สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน
ตอน: ตอนที่ 3 >>> 50%
ตอนที่ 3
ภาพบุตรสาวกำลังเดินกอดแขนและเอาศีรษะซบไหล่ผู้ชายที่นางรงรองเห็นเพียงข้างหลัง โดยไม่สนใจสายตาของผู้คน ทำให้นางลมแทบจับ
“ยัยมิ้น!” นางรงรองก้าวฉับๆ ตรงไปหาคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินคลอเคลียกันอย่างมีความสุข แล้วกระชากต้นแขนกลมกลึงของบุตรสาวจากด้านหลังสุดแรง
“คุณแม่!” มินรญาอุทานเสียงหลง ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางๆ ซีดเผือด เนื้อตัวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” นางรงรองตะคอกบอกพลางกระชากบุตรสาวเข้าหาตัว และเมื่อยิ่งเห็นหน้าตาผู้ชายที่ลูกสาวคลอเคลียแบบชัดๆ แล้วนางก็ลมแทบจับรอบสอง ก่อนจะหันไปมองลูกสาว “เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กล้ามากที่ออกมาพบผู้ชายนอกบ้าน” นางบอกเสียงลอดไรฟัน
“ผมผิดเองที่ขอร้องให้มิ้นออกมาพบ” คูเปอร์พยายามจะปกป้องแฟนสาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาพิฆาตที่เหมือนจะฆ่าเขาให้ตายเดี๋ยวนั้น
นางรงรองมองชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีแต่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคู่ควรกับบุตรสาวของตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วทำเสียงฮึในลำคอพร้อมกับยิ้มเหยียด
“ใช่แกผิด ผิดตั้งแต่ที่คิดจะเป็นแฟนกับลูกสาวฉัน ช่างไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย”
“แต่เราสองคนรักกันนะครับ” คูเปอร์บอกขณะเดินตามแฟนสาวที่ถูกมารดาเดินลากออกจากห้าง
“ใช่ค่ะ เราสองคนรักกัน รักมานานแล้วด้วยค่ะ” มินรญารีบเอ่ยเสริมแฟนหนุ่มหวังให้มารดาเห็นใจ แต่ไม่เลย ผลมันกลับตรงกันข้าม เพราะทันทีที่ได้ยินคำสารภาพอกมาอย่างนั้น นางรงรองถึงกับกัดฟันกรอด บีบต้นแขนเล็กของบุตรสาวจนเจ้าตัวถึงกับร้องเตือน นางรงรองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างพยายามสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
“กลับบ้าน!” นางกระชากบุตรสาว โดยไม่คิดจะพูดอะไรต่อ
“เดี๋ยวสิครับคุณนาย...”
“อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน เพราะมองแวบเดียวก็รู้ว่าลูกแม่ค้าจนๆ อย่างแกคบกับยัยมิ้นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ...เงิน!”
“คุณแม่!” มินรญาเรียกมารดาเสียงดังพร้อมกับมองหน้าท่านอย่างผิดหวัง ก่อนหันไปมองแฟนหนุ่มที่กัดฟันยืนกำมือแน่นอย่างขอลุขอโทษ “เราสองคนรักกันจากใจนะคะ”
“แกรักมันจากใจ แล้วมันล่ะรักแกจากใจหรือเปล่า ถ้าลองแกไม่ใช่ลูกสาวเจ้าของตลาดอย่างฉันมีหรือมันจะชายตาแล”
“ผมรักมิ้นจากใจจริงๆ นะครับ” คูเปอร์สะกดความโกรธที่โดนดูถูกเอาไว้ แล้วบอกถึงความจริงใจที่มีต่อมินรญาผ่านคำพูดที่หนักแน่นให้นางรงรองได้รู้
“ฉันจะเชื่อ...”
คำพูดนี้ทำให้หนุ่มสาวยิ้มออก พร้อมกับหันมามองหน้ากันอย่างมีความหวัง ทว่าแค่เสี้ยวนาทีความหวังเล็กๆ นั้นก็ถูกทำลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี “แต่ก็ต่อเมื่อแกมีทุกอย่างเพียบพร้อมเทียบเท่าหรือไม่ก็เหนือกว่าลูกสาวฉัน จำเอาไว้!” พูดจบนางรงรองก็ลากบุตรสาวตรงไปที่รถ พร้อมกับชี้หน้าปรามไม่ให้ชายหนุ่มตามไป
“ทำไม...คำพูดของคนจนมันเชื่อไม่ได้อย่างนั้นเหรอ” คูเปอร์ครางถามตัวเองอย่างเจ็บปวดและเจ็บใจ
ความเงียบเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด มันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่เป็นสัญญาณบอกเหตุว่าจะเกิดพายุลูกใหญ่ และพายุลูกนั้นก็คือพายุอารมณ์ของมารดาที่มินรญาก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่ามันจะรุนแรงปานใด
มินรญาที่โดนลากเข้าบ้านถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มไปที่โซฟาส่งเสียงครวญคราง “โอ๊ย! หนูเจ็บนะคะแม่”
“เจ็บเหรอ นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับการกระทำเลวๆ ของแก ไปเดินอี๋อ๋อกอดผู้ชายกลางห้าง แกทำไปได้ยังไงยัยมิ้น...ใครสั่งใครสอนให้แกทำเรื่องน่าอายแบบนั้น” นางรงรองทั้งด่าทั้งขว้างหมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาใส่บุตรสาวอย่างโมโห
มินรญาที่ทั้งยกแขนและยกขาขึ้นมาป้องกันหมอนที่ปลิวมากระทบเข้าที่ตัว ลดเท้าลงนั่งยืดตัวตรง ช้อนสายตามองมารดาที่ยืนเหนื่อยหอบเล็กน้อยแล้วก้มหน้าใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกจะคบกับไอ้ลูกแม่ค้าขายผักนั้นมากี่ปีดีดัก แต่ฉันขอสั่งให้แกเลิกคบกับมันซะ!”
“คุณแม่!” มินรญาเรียกมารดาเสียงหลงไม่คิดว่ามารดาจะตัดสินใจแบบนี้ทั้งที่ยังไม่ได้พูดคุยหรือสอบถามเรื่องราวของเธอกับแฟนหนุ่มเลยสักนิด
“ไม่...มิ้นไม่เลิก” เธอให้คำตอบมารดาเสียงหนักแน่น
“แต่ฉันสั่ง”
“แม่ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมมิ้นจะคบกับพี่คู้ปไม่ได้” มินรญาที่ก่อนหน้าพยายามนิ่งเงียบลุกขึ้นมาโวยวาย เมื่อเห็นว่ามารดาไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเธอเลย
“เพราะมันเป็นลูกแม่ค้าขายผักจนๆ ไง ลำพังจะเลี้ยงปากมันกับแม่ยังลำบาก แล้วมันจะเอาอะไรมาเลี้ยงแก”
“พี่คู้ปเขาขยันจะตาย เขาไม่ปล่อยให้มิ้นอดหรอกค่ะ และเชื่อเถอะค่ะว่าไม่นานพี่เขาก็ตั้งตัวได้” มินรญาพูดโน้มน้าวพลางเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มารดา
“ตั้งตัวได้กี่ปีกี่ชาติล่ะ” นางรงรองถามบุตรสาวเสียงเยาะ
“พี่คู้ปเพิ่งจะเรียนจบ ให้โอกาสพี่เขาหน่อยนะคะแม่” หญิงสาวอ้อนวอนมารดา
“ฮึ เรียนก็เพิ่งจบ งานจะหาได้เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ไร้ซึ่งอนาคต” นางรงรองบอกเสียงสะบัด เบ้ปากอย่างไม่คิดว่าแฟนหนุ่มของบุตรสาวจะมีอนาคตที่ดีกว่าคนที่นางมองไว้ให้
“โธ่แม่”
“จริงไหมล่ะ งานจะหาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ และถ้าหาได้เงินเดือนมันจะเท่าไหร่กันเชียว ที่นี้แกลองมาเปรียบเทียบกับเสี่ยนิติสิ เขามีพร้อมทุกอย่างไม่ต้องเสียเวลาไปตั้งตัว” นางรงรองพูดถึงผู้ชายอีกคนอย่างชื่นชม
“พี่คู้ปเพิ่งจะยี่สิบหก แล้วเสี่ยนิติของแม่อายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วคะ”
“จะยี่สิบหกหรือสิบหกเสี่ยนิติเขาก็มีเงินมีทองมีอันจะกินกว่าไอ้ลูกแม่ค้าขายผักอยู่แล้ว” นางรงรองพูดและฉีกยิ้มอย่างรู้สึกเป็นต่อ ก่อนจะรอยยิ้มนั้นจะหุบฉับ หันมามองบุตรสาวอย่างสงสัย “เอะ! ว่าแต่ลูกชายแม่จินมันอายุยี่สิบหกแล้วเหรอนึกว่าอายุเท่าแก เห็นว่าเพิ่งเรียนจบ เรียนช้าเหรอ เกเรละสิ” นางรงรองเดาเสียงเยาะพลางเบ้ปาก
“เปล่าคะ พี่คู้ปเรียนช้าเพราะทางครอบครัวมีปัญหาเรื่องเงิน เลยต้องช่วยแม่ทำงานหาเงินค่ะ” มินรญารีบแก้ต่างให้แฟนหนุ่ม และหวังเป็นย่างยิ่งว่ามารดาจะมองเห็นความขยันและกตัญญูของชายหนุ่ม
“แล้วไง แกจะให้แม่สงสารแล้วยอมรับเรื่องแกกับมันเหรอ ไม่มีทาง”
“ขอแค่โอกาสให้พี่คู้ปได้พิสูจน์บ้างเท่านั้นเอง”
“เสียเวลาเปล่า คนจนยังไงมันก็จนอยู่วันยังค่ำ มีงานหาเงินได้แล้วไง มันก็แค่มนุษย์เงินเดือน ไหนเลยจะสู้คนที่มีกิจการ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฟังแม่” นางรงรองลดน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดลง “ไม่มีใครที่เหมาะสมกับลูกของแม่เท่าเสี่ยนิติอีกแล้ว”
“แม่...” มินรญามองมารดาด้วยสายตาผิดหวัง “เสี่ยนิตินี่รุ่นราวคราวพ่อของมิ้นเลยนะคะ”
“แปลกอะไร สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายอายุห่างกันยี่สิบสามสิบปีธรรมดาจะตาย แกก็เห็นว่าเสี่ยนิติยังดูหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอยู่เลย ดูเด็กกว่าอายุตั้งเยอะ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะคะ มันอยู่ที่มิ้นไม่ได้รักเสี่ยนิติ มิ้นรักพี่คู้ปคนเดียว” มินรญาเน้นคำพูดท้ายประโยคช้าๆ ชัดๆ
“แต่ฉันไม่อนุญาตให้แกรักผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ยกเว้นเสี่ยนิติจำเอาไว้ เลิกติดต่อกับไอ้ผู้ชายคนนั้นซะ” นางรงรองสั่งเสียงเด็ดขาด
“ไม่ค่ะ ถ้าแม่นิยมชมชอบเสี่ยนิติขนาดนั้นทำไมแม่ไม่เก็บไว้เองไปเลยละคะ มิ้นยกให้” พูดจบมินรญาก็ลุกขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้อง
“ยัยมิ้น! ยัยลูกไม่รักดี แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ” นางรงรองลุกขึ้นตะโกนตามหลังบุตรสาว ก่อนจะถอนหายใจทิ้งตัวลงนั่ง เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องของบุตรสาวถูกปิดลงอย่างแรง นางเบนสายตาขึ้นมองเล็กน้อยพร้อมกับเม้มริมฝีปาก ดวงตาที่ดูเหนื่อยอ่อนกับบุตรสาวก่อนหน้าวาวโรจน์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกวิธีที่จะแยกบุตรสาวให้ออกจากแฟนหนุ่มขึ้นมาได้
บอกเลยงานนี้นางขอทุ่มสุดตัว...จัดหนัก...จัดเต็ม
นางจินตนาที่ถือของสดของแห้งพะรุงพะรังหยุดยืนหน้าตึกเช่า เมื่อหางตาแลเห็นว่ามีคนเดินตาม และเมื่อหันไปมองก็เห็นร่างสูงของบุตรชายเดินไหล่ลู่คอตกกลับมา
“คู้ป...”
เสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใครไหล่ที่ลู่คอที่ตกก็ยืดขึ้น ใบหน้าที่ตึงเครียดก็มีรอยยิ้มมาประดับแทบจะทันที
“ครับแม่” ชายหนุ่มขานรับพลางเดินเข้าไปช่วยมารดาถือของ แล้วเดินนำท่านเข้าไปที่ห้องพัก
“ไหนว่านัดกับเพื่อนและจะกลับดึกไง” นางจินตนาถามพลางเอียงศีรษะมองบุตรชายที่ดูเหมือนจะเครียดๆ
คูเปอร์ที่ก้มหน้าหลบสายตามารดาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบพร้อมกับเอาของในมือไปจัดเก็บ “เอ่อ...พอดีเพื่อนมันมีธุระด่วนนะครับ เลยยกเลิกนัด”
“เพื่อนที่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ ทำไมแค่ยกเลิกนัดเราถึงดูเครียดจังเลย” นางจินตนาถามเสียงติดตลกกระเซ้าบุตรชาย
คูเปอร์เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเปิดตู้เย็นยัดผักคะน้าเก็บเอาไว้แล้วปิด หมุนตัวมามองมารดาสลับกับมองพื้นอย่างคนกำลังชั่งใจ
“แม่ครับ คำพูดของคนจนนี้มันเชื่อถือไม่ได้เลยใช่ไหมครับ” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของมารดา แต่ถามไปเรื่องอื่นที่ตัวเองยังข้องใจอยู่
“จะจนหรือรวยมันก็มีเชื่อถือได้และไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ มันก็แล้วแต่คน ว่าแต่เราถามทำไม” นางจินตนาที่ตอนนี้เปิดทีวีดูหันมาถามบุตรชายอย่างสงสัย
“แล้วอย่างผมนี้น่าเชื่อถือไหมครับ”
ได้ยินอย่างนั้นนางจินตนาก็หัวเราะน้อยๆ วางรีโมทในมือลงแล้วเรียกบุตรชายเข้ามาหา “ลูกของแม่เชื่อถือได้กว่าใครทั้งหมด”
ภาพบุตรสาวกำลังเดินกอดแขนและเอาศีรษะซบไหล่ผู้ชายที่นางรงรองเห็นเพียงข้างหลัง โดยไม่สนใจสายตาของผู้คน ทำให้นางลมแทบจับ
“ยัยมิ้น!” นางรงรองก้าวฉับๆ ตรงไปหาคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินคลอเคลียกันอย่างมีความสุข แล้วกระชากต้นแขนกลมกลึงของบุตรสาวจากด้านหลังสุดแรง
“คุณแม่!” มินรญาอุทานเสียงหลง ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางๆ ซีดเผือด เนื้อตัวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” นางรงรองตะคอกบอกพลางกระชากบุตรสาวเข้าหาตัว และเมื่อยิ่งเห็นหน้าตาผู้ชายที่ลูกสาวคลอเคลียแบบชัดๆ แล้วนางก็ลมแทบจับรอบสอง ก่อนจะหันไปมองลูกสาว “เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กล้ามากที่ออกมาพบผู้ชายนอกบ้าน” นางบอกเสียงลอดไรฟัน
“ผมผิดเองที่ขอร้องให้มิ้นออกมาพบ” คูเปอร์พยายามจะปกป้องแฟนสาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาพิฆาตที่เหมือนจะฆ่าเขาให้ตายเดี๋ยวนั้น
นางรงรองมองชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีแต่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคู่ควรกับบุตรสาวของตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วทำเสียงฮึในลำคอพร้อมกับยิ้มเหยียด
“ใช่แกผิด ผิดตั้งแต่ที่คิดจะเป็นแฟนกับลูกสาวฉัน ช่างไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย”
“แต่เราสองคนรักกันนะครับ” คูเปอร์บอกขณะเดินตามแฟนสาวที่ถูกมารดาเดินลากออกจากห้าง
“ใช่ค่ะ เราสองคนรักกัน รักมานานแล้วด้วยค่ะ” มินรญารีบเอ่ยเสริมแฟนหนุ่มหวังให้มารดาเห็นใจ แต่ไม่เลย ผลมันกลับตรงกันข้าม เพราะทันทีที่ได้ยินคำสารภาพอกมาอย่างนั้น นางรงรองถึงกับกัดฟันกรอด บีบต้นแขนเล็กของบุตรสาวจนเจ้าตัวถึงกับร้องเตือน นางรงรองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างพยายามสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
“กลับบ้าน!” นางกระชากบุตรสาว โดยไม่คิดจะพูดอะไรต่อ
“เดี๋ยวสิครับคุณนาย...”
“อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน เพราะมองแวบเดียวก็รู้ว่าลูกแม่ค้าจนๆ อย่างแกคบกับยัยมิ้นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ...เงิน!”
“คุณแม่!” มินรญาเรียกมารดาเสียงดังพร้อมกับมองหน้าท่านอย่างผิดหวัง ก่อนหันไปมองแฟนหนุ่มที่กัดฟันยืนกำมือแน่นอย่างขอลุขอโทษ “เราสองคนรักกันจากใจนะคะ”
“แกรักมันจากใจ แล้วมันล่ะรักแกจากใจหรือเปล่า ถ้าลองแกไม่ใช่ลูกสาวเจ้าของตลาดอย่างฉันมีหรือมันจะชายตาแล”
“ผมรักมิ้นจากใจจริงๆ นะครับ” คูเปอร์สะกดความโกรธที่โดนดูถูกเอาไว้ แล้วบอกถึงความจริงใจที่มีต่อมินรญาผ่านคำพูดที่หนักแน่นให้นางรงรองได้รู้
“ฉันจะเชื่อ...”
คำพูดนี้ทำให้หนุ่มสาวยิ้มออก พร้อมกับหันมามองหน้ากันอย่างมีความหวัง ทว่าแค่เสี้ยวนาทีความหวังเล็กๆ นั้นก็ถูกทำลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี “แต่ก็ต่อเมื่อแกมีทุกอย่างเพียบพร้อมเทียบเท่าหรือไม่ก็เหนือกว่าลูกสาวฉัน จำเอาไว้!” พูดจบนางรงรองก็ลากบุตรสาวตรงไปที่รถ พร้อมกับชี้หน้าปรามไม่ให้ชายหนุ่มตามไป
“ทำไม...คำพูดของคนจนมันเชื่อไม่ได้อย่างนั้นเหรอ” คูเปอร์ครางถามตัวเองอย่างเจ็บปวดและเจ็บใจ
ความเงียบเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด มันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่เป็นสัญญาณบอกเหตุว่าจะเกิดพายุลูกใหญ่ และพายุลูกนั้นก็คือพายุอารมณ์ของมารดาที่มินรญาก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่ามันจะรุนแรงปานใด
มินรญาที่โดนลากเข้าบ้านถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มไปที่โซฟาส่งเสียงครวญคราง “โอ๊ย! หนูเจ็บนะคะแม่”
“เจ็บเหรอ นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับการกระทำเลวๆ ของแก ไปเดินอี๋อ๋อกอดผู้ชายกลางห้าง แกทำไปได้ยังไงยัยมิ้น...ใครสั่งใครสอนให้แกทำเรื่องน่าอายแบบนั้น” นางรงรองทั้งด่าทั้งขว้างหมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาใส่บุตรสาวอย่างโมโห
มินรญาที่ทั้งยกแขนและยกขาขึ้นมาป้องกันหมอนที่ปลิวมากระทบเข้าที่ตัว ลดเท้าลงนั่งยืดตัวตรง ช้อนสายตามองมารดาที่ยืนเหนื่อยหอบเล็กน้อยแล้วก้มหน้าใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกจะคบกับไอ้ลูกแม่ค้าขายผักนั้นมากี่ปีดีดัก แต่ฉันขอสั่งให้แกเลิกคบกับมันซะ!”
“คุณแม่!” มินรญาเรียกมารดาเสียงหลงไม่คิดว่ามารดาจะตัดสินใจแบบนี้ทั้งที่ยังไม่ได้พูดคุยหรือสอบถามเรื่องราวของเธอกับแฟนหนุ่มเลยสักนิด
“ไม่...มิ้นไม่เลิก” เธอให้คำตอบมารดาเสียงหนักแน่น
“แต่ฉันสั่ง”
“แม่ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมมิ้นจะคบกับพี่คู้ปไม่ได้” มินรญาที่ก่อนหน้าพยายามนิ่งเงียบลุกขึ้นมาโวยวาย เมื่อเห็นว่ามารดาไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเธอเลย
“เพราะมันเป็นลูกแม่ค้าขายผักจนๆ ไง ลำพังจะเลี้ยงปากมันกับแม่ยังลำบาก แล้วมันจะเอาอะไรมาเลี้ยงแก”
“พี่คู้ปเขาขยันจะตาย เขาไม่ปล่อยให้มิ้นอดหรอกค่ะ และเชื่อเถอะค่ะว่าไม่นานพี่เขาก็ตั้งตัวได้” มินรญาพูดโน้มน้าวพลางเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มารดา
“ตั้งตัวได้กี่ปีกี่ชาติล่ะ” นางรงรองถามบุตรสาวเสียงเยาะ
“พี่คู้ปเพิ่งจะเรียนจบ ให้โอกาสพี่เขาหน่อยนะคะแม่” หญิงสาวอ้อนวอนมารดา
“ฮึ เรียนก็เพิ่งจบ งานจะหาได้เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ไร้ซึ่งอนาคต” นางรงรองบอกเสียงสะบัด เบ้ปากอย่างไม่คิดว่าแฟนหนุ่มของบุตรสาวจะมีอนาคตที่ดีกว่าคนที่นางมองไว้ให้
“โธ่แม่”
“จริงไหมล่ะ งานจะหาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ และถ้าหาได้เงินเดือนมันจะเท่าไหร่กันเชียว ที่นี้แกลองมาเปรียบเทียบกับเสี่ยนิติสิ เขามีพร้อมทุกอย่างไม่ต้องเสียเวลาไปตั้งตัว” นางรงรองพูดถึงผู้ชายอีกคนอย่างชื่นชม
“พี่คู้ปเพิ่งจะยี่สิบหก แล้วเสี่ยนิติของแม่อายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วคะ”
“จะยี่สิบหกหรือสิบหกเสี่ยนิติเขาก็มีเงินมีทองมีอันจะกินกว่าไอ้ลูกแม่ค้าขายผักอยู่แล้ว” นางรงรองพูดและฉีกยิ้มอย่างรู้สึกเป็นต่อ ก่อนจะรอยยิ้มนั้นจะหุบฉับ หันมามองบุตรสาวอย่างสงสัย “เอะ! ว่าแต่ลูกชายแม่จินมันอายุยี่สิบหกแล้วเหรอนึกว่าอายุเท่าแก เห็นว่าเพิ่งเรียนจบ เรียนช้าเหรอ เกเรละสิ” นางรงรองเดาเสียงเยาะพลางเบ้ปาก
“เปล่าคะ พี่คู้ปเรียนช้าเพราะทางครอบครัวมีปัญหาเรื่องเงิน เลยต้องช่วยแม่ทำงานหาเงินค่ะ” มินรญารีบแก้ต่างให้แฟนหนุ่ม และหวังเป็นย่างยิ่งว่ามารดาจะมองเห็นความขยันและกตัญญูของชายหนุ่ม
“แล้วไง แกจะให้แม่สงสารแล้วยอมรับเรื่องแกกับมันเหรอ ไม่มีทาง”
“ขอแค่โอกาสให้พี่คู้ปได้พิสูจน์บ้างเท่านั้นเอง”
“เสียเวลาเปล่า คนจนยังไงมันก็จนอยู่วันยังค่ำ มีงานหาเงินได้แล้วไง มันก็แค่มนุษย์เงินเดือน ไหนเลยจะสู้คนที่มีกิจการ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฟังแม่” นางรงรองลดน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดลง “ไม่มีใครที่เหมาะสมกับลูกของแม่เท่าเสี่ยนิติอีกแล้ว”
“แม่...” มินรญามองมารดาด้วยสายตาผิดหวัง “เสี่ยนิตินี่รุ่นราวคราวพ่อของมิ้นเลยนะคะ”
“แปลกอะไร สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายอายุห่างกันยี่สิบสามสิบปีธรรมดาจะตาย แกก็เห็นว่าเสี่ยนิติยังดูหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอยู่เลย ดูเด็กกว่าอายุตั้งเยอะ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะคะ มันอยู่ที่มิ้นไม่ได้รักเสี่ยนิติ มิ้นรักพี่คู้ปคนเดียว” มินรญาเน้นคำพูดท้ายประโยคช้าๆ ชัดๆ
“แต่ฉันไม่อนุญาตให้แกรักผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ยกเว้นเสี่ยนิติจำเอาไว้ เลิกติดต่อกับไอ้ผู้ชายคนนั้นซะ” นางรงรองสั่งเสียงเด็ดขาด
“ไม่ค่ะ ถ้าแม่นิยมชมชอบเสี่ยนิติขนาดนั้นทำไมแม่ไม่เก็บไว้เองไปเลยละคะ มิ้นยกให้” พูดจบมินรญาก็ลุกขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้อง
“ยัยมิ้น! ยัยลูกไม่รักดี แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ” นางรงรองลุกขึ้นตะโกนตามหลังบุตรสาว ก่อนจะถอนหายใจทิ้งตัวลงนั่ง เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องของบุตรสาวถูกปิดลงอย่างแรง นางเบนสายตาขึ้นมองเล็กน้อยพร้อมกับเม้มริมฝีปาก ดวงตาที่ดูเหนื่อยอ่อนกับบุตรสาวก่อนหน้าวาวโรจน์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกวิธีที่จะแยกบุตรสาวให้ออกจากแฟนหนุ่มขึ้นมาได้
บอกเลยงานนี้นางขอทุ่มสุดตัว...จัดหนัก...จัดเต็ม
นางจินตนาที่ถือของสดของแห้งพะรุงพะรังหยุดยืนหน้าตึกเช่า เมื่อหางตาแลเห็นว่ามีคนเดินตาม และเมื่อหันไปมองก็เห็นร่างสูงของบุตรชายเดินไหล่ลู่คอตกกลับมา
“คู้ป...”
เสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใครไหล่ที่ลู่คอที่ตกก็ยืดขึ้น ใบหน้าที่ตึงเครียดก็มีรอยยิ้มมาประดับแทบจะทันที
“ครับแม่” ชายหนุ่มขานรับพลางเดินเข้าไปช่วยมารดาถือของ แล้วเดินนำท่านเข้าไปที่ห้องพัก
“ไหนว่านัดกับเพื่อนและจะกลับดึกไง” นางจินตนาถามพลางเอียงศีรษะมองบุตรชายที่ดูเหมือนจะเครียดๆ
คูเปอร์ที่ก้มหน้าหลบสายตามารดาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบพร้อมกับเอาของในมือไปจัดเก็บ “เอ่อ...พอดีเพื่อนมันมีธุระด่วนนะครับ เลยยกเลิกนัด”
“เพื่อนที่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ ทำไมแค่ยกเลิกนัดเราถึงดูเครียดจังเลย” นางจินตนาถามเสียงติดตลกกระเซ้าบุตรชาย
คูเปอร์เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเปิดตู้เย็นยัดผักคะน้าเก็บเอาไว้แล้วปิด หมุนตัวมามองมารดาสลับกับมองพื้นอย่างคนกำลังชั่งใจ
“แม่ครับ คำพูดของคนจนนี้มันเชื่อถือไม่ได้เลยใช่ไหมครับ” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของมารดา แต่ถามไปเรื่องอื่นที่ตัวเองยังข้องใจอยู่
“จะจนหรือรวยมันก็มีเชื่อถือได้และไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ มันก็แล้วแต่คน ว่าแต่เราถามทำไม” นางจินตนาที่ตอนนี้เปิดทีวีดูหันมาถามบุตรชายอย่างสงสัย
“แล้วอย่างผมนี้น่าเชื่อถือไหมครับ”
ได้ยินอย่างนั้นนางจินตนาก็หัวเราะน้อยๆ วางรีโมทในมือลงแล้วเรียกบุตรชายเข้ามาหา “ลูกของแม่เชื่อถือได้กว่าใครทั้งหมด”
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2559, 16:27:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2559, 16:27:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1183
<< ตอนที่ 2 >>> 100% | ตอนที่ 3 >>> 100% >> |