สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน

ตอน: ตอนที่ 5 >>> 50%

ตอนที่ 5

กลับถึงบ้านมินรญาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ตอนนี้เธอได้คืนทุกอย่างทั้งโทรศัพท์มือถือและโน๊ตบุ๊ค แต่มันก็เปล่าประโยชน์เมื่อสิ่งที่เธออยากได้คืนมากที่สุดคือคูเปอร์ แต่จะเอาคืนอย่างไรเมื่อเธอไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เบอร์มือถือก็ติดต่อไม่ได้ ทั้งไลค์และเฟสบุ๊คชายหนุ่มลบทิ้งหมดเลย นี่คูเปอร์ยอมทิ้งเธอไปจริงๆ หรือนี่ แถมตอนนี้เธอต้องการที่ปรึกษาดาวิกาก็กลับเงียบหายติดต่อไม่ได้อีกคน ตอนนี้เหมือนตัวคนเดียว

“ยัยมิ้น เปิดประตู แกจะอยู่แต่ในห้องไปถึงเมื่อไหร่” เสียงเคาะประตูและตะโกนเรียกไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่นอนจมน้ำตาเงยหน้าแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงที่ตอบกลับไป

“แม่อย่ามายุ่งกับมิ้น”

“เสี่ยนิติมาหา ให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีนะ”

“มิ้นไม่ได้อยากเจอเสี่ยนิติ มิ้นอยากเจอพี่คู้ป เข้าใจไหมคะมิ้นอยากเจอพี่คู้ป!” คราวนี้หญิงสาวลุกขึ้นตะโกนทุ่มหมอนใส่ที่นอนอย่างต้องการระบายอารมณ์ความโกรธความเศร้า

“เอ้อ! อาละวาดให้พอ ชาตินี้แกอย่าหวังว่าจะได้เจอมัน อยากอยู่ในนั้นก็อยู่ไป” พูดจบนางก็เดินตึกตักกลับลงไปที่ห้องรับแขก มาขอโทษขอโพยคนที่นั่งรอ

“ขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ คงต้องให้เวลาสักหน่อย” เสี่ยนิติที่รู้เรื่องทั้งหมดจากคำบอกเล่าของนางรงรองบอกอย่างไม่ถือสา

“เฮ้อ...ไม่ได้ดั่งใจจริงๆ เลยลูกคนนี้ เราก็หวังดีอยากให้ได้สิ่งดีๆ แต่ไม่ฟังเลย ฉันละกลุ้ม นี้ก็ไม่รู้จะดื้อแพ่งอีกนานแค่ไหน” นางบอกพลางทิ้งตัวลงนั่งโซฟาอย่างเหนื่อยใจ

“น่า...ให้เวลาเขาหน่อย...คนเราจะมามั่วเสียใจฟูมฟายไปตลอดชีวิตมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ...คุณนายอย่าเครียดไปเลยนะครับ เอาอย่างนี้ไหม ผมแนะนำวิธีคลายเครียดให้รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง”

“ทำยังไงคะ” นางรงรองถามอย่างสนใจ

“ถึงแล้วก็รู้เอง ไปกันเถอะครับ” ว่าแล้วเสี่ยนิติก็ลุกขึ้น

“เสี่ยไปรอที่รถนะคะ ฉันขอไปเอากระเป๋าแป๊บหนึ่ง” นางรงรองรีบเดินขึ้นห้องไปหยิบกระเป๋าไม่นานก็ลงมาพร้อมจะออกไปข้างนอก แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะกำชับคนรับใช้ในบ้านให้ดูแลและจับตาดูบุตรสาว



นางรงรองเดินกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณอย่างงงๆ เมื่อเสี่ยนิติพาตนเดินเข้ามาในตึกแห่งหนึ่ง ภายนอกก็ดูเป็นแค่ตึกธรรมดา แต่เมื่อเดินลึกเข้ามาภายในกลับทำให้นางถึงกับเบิกตากว้าง

“บ่อน!” นางอุทานพลางหันมามองหน้าว่าที่ลูกเขย “ครับ บ่อนของผมเอง”

“ไม่ดีมั้งคะ ฉันเล่นไม่เป็น และอีกอย่างไม่เคยคิดจะเล่นด้วย” นางรงรองออกตัวเสียงแผ่วอย่างเกรงใจเสี่ยนิติผู้เป็นเจ้าของ

“เอาน่ามาถึงแล้วก็ลองสักนิดไม่เสียหายอะไร” เสี่ยนิติโน้มน้าวพลางยื่นมืออกไปรับเงินที่เขาบอกลูกน้องให้เตรียมไว้ให้มายื่นให้กับนางรงรอง “ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงเพราะอีกไม่นานเราก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว เงินผมก็เหมือนเงินแม่ยายนี่ครับ”

“มันจะดีเหรอคะ” ถามอย่างไม่กล้าขัด

“ดีสิครับ อย่าคิดมากเลยครับเงินแค่นี้เอง” นางรงรองมองเงินแค่นี้เองของเสี่ยนิติ แล้วก็แอบอึ้งไปเหมือนกัน เงินปึกนี้คาดเดาจากสายตาไม่น่าต่ำกว่าสามหมื่น แม้นางจะมีฐานะแต่ก็ไม่คิดว่าเงินจำนวนนี้น้อยแต่อย่างใด

“มาทางนี้ครับ” เสี่ยนิติเดินนำไปที่โต๊ะ ที่มีทั้งชายและหญิงที่ต่างแต่งตัวดูดีมีฐานะกันทั้งนั้นกำลังนั่งถือไพ่กันอยู่ บางคนยิ้ม บางคนทำหน้าเครียด บางคนทำหน้าลุ้น “เป็นไงบ้างครับทุกคน”

“วันนี้มันเป็นวันของผมครับ”

เสี่ยนิติมองชิปที่กองอยู่ตรงหน้าคนโชคดีแล้วยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปดูอีกคนที่ตอนนี้ชิปเหลือน้อยนิดทิ้งไพ่ในมือทิ้งอย่างหัวเสียเมื่อโดนกินอีกครั้ง

“ต้องการเครดิตเพิ่มไหมครับคุณพงษ์ศักดิ์” เสี่ยนิติเสนอลูกค้าขาประจำ

“ดีเลยครับเสี่ย เอาไว้มาคราวหน้าผมจะเคลียร์ให้นะครับ”

เสี่ยนิติสะบัดมือเป็นสัญญาณให้กับลูกน้อง ไม่นานซองสีน้ำตาลที่ข้างในบรรจุเงินปึกใหญ่ก็ถูกนำมายื่นให้ เสี่ยนิติรับมาแล้วยื่นมันต่อทันที “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมรู้เงินแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเจ้าของกิจการอย่างคุณ”

“แน่นอนอยู่แล้วกิจการของผมกำลังไปได้ดีเพราะมีลูกชายมารับช่วงต่อ ว่าแต่พาใครมาด้วยครับนั่น”

“อ้อ...นี่คุณรงรองว่าที่แม่ยายผมเองครับ” ทุกคนในละสายตาจากวงไพ่มามองคุณนายรงรอง เกือบทุกคนครางออกมาอย่างอิจฉา บางคนอิจฉาคุณนายรงรองที่จะมีว่าลูกเขยที่ร่ำรวยมหาศาล ขณะที่บางคนอิจฉาเสี่ยนิติที่น่าจะมีเมียรุ่นลูก

“พอดีคุณรงรองเครียดๆ ผมเลยอยากหาอะไรให้ทำแก้เครียดนะครับ”

“สวัสดีค่ะทุกคน ถึงเสี่ยนิติจะพูดอย่างนั้นแต่ฉันก็ไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้นะคะ”

“โอ้ย...ไม่เป็นไร แต่ก่อนฉันก็ไม่เคย ดูอย่างทุกวันนี้สิคะ วันไหนไม่ได้เล่นอาการเครียดกำเริบ มาค่ะฉันจะสอนให้เอง แป๊บเดียว” หญิงสูงวัยแต่ตัวดีบนนิ้วอวบอูมมีแหวนเพชรอยู่ถึงสามวงดึงคุณนายรงรองนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ที่ว่างอยู่

“ฝากด้วยนะครับ ผมขอเดินดูรอบๆ นี้ก่อน”

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

“ลองเล่นดูก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา” เสี่ยนิติบอกแล้วก็เดินนำลูกน้องที่เดินตามไม่ห่างแวะไปคุยกับกลุ่มนั้นทีกลุ่มนี้ที

“พอเข้าใจไหมคะ” คนสอนถามลูกศิษย์หมาดๆ

“ค่ะ คิดว่าพอได้ไม่น่าจะยาก” นางรงรองบอกพลางพยักหน้าหลังจากฟังเพื่อนใหม่อธิบายการเล่นไพ่ฉบับเร่งรัดให้ฟัง

“คุณรงรองนี้น่าอิจฉานะคะ ที่จะได้เสี่ยนิติไปเป็นลูกเขย” หญิงสูงวัยอีกหนึ่งคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นอย่างชวนคุย

“นั่นสิคะรวยล้นฟ้าอย่างนี้สบายไปทั้งชาติ ลูกสาวคุณโชคดีมากๆ เลยนะคะ เสียดายไม่มีลูกสาวบ้าง” อีกคนเอ่ยพลางทำหน้าเสียดาย

“แต่รวยเพราะธุรกิจสีดำแบบนี้มันก็น่าคิดอยู่นะ อีกอย่างเรื่องอายุไม่มีปัญหาหรือครับคุณรงรอง” ยังไม่ทันที่คนโดนถามจะได้ตอบ ใครอีกคนในกลุ่มก็แทรกขึ้นมา

“พูดอย่างนี้คุณพงษ์ศักดิ์อิจฉาเสี่ยนิติใช่ไหมล่ะคะ คุณรงรองเองก็อย่าไปฟังมากนะคะสมัยนี้ไม่มีเงินนะอยู่ไม่ได้หรอก เงินมีให้ใช้สนที่มาที่ไปให้ปวดสมองทำไม เชื่อเถอะลูกสาวคุณรงรองนะโชคดีที่สุดแล้วละคะ

“ค่ะ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”



คนที่บอกว่าเล่นไม่เป็นและไม่คิดจะเล่นการพนันกลับถึงบ้านเกือบสองทุ่มเพราะติดพันเล่นจนเพลินอย่างที่ตัวนางรงรองเองก็คาดไม่ถึง

‘เอาไว้ฉันจะมาเล่นด้วยใหม่นะคะ วันนี้ขอตัวกลับบ้านก่อน’ นางรงรองถึงกับบอกคนในวงไพ่อย่างนั้นหลังจากที่ลูกน้องของเสี่ยนิติมาสะกิดบอกเวลา

‘ขอบคุณเสี่ยมากเลยนะคะที่แนะนำวิธีคลายเครียดให้ ช่วยได้มากจริงๆ ได้ทั้งความเพลิดเพลินและเพื่อนใหม่’

‘ยินดีครับ ผมให้ลูกน้องไปส่งนะครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องรีบไปทำต่อ’

‘ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้ว ว่าแต่พรุ่งนี้ดิฉันมาอีกได้ไหมคะ’ นางขออนุญาตทั้งที่ตั้งใจและนัดเพื่อนๆ ในกลุ่มเอาไว้แล้ว

‘ยินดีครับ แล้วผมจะให้เด็กเตรียมเงินไว้ให้’ เสี่ยนิติบอกอย่างใจป้ำ

‘ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้มือขึ้น เงินที่ให้วันนี้ก็เหลือตั้งเยอะ’

นั่นคือบทสนทนาก่อนนางจะขึ้นรถมาที่บ้าน นางรงรองเปิดกระเป๋าที่มีเงินก้อนใหญ่อัดอยู่เต็มแล้วยิ้มกริ่ม เดินเข้าบ้านอย่างรู้สึกสบายใจ

“คุณแม่ไปไหนมาคะ”

นางรงรองหยุดชะงัก ถอนหายใจเล็กน้อย “แม่ไปหาอะไรทำเรื่องคลายเครียดนิดหน่อย แล้วนี้กินข้าวหรือยังล่ะ”

“ยังค่ะ มิ้นรอแม่อยู่ค่ะ แล้วแม่ล่ะคะ”

“ยังเหมือนกัน แม่แววตั้งโต๊ะหน่อยเร็ว” นางรงรองเรียกคนรับใช้ แล้วเดินนำบุตรสาวไปที่ห้องรับประทานอาหาร

“ดูแม่อารมณ์ดีนะคะ” นางรงรองเลื่อนเก้าอี้แล้วหันไปยิ้มให้กับคนเป็นลูกสาว

“ต้องขอบคุณเสี่ยนิติ”

เมื่อได้ยินชื่อคนที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงหรืออยากได้ยินทำให้มินรญาเงียบไปโดยปริยาย แต่สำหรับนางรงรองกลับตรงข้าม “เขาเห็นแม่เครียดก็อาสาพาไปหาอะไรทำคลายเครียด”

“ทำอะไรคะ” มินรญาถามอย่างไม่ไว้ใจ

“ใช้สมองนิดหน่อยน่ะ แต่ได้ผลดีมากๆ เลยละ”

“ถ้าแม่สบายใจก็ทำไปเถอะค่ะ” มินรญาบอกอย่างไม่อยากจะเซ้าซี้ บางทีแม่มีอะไรทำบ้างก็ดีจะได้ไม่ต้องมาหมกมุ่นจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องของเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด มารดาของเธอเงียบก็แค่ช่วงที่คนรับใช้ในบ้านตั้งโต๊ะ แต่พอทุกคนผละออกไปท่านก็เริ่ม

“มะรืนนี้ทำตัวให้ว่างละ แม่จะให้เสี่ยนิตาไปดูชุดงานหมั้น” นางพูดพลางตักอาหารใส่ปาก

“มิ้นบอกแล้วไงคะว่าไม่หมั้น”

“นี่คือคำสั่ง” นางรงรองหันมาสั่งเสียงเข้ม

“แต่มิ้นไม่ได้รักเสี่ยนิติ มิ้นรักพี่คู้ป” มินรญาพร่ำบอกประโยคเดิมๆ ที่นางรงรองเองก็เบื่อแสนเบื่อ

“รักแล้วไง ตอนนี้มันก็หนีหายไปแล้ว แกจะเอาเวลาทั้งชีวิตเพื่อไปตามหามันอย่างนั้นเหรอ ฟังนะยัยมิ้นชีวิตไม่ใช่ของแกคนเดียว แกมีแม่มีครอบครัวที่ต้องดูแลหรือแกเห็นผู้ชายดีกว่าแม่”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” มินรญาโอดครวญ

“ถ้าไม่ใช่ แกก็อย่าขัดคำสั่งแม่ เชื่อแม่แล้วชีวิตจะดีเอง...หุบปากแล้วกินข้าวไป” นางรงรองรีบเอ่ยดักเมื่อบุตรสาวจะอ้าปากค้าน

ส่วนคนที่ถูกสั่งให้เงียบและรับประทานอาหารกลับเอาแต่เขี่ย เธอกลืนอะไรไม่ลง สุดท้ายแล้วความรักของเธอกับคูเปอร์ต้องจบลงจริงๆ นะหรือ...



แม้จะเป็นงานหมั้นแต่เสี่ยนิติก็จัดอย่างใหญ่โตโออ่าเชิญเพื่อนฝูงคนรู้จักมานับร้อยชีวิต เพื่อมาเป็นสักขีพยานนอกจากนี้ยังปิดตลาดเลี้ยงแม่ค้าแม่ขายละแวกนั้นให้ได้อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า เท่านั้นยังไม่พอยังมีวงดนตรีให้ได้สนุกสนานครื่นเครง ทุกคนดูเหมือนจะพอใจและสรรเสริญเยินยอกับความใจป้ำของเสี่ยนิติ แต่มีหนึ่งคนที่รู้สึกเจ็บปวดแทนคนที่ตนรักและเอ็นดูเหมือนลูกหลานจนอดต่อสายหานางจินตนาไม่ได้

“แม่จินวันนี้หนูมิ้นหมั้นกับเสี่ยนิติแล้วนะ” ป้าจาบที่เลี่ยงออกมาจากงานเลี้ยงบอกเสียงสั่นเครือ

“เอาไว้ฉันจะบอกไอ้คู้ปมันแล้วกันนะป้า มันจะได้ตัดใจ ฉันเห็นลูกซึมแล้วก็สงสาร บอกให้มันโทร.หาหนูมิ้นหลายครั้งมันก็ไม่ยอม”

“มันคงเป็นห่วงแม่จินแหละ” ป้าจาบบอกอย่างรู้เรื่องราวของสองแม่ลูกดีว่า ในวันที่ขนของจะย้ายบ้านซึ่งตอนนั้นนางก็อยู่ด้วย คุณนายรงรองก็ไม่วายตามไปขู่คูเปอร์ไม่ให้ติดต่อกับลูกสาวของตนทุกทาง ถ้าจับได้ว่ายังติดต่อกันอยู่ คราวนี้นางจะให้เสี่ยนิติเป็นคนจัดการ ซึ่งพวกตนก็รู้กันดีว่าเสี่ยนิตินั้นมีอิทธิพลขนาดไหน เห็นดูท่าทางใจดีอย่างนั้นแต่คราวเอาจริงก็โหดและโฉดไม่ต่างกับพวกมีอิทธิพลอื่นๆ เลยแม้แต่นิดเดียว

และเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าตัวเองจะไม่ติดต่อกับคนรักอีกคูเปอร์จึงตัดสินใจลบไอดีโซเซียลทั้งหลายที่ใช่คุยและติดต่อกับมินรญาทิ้งทั้งนี้รวมไปถึงการหักซิมโทรศัพท์ด้วย

“เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้”

“ไอ้คู้ปมันเป็นคนดีกตัญญูรู้คุณ สักวันสิ่งที่มันทำคงจะทำให้ชีวิตมันดีขึ้นเรื่อยๆแหละ เอ้อ...ว่าแต่เจอคนที่ป้าเคยบอกว่ามาตามหาเอ็งกับลูกหรือเปล่าละ”

“ฉันก็ทำงานอยู่ที่โรงแรมทุกวันไม่มีใครมาถามหาเลยนี่จ๊ะ แต่ไม่มาก็ดีแล้วละจ้ะ ไม่รู้จะมาดีอย่างที่บอกหรือเปล่า ช่วงนี้ยิ่งมีแต่เรื่องไม่ดีอยู่ด้วย”

“ก็ดี งานการก็ดีใช่ไหม”

“จ้ะ แค่นี้ก่อนนะป้าไอ้คู้ปมันเลิกงานมาละ”



หลังจากอาบน้ำรับประทานอาหารค่ำเสร็จ สองแม่ลูกก็นั่งดูโทรทัศน์ภายในห้องเช่าตามปกติ แต่คูเปอร์รู้สึกแปลกก็ตรงที่คนเป็นแม่คอยเหลือบตามองตนแล้วถอนหายใจบ่อยครั้ง

“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”

นางจินตนานิ่งมองหน้าจอโทรทัศน์แล้วหันมามองลูกชายยิ้มๆ ก่อนตอบ “ไม่มีหรอก” คูเปอร์พยักหน้ารับแล้วหันไปสนใจรายการโทรทัศน์ตรงหน้า ไม่นานเขาก็ต้องหันมาถามมารดาอีกครั้ง

“มันต้องมีอะไรแน่ๆ”

“อะไร” นางจินตนาถามเสียงสูงพลางหลบตา ทว่าคูเปอร์กับคลานไปนั่งกอดอกดัก

“บอกมาเถอะครับ ผมเห็นแม่มองผมแล้วถอนหายใจเป็นสิบครั้งแล้วมั้ง”

นางจินตนาถอนหายใจออกมาหนักๆ อีกครั้ง นั่นสามารถเรียกรอยยิ้มน้อยๆ ให้กับคนเป็นลูกชายได้ “เมื่อตอนเย็นป้าจาบโทร.มาบอกว่า...”

“ว่าอะไรครับ” คูเปอร์รีบคลานเข้าไปนั่งจนชิดคนเป็นแม่อย่างอยากรู้

“คู้ป...” นางจินตนาเรียกชื่อบุตรชายพลางมองหน้าอย่างรู้สึกสงสาร มือบางวางมือลงบนไหล่กว้างแล้วบีบมันเบาๆ “หนูมิ้นหมั้นกับเสี่ยนิติแล้วนะลูก”

เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางศีรษะร่างสูงที่อยู่ในท่าคุกเข่ามือเท้าพื้นนิ่งขึงก่อนจะทิ้งร่างลงนั่งหลังงอไหล่ตก ดวงตาคมหม่นเศร้ามีน้ำตาคลอ แม้ชายหนุ่มจะพยายามเงยหน้ากะพริบตาไล่แต่มันก็ไร้ผล น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเป็นทางเกินจะทานไหว

“ความจนนี้ไม่ดีเลยนะครับแม่” ชายหนุ่มยกมือปาดน้ำตาตัวเองทิ้งลวกๆ “สุดท้ายผมก็เสียผู้หญิงที่รักไปตลอดกาล”

“คู้ป...” นางจินตนาครางเรียกลูกชายอย่างสะท้อนในใจ

“ผมเจ็บจังเลยครับแม่” ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนหนุนตักมารดาพลางขดตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาย เห็นแล้วนางจินตนาได้แต่ก้มลงกอดลูกชายแล้วร้องไห้ไปด้วยกันอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส

ความรักอันสวยงามได้จบลงแล้ว...




เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2559, 16:16:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2559, 16:16:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1025





<< ตอนที่ 4 >>> 100%   ตอนที่ 5 >>> 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account