คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์
ตอน: บทที่ 3 The moon
The Moon
ว่ากันว่า...คืนเพ็ญจะทำให้อ่อนไหว
กับหัวใจที่ภูมิต้านทานต่ำ...บางความรู้สึกก็ก่อตัวขึ้นได้ง่ายดาย
ชนิศาเดินออกจากห้องตรวจโรคฉุกเฉินด้วยท่าทางเบื่อหน่าย วันนี้เธอมีเวรห้องตรวจโรคถึงหกโมงเย็น กว่าจะได้ออกเวรก็ล้าจนต้องยกมือขึ้นบีบดั้งจมูก กดบริเวณเส้นประสาทใกล้ดวงตาให้สมองตื่นตัวจากความเหนื่อยล้า
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองทางเดินข้างหน้า หญิงสาวก็ต้องเอียงคอ คลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินสวนมา
"พี่กานต์...สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ เชรี" เขายิ้มตอบ ยืนมองเธอที่เดินเข้ามาหานิ่ง ๆ "อยู่เวรเหรอ"
"ค่ะ...ออกหกโมงนี่ล่ะค่ะ"
"มิน่าล่ะ...ปกติถ้าไม่เข้าเวรไม่เคยเห็นเชรีที่โรงพยาบาล"
"เชรีก็ต้องกลับบ้านบ้างอะไรบ้างสิคะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ "นี่พี่กานต์สังเกตเชรีด้วยเหรอคะ แอบสนใจเค้าใช่ไหม"
ชายหนุ่มหัวเราะ "พี่ก็ต้องรู้เรื่องของคนในรุ่นบ้างสิ" เขาเอ่ยในฐานะประธานชั้นปี ทำให้ชนิศาเบะปากถอนใจยาว อดจะหรี่ตามองชายหนุ่มกึ่งตัดพ้อไม่ได้
"แล้วนี่...พี่กานต์จะไปไหนคะ"
"หาอะไรทานน่ะค่ะ"
ชนิศานิ่งไปครู่ ก็ฉีกยิ้ม "ดีจัง...เชรีกำลังว่าจะไปหาอะไรทานก่อนเหมือนกัน เกาะพี่กานต์ไปด้วยได้ไหมคะ"
เมื่อชายหนุ่มยิ้มรับ หญิงสาวก็เดินไปข้างเขาเงียบ ๆ แต่เพียงร่างบางก้าวออกจากตัวอาคาร เมื่อเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงกลมที่ลอยอยู่บนฟ้า รอยยิ้มขื่น ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน
'เชรีขอสาป...ให้พี่คิดถึงเชรี ทุกครั้งที่เห็นพระจันทร์เต็มดวง' เสียงหวานใสที่เอ่ยคำอย่างมั่นคงราวจะใช้สาปนั้นยังดังก้องอยู่ใน
หัว
ชนิศาไม่รู้เลย ว่าคนที่เธอเอ่ยคำนั้นด้วย จะยังคงอยู่ใต้อำนาจคำสาปของเธอหรือเปล่า
หญิงสาวกัดริมฝีปากเบา ๆ ซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวในใจ แต่เมื่อหันมามองคนที่เดินข้าง ๆ เธอกลับอ่อนแออีกครั้ง
"พี่กานต์ขา...เชรียืมไหล่หน่อยนะคะ"
เขาเลิกคิ้ว มองสบตาหวานที่เป็นประกายกึ่งอ้อนนั้นด้วยรอยยิ้ม
"จะอ้อนอะไรคะ เหนื่อยใจหรือเหนื่อยกาย"
"ถ้าทั้งสองอย่าง พี่กานต์จะปลอบเชรีเหรอคะ"
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง "เรื่องปลอบใจนี่พอไหว...เพราะพี่ปลอบใจตัวเองบ่อย"
คนฟังนิ่งงันไปครู่ ดวงตาที่ออดอ้อนปรากฏรอยของการค้นหาแว่บผ่าน ก่อนที่เธอจะถอนใจเบา ๆ หันกลับมาเงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้า
"งั้นเชรีปลอบพี่กานต์แทนก็ได้ค่ะ"
"อ้าว...ไหงเป็นงั้น" ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง
ชนิศาไม่ได้มองหน้าเขา เธอแค่มองฟ้าแล้วตอบเรียบ ๆ "ก็ถ้าหนูมีพี่กานต์ปลอบ...แต่พี่กานต์ต้องปลอบตัวเองด้วย พี่กานต์ก็เหนื่อยแย่สิคะ"
เธอหันมายิ้มให้เขา ทั้งปากและดวงตา "หนูปลอบพี่กานต์ก่อน...พี่กานต์จะได้มีกำลังใจปลอบหนูไงคะ"
หญิงสาวเดินนำเขาเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วเธอก็หันมามองหน้าเขา เอียงคอสบสายตาที่ชวนให้ใจสั่นอย่างค้นหา
"เป็นอะไรไปคะ" คนจิตตกควรเป็นเธอ แต่ทำไมสายตาเขาจึงเศร้าจนคนมองอดห่วงไม่ได้
ชนิศาเพิ่งนึกได้ว่า การันต์เองก็เพิ่งเลิกรากับคนรักได้ไม่ถึงปี ที่แย่กว่านั้นคือคนรักเก่าของเขาเรียนสาขาเดียวกับเธอ
"เราน่าจะหัวอกเดียวกันนะ" ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบอก "เป็นพวกลืมยาก"
หญิงสาวนิ่งไปครู่ จึงบอกด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่ลืมยากหรอกค่ะ แต่สมองไม่เคยมีกลไกการลืม เราทำได้แค่ฝังความทรงจำเอาไว้"
"แต่เราฝังไว้ส่วนอื่นก็ได้นี่...ส่วนที่พอเรานึกถึง ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว"
ชนิศามองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา เธอรู้ว่าเขากำลังเปิดเผยอีกเสี้ยวหนึ่งของชีวิตให้เธอได้รู้จัก ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจ คล้ายว่าเธอได้รับการยอมรับในฐานะคนที่คุ้นเคยมากกว่าที่เคยเป็น
"ความทรงจำบางอย่าง...ถ้าเผลอฝังไว้ที่หัวใจแล้ว จะขุดไปไว้ที่อื่นมันยากค่ะ"
การันต์คลี่ยิ้มกึ่งล้อ "สาวซีวีที ไม่น่ากลัว open heart นะ" เขาล้อถึงเรื่องที่เธอเรียนด้านการผ่าตัดหัวใจ เหมือนที่คนรักเก่าของเขาเรียนอยู่ในต่างสถาบัน
"ก็ทำอยู่นะคะ...หนูไม่เคย close heart" เธอเอียงคอ ฉีกยิ้มกว้าง "ที่จีบพี่กานต์อยู่นี่ไงคะ"
"มีคนใหม่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลืมคนเก่านะ...มันไปฝังที่ใหม่ ไม่ได้กลบที่เดิม"
"ไม่ลืมหรอกค่ะ" ชนิศาตอบเสียงเรียบ เธอไม่เคยลืม และคงไม่มีวันลืม ผู้ชายที่สาปเธอด้วยความรักครั้งแรก รักที่เธอไม่คิดว่าจะรักใครได้อีก หากเป็นชนิศาเมื่อหลายเดือนก่อน เธอคงงมงายอยู่กับความรักและคำสัญญา แต่เวลานี้เธอรักตัวเองมากเกินกว่าจะยอมอยู่ในกรงของความยึดมั่นถือมั่น
"ถ้าเราเคยปลูกต้นไม้แล้วตาย...มีสองทางเลือกที่จะไปต่อ" เธอหยุดไปครู่ ชูนิ้วขึ้นตรงหน้า "หนึ่งคือเลิกปลูก สองคือปลูกต้นใหม่"
"แต่ก็ไม่ได้ลืมต้นเก่า"
เธอหัวเราะ "ถ้าต้นใหม่ออกดอกสวย...เราไม่ได้ลืมหรอกค่ะว่าเราเคยปลูกต้นไม้ตาย แต่เราคงดีใจและชื่นชมกับดอกไม้ที่ผลิบาน มากกว่าจะทรมานตัวเองอย่างย้ำคิดย้ำทำกับความพยายามที่เสียไปเพราะต้นไม้ที่ตาย"
อาหารที่สั่งไว้ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ การันต์นิ่งมองอยู่นานก็หัวเราะออกมา
"พี่อาจพยายามจะลืมเรื่องเก่า เลยอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน" เขามองเธอด้วยดวงตาที่มีประกายอบอุ่น "เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปหาซื้อต้นไม้มาปลูกก่อนนะ"
ชนิศาพลิกตัวถึงตุ๊กตาหมีตัวโตที่หัวเตียงมากอด ซบหน้ากับผ้าสักหลาดเนื้อนุ่มราวจะฝังบางความรู้สึกลงไป
เขาซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง
ของขวัญที่เขาบอกว่า หากเธอไม่พอใจ จะได้ต่อยเจ้าตัวโตแทนเขาก่อน
ชนิศาแค่นหัวเราะเบา ๆ จนถึงวันนี้ ตุ๊กตาตัวโตยังไม่เคยถูกเธอทำร้ายเลยสักนิด
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิดบทสนทนาในหน้าจอของการันต์ เธอนิ่งคิดเพียงครู่ก็พิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : Goodnight ค่ะ
แทบเป็นวินาทีเดียวกัน เมื่อข้อความจากอีกฝ่ายปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
Karunt : ขอคำปรึกษาหน่อย
Karunt : อ้าว...โอเค
ชนิศากระพริบตาอย่างงุนงง ก่อนพิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : คะ
Che'rie : ยังไม่นอนก็ได้ ต่อมเผือกทำงานละค่ะ
Karunt : แหม่...
การันต์เงียบไปนาน เธอเองก็ไม่ได้เอ่ยถาม หากเขาต้องการคำปรึกษา ควรเป็นเขาที่เอ่ยคำนั่นออกมาโดยสมัครใจ
Karunt : ถ้ารู้ตัวว่าจีบคนคนหนึ่งในอีก 2-3 ปีจะมีโอกาสติด แต่ถ้าจีบตอนนี้ไม่ติดแน่
Karunt : เชรีจะรอ หรือว่าจีบเลย
ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ เมื่ออ่านข้อความจากชายหนุ่ม เธอไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่เพียงเขาเอ่ยขอคำปรึกษาก็ทำให้หัวใจเธอพองฟูได้แล้ว
เธอรักการที่คนที่เธอให้ความสำคัญ เดินเข้ามาให้ความสำคัญกับเธอ
Che'rie : ถามว่ารอไปเพื่ออะไรดีกว่าค่ะ
Che'rie : ความรู้สึกของมนุษย์ต้องใช้เวลาสะสม
Che'rie : ใครจะรู้ล่ะคะว่าระหว่างที่เรารอเผยความรู้สึก เขาจะยังเก็บหัวใจไว้รอเรา
Karunt : ก็ถ้าในอนาคต เขายังไม่มีใคร ก็มีโอกาสแน่นอนไง
Che'rie : แล้วจะรอทำไมล่ะคะ
หญิงสาวอดขมวดคิ้วบาง ๆ ด้วยความหงุดหงิดปนสงสัยไม่ได้ เธอคุ้นเคยกับการซื่อตรงต่อความรู้สึก ชัดเจนต่อการไขว่คว้า มากเกินกว่าจะนั่งรออย่างใจเย็น
Che'rie : หวงความรู้สึกของการแอบชอบขนาดนั้นเลยเหรอคะ
Karunt : คนบางคน เข้าไปผิดเวลามันก็ไม่รอดไง
Karunt : อายุที่เหมาะสม ความเป็นผู้ใหญ่ ความเป็นผู้นำ การเรียน การเงิน
Karunt : นี่ไงที่เวลาทำให้มันเพิ่มขึ้นมา
ชนิศากลอกตามองเพดานห้องอย่างอ่อนใจ เธอไม่เข้าใจว่าความรักของคนสองคนทำไมจะต้องมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องรอคอยถึงเพียงนั้น
Che'rie : หนูไม่รู้นะ แต่หนูเป็นผู้หญิงสายชัดเจนมั้งคะเลยบอกพี่แบบนี้
Che'rie : แต่หนูคิดว่า การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนน่ะ มันเป็นเรื่องที่ดีมากนะคะ
Che'rie : การบอกความรู้สึกของเรา มันไม่ได้ต้องการปัจจัยอะไรมากมายเลย
เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อกดส่งข้อความอีกครั้ง
Che'rie : ถ้าไม่บอกไป...ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีเวลาให้บอกหรือเปล่า
หน้าจอนิ่งไปนานจนชนิศาเกือบจะวางมือจากโทรศัพท์ แล้วสัญญาณสั่นเบา ๆ ก็ทำให้เธอเปิดหน้าจอขึ้นดูอีกครั้ง
Karunt : ก็จริง
Karunt : แค่ได้บอกก็โล่งแล้วเนอะ
Che'rie : สำหรับหนูแล้ว หน้าที่ที่เราจะรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน คือการบอกเขา และทำให้เขารู้ความรู้สึกของเราอย่างจริงใจ
Che'rie : สิ่งที่ตอบกลับมาจะเป็นอย่างไร มันคือหน้าที่ของเขาค่ะ
Karunt : มันคือหน้าที่ของเขา
Karunt : พี่ชอบ
Karunt : ขอบคุณมาก เชรี
Karunt : เป็นศิรานีที่น่าสนใจ
ชนิศาคร้านจะพิมพ์ตอบ ว่าหากน่าสนใจ เขาก็สนใจสิ ให้ความสนใจแค่เธอ มองแค่เธอ แล้วล่อลวงให้เธอมีแค่เขาในสายตา
ดึกมากแล้ว เลยเวลานอนของเธอมานาน หญิงสาวได้แต่ถอนใจเมื่อจรดปลายนิ้วอีกครั้ง
Che'rie : ฝันดีค่ะ
"...ตรงนี้หนูมีข้อสงสัยเรียนถามอาจารย์เรื่องการเปลี่ยนวิธีการผ่าตัดของผู้ป่วยค่ะ" ชนิศามองหน้าคณาจารย์ด้านจริยธรรมการวิจัยที่นั่งเรียงกันอยู่ตรงหน้า "การที่เราเปรียบเทียบวิธีการใหม่ที่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลดี ผลเสียมาก่อน จะมีปัญหาด้านจริยธรรมไหมคะ"
อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับ "ผมว่าคณะกรรมการก็คงถามหมอเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าหมอมีข้อมูลอ้างอิง มี pilot study มาก่อน และหมออธิบายหลักการ ข้อดีข้อเสียที่คาดว่าจะเป็นได้ ก็น่าจะพอทำได้อยู่นะครับ"
วันนี้เป็นวิชาว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ อาจารย์ให้แพทย์ประจำบ้านออกมานำเสนอโครงการวิจัย เพื่อให้คำปรึกษาด้านจริยธรรมและขอบเขตของงาน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอตัว ชนิศาก็ยกมือหรา เดินออกมานำเสนอเป็นคนแรกอย่างไม่อิดออด อย่างไรก็ต้องมีคนออกไปนำเสนออยู่แล้ว จะมีสักกี่คน และเป็นใครบ้างก็ไม่ต่างกัน เธอแค่ต้องการให้บรรยากาศการเรียนดำเนินต่อไปจนจบภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น
เมื่อหญิงสาวนำเสนอโครงการและขอรับคำปรึกษาจากคณาจารย์จนพอใจแล้ว เธอก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพิ่งสังเกตเมื่อเดินกลับมานี่เองว่าการันต์นั่งแถวเดียวกันกับเธอ เพียงแต่เขาอยู่ด้านในสุด มีปัณณาคั่นอยู่ระหว่างเธอกับชายหนุ่ม
เธอนั่งลงฟังเพื่อนนำเสนอโครงการเพียงไม่นาน หน้าจอโทรศัพท์บนโต๊ะก็ปรากฏข้อความ
Karunt : เป็นเพนกวินตัวแรกเหรอจ๊ะ
ชนิศาอมยิ้ม เธอเอ่ยกับอาจารย์เช่นนั้นเมื่อตัดสินใจก้าวออกไปนำเสนอเป็นคนแรก
Che'rie : อย่างน้อยก็ไม่โดนฉลามกิน
Karunt : ประโยคนี้ได้ยินครั้งแรกจากอาจารย์ภานพ
Che'rie : อาจารย์เป็นปู่รหัสหนูเองค่ะ
เธอคิดถึงอาจารย์สายรหัสที่เป็นศัลยแพทย์หัวใจ หนึ่งในต้นแบบที่ทำให้เธอเลือกที่จะเรียนด้านนี้
Che'rie : อาจารย์ชอบให้เป็นเพนกวินตัวแรก
Che'rie : ไม่ตายหรอก เจ็บบ้างจะได้เรียนรู้
Karunt : ดี ๆ เป็นสาวใจกล้า
Che'rie : แล้วพี่กานต์ชอบสาวใจกล้าป่ะคะ
เธอหันไปมองหน้าเขา ชายหนุ่มเองก็เงยหน้ามองคลี่ยิ้มแล้วยกคิ้วให้เธอ
Karunt : พี่ชื่นชมคนกล้า เพราะพี่ใจเสาะ
ชนิศาถอนใจทำแก้มป่อง อดหันไปตวัดสายตามองค้อนผู้ชายที่นั่งห่างออกไปเพียงที่นั่งคั่นไม่ได้ เธอรู้ว่าเขาจงใจปฏิเสธความรู้สึกอย่างคนรัก
บางทีเราอาจกำลังสับสน...ว่าที่พูดคุยกันอยู่ เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่
----
ดีใจจังค่ะที่ชอบหนูเชรี ไอซ์ยิ่งเขียนยิ่งหลงรักนางขึ้นทุกวันเลยค่ะ
คุณคิมหันตุ์ : เชรีของเราเดินหน้าเต็มสตรีมเลยค่ะ
คุณ sai : ไอซ์ชอบเฮียนะคะ จริง ๆ ต้องบอกว่าแอบสะสมเฮีย 555 คืออารมณ์เป็นคนที่ยืนข้าง ๆ เราเสมอโดยไม่ต้องผูกพัน แต่เขาทำให้เรารู้ว่า ถ้าเมื่อไรที่เราเหนื่อย ก็ไปงอแงกับเขาได้นะ
คุณ SaranyaW : จุดนี้ ทีมพี่กานต์มาแรงจริง ๆ ค่ะ
ขอชูป้ายไฟ...ทีมไหนดีน้าาาาาาา
คิดถึงทุกท่านค่ะ
โปรย...ตอนต่อไป The Hanged Man
"พี่กานต์คะ...เอาจริง ๆ บางทีพี่กานต์ก็ใจดีและหยอกกลับ ผู้หญิงหลายคนไม่ได้กร้านโลกแบบหนูหรอกนะคะ"
"ใช้คำว่ากร้านโลกเลยเหรอ" ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้
"รู้ไหมคะ...บางเรื่องอย่างความรัก หรือความสัมพันธ์ ผู้หญิงที่คิดไปไกลจะฉลาดน้อยเป็นพิเศษ"
"แปลว่าหนูคิดสั้นเหรอ" ชายหนุ่มทอดเสียงยาว ชนิศานึกภาพรอยยิ้มบนหน้าเขาได้เลยทีเดียว
"ใช่ค่ะ เชรีชอบคิดแค่วินาทีตรงหน้า" เธอตอบชัดเจน
"ดี...มีสติกับปัจจุบันนะคะ"
ว่ากันว่า...คืนเพ็ญจะทำให้อ่อนไหว
กับหัวใจที่ภูมิต้านทานต่ำ...บางความรู้สึกก็ก่อตัวขึ้นได้ง่ายดาย
ชนิศาเดินออกจากห้องตรวจโรคฉุกเฉินด้วยท่าทางเบื่อหน่าย วันนี้เธอมีเวรห้องตรวจโรคถึงหกโมงเย็น กว่าจะได้ออกเวรก็ล้าจนต้องยกมือขึ้นบีบดั้งจมูก กดบริเวณเส้นประสาทใกล้ดวงตาให้สมองตื่นตัวจากความเหนื่อยล้า
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองทางเดินข้างหน้า หญิงสาวก็ต้องเอียงคอ คลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินสวนมา
"พี่กานต์...สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ เชรี" เขายิ้มตอบ ยืนมองเธอที่เดินเข้ามาหานิ่ง ๆ "อยู่เวรเหรอ"
"ค่ะ...ออกหกโมงนี่ล่ะค่ะ"
"มิน่าล่ะ...ปกติถ้าไม่เข้าเวรไม่เคยเห็นเชรีที่โรงพยาบาล"
"เชรีก็ต้องกลับบ้านบ้างอะไรบ้างสิคะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ "นี่พี่กานต์สังเกตเชรีด้วยเหรอคะ แอบสนใจเค้าใช่ไหม"
ชายหนุ่มหัวเราะ "พี่ก็ต้องรู้เรื่องของคนในรุ่นบ้างสิ" เขาเอ่ยในฐานะประธานชั้นปี ทำให้ชนิศาเบะปากถอนใจยาว อดจะหรี่ตามองชายหนุ่มกึ่งตัดพ้อไม่ได้
"แล้วนี่...พี่กานต์จะไปไหนคะ"
"หาอะไรทานน่ะค่ะ"
ชนิศานิ่งไปครู่ ก็ฉีกยิ้ม "ดีจัง...เชรีกำลังว่าจะไปหาอะไรทานก่อนเหมือนกัน เกาะพี่กานต์ไปด้วยได้ไหมคะ"
เมื่อชายหนุ่มยิ้มรับ หญิงสาวก็เดินไปข้างเขาเงียบ ๆ แต่เพียงร่างบางก้าวออกจากตัวอาคาร เมื่อเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงกลมที่ลอยอยู่บนฟ้า รอยยิ้มขื่น ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน
'เชรีขอสาป...ให้พี่คิดถึงเชรี ทุกครั้งที่เห็นพระจันทร์เต็มดวง' เสียงหวานใสที่เอ่ยคำอย่างมั่นคงราวจะใช้สาปนั้นยังดังก้องอยู่ใน
หัว
ชนิศาไม่รู้เลย ว่าคนที่เธอเอ่ยคำนั้นด้วย จะยังคงอยู่ใต้อำนาจคำสาปของเธอหรือเปล่า
หญิงสาวกัดริมฝีปากเบา ๆ ซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวในใจ แต่เมื่อหันมามองคนที่เดินข้าง ๆ เธอกลับอ่อนแออีกครั้ง
"พี่กานต์ขา...เชรียืมไหล่หน่อยนะคะ"
เขาเลิกคิ้ว มองสบตาหวานที่เป็นประกายกึ่งอ้อนนั้นด้วยรอยยิ้ม
"จะอ้อนอะไรคะ เหนื่อยใจหรือเหนื่อยกาย"
"ถ้าทั้งสองอย่าง พี่กานต์จะปลอบเชรีเหรอคะ"
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง "เรื่องปลอบใจนี่พอไหว...เพราะพี่ปลอบใจตัวเองบ่อย"
คนฟังนิ่งงันไปครู่ ดวงตาที่ออดอ้อนปรากฏรอยของการค้นหาแว่บผ่าน ก่อนที่เธอจะถอนใจเบา ๆ หันกลับมาเงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้า
"งั้นเชรีปลอบพี่กานต์แทนก็ได้ค่ะ"
"อ้าว...ไหงเป็นงั้น" ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง
ชนิศาไม่ได้มองหน้าเขา เธอแค่มองฟ้าแล้วตอบเรียบ ๆ "ก็ถ้าหนูมีพี่กานต์ปลอบ...แต่พี่กานต์ต้องปลอบตัวเองด้วย พี่กานต์ก็เหนื่อยแย่สิคะ"
เธอหันมายิ้มให้เขา ทั้งปากและดวงตา "หนูปลอบพี่กานต์ก่อน...พี่กานต์จะได้มีกำลังใจปลอบหนูไงคะ"
หญิงสาวเดินนำเขาเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วเธอก็หันมามองหน้าเขา เอียงคอสบสายตาที่ชวนให้ใจสั่นอย่างค้นหา
"เป็นอะไรไปคะ" คนจิตตกควรเป็นเธอ แต่ทำไมสายตาเขาจึงเศร้าจนคนมองอดห่วงไม่ได้
ชนิศาเพิ่งนึกได้ว่า การันต์เองก็เพิ่งเลิกรากับคนรักได้ไม่ถึงปี ที่แย่กว่านั้นคือคนรักเก่าของเขาเรียนสาขาเดียวกับเธอ
"เราน่าจะหัวอกเดียวกันนะ" ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบอก "เป็นพวกลืมยาก"
หญิงสาวนิ่งไปครู่ จึงบอกด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่ลืมยากหรอกค่ะ แต่สมองไม่เคยมีกลไกการลืม เราทำได้แค่ฝังความทรงจำเอาไว้"
"แต่เราฝังไว้ส่วนอื่นก็ได้นี่...ส่วนที่พอเรานึกถึง ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว"
ชนิศามองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา เธอรู้ว่าเขากำลังเปิดเผยอีกเสี้ยวหนึ่งของชีวิตให้เธอได้รู้จัก ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจ คล้ายว่าเธอได้รับการยอมรับในฐานะคนที่คุ้นเคยมากกว่าที่เคยเป็น
"ความทรงจำบางอย่าง...ถ้าเผลอฝังไว้ที่หัวใจแล้ว จะขุดไปไว้ที่อื่นมันยากค่ะ"
การันต์คลี่ยิ้มกึ่งล้อ "สาวซีวีที ไม่น่ากลัว open heart นะ" เขาล้อถึงเรื่องที่เธอเรียนด้านการผ่าตัดหัวใจ เหมือนที่คนรักเก่าของเขาเรียนอยู่ในต่างสถาบัน
"ก็ทำอยู่นะคะ...หนูไม่เคย close heart" เธอเอียงคอ ฉีกยิ้มกว้าง "ที่จีบพี่กานต์อยู่นี่ไงคะ"
"มีคนใหม่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลืมคนเก่านะ...มันไปฝังที่ใหม่ ไม่ได้กลบที่เดิม"
"ไม่ลืมหรอกค่ะ" ชนิศาตอบเสียงเรียบ เธอไม่เคยลืม และคงไม่มีวันลืม ผู้ชายที่สาปเธอด้วยความรักครั้งแรก รักที่เธอไม่คิดว่าจะรักใครได้อีก หากเป็นชนิศาเมื่อหลายเดือนก่อน เธอคงงมงายอยู่กับความรักและคำสัญญา แต่เวลานี้เธอรักตัวเองมากเกินกว่าจะยอมอยู่ในกรงของความยึดมั่นถือมั่น
"ถ้าเราเคยปลูกต้นไม้แล้วตาย...มีสองทางเลือกที่จะไปต่อ" เธอหยุดไปครู่ ชูนิ้วขึ้นตรงหน้า "หนึ่งคือเลิกปลูก สองคือปลูกต้นใหม่"
"แต่ก็ไม่ได้ลืมต้นเก่า"
เธอหัวเราะ "ถ้าต้นใหม่ออกดอกสวย...เราไม่ได้ลืมหรอกค่ะว่าเราเคยปลูกต้นไม้ตาย แต่เราคงดีใจและชื่นชมกับดอกไม้ที่ผลิบาน มากกว่าจะทรมานตัวเองอย่างย้ำคิดย้ำทำกับความพยายามที่เสียไปเพราะต้นไม้ที่ตาย"
อาหารที่สั่งไว้ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ การันต์นิ่งมองอยู่นานก็หัวเราะออกมา
"พี่อาจพยายามจะลืมเรื่องเก่า เลยอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน" เขามองเธอด้วยดวงตาที่มีประกายอบอุ่น "เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปหาซื้อต้นไม้มาปลูกก่อนนะ"
ชนิศาพลิกตัวถึงตุ๊กตาหมีตัวโตที่หัวเตียงมากอด ซบหน้ากับผ้าสักหลาดเนื้อนุ่มราวจะฝังบางความรู้สึกลงไป
เขาซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง
ของขวัญที่เขาบอกว่า หากเธอไม่พอใจ จะได้ต่อยเจ้าตัวโตแทนเขาก่อน
ชนิศาแค่นหัวเราะเบา ๆ จนถึงวันนี้ ตุ๊กตาตัวโตยังไม่เคยถูกเธอทำร้ายเลยสักนิด
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิดบทสนทนาในหน้าจอของการันต์ เธอนิ่งคิดเพียงครู่ก็พิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : Goodnight ค่ะ
แทบเป็นวินาทีเดียวกัน เมื่อข้อความจากอีกฝ่ายปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
Karunt : ขอคำปรึกษาหน่อย
Karunt : อ้าว...โอเค
ชนิศากระพริบตาอย่างงุนงง ก่อนพิมพ์ข้อความบอก
Che'rie : คะ
Che'rie : ยังไม่นอนก็ได้ ต่อมเผือกทำงานละค่ะ
Karunt : แหม่...
การันต์เงียบไปนาน เธอเองก็ไม่ได้เอ่ยถาม หากเขาต้องการคำปรึกษา ควรเป็นเขาที่เอ่ยคำนั่นออกมาโดยสมัครใจ
Karunt : ถ้ารู้ตัวว่าจีบคนคนหนึ่งในอีก 2-3 ปีจะมีโอกาสติด แต่ถ้าจีบตอนนี้ไม่ติดแน่
Karunt : เชรีจะรอ หรือว่าจีบเลย
ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ เมื่ออ่านข้อความจากชายหนุ่ม เธอไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่เพียงเขาเอ่ยขอคำปรึกษาก็ทำให้หัวใจเธอพองฟูได้แล้ว
เธอรักการที่คนที่เธอให้ความสำคัญ เดินเข้ามาให้ความสำคัญกับเธอ
Che'rie : ถามว่ารอไปเพื่ออะไรดีกว่าค่ะ
Che'rie : ความรู้สึกของมนุษย์ต้องใช้เวลาสะสม
Che'rie : ใครจะรู้ล่ะคะว่าระหว่างที่เรารอเผยความรู้สึก เขาจะยังเก็บหัวใจไว้รอเรา
Karunt : ก็ถ้าในอนาคต เขายังไม่มีใคร ก็มีโอกาสแน่นอนไง
Che'rie : แล้วจะรอทำไมล่ะคะ
หญิงสาวอดขมวดคิ้วบาง ๆ ด้วยความหงุดหงิดปนสงสัยไม่ได้ เธอคุ้นเคยกับการซื่อตรงต่อความรู้สึก ชัดเจนต่อการไขว่คว้า มากเกินกว่าจะนั่งรออย่างใจเย็น
Che'rie : หวงความรู้สึกของการแอบชอบขนาดนั้นเลยเหรอคะ
Karunt : คนบางคน เข้าไปผิดเวลามันก็ไม่รอดไง
Karunt : อายุที่เหมาะสม ความเป็นผู้ใหญ่ ความเป็นผู้นำ การเรียน การเงิน
Karunt : นี่ไงที่เวลาทำให้มันเพิ่มขึ้นมา
ชนิศากลอกตามองเพดานห้องอย่างอ่อนใจ เธอไม่เข้าใจว่าความรักของคนสองคนทำไมจะต้องมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องรอคอยถึงเพียงนั้น
Che'rie : หนูไม่รู้นะ แต่หนูเป็นผู้หญิงสายชัดเจนมั้งคะเลยบอกพี่แบบนี้
Che'rie : แต่หนูคิดว่า การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนน่ะ มันเป็นเรื่องที่ดีมากนะคะ
Che'rie : การบอกความรู้สึกของเรา มันไม่ได้ต้องการปัจจัยอะไรมากมายเลย
เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อกดส่งข้อความอีกครั้ง
Che'rie : ถ้าไม่บอกไป...ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีเวลาให้บอกหรือเปล่า
หน้าจอนิ่งไปนานจนชนิศาเกือบจะวางมือจากโทรศัพท์ แล้วสัญญาณสั่นเบา ๆ ก็ทำให้เธอเปิดหน้าจอขึ้นดูอีกครั้ง
Karunt : ก็จริง
Karunt : แค่ได้บอกก็โล่งแล้วเนอะ
Che'rie : สำหรับหนูแล้ว หน้าที่ที่เราจะรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน คือการบอกเขา และทำให้เขารู้ความรู้สึกของเราอย่างจริงใจ
Che'rie : สิ่งที่ตอบกลับมาจะเป็นอย่างไร มันคือหน้าที่ของเขาค่ะ
Karunt : มันคือหน้าที่ของเขา
Karunt : พี่ชอบ
Karunt : ขอบคุณมาก เชรี
Karunt : เป็นศิรานีที่น่าสนใจ
ชนิศาคร้านจะพิมพ์ตอบ ว่าหากน่าสนใจ เขาก็สนใจสิ ให้ความสนใจแค่เธอ มองแค่เธอ แล้วล่อลวงให้เธอมีแค่เขาในสายตา
ดึกมากแล้ว เลยเวลานอนของเธอมานาน หญิงสาวได้แต่ถอนใจเมื่อจรดปลายนิ้วอีกครั้ง
Che'rie : ฝันดีค่ะ
"...ตรงนี้หนูมีข้อสงสัยเรียนถามอาจารย์เรื่องการเปลี่ยนวิธีการผ่าตัดของผู้ป่วยค่ะ" ชนิศามองหน้าคณาจารย์ด้านจริยธรรมการวิจัยที่นั่งเรียงกันอยู่ตรงหน้า "การที่เราเปรียบเทียบวิธีการใหม่ที่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลดี ผลเสียมาก่อน จะมีปัญหาด้านจริยธรรมไหมคะ"
อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับ "ผมว่าคณะกรรมการก็คงถามหมอเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าหมอมีข้อมูลอ้างอิง มี pilot study มาก่อน และหมออธิบายหลักการ ข้อดีข้อเสียที่คาดว่าจะเป็นได้ ก็น่าจะพอทำได้อยู่นะครับ"
วันนี้เป็นวิชาว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ อาจารย์ให้แพทย์ประจำบ้านออกมานำเสนอโครงการวิจัย เพื่อให้คำปรึกษาด้านจริยธรรมและขอบเขตของงาน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอตัว ชนิศาก็ยกมือหรา เดินออกมานำเสนอเป็นคนแรกอย่างไม่อิดออด อย่างไรก็ต้องมีคนออกไปนำเสนออยู่แล้ว จะมีสักกี่คน และเป็นใครบ้างก็ไม่ต่างกัน เธอแค่ต้องการให้บรรยากาศการเรียนดำเนินต่อไปจนจบภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น
เมื่อหญิงสาวนำเสนอโครงการและขอรับคำปรึกษาจากคณาจารย์จนพอใจแล้ว เธอก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพิ่งสังเกตเมื่อเดินกลับมานี่เองว่าการันต์นั่งแถวเดียวกันกับเธอ เพียงแต่เขาอยู่ด้านในสุด มีปัณณาคั่นอยู่ระหว่างเธอกับชายหนุ่ม
เธอนั่งลงฟังเพื่อนนำเสนอโครงการเพียงไม่นาน หน้าจอโทรศัพท์บนโต๊ะก็ปรากฏข้อความ
Karunt : เป็นเพนกวินตัวแรกเหรอจ๊ะ
ชนิศาอมยิ้ม เธอเอ่ยกับอาจารย์เช่นนั้นเมื่อตัดสินใจก้าวออกไปนำเสนอเป็นคนแรก
Che'rie : อย่างน้อยก็ไม่โดนฉลามกิน
Karunt : ประโยคนี้ได้ยินครั้งแรกจากอาจารย์ภานพ
Che'rie : อาจารย์เป็นปู่รหัสหนูเองค่ะ
เธอคิดถึงอาจารย์สายรหัสที่เป็นศัลยแพทย์หัวใจ หนึ่งในต้นแบบที่ทำให้เธอเลือกที่จะเรียนด้านนี้
Che'rie : อาจารย์ชอบให้เป็นเพนกวินตัวแรก
Che'rie : ไม่ตายหรอก เจ็บบ้างจะได้เรียนรู้
Karunt : ดี ๆ เป็นสาวใจกล้า
Che'rie : แล้วพี่กานต์ชอบสาวใจกล้าป่ะคะ
เธอหันไปมองหน้าเขา ชายหนุ่มเองก็เงยหน้ามองคลี่ยิ้มแล้วยกคิ้วให้เธอ
Karunt : พี่ชื่นชมคนกล้า เพราะพี่ใจเสาะ
ชนิศาถอนใจทำแก้มป่อง อดหันไปตวัดสายตามองค้อนผู้ชายที่นั่งห่างออกไปเพียงที่นั่งคั่นไม่ได้ เธอรู้ว่าเขาจงใจปฏิเสธความรู้สึกอย่างคนรัก
บางทีเราอาจกำลังสับสน...ว่าที่พูดคุยกันอยู่ เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่
----
ดีใจจังค่ะที่ชอบหนูเชรี ไอซ์ยิ่งเขียนยิ่งหลงรักนางขึ้นทุกวันเลยค่ะ
คุณคิมหันตุ์ : เชรีของเราเดินหน้าเต็มสตรีมเลยค่ะ
คุณ sai : ไอซ์ชอบเฮียนะคะ จริง ๆ ต้องบอกว่าแอบสะสมเฮีย 555 คืออารมณ์เป็นคนที่ยืนข้าง ๆ เราเสมอโดยไม่ต้องผูกพัน แต่เขาทำให้เรารู้ว่า ถ้าเมื่อไรที่เราเหนื่อย ก็ไปงอแงกับเขาได้นะ
คุณ SaranyaW : จุดนี้ ทีมพี่กานต์มาแรงจริง ๆ ค่ะ
ขอชูป้ายไฟ...ทีมไหนดีน้าาาาาาา
คิดถึงทุกท่านค่ะ
โปรย...ตอนต่อไป The Hanged Man
"พี่กานต์คะ...เอาจริง ๆ บางทีพี่กานต์ก็ใจดีและหยอกกลับ ผู้หญิงหลายคนไม่ได้กร้านโลกแบบหนูหรอกนะคะ"
"ใช้คำว่ากร้านโลกเลยเหรอ" ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้
"รู้ไหมคะ...บางเรื่องอย่างความรัก หรือความสัมพันธ์ ผู้หญิงที่คิดไปไกลจะฉลาดน้อยเป็นพิเศษ"
"แปลว่าหนูคิดสั้นเหรอ" ชายหนุ่มทอดเสียงยาว ชนิศานึกภาพรอยยิ้มบนหน้าเขาได้เลยทีเดียว
"ใช่ค่ะ เชรีชอบคิดแค่วินาทีตรงหน้า" เธอตอบชัดเจน
"ดี...มีสติกับปัจจุบันนะคะ"
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2559, 23:45:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2559, 23:45:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 1091
<< The wheel of fortune | บทที่ 4 The HangMan >> |
คิมหันตุ์ 14 ก.ย. 2559, 01:56:05 น.
ชูป้ายไฟทีมเชรีค่ะ. นางคอยเตือนสติในอีกแบบเสมอ จริงๆคืองงค่ะเดาไม่ออกว่าใครมาแรง. ทำไมรุ้สึกว่าหนุ่มๆ ต่างก็อึมครึมแฝงพวงมะม่วงตล้อดดดด มิปลื้มค่ะ เพลีย!!
ชูป้ายไฟทีมเชรีค่ะ. นางคอยเตือนสติในอีกแบบเสมอ จริงๆคืองงค่ะเดาไม่ออกว่าใครมาแรง. ทำไมรุ้สึกว่าหนุ่มๆ ต่างก็อึมครึมแฝงพวงมะม่วงตล้อดดดด มิปลื้มค่ะ เพลีย!!
SaranyaW 14 ก.ย. 2559, 10:53:33 น.
เห็นด้วยกะคุณคิมหันตุ์เลย เชรีเจอแต่ผู้ชายอึมครึม แย่จัง ต้องมีสติ เข้มแข็งเข้าไว้ แต่ไม่อยากให้กลับไปหาเตชิต เราไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้
โชคดีทีผู้ชายของเราชัดเจนมาก ^^
เห็นด้วยกะคุณคิมหันตุ์เลย เชรีเจอแต่ผู้ชายอึมครึม แย่จัง ต้องมีสติ เข้มแข็งเข้าไว้ แต่ไม่อยากให้กลับไปหาเตชิต เราไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้
โชคดีทีผู้ชายของเราชัดเจนมาก ^^
sai 15 ก.ย. 2559, 18:11:06 น.
ชูป้ายเชียร์คุณไอซ์คะ 555 จะได้มีแรงปั่นให้เราตามติดชีวิตเชรี
ปล.ตอนนี้เวลาเหนื่อยไม่มีพี่ชายให้โทรหาล่ะก็คุยกะตัวเองเอา
ชูป้ายเชียร์คุณไอซ์คะ 555 จะได้มีแรงปั่นให้เราตามติดชีวิตเชรี
ปล.ตอนนี้เวลาเหนื่อยไม่มีพี่ชายให้โทรหาล่ะก็คุยกะตัวเองเอา
goszy 17 ก.ย. 2559, 11:39:00 น.
ชอบนางเอกค่ะ ว่าแต่ใครคือพระเอกละนี่ พี่กานต์รึเปล่าาา
ชอบนางเอกค่ะ ว่าแต่ใครคือพระเอกละนี่ พี่กานต์รึเปล่าาา
Zephyr 24 ก.ย. 2559, 21:49:07 น.
คู่นี้อ่อยกันแรงแหะ
คู่นี้อ่อยกันแรงแหะ