สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน
ตอน: ตอนที่ 6 >>> 100%
ตอนที่ 6 (ต่อ)
คูเปอร์มาถึงห้องได้ไม่นานแซคก็มาหาพร้อมข้อมูลที่เขาต้องการ ชายหนุ่มรับซองเอกสารที่แซคยื่นให้มาเปิดดูขณะที่หูก็ฟังอีกฝ่ายพูดไปด้วย
“ตอนนี้ครอบครัวผู้หญิงคนนั้นเข้าขั้นวิกฤต”
“ตึกแถวนี่...ทำไม” คูเปอร์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นภาพตึกแถวที่ตัวเองเคยเช่าอยู่ถูกปรับปรุงใหม่ แต่นั่นก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ผ่านมาหลายปีมันก็น่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมแซคต้องเอาภาพมันมาให้เขาดูด้วย
“ตึกแถวถูกขายเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วครับ รู้สึกจะเริ่มทยอยขายเมื่อสามปีก่อน ส่วนตลาดกับบ้านก็เอาไปจำนองกับธนาคารเมื่อปีที่แล้ว”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ” คูเปอร์ครางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เชื่อเถอะครับ ถ้าติดการพนันหนักๆ เล่นเสียวันละเป็นล้าน ต่อให้มีตึกแถวทั่วประเทศก็คงไม่เหลือ”
“มิ้น...” คูเปอร์เอ่ยชื่อของอดีตคนรักแผ่วเบาเมื่อหนึ่งภาพที่แซคหามามีภาพของเธอปนมาด้วย
“ส่วนนี้ของแถมครับ เธอต้องออกไปทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนเพื่อหารายได้เพิ่ม อย่างที่บอกครับครอบครัวนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤต และตอนนี้คนรับใช้ในบ้านก็ถูกเลิกจ้างหมดแล้วนะครับ” แซคอธิบายเพิ่มเติม
“แล้วสามีเขาล่ะ” แม้จะผ่านมานานแค่ไหนแต่เมื่อเอ่ยถึงผู้ชายที่ได้ครอบครองอดีตคนรักของตนใจมันก็เจ็บแปลบทุกครั้ง
“โดนจับเข้าคุกไปหลายปีแล้วครับ เห็นว่าโดนเพื่อนสนิทหักหลัง”
“หึ! ชีวิต...” ฟังแล้วคูเปอร์ได้แต่หัวเราะในลำคอ ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตคุณนายรงรองจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชคนพรรค์นี้ดี
“ขอบใจมาก ถ้ามีอะไรให้ช่วยเดี๋ยวฉันจะโทร.เรียก”
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
ทันทีที่แซคออกไป คูเปอร์ก็ทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟา ยกภาพมินรญาในชุดพนักงานบริษัทในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง จากวันนั้นจนถึงวันนี้หญิงสาวเปลี่ยนไปเยอะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญสวยขึ้นกว่าเดิมมากๆ ด้วยหรือเพราะเป็นแม่หม้ายกันนะ มือหนาลูบภาพใบนั้นแผ่วเบา แล้วนิ่งชะงักก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับต่อสายหาแซค
“ผมอยากให้คุณไปติดต่อซื้อตลาดและบ้านของคุณนายรงรอง...ในนามมิสเตอร์อิวานอฟ”
“ผมจะรีบจัดการให้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่มินรญากำลังเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้านหลังจากเลิกงานแล้ว แล้วเธอก็ต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเป็นชื่อมารดา
“ค่ะแม่” รับสายพลางเปิดประตูรถ
“เลิกงานแล้วใช่ไหมลูก”
“ค่ะกำลังจะกลับบ้าน แต่ก่อนกลับมิ้นว่าจะแวะซื้อของไปทำกับข้าวแม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“ไม่หรอก แต่ซื้อแล้วรีบกลับนะ”
“ค่ะ...ว่าแต่แม่อยู่ไหนคะเนี่ย”
“ที่บ้าน”
“จริงเหรอค่ะ” มินรญาถามอย่างแปลกใจ และเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแทนคำตอบ หญิงสาวถึงกับยิ้มหน้าบาน รู้สึกแนวโน้มที่ดีของมารดาว่านางอาจจะเลิกการพนันได้จริงๆ “งั้นวันนี้ต้องฉลอง” เธอตอบกลับเสียงใส
“จ้ารีบมานะลูก”
“ค่ะ” มินรญารับคำเสียงสดใส กดวางสายแล้วรีบขึ้นรถตรงบึ่งไปซื้อของก่อนกลับบ้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
มินรญาขมวดคิ้วมองรถแปลกตาที่จอดอยู่ในที่จอดรถภายในบ้าน แต่ด้วยความสุขใจที่นานๆ คนเป็นแม่จะอยู่บ้านเสียทีทำให้เธอไม่คิดจะสนใจมาก เปิดท้ายรถถือกับข้าวเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
“มิ้นกลับมาแล้วค่า...” มินรญาร้องบอกคนเป็นแม่เสียงร่าเริงขณะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เธอก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีแขก
“กลับมาแล้วเหรอ” นางรงรองลุกขึ้นไปต้อนรับลูกสาว แล้วกวักมือเรียก “มานี่มา...ใครมาเอ่ย” นางหมุนตัวลูกสาวให้เผชิญหน้ากับแขกวันนี้
“คุณเคน!” มินรญาเรียกอีกฝ่ายเสียงหลง ก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะเนี่ย” ถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่เจอกับชายหนุ่มมารวมสี่เดือนได้มั้ง หลังจากที่เธอปฏิเสธสัมพันธ์ที่ชายหนุ่มยื่นให้
“ผมมาส่งคุณป้านะครับ ท่านเลยชวนให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันผมก็เลยไม่อยากขัดศรัทธา”
“อ๋อค่ะ...งั้นเชิญตามสบายนะคะ มิ้นขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
“ถ้าไม่รังเกียจผมช่วยนะครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปแย่งข้าวของในมือของมินรญามาถือ
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวจะดึงของกลับแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอม
“ไม่เป็นไรครับผมอยากช่วย...ไปครับ”
เมื่อทำอะไรไม่ได้มินรญาจึงยอมเดินนำร่างสูงไปที่ครัว โดยมีนางรงรองมองตามหลังทั้งคู่ไปอย่างพึงพอใจ บางที่การกลับมาของภูมินในครั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่ยืนเหม่อริมหน้าต่างสะดุ้ง “เปิดประตูให้แม่หน่อยสิ” มินรญาปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วไปเปิดประตู
“มีอะไรคะ”
“ขอแม่เข้าไปหน่อยสิ” มินรญายิ้มน้อยๆ ก่อนจะขยับตัวให้คนเป็นแม่เดินเข้าห้อง “มิ้นว่าคุณเคนเป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่เป็นไงนี่คะ” เธอตอบเสียงกลั้วหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่รู้ดีว่าคนเป็นแม่หมายความว่าอย่างไร
“แม่ว่าเขาชอบลูกอยู่นะ”
“เอ่อ...ไม่มั้งคะ” เธอตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็พอดูออกหรอกว่าชายหนุ่มยังไม่ตัดใจจากเธอ
“อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ ออกอาการขนาดนั้น”
“แต่มิ้นเคยปฏิเสธเขานะคะ”
“คราวก่อนปฏิเสธคราวนี้ก็ตอบรับก็สิ้นเรื่อง” นางรงรองบอกอย่างกระตือรือร้น
“แต่แม่คะ...”
“อย่า...แกรับปากเรื่องนี้แล้ว และแม่ว่ามันถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ แกจะมามัวนั่งเลือกอยู่ไม่ได้ รีบสานสัมพันธ์กับคุณเคนเขาซะ จะได้รีบแต่งงาน”
“แม่คะ คิดไกลไปถึงไหน อย่าพูดเองเออเองสิคะ ฝ่ายโน้นเขายังไม่ทันได้อะไรเลยนะคะ” มินรญารีบปรามความคิดของมารดาที่ดูเหมือนจะคิดไปไกล ยังไม่ทันจะอะไรคิดไปถึงเรื่องแต่งงานแล้ว
“เรื่องมีใจแม่มองไม่พลาดหรอก แต่เรื่องอื่นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของแก เอาเป็นว่าอย่าเล่นตัว แม่ไม่อยากให้อะไรๆ มันเลวร้ายมากไปกว่านี้...ถ้ารักแม่ มิ้นต้องทำเพื่อแม่นะ” ในตอนท้ายนางรงรองบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สลดลงชวนให้น่าสงสารและเห็นใจ และมีหรือมินรญาจะต้านทานมันได้
“มิ้นจะพยายามดูแล้วกันค่ะ”
แม้การสานสัมพันธ์ระหว่างมินรญากับภูมินจะดำเนินไปตามความต้องการของนางรงรอง แต่เรื่องการขายตลาดคงยุติไม่ได้ เพราะหนี้ก้อนใหญ่ไม่รอท่า ไหนจะหนี้เล็กหนี้น้อยยุบยับเต็มไปหมด และก็เหมือนโชคจะเข้าข้างนางอีกแล้ว เพราะยังไม่ทันจะประกาศขายอย่างเป็นทางการก็มีคนโทร.มาเสนอซื้อ นางรงรองจึงรีบนัดอีกฝ่ายให้มาหาที่บ้านในวันรุ่งขึ้นทันที
“เชิญนั่งก่อนนะคะ” นางรงรองเชิญแขกนั่งแล้วรีบเดินไปยกน้ำมาเสิร์ฟ ซึ่งตอนนี้เองทำให้แซคมีเวลากวาดสายตาภายในบ้านโอ่โถง แล้วกดยิ้มเยาะ นี่หรือคนที่เคยอวดตัวมาร่ำรวยและดูถูกเจ้านายของตนเมื่อครั้งอดีต
“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะ”
แซคทำเพียงพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ยกน้ำขึ้นมาดื่มแต่อย่างใด เขารอจนนางรงรองนั่งที่โซฟาเรียบร้อย จึงเริ่มต้นเจรจรา
“นอกจากมิสเตอร์อิวานอฟมีเจ้าอื่นมาเสนอซื้อไหมครับ”
“ก็มีนะคะ” นางรงรองตอบอย่างไว้ลาย เรื่องแบบนี้ถ้ามีคู่แข่งราคายิ่งจะพุ่ง “แต่ก็อย่างว่าละคะเรื่องซื้อขายเจ้าไหนให้ราคาดีก็ได้ไป”
“ห้าร้อยล้านเป็นไงครับ”
นางรงรองถึงกับอ้าปากเหวออย่างตกใจเมื่อได้ยินราคาที่เสนอมา ก่อนจะได้สติรีบยกมือปิดปากและขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเก็บอาการ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสนอราคาสูงขนาดนี้
“ที่ตรงนั้นมันก็สูงพอตัวอยู่นะคะ แถมตลาดของเราก็เป็นที่รู้จักถือเป็นอันดับต้นๆ ในละแวกนี้รวมถึงละแวกรอบๆ ด้วย ห้าร้อยล้านจะถูกไปไหมคะ”
“ผมว่าสมน้ำสมเนื้อออกจะสูงไปด้วยซ้ำนะครับ ถ้าเทียบกับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงนี้ และเท่าที่ผมรู้ลูกค้าของตลาดลดลงจากแต่ก่อนค่อนข้างเยอะ แถมปีสองปีมานี้ก็สกปรกขึ้นมาก เพราะไม่มีคนทำความสะอาดตลาดมีเพียงแค่แม่ค้าพ่อค้าที่ทำกันเอง”
“แหม...ดิฉันคิดว่าตลาดมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ถ้าพ่อค้าแม่ค้ามีความรับผิดชอบช่วยกันทำมันก็ไม่สกปรกหรอก มีคนทำให้ยิ่งเคยตัว” นางรงรองอ้อมแอ้มแก้ตัว อย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำการสำรวจตลาดของนางมาอย่างดี
“ถ้ามันคือนโยบายของตลาดคุณผมก็ไม่ขอออกความคิดเห็นหรอกนะครับ แต่ถ้าคุณอยากได้ราคาสูงกว่านี้คุณต้องรอเจ้าอื่นแล้วละ” แซคบอกพลางขยับตัวจะลุก นั่นหมายความว่าการเจรจาซื้อขายจะยุติลง นั่นทำให้นางรงรองที่เล่นตัวอยู่รีบรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
“เดี๋ยวสิคะ ดิฉันยังไม่ได้ปฏิเสธราคาที่คุณเสนอมาเลย เอาเป็นว่าดิฉันขอเวลาสักสองสามวันแล้วกันนะคะ”
“ไม่มีปัญหา แล้วติดต่อมานะครับ ผมจะรอ” แซคล้วงนามบัตรวางที่โต๊ะ แล้วเลื่อนไปตรงหน้านางรงรอง ก่อนจะขยับเสื้อสูทให้เข้าที่เล็กน้อย พร้อมกับกวาดสายตารอบบ้านหลังงามนี้อีกครั้ง
“นอกจากตลาดแล้วไม่คิดจะขายบ้านหลังนี้หรือครับ” แซคเกริ่นถาม
“โอ๊ย! ไม่ละคะ เรายังไม่ถึงทางตันขนาดขายที่อยู่ที่ซุกหัวนอนกินหรอกค่ะ” นางรงรองบอกพลางหัวเราะอย่างมีจริต ทำให้แซคที่รู้สถานะของครอบครัวนี้นี้ยิ้มเหยียดแต่ก็พยักหน้ารับรู้
“ถ้าอยากจะขายเมื่อไหร่ โทร.หาผมเป็นคนแรกนะครับ รับรองคุณจะได้ราคาสูงอย่างที่คาดไม่ถึง”
“คงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ” นางรงรองบอกเสียงขุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ รู้สึกถึงการดูถูกในน้ำเสียงของอีกฝ่าย แต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีนะครับ...เอาเป็นว่าวันนี้ผมขอตัวกลับก่อน ลาละครับ”
“เชิญค่ะ” นางรงรองมองตามหลังชายหนุ่มแล้วเบ้ปาก “ลูกน้องยังหยิ่งและจองหองขนาดนี้ เจ้านายมันจะขนาดไหน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^
คูเปอร์มาถึงห้องได้ไม่นานแซคก็มาหาพร้อมข้อมูลที่เขาต้องการ ชายหนุ่มรับซองเอกสารที่แซคยื่นให้มาเปิดดูขณะที่หูก็ฟังอีกฝ่ายพูดไปด้วย
“ตอนนี้ครอบครัวผู้หญิงคนนั้นเข้าขั้นวิกฤต”
“ตึกแถวนี่...ทำไม” คูเปอร์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นภาพตึกแถวที่ตัวเองเคยเช่าอยู่ถูกปรับปรุงใหม่ แต่นั่นก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ผ่านมาหลายปีมันก็น่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมแซคต้องเอาภาพมันมาให้เขาดูด้วย
“ตึกแถวถูกขายเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วครับ รู้สึกจะเริ่มทยอยขายเมื่อสามปีก่อน ส่วนตลาดกับบ้านก็เอาไปจำนองกับธนาคารเมื่อปีที่แล้ว”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ” คูเปอร์ครางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เชื่อเถอะครับ ถ้าติดการพนันหนักๆ เล่นเสียวันละเป็นล้าน ต่อให้มีตึกแถวทั่วประเทศก็คงไม่เหลือ”
“มิ้น...” คูเปอร์เอ่ยชื่อของอดีตคนรักแผ่วเบาเมื่อหนึ่งภาพที่แซคหามามีภาพของเธอปนมาด้วย
“ส่วนนี้ของแถมครับ เธอต้องออกไปทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนเพื่อหารายได้เพิ่ม อย่างที่บอกครับครอบครัวนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤต และตอนนี้คนรับใช้ในบ้านก็ถูกเลิกจ้างหมดแล้วนะครับ” แซคอธิบายเพิ่มเติม
“แล้วสามีเขาล่ะ” แม้จะผ่านมานานแค่ไหนแต่เมื่อเอ่ยถึงผู้ชายที่ได้ครอบครองอดีตคนรักของตนใจมันก็เจ็บแปลบทุกครั้ง
“โดนจับเข้าคุกไปหลายปีแล้วครับ เห็นว่าโดนเพื่อนสนิทหักหลัง”
“หึ! ชีวิต...” ฟังแล้วคูเปอร์ได้แต่หัวเราะในลำคอ ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตคุณนายรงรองจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชคนพรรค์นี้ดี
“ขอบใจมาก ถ้ามีอะไรให้ช่วยเดี๋ยวฉันจะโทร.เรียก”
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
ทันทีที่แซคออกไป คูเปอร์ก็ทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟา ยกภาพมินรญาในชุดพนักงานบริษัทในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง จากวันนั้นจนถึงวันนี้หญิงสาวเปลี่ยนไปเยอะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญสวยขึ้นกว่าเดิมมากๆ ด้วยหรือเพราะเป็นแม่หม้ายกันนะ มือหนาลูบภาพใบนั้นแผ่วเบา แล้วนิ่งชะงักก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับต่อสายหาแซค
“ผมอยากให้คุณไปติดต่อซื้อตลาดและบ้านของคุณนายรงรอง...ในนามมิสเตอร์อิวานอฟ”
“ผมจะรีบจัดการให้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่มินรญากำลังเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้านหลังจากเลิกงานแล้ว แล้วเธอก็ต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเป็นชื่อมารดา
“ค่ะแม่” รับสายพลางเปิดประตูรถ
“เลิกงานแล้วใช่ไหมลูก”
“ค่ะกำลังจะกลับบ้าน แต่ก่อนกลับมิ้นว่าจะแวะซื้อของไปทำกับข้าวแม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“ไม่หรอก แต่ซื้อแล้วรีบกลับนะ”
“ค่ะ...ว่าแต่แม่อยู่ไหนคะเนี่ย”
“ที่บ้าน”
“จริงเหรอค่ะ” มินรญาถามอย่างแปลกใจ และเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแทนคำตอบ หญิงสาวถึงกับยิ้มหน้าบาน รู้สึกแนวโน้มที่ดีของมารดาว่านางอาจจะเลิกการพนันได้จริงๆ “งั้นวันนี้ต้องฉลอง” เธอตอบกลับเสียงใส
“จ้ารีบมานะลูก”
“ค่ะ” มินรญารับคำเสียงสดใส กดวางสายแล้วรีบขึ้นรถตรงบึ่งไปซื้อของก่อนกลับบ้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
มินรญาขมวดคิ้วมองรถแปลกตาที่จอดอยู่ในที่จอดรถภายในบ้าน แต่ด้วยความสุขใจที่นานๆ คนเป็นแม่จะอยู่บ้านเสียทีทำให้เธอไม่คิดจะสนใจมาก เปิดท้ายรถถือกับข้าวเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
“มิ้นกลับมาแล้วค่า...” มินรญาร้องบอกคนเป็นแม่เสียงร่าเริงขณะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เธอก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีแขก
“กลับมาแล้วเหรอ” นางรงรองลุกขึ้นไปต้อนรับลูกสาว แล้วกวักมือเรียก “มานี่มา...ใครมาเอ่ย” นางหมุนตัวลูกสาวให้เผชิญหน้ากับแขกวันนี้
“คุณเคน!” มินรญาเรียกอีกฝ่ายเสียงหลง ก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะเนี่ย” ถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่เจอกับชายหนุ่มมารวมสี่เดือนได้มั้ง หลังจากที่เธอปฏิเสธสัมพันธ์ที่ชายหนุ่มยื่นให้
“ผมมาส่งคุณป้านะครับ ท่านเลยชวนให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันผมก็เลยไม่อยากขัดศรัทธา”
“อ๋อค่ะ...งั้นเชิญตามสบายนะคะ มิ้นขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
“ถ้าไม่รังเกียจผมช่วยนะครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปแย่งข้าวของในมือของมินรญามาถือ
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวจะดึงของกลับแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอม
“ไม่เป็นไรครับผมอยากช่วย...ไปครับ”
เมื่อทำอะไรไม่ได้มินรญาจึงยอมเดินนำร่างสูงไปที่ครัว โดยมีนางรงรองมองตามหลังทั้งคู่ไปอย่างพึงพอใจ บางที่การกลับมาของภูมินในครั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่ยืนเหม่อริมหน้าต่างสะดุ้ง “เปิดประตูให้แม่หน่อยสิ” มินรญาปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วไปเปิดประตู
“มีอะไรคะ”
“ขอแม่เข้าไปหน่อยสิ” มินรญายิ้มน้อยๆ ก่อนจะขยับตัวให้คนเป็นแม่เดินเข้าห้อง “มิ้นว่าคุณเคนเป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่เป็นไงนี่คะ” เธอตอบเสียงกลั้วหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่รู้ดีว่าคนเป็นแม่หมายความว่าอย่างไร
“แม่ว่าเขาชอบลูกอยู่นะ”
“เอ่อ...ไม่มั้งคะ” เธอตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็พอดูออกหรอกว่าชายหนุ่มยังไม่ตัดใจจากเธอ
“อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ ออกอาการขนาดนั้น”
“แต่มิ้นเคยปฏิเสธเขานะคะ”
“คราวก่อนปฏิเสธคราวนี้ก็ตอบรับก็สิ้นเรื่อง” นางรงรองบอกอย่างกระตือรือร้น
“แต่แม่คะ...”
“อย่า...แกรับปากเรื่องนี้แล้ว และแม่ว่ามันถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ แกจะมามัวนั่งเลือกอยู่ไม่ได้ รีบสานสัมพันธ์กับคุณเคนเขาซะ จะได้รีบแต่งงาน”
“แม่คะ คิดไกลไปถึงไหน อย่าพูดเองเออเองสิคะ ฝ่ายโน้นเขายังไม่ทันได้อะไรเลยนะคะ” มินรญารีบปรามความคิดของมารดาที่ดูเหมือนจะคิดไปไกล ยังไม่ทันจะอะไรคิดไปถึงเรื่องแต่งงานแล้ว
“เรื่องมีใจแม่มองไม่พลาดหรอก แต่เรื่องอื่นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของแก เอาเป็นว่าอย่าเล่นตัว แม่ไม่อยากให้อะไรๆ มันเลวร้ายมากไปกว่านี้...ถ้ารักแม่ มิ้นต้องทำเพื่อแม่นะ” ในตอนท้ายนางรงรองบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สลดลงชวนให้น่าสงสารและเห็นใจ และมีหรือมินรญาจะต้านทานมันได้
“มิ้นจะพยายามดูแล้วกันค่ะ”
แม้การสานสัมพันธ์ระหว่างมินรญากับภูมินจะดำเนินไปตามความต้องการของนางรงรอง แต่เรื่องการขายตลาดคงยุติไม่ได้ เพราะหนี้ก้อนใหญ่ไม่รอท่า ไหนจะหนี้เล็กหนี้น้อยยุบยับเต็มไปหมด และก็เหมือนโชคจะเข้าข้างนางอีกแล้ว เพราะยังไม่ทันจะประกาศขายอย่างเป็นทางการก็มีคนโทร.มาเสนอซื้อ นางรงรองจึงรีบนัดอีกฝ่ายให้มาหาที่บ้านในวันรุ่งขึ้นทันที
“เชิญนั่งก่อนนะคะ” นางรงรองเชิญแขกนั่งแล้วรีบเดินไปยกน้ำมาเสิร์ฟ ซึ่งตอนนี้เองทำให้แซคมีเวลากวาดสายตาภายในบ้านโอ่โถง แล้วกดยิ้มเยาะ นี่หรือคนที่เคยอวดตัวมาร่ำรวยและดูถูกเจ้านายของตนเมื่อครั้งอดีต
“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะ”
แซคทำเพียงพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ยกน้ำขึ้นมาดื่มแต่อย่างใด เขารอจนนางรงรองนั่งที่โซฟาเรียบร้อย จึงเริ่มต้นเจรจรา
“นอกจากมิสเตอร์อิวานอฟมีเจ้าอื่นมาเสนอซื้อไหมครับ”
“ก็มีนะคะ” นางรงรองตอบอย่างไว้ลาย เรื่องแบบนี้ถ้ามีคู่แข่งราคายิ่งจะพุ่ง “แต่ก็อย่างว่าละคะเรื่องซื้อขายเจ้าไหนให้ราคาดีก็ได้ไป”
“ห้าร้อยล้านเป็นไงครับ”
นางรงรองถึงกับอ้าปากเหวออย่างตกใจเมื่อได้ยินราคาที่เสนอมา ก่อนจะได้สติรีบยกมือปิดปากและขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเก็บอาการ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสนอราคาสูงขนาดนี้
“ที่ตรงนั้นมันก็สูงพอตัวอยู่นะคะ แถมตลาดของเราก็เป็นที่รู้จักถือเป็นอันดับต้นๆ ในละแวกนี้รวมถึงละแวกรอบๆ ด้วย ห้าร้อยล้านจะถูกไปไหมคะ”
“ผมว่าสมน้ำสมเนื้อออกจะสูงไปด้วยซ้ำนะครับ ถ้าเทียบกับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงนี้ และเท่าที่ผมรู้ลูกค้าของตลาดลดลงจากแต่ก่อนค่อนข้างเยอะ แถมปีสองปีมานี้ก็สกปรกขึ้นมาก เพราะไม่มีคนทำความสะอาดตลาดมีเพียงแค่แม่ค้าพ่อค้าที่ทำกันเอง”
“แหม...ดิฉันคิดว่าตลาดมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ถ้าพ่อค้าแม่ค้ามีความรับผิดชอบช่วยกันทำมันก็ไม่สกปรกหรอก มีคนทำให้ยิ่งเคยตัว” นางรงรองอ้อมแอ้มแก้ตัว อย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำการสำรวจตลาดของนางมาอย่างดี
“ถ้ามันคือนโยบายของตลาดคุณผมก็ไม่ขอออกความคิดเห็นหรอกนะครับ แต่ถ้าคุณอยากได้ราคาสูงกว่านี้คุณต้องรอเจ้าอื่นแล้วละ” แซคบอกพลางขยับตัวจะลุก นั่นหมายความว่าการเจรจาซื้อขายจะยุติลง นั่นทำให้นางรงรองที่เล่นตัวอยู่รีบรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
“เดี๋ยวสิคะ ดิฉันยังไม่ได้ปฏิเสธราคาที่คุณเสนอมาเลย เอาเป็นว่าดิฉันขอเวลาสักสองสามวันแล้วกันนะคะ”
“ไม่มีปัญหา แล้วติดต่อมานะครับ ผมจะรอ” แซคล้วงนามบัตรวางที่โต๊ะ แล้วเลื่อนไปตรงหน้านางรงรอง ก่อนจะขยับเสื้อสูทให้เข้าที่เล็กน้อย พร้อมกับกวาดสายตารอบบ้านหลังงามนี้อีกครั้ง
“นอกจากตลาดแล้วไม่คิดจะขายบ้านหลังนี้หรือครับ” แซคเกริ่นถาม
“โอ๊ย! ไม่ละคะ เรายังไม่ถึงทางตันขนาดขายที่อยู่ที่ซุกหัวนอนกินหรอกค่ะ” นางรงรองบอกพลางหัวเราะอย่างมีจริต ทำให้แซคที่รู้สถานะของครอบครัวนี้นี้ยิ้มเหยียดแต่ก็พยักหน้ารับรู้
“ถ้าอยากจะขายเมื่อไหร่ โทร.หาผมเป็นคนแรกนะครับ รับรองคุณจะได้ราคาสูงอย่างที่คาดไม่ถึง”
“คงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ” นางรงรองบอกเสียงขุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ รู้สึกถึงการดูถูกในน้ำเสียงของอีกฝ่าย แต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีนะครับ...เอาเป็นว่าวันนี้ผมขอตัวกลับก่อน ลาละครับ”
“เชิญค่ะ” นางรงรองมองตามหลังชายหนุ่มแล้วเบ้ปาก “ลูกน้องยังหยิ่งและจองหองขนาดนี้ เจ้านายมันจะขนาดไหน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2559, 15:23:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2559, 15:23:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1006
<< ตอนที่ 6 >>> 50% | ตอนที่ 7 >>> 50% >> |