แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 21 ...มือเค็มเป็นบ้าเลย!

นานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าที่ขบวนกองถ่ายจะเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพ นักแสดงหลายคนลงไปกลางทางเมื่อถึงที่พักของตัวเอง ปารวัตรเองก็ส่งให้ทีมงานลูกหนี้ของเขาลงที่คอนโดเธอ หญิงสาวก้าวลงจากรถพลางส่งยิ้มหวานให้

“ขอบคุณพี่ปุ่นมากนะคะที่มาส่ง” คำตอบรับนั้นคือการยิ้มบางๆ เท่านั้น

รถคันหรูขับออกไปแล้ว คาดว่าน่าจะเอาของไปรวมที่สถานที่ถ่ายหลักๆ ในกองก่อนแล้วเขาถึงจะกลับ เธอน่าจะไม่คิดไปเองแล้วล่ะที่รู้สึกว่าปารวัตรแปลกไปกว่าทุกที เขาแปลกไปจริงๆ แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญใดๆ เมื่อเธอนึกถึงอยู่แค่สักพักแล้วเธอก็ลืม

หญิงสาวก้าวเข้ามาในคอนโดหรู ยังมองหาแม่บ้านที่ทินกรเอ่ยถึงได้ไม่นานนัก อีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายอุ้มเจ้าตูบเข้ามาทักเธอเสียก่อน

“หนูชล ฝากเจ้าตูบไว้กับหนูหน่อยเถอะ พอดีป้าจะออกไปข้างนออก รอคุณเพลิงเขาก็ยังไม่กลับมาซะที” แม่บ้านสูงวัยยิ้มกว้างจนรอยหยักรอบริมฝีปากแลเด่นชัดขึ้นตามวัย

“ได้จ้ะป้า คุณเพลิงเขาก็ฝากให้ชลมารับเจ้าตูบไว้ก่อนเนี่ยแหละ”

“อ้าว แล้วเขาไปไหนซะล่ะ”

“จะไปไหนได้ล่ะจ๊ะป้า” หญิงสาวตอบพลางเบะปากอย่างหมั่นไส้นัก “เขาก็ไปส่งแฟนเขาอยู่น่ะสิจ๊ะ คุณฟ้าน่ะ ป้ารู้จักหรือเปล่า”

หญิงสูงวัยพยักหน้ารัวเร็ว “รู้จักสิ หนูฟ้าน่ะน่ารักมาก ป้าเคยเห็นคุณเพลิงพามาที่นี่ เธอเป็นกันเองมากเลย เจอคราวหน้าป้าว่าจะขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย เอ้อ...ไปก่อนนะหนู ป้ามีธุระ”

ธรายังคงยิ้มหวาน แม้ว่าในใจจะหมั่นไส้คนชื่อ ‘ฟ้า’ เต็มทีก็ตาม การที่เธอเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็อยากจะยกย่องนักว่าเก่งเสียเหลือเกิน ติดอยู่ตรงที่ว่าเก่งในทางแปลกๆ

“จ้ะป้า ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยดูแลเจ้าตูบให้” หญิงสาวโบกมือลาก่อนจะเดินกลับขึ้นไปข้างบนพร้อมกกกอดเจ้าตูบไว้แนบอก
อันที่จริง เธอเดาว่าป้าแม่บ้านคงอยากจะถามเธอเหลือเกิน ว่าเธอคือใคร และเป็นอะไรกับคุณทินกร แต่คงเกรงกลัวสายตาคมดุและคำพูดเชือดเฉือนที่พระเอกหนุ่มอาจจะพูด ถึงได้ไม่กล้าเอ่ยถามคำใดออกมา

หญิงสาวไขกุญแจเข้าห้องมานั่งอยู่ที่เตียงพลางลูบสุนัขคู่ใจอย่างเอ็นดู “คิดถึงจังเลยเจ้าตูบ แม่ไม่อยู่หลายวัน คิดถึงแม่ไหมลูก”

คำตอบจากมันคือการเลียแผล็บเข้าที่ใบหน้าของธรา แต่เธอกลับไม่ต้องการปัดออกอย่างที่ทินกรทำ ซ้ำยังเอ็นดูมันมากกว่าเดิมเสียอีก “รอเจ้านายอีกคนของเจ้าก่อนละกันนะ แม่ไม่มีอาหารให้เลย”

เจ้านายอีกคน ที่จะกลับมาในเวลาไหนก็ไม่รู้ หรือว่าป่านนี้คงรื่นเริงมีความสุขกับการอยู่ลำพังกับแฟนสาวแล้วกระมัง




“ฮัดเช้ย!!” ชายหนุ่มเอามือป้องปากเป็นรอบที่สามแล้วก็ว่าได้ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ถนนยามใกล้ค่ำ รถของเขาแยกกับรถตู้ของทีมงานและนักแสดง รวมถึงรถของปารวัตรมาได้สักพักแล้ว เป้าหมายในขณะนี้คือคอนโดของหญิงสาวข้างกาย

“ไม่สบายหรือเปล่าคะพี่เพลิง” อัจฉราเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“เปล่าหรอก น่าจะแพ้ฝุ่นมากกว่า”

นางเอกสาวพยักหน้าช้าๆ นิ่งไปนิด เธอก็เอ่ยขึ้นมาอีก “พี่เพลิงคะ พี่จำได้หรือเปล่าว่าพรุ่งนี้คือวันอะไร”

“พรุ่งนี้เหรอ” ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วเอ่ยตอบ “มีงานอะไรเหรอ พี่เกลยังไม่เห็นบอกพี่นี่”

หากทินกรได้สังเกตใบหน้าของคนข้างกายสักนิดจะรู้ว่ามันงอง้ำเพียงใด ไหนจะเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่นั่นอีก

“ไม่มีหรอกค่ะ ฟ้าก็ถามเล่นๆ ไปงั้นแหละ” อัจฉรามองออกไปนอกรถ ไม่ได้หันกลับมาสนใจเขาอีก และไม่ได้เห็นใบหน้าคมเข้มที่มีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏอยู่

“ขึ้นห้องดีๆ นะฟ้า แล้วเดี๋ยวเจอกัน” ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้นางเอกสาว

อัจฉราสะบัดหน้าหนีอย่างคนแสนงอน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะง้อ จึงหันกลับมาสบตาเขานิ่งๆ ก่อนเอ่ย “ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้”

ทินกรหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มือหนาเอื้อมไปเปิดเพลงในรถให้เสียงดังกระหึ่มกลบเสียงขบขันของตัวเอง นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลง

เธอคงคิดว่าเขาลืมไปแล้ว แต่เขายังคงตระหนักชัดในหัวใจ หลังเที่ยงคืนของวันนี้จะเป็นวันเกิดครบรอบ 23 ปีของอัจฉรา เขาจะลืมวันเกิดคนที่เขารักแสนรักได้อย่างไร

ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง สองทุ่มแล้ว เขาเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีกนิด จุดมุ่งหมายขณะนี้คือคอนโดของตัวเอง ไปหาตัวก่อปัญหาที่เขาจะลากมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องซื้อของขวัญวันเกิดให้อัจฉรา

...ยายลิงตัวแสบ





ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูหน้าห้องของธราดังขึ้นอย่างถี่ยิบ ราวกับว่าหากหญิงสาวที่อยู่ในห้องยังคงไม่ลุกไปเปิด อาจจะมีคนพังมันเข้ามาก็เป็นได้

คนตัวเล็กมองไปที่บานประตูอย่างไม่สนใจอะไรนัก ในอ้อมแขนกกกอดสุนัขตัวน้อยไว้แน่น ทำหูทวนลมเหมือนไม่ยินเสียงกำปั้นกระทบไม้ดังสนั่นน่าหนวกหู

...จะมีใคร ก็เจ้าของสุนัขตัวนี้น่ะสิ ปล่อยให้รอซะบ้าง จะได้รู้รสชาติของชีวิตมากขึ้น

แต่แกล้งได้ไม่นานนัก หญิงสาวก็ต้องยอมจำนนให้กับความสงสารภายในจิตใจ ร่างเล็กเดินไปที่ประตู ยังไม่ทันจะจับลูกบิด เสียงเข้มดุก็เอ่ยขึ้นให้พอได้ยินจากด้านนอก

“จะออกมาไหมยายลิง! หรือจะต้องให้ไปขอกุญแจสำรองที่แม่บ้าน” หญิงสาวกลั้นยิ้ม นึกหน้าของพระเอกดังตอนนี้ออกเลยทีเดียว

“ก็ดีนะคะ เอาให้เขารู้กันให้หมดว่าทินกรพระเอกชื่อดัง อยากจะบุกรุกปลุกปล้ำสาวถึงในห้อง ตามสบายเลยค่า ฉันรออยู่”

ทินกรกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาคมดุจ้องบานประตูอย่างกับจะให้ทะลุไปถึงผู้หญิงกวนประสาทด้านใน “อย่ามาเล่นลิ้นได้ไหม ผมรีบ และคุณต้องไปกับผม”

“ไปไหนคะ”

“เปิดประตูออกก่อนสิ แล้วจะบอก” ชายหนุ่มยืนกอดอกอย่างหงุดหงิดใจนัก นี่เขากลายเป็นเด็กห้าขวบเล่นซ่อนแอบกับคนบ้าๆ บวมๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

ไม่เกินสามวินาทีหลังจบประโยค ประตูก็เปิดออกเผยดวงหน้าหวานใสและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนด้านใน คิ้วสวยนั้นเลิกสูงเป็นเชิงถาม

“ไปช่วยเลือกของขวัญให้ฟ้า พรุ่งนี้วันเกิดฟ้า แต่ผมจะไปเซอร์ไพรส์ฟ้าคืนนี้…เป็นคนแรก”

“แล้วทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วยไม่ทราบ” หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลม แต่พลันที่เจ้าหล่อนจะปิดประตูลง ทินกรก็คว้ามันไว้ได้ทัน

“เดี๋ยวก่อนสิคุณ น่า ไปกับผมหน่อยสิ ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงเขาชอบอะไรกัน กลัวซื้อมาแล้วฟ้าไม่พอใจ”

หญิงสาวมองมือหนาที่คว้าประตูไว้แน่น “นี่ถ้าหากฉันปิดประตูหนีบมือคุณ เหมือนที่คุณทำกับฉัน คุณจะสละเวลาเลือกของขวัญมาตามไล่ฆ่าฉันหรือเปล่า”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ทำแบบนั้นหรอก”

“ทำไมมั่นใจขนาดนั้นไม่ทราบ”

“ก็เพราะผมรู้ว่าคุณใจดีน่ะสิ” ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มกว่าที่เคย แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย และยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ใจไปมากกว่านี้ เขาก็เอ่ยต่อ “เพราะฉะนั้น คนใจดีต้องไปเลือกของขวัญกับผม”

พูดจบ มือหนาก็คว้าต้นแขนหญิงสาวไว้อย่างเอาแต่ใจ ทว่าเธอยังคงฝืนตัวไว้แล้วยิ้มหน้าระรื่น

“ขอร้องฉันก่อน” ธรายิ้มให้ พลางยักคิ้วถี่ๆ กวนใจคนตรงหน้ายิ่งนัก

“นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ คุณเป็นใคร ผมถึงต้องทำอย่างนั้น”

หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา ก่อนจะกอดอกมองเขาอย่างถือดี “ถ้าไม่ทำ ฉันก็ไม่ไป จะเอาไงว่ามา”

นี่สิ เป้าหมายที่แท้จริงในการมาที่นี่ ไม่ใช่เพียงแก้ไขอดีตของทินกรหรอก แต่ต้องดัดนิสัยเขาด้วยต่างหาก

ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ตอบ แต่ถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้อง “ผมมาเอาหมาผมคืน”

ธรายืนมองเขาอย่างงุนงง ก่อนที่ทินกรจะอุ้มเจ้าตูบกลับเข้าไปอยู่ในห้องตัวเองสักพัก และเดินออกมาหาเธออีกครั้งหลังจากล็อคห้องเสร็จสรรพ

“ผมให้อาหารเจ้าตูบเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณ” เขากอดอกมองมายิ้มๆ แต่มันเป็นยิ้มที่ไม่ปกตินัก “ผมจะไปบอกคืนห้อง ถ้าคุณไม่ยอมไปกับผม อ๊ะๆๆ ห้ามต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น อย่าคิดว่าผมไม่กล้าเสียค่ามัดจำคอนโดนะ คุณก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างผมทำอะไรก็ได้ ไปหรือไม่ไป ตอบ!”

หญิงสาวยืนกำหมัดสะบัดตัวไปมาอย่างขัดใจ ทำไมเธอต้องเป็นคนแพ้เสมอเลย ยิ่งสบสายตาคมดุคู่นั้นยิ่งทำให้อารมณ์เคืองขุ่น

“ไปก็ได้วะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง จ้องหน้าเธอไม่เลิก “พูดว่าอะไรนะเมื่อกี้”

เขาควงกุญแจหมุนไปมาอย่างเริงร่า พยักพเยิดให้เธอมองเข้าไปในห้อง เป็นเชิงว่าหากตอบไม่ถูกใจ รับรองว่าจบไม่สวย

“ปะ...ไปก็ได้ค่ะ”

“ดีมาก งั้นไปกันเลย” พูดจบ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปจูงกึ่งลากให้คนตัวเล็กเดินตามไปโดยเร็ว

ไม่นานนัก คนทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ชายหนุ่มเดินเข้าไปก้าวแรกด้วยชุดกางเกงขายาวแขนยาว มีผ้าพันคอ หมวกคลุมหัวและใส่แว่นตาดำ อุปกรณ์ทุกอย่างถูกซุกซ่อนไว้ในรถเหมือนปลอมตัวอย่างนี้อยู่บ่อยๆ หญิงสาวหันไปมองเขาแล้วขำออกมาอย่างอดไม่ได้

“นี่คุณพระเอก ทำอย่างนี้มันไม่น่าสงสัยเกินไปหน่อยเหรอ เมืองไทยนะคุณ ไม่ใช่อเมริกา จะได้หนาวขนาดนี้น่ะ คนมองมาเยอะกว่าปกติอีกมั้ง”

ทินกรหันมามองหน้าเธอ คนตัวเล็กมองกลับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามองมาด้วยสายตาแบบไหน เพราะแว่นตาดำใหญ่นั้นครอบคลุมไปเกือบครึ่งหน้าของเขาอยู่แล้ว

“ใครเขาจะมองก็ช่างเขาเถอะ อย่างน้อยเขามองมา เขาก็ไม่รู้นี่ว่าคนที่แต่งตัวประหลาดๆ แบบนี้คือใคร ผมไม่พร้อมจะมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนในวันเกิดแฟนตัวเองหรอกนะ”

“ฉันว่ายามจะมาจับตัวคุณไปเข้าศรีธัญญามากกว่า”

“ถ้างั้นคุณก็น่าโดนจับไปเหมือนกันน่ะแหละ แม่คนจากอนาคต”

ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวก็เดินไปกางแขนขวางหน้าเขาไว้ทันที “เรื่องนั้นฉันพูดจริงๆ นะคุณ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะกระชากแขนข้างหนึ่งของคนตัวเล็ก แล้วออกแรงลากไปทันที

“คุณว่าผมควรจะซื้ออะไรให้ฟ้าดี” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตุ๊กตา

“ฉันต้องถามคุณมากกว่าว่าอยากจะซื้ออะไรให้เขา แฟนคุณนะ ไม่ใช่แฟนฉัน” ...ถ้าจะให้เธอตอบ เธอไม่อยากให้เขาทำอะไรดีๆ เพื่อผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด ยิ่งเขาทำดีมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดที่เขาจะได้รับมันก็มากขึ้นเท่านั้น

แต่เขาขอให้มาช่วยเรื่องนี้ คนใจดีอย่างเธอก็ต้องช่วยสินะ

“ได้ไงล่ะ ก็คุณเป็นผู้หญิง คุณก็ต้องรู้สิว่าผู้หญิงเขาชอบอะไรกัน ขืนผมซื้อที่ผมชอบ แล้วฟ้าไม่ชอบจะทำไงเล่า”

“ฉันถามคุณว่า คุณอยากจะซื้ออะไรให้เขา ไม่ได้บอกให้คุณซื้อของที่คุณชอบให้เขา” หญิงสาวถอนหายใจยาว นี่เขาเคยซื้ออะไรให้แฟนเขาบ้างไหมเนี่ย “ผู้หญิงน่ะคุณ เขาชอบทุกอย่างที่แฟนเขาให้ด้วยใจนั่นแหละ”

“จริงเหรอ” คำตอบคือการพยักหน้าเล็กน้อย แค่เล็กน้อยจริงๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยถามต่อ “งั้นคุณช่วยแนะนำหน่อยสิ ว่าควรจะเป็นอะไรดี แล้วเดี๋ยวผมเลือกเอง”

“ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะชอบดอกไม้ การ์ด เค้ก ตุ๊กตา สร้อยคอ แหวน รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า อะไรประมาณนั้นล่ะมั้ง แต่ผู้หญิงอย่างฉันคงประหลาดที่ไม่ค่อยชอบของที่พูดมาสักเท่าไหร่”

“แล้วคุณชอบอะไรล่ะ” เขาหันมาถาม ท่าทีสนใจ

“จะถามไปทำไมล่ะ คุณก็ซื้ออะไรที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบไปสิ”

“พักเรื่องฟ้าไปก่อน ตอนนี้ผมถามคุณ ถ้ามีแฟน อยากได้อะไรเป็นของขวัญ”

“ถ้ามีแฟน ฉันคงไม่อยากได้อะไรจากเขาหรอก แค่ใจที่เขาให้มาก็มีค่าเกินพอแล้ว” ธราเอ่ยตอบขำๆ แต่พลันที่สบสายตาอ่อนอกอ่อนใจจากเขา จึงต้องกลับมาพูดเรื่องเดิม “โหย คุณนี่ไม่มีอารมณ์โรแมนติกเลย เชอะ ฉันก็ชอบสมุดบันทึก เพราะฉันชอบเขียนนิยาย เขียนกลอน มักจะเอาไว้จดเรื่องสำคัญ โมเม้นต์น่ารักๆ ในชีวิต หรือปากกาก็ได้ ฉันว่ามันคลาสสิกดีนะ ไม่จำเจด้วย อ้อ อะไรตลกๆ ก็ได้ที่แบบเห็นแล้วรู้เลยว่าใครให้ อะไรแบบเนี้ย”

“คุณมันเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความเป็นผู้หญิง อยากรู้จริงๆ ถ้าคุณมีแฟนจะเป็นไง ตอนนี้นึกภาพไม่ออก”

“เอาจริงๆ คนแบบคุณ ฉันก็นึกไม่ออกนะว่าถ้ามีแฟนแล้วจะเป็นไง จนได้เห็นด้วยตัวเองนี่ล่ะ”

“แล้วเป็นไง ถ้าคุณมีแฟนอย่างผม คุณว่ามันดีไหม” ทินกรหยุดหยิบจับอะไรทั้งหมด แล้วหันมาสบกับดวงตากลมโตเพื่อรอคำตอบ

“ไม่ค่ะ” คำตอบสั้นๆ นั้นทำเอาชายหนุ่มอ้าปากจะดุ แต่ธราพูดต่อทันที “คุณดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ต้องเป็นฝ่ายเอาใจ เป็นฝ่ายดูแล ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณไม่ชอบตามใจใคร ไม่ชอบเป็นฝ่ายง้อ แต่คุณก็ต้องง้อเขาตลอด คุณทำไม่ดีกับคนอื่น คุณสนใจแต่เขาคนเดียว มันก็น่าภูมิใจหรอกนะคะที่เหมือนเป็นคนพิเศษของคุณ แต่ว่าคุณไม่อึดอัดบ้างเหรอคะ”

“ไม่หรอก สำหรับฟ้า...ผมให้ได้ทุกอย่าง แค่ฟ้าคนเดียว” คำพูดหนักแน่นจากปากทินกรทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ แต่ก็ยังอยากถาม

“อะไรในตัวของผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้คุณรักล่ะคะ”

“ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผมต้องรักเขา และดูแลเขาให้ดีเท่าชีวิตของผม ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็เถอะ ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น แต่พอได้มาเจอฟ้า มันทำให้รู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก”

ธรามองใบหน้าคมเข้มจริงจังนั่นด้วยอารมณ์หม่นลงกว่าเดิมมากนัก นี่เขารักอัจฉราขนาดนี้เชียวหรือ รักเท่าชีวิต...
“เรื่องคุณดีกว่า แล้วคุณล่ะ รักของคุณเป็นแบบไหน”

“ฉันอยากให้แฟนฉันเป็นตัวของตัวเองที่สุดก็ตอนอยู่กับฉันเนี่ยแหละ ไม่ต้องมาเอาใจอะไรมาก ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกันก็ขัดกันได้ แค่ไม่บอกเลิกกันก็พอ และที่สำคัญ คนนั้นต้องเป็นคนดี และก็รักฉันจริงๆ ไม่ใช่ฝืนทำ”

“ใช้เหตุผลอะไรเยอะแยะ รู้แค่ว่ารักก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้มันมากหรอก” ชายหนุ่มส่ายหน้าขำๆ เหมือนเรื่องที่เธอพูดมามันตลกนัก

“จะไม่ใช้ได้ไงล่ะ เราก็ต้องคิดสิว่าเรารักคนๆ นี้เพราะอะไร ทำไมถึงรัก เขามีดีอะไร”

“ผมว่าเรื่องนี้มันน่าจะใช้แค่ความรู้สึกมากกว่ามั้ง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับสมองตรงไหนเลย”

...ก็เพราะคุณไม่ใช้เหตุผลในการรักน่ะสิ คุณถึงได้คบผู้หญิงที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย

หญิงสาวในยินเสียงตัวเองดังอยู่ในใจ อยากจะพูดออกไปเหลือเกิน หากไม่กลัวว่ามันจะทำลายอารมณ์ดีๆ ของเขาตอนนี้

“ผมคิดว่าแค่เรารับตัวตนของคนที่เรารักได้ทุกอย่างก็พอแล้วล่ะ” ทินกรหันมายิ้มให้เธอ ยิ้มอย่างคนที่เข้าอกเข้าใจโลกนี้ได้ดีเหลือเกิน

หญิงสาวครุ่นคิด ไม่จริงหรอก ถ้าทินกรได้รู้ว่าสิ่งแย่ๆ ในตัวอัจฉราคืออะไร เธอเชื่อว่าเขาไม่ทนผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้เขายังมีม่านบังตาอยู่ และเธอเองก็กำลังรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อสบตาเจ้าของรอยยิ้มนั้นนานๆ

จะผิดไหม หากเธออยากได้ยิ้มนี้มาเป็นของตัวเองคนเดียว

ผิดสิ! ผิดมาก เขาเป็นดารา และที่สำคัญเขามีแฟนแล้ว ธราสะบัดศีรษะแรงๆ เพราะต้องการให้เรื่องราวบ้าๆ ที่คิดอยู่ตอนนี้กระเด็นหายไป ทว่ามันคงจะไม่สำเร็จ เพราะเมื่อมองเห็นใบหน้าคมเข้มที่ถูกครอบด้วยแว่นตาอันโตนั้นมองมา ใจก็สั่นไหวแปลกๆ แล้ว

“เป็นบ้าอะไรของคุณ นี่ดีกว่า มาช่วยเลือกดอกไม้” ทินกรบุ้ยใบ้ให้มองดอกไม้สีแดงสดเบื้องหน้า นี่เธอเดินคุยเพลิน จนกระทั่งไม่รู้ว่าออกจากร้านตุ๊กตามาตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างนั้นเหรอ

“เอ่อ...ฉันไม่สันทัดเรื่องดอกไม้”

ไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากเคาน์เตอร์เพื่อไถ่ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะซื้อไปให้ใคร เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

ชายหนุ่มกระชับแว่นและดึงหมวกลงมาอีกนิด ก่อนตอบเสียงห้วน “ให้น้อง... เอ่อ ให้แฟน วันเกิด”

เขารีบเปลี่ยนคำทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเกือบหลุดคำว่า ‘น้องฟ้า’ ออกไปเสียแล้ว ครั้นโดนคนตัวเล็กข้างกายหยิกเข้าที่สีข้างอย่างแรงเป็นการดุว่าเขาใช้คำห้วนเกินไป เขาจึงเอ่ยตอบอีกรอบ “ให้แฟนครับ เนื่องในวันเกิดเขาครับ รบกวนช่วยเลือกให้หน่อยได้ไหมครับ”

ทินกรหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ยายลิงเจ้าปัญหา แต่เจ้าหล่อนยักไหล่อย่างไม่เกรงกลัว จะกลัวไปทำไม สิ่งที่เธอกลัวที่สุดในตัวเขาก็ถูกแว่นตาอันโตบดบังหมดแล้วนี่

พนักงานในร้านยิ้มหวาน “ได้สิคะ ไม่ทราบว่าแฟนคุณชอบสีอะไรคะ”

“สีชมพูครับ”

“งั้นเอาเป็นดอกไม้ไทยๆ หรือว่า...” เจ้าหล่อนยังพูดไม่ทันจบ ทินกรก็ตัดบทเสียก่อน คล้ายไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับใครนานนัก

“ไม่ครับ ขออะไรที่มันดูมีรสนิยมหน่อยดีกว่า” คำตอบนั้นทำเอาหญิงสาวข้างกายจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

“ทำไมคุณ ดอกไม้ไทยมันไร้รสนิยมตรงไหนไม่ทราบ ฉันชอบจะตาย พวกดอกสาวิตรี พุดตาน บัวสวรรค์...” ธราเว้นไว้พลางทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ชายหนุ่มยื่นมือหนามาปาดปากที่กำลังจะอ้าของเธอก่อนที่เจ้าตัวจะเปล่งเสียงอะไรออกมาเสียอีก

“พอที ไม่อยากรู้” เขาเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนหันไปบอกพนักงานในร้าน “เอาเป็นดอกลิลลี่ละกันครับ ลิลลี่สีชมพู จัดช่อสวยๆ เท่าไหร่ก็ได้ ผมจ่ายหมด”

“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ”

พนักงานเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนกลืนน้ำลายและแลบลิ้นไปมาอยู่หลายรอบ กับเสียงบ่นพึมพำ

“มือเค็มเป็นบ้าเลย”

ชายหนุ่มเดินออกจากตรงนั้น ก่อนที่จะหลุดขำให้เธอเห็น เขาหันกลับมามองเธอแวบหนึ่ง แล้วบอก “คุณรอดอกไม้ตรงนี้ละกันนะ เดี๋ยวผมไปซื้อตุ๊กตากับเค้กให้ฟ้าก่อน”

ทินกรเดินเลือกเค้กและตุ๊กตาไม่นานนัก เพราะเมื่อมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เขาควรจะออกจากที่นี่ห้าทุ่ม เพื่อไปส่งยายตัวแสบที่คอนโดก่อนและไปหาฟ้าได้ทันเที่ยงคืนพอดี

พายายนั่นมา ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรสักนิด แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้สิที่ทำให้เขารู้สึกว่าเวลามันเดินเร็วเกินไปจริงๆ

ชายหนุ่มถือตุ๊กตาหมีตัวโตกับเค้กวานิลาของโปรดอัจฉรา ทุกก้าวที่เยื้องย่างไปเมื่อรู้สึกว่ามีคนมอง เขาก็กระชับหมวกให้แน่นขึ้นอีก แต่จังหวะที่เงยขึ้นมา เขาก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีชั้นเครื่องเขียน ทินกรไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเดินเข้าไปเลือกของตรงนั้น

เขาหยิบสมุดบันทึกสีชมพูขึ้นมาเล่มหนึ่ง แต่ด้วยลวดลายหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตัดใจวางมันลง ร่างสูงเดินขยับไปเรื่อยๆ จนได้สมุดสีฟ้าอ่อนตัดกับน้ำเงินเข้ม ลวดลายถูกใจเขานัก ข้างบนเป็นท้องฟ้ามีพระอาทิตย์ดวงโต ไล่ลงมาด้านล่างที่เป็นภูเขา มองลงมาเรื่อยๆ จนถึงพื้นดินอันต้อยต่ำ มีเพียงต้นหญ้าประดับให้ดูไม่เงียบเหงาเกินไปนัก พลางนึกถึงถ้อยคำบางประโยคที่เขาพูดไว้

‘แม่ผมตั้งชื่อเล่นให้ว่าดินเพราะอยากให้ผมเป็นคนหนักแน่นจริงจัง เหมือนดินที่เป็นปึกแผ่น และพ่อก็ตั้งชื่อทินกรให้ผมเพราะอยากให้ผมเมตตาต่อคนอื่น ส่องแสงให้ผู้คนเหมือนพระอาทิตย์ แต่ผมว่าดินน่ะ...ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน มันก็เป็นก้อนกรวดให้คนอื่นเหยียบย่ำมันได้อยู่ดี ผมเลยไม่ชอบ แต่ชอบชื่อทินกรมากกว่า เพราะมันได้อยู่สูงกว่าคนอื่น และไม่มีใครมาเหยียบเราได้ มีแต่คนอยากตะกายขึ้นมาหา’

นึกแล้วใบหน้าคมเข้มภายใต้หมวกใบใหญ่กับแว่นตาอันโตนั่นก็เครียดเกร็งขึ้นมาอีกครา มือหนาจับสมุดบันทึกเล่มนั้นแน่น จนกระทั่งคำพูดอีกคนมาชโลมใจเขาดั่งสายน้ำชุ่มฉ่ำ

‘ฉันชื่อธรา แปลว่าแผ่นดินค่ะ แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเลยนะ แม่ฉันบอกว่าโลกนี้ถ้าไม่มีดิน มันก็ไม่มีที่ให้คนอื่นยืนหรอก...และไม่ว่าคุณจะชื่ออะไร จะเป็นดินหรือเพลิง แต่คุณก็มีค่าไม่น้อยไปกว่าใครทั้งนั้นค่ะ’

ชายหนุ่มคลายมือที่จิกเกร็งอยู่กับสมุดออก เจ้าของใบหน้าทะเล้นนั้นเปรียบดั่งน้ำโดยแท้ น้ำที่ดับใจที่ร้อนรุ่มของเขาในเวลานี้ หากมีทางไหนที่จะทำให้แม่น้ำสายนี้หยุดอยู่ที่เขาคนเดียวได้ เขาก็พร้อมที่จะทำ แม้ว่าบางทีเธออาจะดูเหมือนน้ำป่าไหลหลากพุ่งทำลายเขาก็ตาม

ทินกรหัวเราะกับตัวเองเบาๆ สมุดเล่มนี้แหละที่เขาจะมอบให้แม่นั่นแทนการขอบคุณที่มาเป็นเพื่อน สมุดบันทึกที่มีทั้งดินและตะวันอยู่ในนั้น

เดินเรื่อยๆ ไปอีกก็พบว่ามีชั้นวางปากกาอยู่ไม่ห่างนัก ชายหนุ่มหยิบจับแล้วก็วางไปหลายอันจนสุดทาง ก็ไม่เจออันที่เหมาะกับยายตัวปัญหานั่น และแล้วเขาก็ตัดใจ หยิบสมุดนั่นไปเพียงเล่มเดียว พลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ

ห้าทุ่มสิบนาที ให้ตายสิ นี่เขาเลือกของให้ยายตัวแสบนานกว่าที่เลือกเค้กและตุ๊กตาให้อัจฉราของเขาเสียอีก

ชายหนุ่มเดินเร็วจนเกือบวิ่งเพื่อไปร้านดอกไม้ที่เขาสั่งทำช่อไว้ คนตัวเล็กที่เขาสั่งให้รอมองมาอย่างร้อนรน

“นานจริงๆ เลยคุณ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก นี่ฉันนึกว่าจะชิ่งหนีแล้วปล่อยให้ฉันรับผิดชอบค่าดอกไม้ซะอีก ไม่มีจ่ายให้นะบอกเลย”

เขาไม่พูดอะไรอีก รีบจ่ายเงินแล้วกระชากร่างบางที่ถือช่อดอกไม้สีชมพูอ่อนนั้นให้เดินตามมาขึ้นรถโดยเร็ว

จนกระทั่งขับรถใกล้จะถึงคอนโดแล้วนั่นแหละ ตัวปัญหาถึงเอ่ยถามหลังจากที่นั่งพร่ำพูดแต่เรื่องตัวเองมาตลอดทาง “แล้วเดี๋ยวคุณไปเจอคุณฟ้าที่ไหนล่ะ นัดไว้หรือเปล่า”

“เปล่าหรอก ผมแกล้งลืมวันเกิดฟ้าไปน่ะ เมื่อเย็นเขาทวงถามอยู่”

“คุณไม่กลัวฟ้าคุณฟ้าเธอจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเธอหรือคะ”

“ไม่หรอก ฟ้าไม่มีเพื่อนนอกวงการที่ไหน มีแต่ผมเนี่ยแหละ” หญิงสาวมองใบหน้าคมเข้มที่ขณะนี้ปราศจากหมวกใบใหญ่โตกับแว่นตาเทอะทะนั่น

ทำไมนะ ทำไมเธอถึงอยากให้ทินกรรู้ความจริงเร็วๆ สักที ทำไมถึงไม่อยากให้เขาทำตัวน่ารักแบบนี้กับผู้หญิงใจร้ายใจดำคนนั้น

ครั้นจะอ้าปากเตือนอะไรออกไป เขาก็หันมาเอ่ยเสียงเรียบ

“ถึงแล้ว ลงไป ผมรีบ” หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อตั้งสติ พลางมองรอบข้างเลิ่กลั่ก

แต่ขณะที่เธอกำลังเปิดประตู ทินกรคว้าข้อมือบางไว้แน่น ดวงหน้าหวานหันมาเลิกคิ้วสูง เขามองนิ่งๆ อยู่สักพัก ก่อนเมินมองไปทางอื่นแล้วหยิบสมุดบันทึกส่งให้

กะอีแค่ส่งของให้ ทำไมถึงมองหน้าไม่ได้ก็ไม่รู้ นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาถามตัวเองอยู่เหมือนกัน

หญิงสาวมองของสิ่งนั้นอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรับมาถือไว้ “ขอบคุณมากค่ะ แล้วก็...โชคดีนะคะคุณเพลิง”

ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งทันทีที่คนตัวเล็กลงไป แทบไม่อยากจะฟังคำขอบคุณหรือสายตาใดๆ ที่มองมาอย่างสื่อความหมาย มือหนากุมหน้าอกตัวเองก่อนถอนหายใจยาวเหมือนยกภูเขาออกไปได้

...แค่ให้ของขอบคุณแม่นั่น ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ

ทินกรสะบัดศีรษะไล่ความคิดบ้าๆ ออกไปให้พ้นใจ สั่งตัวเองให้กลับมานึกถึงเจ้าของวันเกิดที่เขากำลังไปหา จนกระทั่งใบหน้าสะสวยของอัจฉราเด่นชัดขึ้นมานั่นแหละ จังหวะหัวใจเขาถึงกลับมาเป็นปกติได้

ทุกปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยลืมวันเกิดอัจฉราเลยสักครั้ง นัดเธอพาไปทานอาหารโรงแรมหรูตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแกล้งทำเป็นลืม และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เธอ ชายหนุ่มเหลือบมองเค้กก้อนโต ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ และดอกลิลลี่สีชมพูอ่อนที่ถูกจัดช่อไว้อย่างสวยงามนั้นแล้วก็มีรอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นที่ใบหน้า

มันไม่ได้มีเพียงเท่านั้นหรอก บางสิ่งบางอย่างในกระเป๋าบริเวณหน้าอกด้านซ้ายนั่นต่างหากที่มีค่ามากกว่า

อัจฉราจะต้องจำวันเกิดปีนี้ไปตลอดอย่างแน่นอน


_____________________________________________________________________________________

ฝากเพจเฟซบุ๊กด้วยนะคะ ชื่อเพจว่า "เอวาลิน - นักเขียน" ค่าาาา จุ้บบบ



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2559, 12:11:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2559, 12:11:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 895





<< ตอนที่ 20 ...เบื่อวงการ   ตอนที่ 22 ความจริงที่เจ็บปวด >>
Zephyr 20 ต.ค. 2559, 11:42:51 น.
ไปเจอเซอรี์ไพร์สกว่านี่นา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account