คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: บทที่ 3 The moon

The Moon
ว่ากันว่า...คืนเพ็ญจะทำให้อ่อนไหว
กับหัวใจที่ภูมิต้านทานต่ำ...บางความรู้สึกก็ก่อตัวขึ้นได้ง่ายดาย

ชนิศาเดินออกจากห้องตรวจโรคฉุกเฉินด้วยท่าทางเบื่อหน่าย วันนี้เธอมีเวรห้องตรวจโรคถึงหกโมงเย็น กว่าจะได้ออกเวรก็ล้าจนต้องยกมือขึ้นบีบดั้งจมูก กดบริเวณเส้นประสาทใกล้ดวงตาให้สมองตื่นตัวจากความเหนื่อยล้า

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองทางเดินข้างหน้า หญิงสาวก็ต้องเอียงคอ คลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินสวนมา

"พี่กานต์...สวัสดีค่ะ"

"สวัสดีค่ะ เชรี" เขายิ้มตอบ ยืนมองเธอที่เดินเข้ามาหานิ่ง ๆ "อยู่เวรเหรอ"

"ค่ะ...ออกหกโมงนี่ล่ะค่ะ"

"มิน่าล่ะ...ปกติถ้าไม่เข้าเวรไม่เคยเห็นเชรีที่โรงพยาบาล"

"เชรีก็ต้องกลับบ้านบ้างอะไรบ้างสิคะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ "นี่พี่กานต์สังเกตเชรีด้วยเหรอคะ แอบสนใจเค้าใช่ไหม"
ชายหนุ่มหัวเราะ "พี่ก็ต้องรู้เรื่องของคนในรุ่นบ้างสิ" เขาเอ่ยในฐานะประธานชั้นปี ทำให้ชนิศาเบะปากถอนใจยาว อดจะหรี่ตามองชายหนุ่มกึ่งตัดพ้อไม่ได้

"แล้วนี่...พี่กานต์จะไปไหนคะ"
"หาอะไรทานน่ะค่ะ"

ชนิศานิ่งไปครู่ ก็ฉีกยิ้ม "ดีจัง...เชรีกำลังว่าจะไปหาอะไรทานก่อนเหมือนกัน เกาะพี่กานต์ไปด้วยได้ไหมคะ"

เมื่อชายหนุ่มยิ้มรับ หญิงสาวก็เดินไปข้างเขาเงียบ ๆ แต่เพียงร่างบางก้าวออกจากตัวอาคาร เมื่อเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงกลมที่ลอยอยู่บนฟ้า รอยยิ้มขื่น ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน

'เชรีขอสาป...ให้พี่คิดถึงเชรี ทุกครั้งที่เห็นพระจันทร์เต็มดวง' เสียงหวานใสที่เอ่ยคำอย่างมั่นคงราวจะใช้สาปนั้นยังดังก้องอยู่ใน
หัว

ชนิศาไม่รู้เลย ว่าคนที่เธอเอ่ยคำนั้นด้วย จะยังคงอยู่ใต้อำนาจคำสาปของเธอหรือเปล่า

หญิงสาวกัดริมฝีปากเบา ๆ ซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวในใจ แต่เมื่อหันมามองคนที่เดินข้าง ๆ เธอกลับอ่อนแออีกครั้ง

"พี่กานต์ขา...เชรียืมไหล่หน่อยนะคะ"
เขาเลิกคิ้ว มองสบตาหวานที่เป็นประกายกึ่งอ้อนนั้นด้วยรอยยิ้ม

"จะอ้อนอะไรคะ เหนื่อยใจหรือเหนื่อยกาย"

"ถ้าทั้งสองอย่าง พี่กานต์จะปลอบเชรีเหรอคะ"

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง "เรื่องปลอบใจนี่พอไหว...เพราะพี่ปลอบใจตัวเองบ่อย"

คนฟังนิ่งงันไปครู่ ดวงตาที่ออดอ้อนปรากฏรอยของการค้นหาแว่บผ่าน ก่อนที่เธอจะถอนใจเบา ๆ หันกลับมาเงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้า

"งั้นเชรีปลอบพี่กานต์แทนก็ได้ค่ะ"

"อ้าว...ไหงเป็นงั้น" ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง

ชนิศาไม่ได้มองหน้าเขา เธอแค่มองฟ้าแล้วตอบเรียบ ๆ "ก็ถ้าหนูมีพี่กานต์ปลอบ...แต่พี่กานต์ต้องปลอบตัวเองด้วย พี่กานต์ก็เหนื่อยแย่สิคะ"

เธอหันมายิ้มให้เขา ทั้งปากและดวงตา "หนูปลอบพี่กานต์ก่อน...พี่กานต์จะได้มีกำลังใจปลอบหนูไงคะ"

หญิงสาวเดินนำเขาเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วเธอก็หันมามองหน้าเขา เอียงคอสบสายตาที่ชวนให้ใจสั่นอย่างค้นหา

"เป็นอะไรไปคะ" คนจิตตกควรเป็นเธอ แต่ทำไมสายตาเขาจึงเศร้าจนคนมองอดห่วงไม่ได้

ชนิศาเพิ่งนึกได้ว่า การันต์เองก็เพิ่งเลิกรากับคนรักได้ไม่ถึงปี ที่แย่กว่านั้นคือคนรักเก่าของเขาเรียนสาขาเดียวกับเธอ

"เราน่าจะหัวอกเดียวกันนะ" ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบอก "เป็นพวกลืมยาก"

หญิงสาวนิ่งไปครู่ จึงบอกด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่ลืมยากหรอกค่ะ แต่สมองไม่เคยมีกลไกการลืม เราทำได้แค่ฝังความทรงจำเอาไว้"

"แต่เราฝังไว้ส่วนอื่นก็ได้นี่...ส่วนที่พอเรานึกถึง ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว"

ชนิศามองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา เธอรู้ว่าเขากำลังเปิดเผยอีกเสี้ยวหนึ่งของชีวิตให้เธอได้รู้จัก ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจ คล้ายว่าเธอได้รับการยอมรับในฐานะคนที่คุ้นเคยมากกว่าที่เคยเป็น

"ความทรงจำบางอย่าง...ถ้าเผลอฝังไว้ที่หัวใจแล้ว จะขุดไปไว้ที่อื่นมันยากค่ะ"

การันต์คลี่ยิ้มกึ่งล้อ "สาวซีวีที ไม่น่ากลัว open heart นะ" เขาล้อถึงเรื่องที่เธอเรียนด้านการผ่าตัดหัวใจ เหมือนที่คนรักเก่าของเขาเรียนอยู่ในต่างสถาบัน

"ก็ทำอยู่นะคะ...หนูไม่เคย close heart" เธอเอียงคอ ฉีกยิ้มกว้าง "ที่จีบพี่กานต์อยู่นี่ไงคะ"

"มีคนใหม่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลืมคนเก่านะ...มันไปฝังที่ใหม่ ไม่ได้กลบที่เดิม"

"ไม่ลืมหรอกค่ะ" ชนิศาตอบเสียงเรียบ เธอไม่เคยลืม และคงไม่มีวันลืม ผู้ชายที่สาปเธอด้วยความรักครั้งแรก รักที่เธอไม่คิดว่าจะรักใครได้อีก หากเป็นชนิศาเมื่อหลายเดือนก่อน เธอคงงมงายอยู่กับความรักและคำสัญญา แต่เวลานี้เธอรักตัวเองมากเกินกว่าจะยอมอยู่ในกรงของความยึดมั่นถือมั่น

"ถ้าเราเคยปลูกต้นไม้แล้วตาย...มีสองทางเลือกที่จะไปต่อ" เธอหยุดไปครู่ ชูนิ้วขึ้นตรงหน้า "หนึ่งคือเลิกปลูก สองคือปลูกต้นใหม่"

"แต่ก็ไม่ได้ลืมต้นเก่า"

เธอหัวเราะ "ถ้าต้นใหม่ออกดอกสวย...เราไม่ได้ลืมหรอกค่ะว่าเราเคยปลูกต้นไม้ตาย แต่เราคงดีใจและชื่นชมกับดอกไม้ที่ผลิบาน มากกว่าจะทรมานตัวเองอย่างย้ำคิดย้ำทำกับความพยายามที่เสียไปเพราะต้นไม้ที่ตาย"

อาหารที่สั่งไว้ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ การันต์นิ่งมองอยู่นานก็หัวเราะออกมา

"พี่อาจพยายามจะลืมเรื่องเก่า เลยอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน" เขามองเธอด้วยดวงตาที่มีประกายอบอุ่น "เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปหาซื้อต้นไม้มาปลูกก่อนนะ"



ชนิศาพลิกตัวถึงตุ๊กตาหมีตัวโตที่หัวเตียงมากอด ซบหน้ากับผ้าสักหลาดเนื้อนุ่มราวจะฝังบางความรู้สึกลงไป

เขาซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง

ของขวัญที่เขาบอกว่า หากเธอไม่พอใจ จะได้ต่อยเจ้าตัวโตแทนเขาก่อน
ชนิศาแค่นหัวเราะเบา ๆ จนถึงวันนี้ ตุ๊กตาตัวโตยังไม่เคยถูกเธอทำร้ายเลยสักนิด

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิดบทสนทนาในหน้าจอของการันต์ เธอนิ่งคิดเพียงครู่ก็พิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : Goodnight ค่ะ

แทบเป็นวินาทีเดียวกัน เมื่อข้อความจากอีกฝ่ายปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
Karunt : ขอคำปรึกษาหน่อย
Karunt : อ้าว...โอเค

ชนิศากระพริบตาอย่างงุนงง ก่อนพิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : คะ
Che'rie : ยังไม่นอนก็ได้ ต่อมเผือกทำงานละค่ะ

Karunt : แหม่...
การันต์เงียบไปนาน เธอเองก็ไม่ได้เอ่ยถาม หากเขาต้องการคำปรึกษา ควรเป็นเขาที่เอ่ยคำนั่นออกมาโดยสมัครใจ

Karunt : ถ้ารู้ตัวว่าจีบคนคนหนึ่งในอีก 2-3 ปีจะมีโอกาสติด แต่ถ้าจีบตอนนี้ไม่ติดแน่
Karunt : เชรีจะรอ หรือว่าจีบเลย

ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ เมื่ออ่านข้อความจากชายหนุ่ม เธอไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่เพียงเขาเอ่ยขอคำปรึกษาก็ทำให้หัวใจเธอพองฟูได้แล้ว

เธอรักการที่คนที่เธอให้ความสำคัญ เดินเข้ามาให้ความสำคัญกับเธอ
Che'rie : ถามว่ารอไปเพื่ออะไรดีกว่าค่ะ
Che'rie : ความรู้สึกของมนุษย์ต้องใช้เวลาสะสม
Che'rie : ใครจะรู้ล่ะคะว่าระหว่างที่เรารอเผยความรู้สึก เขาจะยังเก็บหัวใจไว้รอเรา

Karunt : ก็ถ้าในอนาคต เขายังไม่มีใคร ก็มีโอกาสแน่นอนไง

Che'rie : แล้วจะรอทำไมล่ะคะ
หญิงสาวอดขมวดคิ้วบาง ๆ ด้วยความหงุดหงิดปนสงสัยไม่ได้ เธอคุ้นเคยกับการซื่อตรงต่อความรู้สึก ชัดเจนต่อการไขว่คว้า มากเกินกว่าจะนั่งรออย่างใจเย็น

Che'rie : หวงความรู้สึกของการแอบชอบขนาดนั้นเลยเหรอคะ

Karunt : คนบางคน เข้าไปผิดเวลามันก็ไม่รอดไง
Karunt : อายุที่เหมาะสม ความเป็นผู้ใหญ่ ความเป็นผู้นำ การเรียน การเงิน
Karunt : นี่ไงที่เวลาทำให้มันเพิ่มขึ้นมา

ชนิศากลอกตามองเพดานห้องอย่างอ่อนใจ เธอไม่เข้าใจว่าความรักของคนสองคนทำไมจะต้องมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องรอคอยถึงเพียงนั้น

Che'rie : หนูไม่รู้นะ แต่หนูเป็นผู้หญิงสายชัดเจนมั้งคะเลยบอกพี่แบบนี้
Che'rie : แต่หนูคิดว่า การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนน่ะ มันเป็นเรื่องที่ดีมากนะคะ
Che'rie : การบอกความรู้สึกของเรา มันไม่ได้ต้องการปัจจัยอะไรมากมายเลย

เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อกดส่งข้อความอีกครั้ง

Che'rie : ถ้าไม่บอกไป...ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีเวลาให้บอกหรือเปล่า

หน้าจอนิ่งไปนานจนชนิศาเกือบจะวางมือจากโทรศัพท์ แล้วสัญญาณสั่นเบา ๆ ก็ทำให้เธอเปิดหน้าจอขึ้นดูอีกครั้ง

Karunt : ก็จริง
Karunt : แค่ได้บอกก็โล่งแล้วเนอะ

Che'rie : สำหรับหนูแล้ว หน้าที่ที่เราจะรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน คือการบอกเขา และทำให้เขารู้ความรู้สึกของเราอย่างจริงใจ
Che'rie : สิ่งที่ตอบกลับมาจะเป็นอย่างไร มันคือหน้าที่ของเขาค่ะ

Karunt : มันคือหน้าที่ของเขา
Karunt : พี่ชอบ
Karunt : ขอบคุณมาก เชรี
Karunt : เป็นศิรานีที่น่าสนใจ

ชนิศาคร้านจะพิมพ์ตอบ ว่าหากน่าสนใจ เขาก็สนใจสิ ให้ความสนใจแค่เธอ มองแค่เธอ แล้วล่อลวงให้เธอมีแค่เขาในสายตา

ดึกมากแล้ว เลยเวลานอนของเธอมานาน หญิงสาวได้แต่ถอนใจเมื่อจรดปลายนิ้วอีกครั้ง
Che'rie : ฝันดีค่ะ



"...ตรงนี้หนูมีข้อสงสัยเรียนถามอาจารย์เรื่องการเปลี่ยนวิธีการผ่าตัดของผู้ป่วยค่ะ" ชนิศามองหน้าคณาจารย์ด้านจริยธรรมการวิจัยที่นั่งเรียงกันอยู่ตรงหน้า "การที่เราเปรียบเทียบวิธีการใหม่ที่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลดี ผลเสียมาก่อน จะมีปัญหาด้านจริยธรรมไหมคะ"

อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับ "ผมว่าคณะกรรมการก็คงถามหมอเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าหมอมีข้อมูลอ้างอิง มี pilot study มาก่อน และหมออธิบายหลักการ ข้อดีข้อเสียที่คาดว่าจะเป็นได้ ก็น่าจะพอทำได้อยู่นะครับ"

วันนี้เป็นวิชาว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ อาจารย์ให้แพทย์ประจำบ้านออกมานำเสนอโครงการวิจัย เพื่อให้คำปรึกษาด้านจริยธรรมและขอบเขตของงาน

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอตัว ชนิศาก็ยกมือหรา เดินออกมานำเสนอเป็นคนแรกอย่างไม่อิดออด อย่างไรก็ต้องมีคนออกไปนำเสนออยู่แล้ว จะมีสักกี่คน และเป็นใครบ้างก็ไม่ต่างกัน เธอแค่ต้องการให้บรรยากาศการเรียนดำเนินต่อไปจนจบภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น

เมื่อหญิงสาวนำเสนอโครงการและขอรับคำปรึกษาจากคณาจารย์จนพอใจแล้ว เธอก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพิ่งสังเกตเมื่อเดินกลับมานี่เองว่าการันต์นั่งแถวเดียวกันกับเธอ เพียงแต่เขาอยู่ด้านในสุด มีปัณณาคั่นอยู่ระหว่างเธอกับชายหนุ่ม

เธอนั่งลงฟังเพื่อนนำเสนอโครงการเพียงไม่นาน หน้าจอโทรศัพท์บนโต๊ะก็ปรากฏข้อความ

Karunt : เป็นเพนกวินตัวแรกเหรอจ๊ะ

ชนิศาอมยิ้ม เธอเอ่ยกับอาจารย์เช่นนั้นเมื่อตัดสินใจก้าวออกไปนำเสนอเป็นคนแรก
Che'rie : อย่างน้อยก็ไม่โดนฉลามกิน

Karunt : ประโยคนี้ได้ยินครั้งแรกจากอาจารย์ภานพ

Che'rie : อาจารย์เป็นปู่รหัสหนูเองค่ะ
เธอคิดถึงอาจารย์สายรหัสที่เป็นศัลยแพทย์หัวใจ หนึ่งในต้นแบบที่ทำให้เธอเลือกที่จะเรียนด้านนี้
Che'rie : อาจารย์ชอบให้เป็นเพนกวินตัวแรก
Che'rie : ไม่ตายหรอก เจ็บบ้างจะได้เรียนรู้

Karunt : ดี ๆ เป็นสาวใจกล้า

Che'rie : แล้วพี่กานต์ชอบสาวใจกล้าป่ะคะ
เธอหันไปมองหน้าเขา ชายหนุ่มเองก็เงยหน้ามองคลี่ยิ้มแล้วยกคิ้วให้เธอ

Karunt : พี่ชื่นชมคนกล้า เพราะพี่ใจเสาะ

ชนิศาถอนใจทำแก้มป่อง อดหันไปตวัดสายตามองค้อนผู้ชายที่นั่งห่างออกไปเพียงที่นั่งคั่นไม่ได้ เธอรู้ว่าเขาจงใจปฏิเสธความรู้สึกอย่างคนรัก

บางทีเราอาจกำลังสับสน...ว่าที่พูดคุยกันอยู่ เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่

----
ดีใจจังค่ะที่ชอบหนูเชรี ไอซ์ยิ่งเขียนยิ่งหลงรักนางขึ้นทุกวันเลยค่ะ

คุณคิมหันตุ์ : เชรีของเราเดินหน้าเต็มสตรีมเลยค่ะ

คุณ sai : ไอซ์ชอบเฮียนะคะ จริง ๆ ต้องบอกว่าแอบสะสมเฮีย 555 คืออารมณ์เป็นคนที่ยืนข้าง ๆ เราเสมอโดยไม่ต้องผูกพัน แต่เขาทำให้เรารู้ว่า ถ้าเมื่อไรที่เราเหนื่อย ก็ไปงอแงกับเขาได้นะ

คุณ SaranyaW : จุดนี้ ทีมพี่กานต์มาแรงจริง ๆ ค่ะ

ขอชูป้ายไฟ...ทีมไหนดีน้าาาาาาา
คิดถึงทุกท่านค่ะ

โปรย...ตอนต่อไป The Hanged Man

"พี่กานต์คะ...เอาจริง ๆ บางทีพี่กานต์ก็ใจดีและหยอกกลับ ผู้หญิงหลายคนไม่ได้กร้านโลกแบบหนูหรอกนะคะ"

"ใช้คำว่ากร้านโลกเลยเหรอ" ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้

"รู้ไหมคะ...บางเรื่องอย่างความรัก หรือความสัมพันธ์ ผู้หญิงที่คิดไปไกลจะฉลาดน้อยเป็นพิเศษ"

"แปลว่าหนูคิดสั้นเหรอ" ชายหนุ่มทอดเสียงยาว ชนิศานึกภาพรอยยิ้มบนหน้าเขาได้เลยทีเดียว

"ใช่ค่ะ เชรีชอบคิดแค่วินาทีตรงหน้า" เธอตอบชัดเจน

"ดี...มีสติกับปัจจุบันนะคะ"



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2559, 23:45:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2559, 23:45:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1043





<< The wheel of fortune   บทที่ 4 The HangMan >>
คิมหันตุ์ 14 ก.ย. 2559, 01:56:05 น.
ชูป้ายไฟทีมเชรีค่ะ. นางคอยเตือนสติในอีกแบบเสมอ จริงๆคืองงค่ะเดาไม่ออกว่าใครมาแรง. ทำไมรุ้สึกว่าหนุ่มๆ ต่างก็อึมครึมแฝงพวงมะม่วงตล้อดดดด มิปลื้มค่ะ เพลีย!!


SaranyaW 14 ก.ย. 2559, 10:53:33 น.
เห็นด้วยกะคุณคิมหันตุ์เลย เชรีเจอแต่ผู้ชายอึมครึม แย่จัง ต้องมีสติ เข้มแข็งเข้าไว้ แต่ไม่อยากให้กลับไปหาเตชิต เราไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้
โชคดีทีผู้ชายของเราชัดเจนมาก ^^


ปรางขวัญ 14 ก.ย. 2559, 11:56:11 น.
ชอบแนวคิดของเชรีนะคะ
แอบมีความคิดคล้ายกัน


sai 15 ก.ย. 2559, 18:11:06 น.
ชูป้ายเชียร์คุณไอซ์คะ 555 จะได้มีแรงปั่นให้เราตามติดชีวิตเชรี

ปล.ตอนนี้เวลาเหนื่อยไม่มีพี่ชายให้โทรหาล่ะก็คุยกะตัวเองเอา


goszy 17 ก.ย. 2559, 11:39:00 น.
ชอบนางเอกค่ะ ว่าแต่ใครคือพระเอกละนี่ พี่กานต์รึเปล่าาา


Zephyr 24 ก.ย. 2559, 21:49:07 น.
คู่นี้อ่อยกันแรงแหะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account