สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน

ตอน: ตอนที่ 4 >>> 100%

ตอนที่ 4 (ต่อ)

“นี่ยังมาขายอยู่อีกเหรอ พรุ่งนี้มะรืนนี้ว่าจะให้คนเช่ารายใหม่มาดูแล้วนะเนี่ย” คุณนายรงรองที่วันนี้มาจ่ายตลาดเองเพราะต้องการมาดูความเคลื่อนไหวของนางจินตนาเอ่ยทักเสียงเยาะ

“ขอแค่วันนี้นะคะคุณนาย เผื่อได้ห้าได้สิบ” นางจินตนารีบบอกอย่างขอความเห็นใจ กลัวว่าเจ้าของแผงจะไม่พอใจจนอาละวาดขึ้นมา

“ตามใจละกัน” คุณนายรงรองทำท่าจะเดินผ่านเลยไป แต่เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหมุนตัวกลับมาพูดกับนางจินตนาอีกครั้ง “ที่อยู่ใหม่ของเธอกับลูกคงจะไกลพอที่เราจะต้องไม่เจอกันอีกนะ คนละจังหวัดเลยยิ่งดี”

“ค่ะ” นางจินตนารับคำเสียงแผ่ว แล้วนั่งก้มหน้ากุมขยับพลางถอนหายใจ

“ปัญหามันใหญ่โตมากเลยเหรอแม่จิน ถึงต้องไล่ไปไกลขนาดนั้น” ป้าจาบถามพลางใช้มือลูบปลอบ อย่างรู้สึกหนักใจแทนสองแม่ลูก

“คุณนายแกคงไม่อยากให้ไอ้คู้ปไปยุ่งกับลูกสาวแกนะจ๊ะ”

“ไอ้คู้ปจีบหนูมิ้นเหรอ” ป้าจาบถามตาโต ก่อนจะเม้มปากกลอกตาขึ้นแล้วพยักหน้าน้อยๆ เหมือนนึกอะไรได้ “จะว่าไปหนูมิ้นก็ชอบมาซื้อของและยิ้มหวานๆ ให้กับไอ้คู้ปอยู่บ่อยๆ นะ”

“เด็กสองคนแอบคบกัน ฉันเองก็เพิ่งรู้เมื่อวานนี้เอง จริงๆ ฉันก็แอบสังเกตและเตือนไอ้คู้ปแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งกับหนูมิ้นแต่มันไม่ฟังฉันเลย” บ่นพลางปาดน้ำตา

“เรื่องแบบนี้มันก็พูดยากนะแม่จิน ห้ามใจให้รักนี้ยากอยู่นะ ยิ่งวัยอย่างไอ้คู้ปแล้วด้วย แก่ๆ อย่างเราๆ เองก็เถอะ” ป้าจาบปลอบแล้วก็พลอยถอนหายใจไปด้วย “แล้วนี้จะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เวลามันน้อยมาก”

“จะอยู่แถวๆ นี้ก็ไม่ได้ ก็อย่างที่เราๆ รู้ว่าคุณนายแกจะเอาเสี่ยนิติมาเป็นลูกเขย เสี่ยนิติเองก็ดูเหมือนจะชอบหนูมิ้น ถ้ารู้เรื่องไอ้คู้ปแอบคบหนูมิ้นเสี่ยนิติได้เอาตาย พวกมีอิทธิพลถอยให้ห่างจะดีกว่า” ป้าจาบถอนหายใจหักๆ อย่างกลุ้มใจแทน “แล้วไม่มีญาติที่ไหนเลยหรือวะ”

“แถวนี้ไม่มีหรอกจ้ะ จะมีก็แต่นู้น...พัทยา”



ป้าจาบมองแผงขายผักข้างๆ ที่ว่างเปล่าแล้วถอนหายใจหนักๆ เมื่อมีบรรดาแม่ค้าที่ส่วนใหญ่ชอบนินทาเป็นงานอดิเรกแวะเวียนมาถามเรื่องที่นางจินตนากับลูกชายย้ายไปแบบกะทันหัน แม้วันนี้ทั้งคู่จะย้ายไปสองวันแล้วก็ตาม ทั้งนี้ก็คงเพราะเมื่อวานคุณนายรงรองมาที่ตลาดและมีคนถาม นางก็ตอบกับทุกคนด้วยเสียงหัวเราะแกมเย้ยหยันว่า คูเปอร์แอบชอบมินรญาจนไปตามรังควาน จนลูกสาวของนางทนไม่ไหวจึงเอาเรื่องมาบอก ด้วยความเป็นห่วงและเพื่อความปลอดภัยนางจึงขอให้สองแม่ลูกย้ายออกไป

แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริงป้าจาบก็ไม่คิดจะแย้งพูดไปก็จะกลายเป็นเพิ่มหัวข้อนินทาเปล่าๆ จึงเงียบไว้ เวลาใครมาถามนางก็จะเลี่ยงด้วยการบอกว่าไม่รู้เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย ไม่เว้นแม้แต่มินรญาที่วิ่งหน้าตื่นมาที่แผง และเมื่อเห็นความว่างเปล่าเธอก็ทำราวกับจะขาดใจตาย น้ำตาล้นทะลักออกมาราวกับทำนบน้ำแตก

“พี่คู้ปไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือนี่” มินรญาพึมพำกับตัวเองทั้งน้ำตา ก่อนจะหันมาหาป้าจาบ “ป้ารู้ไหมคะว่าพี่คู้ปกับแม่ย้ายไปอยู่ที่ไหน” แววตาไหวระริกที่เต็มไปด้วยความหวังทำเอาป้าจาบอึกอักเล็กน้อย

“มะ...ไม่รู้หรอกค่ะคุณหนู แม่จินไปแบบกะทันหันและไม่ได้เล่าอะไรให้ใครรู้เลย”

ความหวังของหญิงสาวพลันดับวูบ ร่างบางถึงกับเซไปผิงแผงขายผัก ก่อนจะพลิกตัวก้มหน้าก้มตาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อายใคร จนแม่ค้าที่อยากรู้อยากเห็นแถวนั้นอดไม่ได้ที่จะเข้ามาปลอบแล้วถามไถ่ และป้าจาบเชื่อว่าด้วยปฏิกิริยาของมินรญากับคำบอกเล่าของคุณนายรงรองที่มันค้านกันคงทำให้เหล่าแม่ค้าได้มีหัวข้อบริหารปากกันเป็นแน่

“คุณหนูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมคะ”

“นั่นสิคะ”

“เพราะไอ้คู้ปหรือเปล่า”

สามสี่คนต่างรุมแย่งกันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเป็นห่วง จนป้าจาบที่นั่งดูอยู่รำคาญเอ่ยปากไล่ “พอๆๆ ไปขายของไป๊ จะขายไหมของน่ะ ลูกค้ายืนหน้าบึ้งรออยู่โน้น” ทุกคนหันมามองป้าจาบอย่างขัดใจบ่นงึมงำกันตามประสา แต่ก็ยอมผละออกไปขายของ

“คุณหนูมิ้นเองก็กลับบ้านเถอะค่ะ”

“ทำไมพี่คู้ปต้องหนีไปแบบนี้ด้วย”

“ไม่ลองโทร.ถามดูละคะ” ป้าจาบแนะนำแบบอ้อมๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการซักไซ้ที่นางไม่อยากจะตอบ

“โทร.แล้วค่ะ แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้แบตหมดหรือปิดเครื่องกันแน่ ป้าไม่รู้จริงๆ เหรอคะว่าพวกเขาย้ายไปไหนกัน”

คนถูกถามส่ายหน้าอย่างไว ก่อนจะรีบหันไปคุยกับลูกค้าที่มาเลือกซื้อผักเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา หากก็ปรายตามองหญิงสาวเป็นระยะๆ

มินรญายืนซึมน้ำตาคลออยู่หน้าแผงอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับกดโทรศัพท์ที่คนเป็นแม่คืนให้เมื่อวานต่อสายหาคนรักครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม แล้วในเวลาต่อมาดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ก็มีประกายขึ้นมา เธอเดินมาหาป้าจาบ “ป้ามีเบอร์ของแม่พี่คู้ปไหมคะ”

แล้วความหวังครั้งใหม่ก็ดับวูบ “ไม่มีหรอกจ๊ะ แม่จินไม่มีมือถือใช้”

และในตอนนั้นเองเสียงทักจากนางรงรองที่เดินนวยนาดเข้ามาในตลาดก็เอ่ยทักลูกสาว “แม่นึกว่ารีบออกจากบ้านจะไปไหน มาอยู่ที่นี่เอง” น้ำเสียงนั้นไม่ได้มีความเคืองแม้แต่นิดออกจะระรื่นเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะนางรงรองบอกเรื่องที่คูเปอร์ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก่อนจะยกเลิกการกักบริเวณและคืนโทรศัพท์ให้กับลูกสาวเมื่อตอนสายๆ และคาดเอาไว้อยู่แล้วว่ามินรญาจะต้องมาที่นี่

“แม่มาทำไมคะ”

“พาแม่คนมาดูแผงน่ะ” ว่าแล้วนางก็เดินไปหาคนเช่าแผงคนใหม่ที่วันนี้นัดมาดูแผงพร้อมกับจ่ายค่าเช่างวดแรก มินรญาเม้มริมฝีปาก เมื่อเห็นท่าทีอารมณ์ดีของมารดา เธออยากอาละวาด แต่มันก็เท่านั้น เพราะเมื่อเช้าเธอทำมันแล้ว สุดท้ายมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ อีกอย่างจะทำอย่างนั้นต่อหน้าคนมากมายใช่จะดูดี

“งั้นมิ้นกลับนะคะ” มินรญาบอกมารดาแล้วหมุนตัวเดินหน้าซึมกลับไปที่รถ พลางคิดหนักว่าเธอจะหาตัวหรือติดต่อคูเปอร์ได้อย่างไร แต่จู่ๆ ก็มีรูปแผ่นหนึ่งยื่นมาตรงหน้า

“รู้จักผู้หญิงคนนี้ไหมครับ”

มินรญามองคนในภาพแล้วเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงหน้านิ่งเรียบในชุดสูทสีดำธรรมดาไม่ได้เรียบหรู ทว่ารังสีอำมหิตแปลกๆ จากผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกเกร็งๆ และกลัวนิดๆ อย่างบอกไม่ถูก นั่นทำให้มินรญาถามกลับ ทั้งที่รู้ว่าคนในภาพนั้นเป็นใคร

“มีธุระอะไรกับผู้หญิงในภาพเหรอคะ”

“ธุระส่วนตัวครับ” แม้จะพูดมีหางเสียงครับๆ ทุกครั้งแต่ทำไมนะมินรญาถึงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นมันถึงยังฟังดูเหี้ยมๆ จนไม่อยากบอกว่าเธอในภาพนั้นเป็นใคร แต่ในขณะนั้นเองเสียงมาแต่ไกลของคุณนายรงรองก็ดังขึ้น

“มีอะไรกันนะ” แล้วเจ้าตัวก็เดินตรงรี่เข้ามาหาลูกสาวอย่างไว ดึงร่างบางไปหลบด้านหลัง และถามอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนเข้ม “มีอะไรกับลูกสาวของฉัน”

“เปล่าครับ ผมมาตามหาผู้หญิงในภาพนี้ครับ” ชายหนุ่มยยืนมือไปดึงภาพในมือของมินรญาแล้วมายื่นให้คุณนายรงรอง

“แม่จินนี่นา” ทันทีที่เอ่ยชื่อนางจินตนาแม่ค้าใกล้เริ่มยืดคอเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ

“คุณรู้จักเหรอครับ” น้ำเสียงมีแววกระตือรือร้นขึ้นมาเล็กน้อย

“รู้จักสิ”

“ตอนนี้เธออยู่ไหนครับ”

“ย้ายบ้านไปแล้วเมื่อวันก่อนนี่เอง”

“โดนไล่ต่างหากละ” มินรญารีบแย้ง

“ยัยมิ้น!” นางรงรองหันมาทำตาขวางใส่บุตรสาว ก่อนจะหันไปปั้นหน้ายิ้มใส่หนุ่มหน้าดุ “มีธุระอะไรกับแม่จินหรือคะ เอะหรือว่า...” นางรงรองกวาดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าตั้งหัวจรดปลายเท้าแล้วกดยิ้ม “มาทวงหนี้...ถ้าจะมาทวงหนี้บอกเลยว่าใสเจียเสียใจด้วยนะจ๊ะ เพราะขนาดหนี้ของเสี่ยนิตินางยังไม่ใช้หนีไปหน้าตาเฉย”

“หนีไปอยู่ไหน”

นางรงรองเบ้ปากยักไหล่ “ไม่รู้สิ ไปถามป้าจาบดูสิเผื่อแกรู้” นางพยักพเยิดไปที่หญิงสาวร่างท้วมที่กำลังขายผักอยู่ที่แผง

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มดึงรูปใบเดิมตรงดิ่งไปหาป้าจาบด้วยความหวัง โดยมีมินรญาเดินตามไปแบบติดๆ แม้จะโดนคนเป็นแม่ดึงรั้งเอาไว้ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมกลับจนนางรงรองต้องเดินตามมาอีกคน

“ป้าจาบใช่ไหมครับ”

คนถูกถามพยักหน้ารับอย่างงงๆ “ป้ารู้จักผู้หญิงในภาพนี้ใช่ไหมครับ” ป้ายืดคอมาดูแล้วพยักหน้ารับแล้วถามกลับอย่างไม่ไว้ใจ “มีอะไรเหรอพ่อหนุ่ม”

“มีคนอยากเจอเธอกับลูกนะครับ”

“เจ้าหนี้ล่ะสิ” นางรงรองรีบเอ่ยแทรก แต่ชายหนุ่มนั้นได้หาสนใจ รีบสอบถามหาสิ่งที่อยากรู้

“แต่ป้าคนนี้บอกว่าเธอย้ายบ้านไปแล้ว”

“ย้ายไปไหนป้าก็ไม่รู้หรอกนะ ไปแบบกะทันหันนะ คนในตลาดไม่มีใครรู้สักคน นอกจากเจ้าของตลาด” ได้ทีป้าจาบเลยแอบเหน็บเจ้าของตลาดที่ยืนหน้าตึง เพราะเพิ่งโดนพ่อหนุ่มหน้าดุเรียกว่าป้า

“ไม่รู้จริงๆ เหรอครับ”

“ไม่รู้จริงๆ” ป้าจาบย้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ป้าไม่รู้หรอกนะว่าพ่อหนุ่มเป็นใคร เป็นเจ้าหนี้หรือคนที่สองแม่ลูกอาจจะเคยไปทำอะไรให้พ่อหนุ่มไม่พอใจ อย่าไปตามหาตามเอาเรื่องพวกมันสองคนเลยนะ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ปากกัดตีนถีบทุกข์พอทนแล้ว” ป้าจาบขอร้องน้ำตาคลอ

“ขอบคุณครับ ผมมาดี” ชายหนุ่มกดยิ้มมุมปาก ก่อนจะหมุนตัวจะเดินออกจากตลาด หากสายตาคมก็พลันเหลือบไปเห็นนางรงรองยืนเบ้ปากอยู่จึงกลับมายืนตรงหน้าหญิงสูงวัยพร้อมกับยื่นนามบัตรให้

“บอกเจ้าหนี้ทุกคนของคุณจินตนาด้วยว่าให้โทร.หาผมที่เบอร์ในนามบัตรแล้วผมจะเป็นคนใช้หนี้ให้เธอเอง” บอกเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่ตอนนี้ต่างทำให้ทุกคนสงสัยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน จู่ๆ ก็โผล่มาถามหานางจินตนาแถมยังใจดีจะใช้หนี้ให้ด้วยก็เดินจากไป

“เดี๋ยวสิคะคุณ” มินรญาที่เหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้รีบวิ่งตามไป “คุณจะตามหาพี่คู้ปกับแม่ใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“งั้น...รอเดี๋ยวนะคะ...” มินรญาค้นกระเป๋า หยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กและปากกาที่มักพกติดกระเป๋าเสมอขึ้นมาแล้วจดอะไรบางอย่าง แล้วฉีกมันยื่นให้กับคนตรงหน้า

“ถ้าเจอพวกเขารบกวนโทร.บอกฉันที่เบอร์นี้หน่อยได้ไหมคะ คุณต้องการเงินเท่าไหร่ฉันยอมจ่ายค่ะ”

ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมา พิจารณาหญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อยแล้วเดินไปต่ออย่างไม่มีการรับปากในเรื่องที่มินรญาขอร้องแต่อย่างใด

แต่ถึงอย่างนั้นคนที่กำลังมืดแปดด้านในการตามหาคนรักอย่างมินรญาก็ยังรู้สึกว่านี่มันคือความหวังทางหนึ่ง โดยไม่รู้เลยว่ากระดาษแผ่นนั้นจะถูกขยำและโยนทิ้งถังขยะหน้าตลาดไปแล้ว



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2559, 16:17:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2559, 16:17:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 944





<< ตอนที่ 4 >>> 50%   ตอนที่ 5 >>> 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account