอบคงเป็นคู่ที่น่ารักไม่น้อย

Karunt : ไม่ใช่ปันปัน
ชนิศาถอนใจ หรี่ตาอย่างเด็กเกเรที่มีแผนการร้าย พิมพ์ข้อความไปดื้อ ๆ

Che'rie : งั้นชอบหนูแล้วกันค่ะ

ที่เธอไม่คาดคิดคือ การันต์กลับตอบมาอย่างรวดเร็ว
Karunt : น่าคิด

หญิงสาวแค่นหัวเราะในคอ ผู้ชายน่าตายคนนี้รู้ไหมว่าเขากำลังอ่อยเธอ ผู้หญิงมีความสามารถในการคิดไปเองสูง แต่โชคดีที่ชนิศาเป็นข้อยกเว้น เธอเชื่อในความจริงข้อนี้ จึงพยายามคิดตรงข้ามกับสิ่งที่สามารถมโนได้อย่างสุดชีวิต

เวลานี้เธอสงสารก็แต่ปัณณา หากการันต์พูดคุยกับปัณณาอย่างที่คุยกับเธอ การหยอกล้อที่ชวนเข้าใจผิดนี้จะทำให้หัวใจเพื่อนสาวหวั่นไหวไปไกลแค่ไหนกัน

ถึงจะคิดเคืองชายหนุ่ม แต่ชนิศาไม่ทิ้งโอกาสที่จะแกล้งเขากลับ

Che'rie : ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ
Che'rie : โปรโมชั่นนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ นะคะ

Karunt : เรื่องพวกนี้ต้องใช้หัวใจ ไม่ใช่ใช้ความคิดนะคะ

นิยายจีนบอกว่า ผู้ดีสมัยโบราณนับถือคนที่สามารถพูดให้คนฟังไม่สามารถจะพูดต่อได้ เวลานี้ชนิศาอดนับถือการันต์ไม่ได้จริง ๆ
ประโยคนี้ของเขาทำให้เธอหมดคำพูดได้ง่ายดาย

หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ หันกลับมาอ่านโครงร่างงานวิจัยที่พิมพ์ไว้ วูบหนึ่งในความรู้สึก เธอ ภาพของใครบางคนกลับเข้ามาปรากฏในใจอีกครั้ง

ชนิศาเหลือบมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่บอกข้างขึ้นแรม

วันนี้เป็นคืนใกล้วันจันทร์เต็มดวง เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้ดีว่าตัวเองจะอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ

กว่าชนิศาจะพับจอแท็บเล็ทลงบนโต๊ะ ฟ้าข้างนอกก็มืดมากแล้ว หญิงสาวถอนใจเบา ๆ มองสายฝนที่ร่วงโปรยอยู่นอกหน้าต่าง อากาศที่เย็นชื้นทำให้เธอต้องห่อตัวกอดตัวเอง ความเศร้าบางอย่างลอยขึ้นมาในใจ เมื่อภาพใครบางคนวนเวียนอยู่ในความคิด
หญิงสาวเผลอหยิบโทรศัพท์มา กดโทร.หาพี่ชายต่างสายเลือดที่คุ้นเคยกันมานาน

"ไง..."

"ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ"

เสียงที่ปลายสายฟังวุ่นวาย เหมือนเขาอยู่ในที่แออัด "ไม่...กินข้าวกับเพื่อนอยู่"

"เพื่อน..." ชนิศาลากเสียงกึ่งล้อกึ่งถาม

"เพื่อนจริง ๆ ผู้ชายด้วย"
ชนิศาอมยิ้ม "อ้าว...เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอคะ"

ปลายสายหัวเราะ "ไม่ใช่ละ...จะเข้าเรื่องได้ยัง...เป็นไรหรือเปล่า" น้ำเสียงทอดอ่อนแทนความห่วงใยที่ชนิศาชื่นชอบ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะวางใจพูดคุยกับเขาได้แทบทุกเรื่อง

ดูเหมือนเธอจะโทรศัพท์หาเขาในเวลาที่อ่อนแออยู่เสมอ ชายหนุ่มจึงรับรู้ถึงความไม่มั่นคงทางใจของหญิงสาวได้ทุกครั้ง

"เบื่อ ๆ น่ะค่ะ..." เธอถอนใจเบา ๆ "ฝนพรำมักทำให้คนเหงานี่คะ"

"ออกมากินด้วยกันไหม...เดี๋ยวไปรับ" เตชิตถามเรียบ ๆ

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ มองนาฬิกาที่บอกเวลาไม่ได้ดึกมาก แต่ก็ใกล้เวลานอนตามปกติวิสัยของเธอเต็มที

"ไม่อ่ะค่ะ เดี๋ยวนอนหลับก็หายเหงาแล้วมั้ง"

เธอเงียบไปนาน เช่นเดียวกับปลายสายที่ไร้คำพูดต่อ เตชิตคุ้นกับความอ่อนไหวของหญิงสาวจนรู้ว่าบางเวลาเธอก็ไม่ได้ต้องการคำพูดใด ๆ มากไปกว่าความรู้สึกของการเคียงข้าง

นาน...แล้วเสียงหวานก็หลุดคำเบา ๆ

"เฮีย..." เธอถอนใจเบา ๆ "โชคดีนะที่วันนั้นเราไม่ได้รักกัน"

เธอกำลังคิดถึงวันที่เธอเกือบรักเขา แต่เพราะรู้ว่ามนุษย์พันธุ์ปลาไหลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถจริงจังหรือหยุดหัวใจไว้กับใครได้นาน และรู้ดีว่าเธอชอบเขามากเกินกว่าจะปล่อยไป ชนิศาจึงเลือกดึงเขาไว้ในฐานะพี่ชายแทน

"ทำไม"
"มีรักก็อาจมีเลิก" เธอตอบเรียบ ๆ "ถ้าวันนั้นเรารักกัน วันนี้...หนูอาจไม่สามารถงอแงกับเฮียได้ทุกเรื่องแบบนี้"

"ทำไม"
"ถ้าเรากอดกันไว้ในฐานะแฟน...วันหนึ่งใครสักคนอาจเบื่อและปล่อยมือก็ได้นี่คะ"

"กลัวเหรอ"
"ค่ะ...หนูไม่ชอบทำให้คนที่หนูพอใจหล่นหายไปจากชีวิต"

"ก็คว้าไว้แน่น ๆ สิ" ปลายสายเอ่ยกลั้วหัวเราะในคอ "หรือไม่ก็ยอมให้พี่กอดเธอไว้ให้แน่น..."

ชนิศาชะงักไปกับคำที่ได้ยิน เธอเผลอกัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอยู่ครู่จึงเอ่ยคำถามอย่างระมัดระวัง "เฮียหมายถึงอะไร...นี่เมาป่ะคะ"

เตชิตถอนใจหนัก ๆ จนได้ยินเสียงผ่านมาถึงปลายสาย ก่อนบอก "ไปนอนเถอะ...จะได้หายเหงา"

"ก็ได้ค่ะ...." เธอตอบเบา ๆ

"ฝันดี..."

----

มีใครรู้สึกว่าเชรีนางแรงบ้างไหมคะ จริง ๆ นางออกจะตรงและชัดเจนในตัวเองมาก จนบางทีก็มากไปเนอะ
คุณ SaranyaW : ดีงใจจังที่ชอบค่ะ ไม่ลืมหนูชาร์มนะคะ แต่ขอเก็บนางไว้ในห้องวิจัยของนางก่อนค่ะ

คุณ sai : ขอบคุณค่า ดีใจจัง คิดถึงมากมายเลยค่ะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2559, 16:19:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2559, 16:19:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1154





<< The Fool   บทที่ 3 The moon >>
คิมหันตุ์ 11 ก.ย. 2559, 23:45:11 น.
ขุ่นไอ๊สสสสสสสส์คะ เค้าชอบเชรีมากเลย ตรรกะการคิดแบบนี้เลยยที่กำลังต้องการ อิอิ รอติดตามค่ะ เฮียก็น่าสน พี่กานต์ก็น่าลุ้น มาอัพต่อเร็วๆนะจ๊ะ


sai 12 ก.ย. 2559, 10:34:24 น.
เคยมีพี่ชายแบบเตชิต แต่ปัจจุบันทำหล่นหายไปแล้ว (หรือเค้าทิ้งเราหว่า555) เลยไม่มีคนโทรไปบอกเหงาเลย แอบบบบเหงาต่อไปหุๆ


SaranyaW 12 ก.ย. 2559, 15:32:23 น.
ขอให้เชรีเข้มแข็งไว้ อยู่คนเดียวก็มีความสุขได้ ณ ตอนนี้เราว่าเราชอบกานต์มากกว่าเตชิต ต่อไปจะเป็นยังไงน้า


Zephyr 24 ก.ย. 2559, 21:41:19 น.
อั้ยยะ เค้าว่าทั้งเตชิต ทั้งการันต์ ชอบนางน่ะละ
แต่นางไม่ยอมรับความจริง ชิๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account