สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน
ตอน: ตอนที่ 7 >>> 50%
ตอนที่ 7
วันสองวันมานี้มินรญารู้สึกดีใจทุกครั้งที่เลิกงานกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นคนเป็นแม่นั่งรอรับด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้วค่า” มินรญาร้องบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะหันไปมองที่ประตูหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ
“ใครมาน่ะลูก”
“ไม่รู้สิคะ เดี๋ยวมิ้นไปดูให้นะคะ” ว่าแล้วมิ้นรญาก็วางกระเป๋าหมุนตัววิ่งไปที่หน้าบ้าน และเมื่อเห็นคนที่โผล่มาจากข้างในรถ เธอก็รีบทักทาย “สวัสดีค่ะคุณเคน” แล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว
“วันนี้ขอมาฝากท้องสักมื้อนะครับ มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณป้าด้วย”
“เชิญค่ะ” มินณญายืนมองตามท้ายรถที่วิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วถอนหายใจ พักนี้ภูมินมาที่บ้านบ่อยๆ เธอพยายามทำใจให้ชอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่อีกฝ่ายก็ออกจะเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ
หรือเธอกำลังรอใครบางคน...คนที่หายไปจากชีวิตนานถึงห้าปี แล้วมินรญาสะบัดศีรษะพลางหัวเราะเสียงขืน ถึงกลับมาเจอกันอีกครั้งคูเปอร์คงมีลูกมีเมียไปแล้ว
คิดอย่างปลงตกแล้วรีบเดินเข้าบ้าน
“อ้าวคุณเคนนี่เองนึกว่าใคร นั่งก่อนค่ะ” นางรงรองทักแขกที่เดินเข้าบ้านมาอย่างดีใจ รีบกุลีกุจอนำน้ำมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมาขอฝากท้องที่นี่สักมื้อนะครับ”
“ยินดีมากๆ เลยค่ะ” นางรงรองตอบรับอย่างยินดี ก่อนจะกวักมือเรียกลูกสาวที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมา “ยัยมิ้นมานี่มา”
“มีอะไรคะ”
“มานั่งคุยกับคุณเคนก่อน คุณเขาอุตส่าห์มาหา” นางบอกพลางดึงลูกสาวไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่ม
“แต่คุณเคนบอกว่ามีธุระกับคุณแม่นะคะ”
“อ้าวเหรอจ้ะ” นางรงรองถามพลางทำหน้าเหลอหลา
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นอหละแหละครับ มาหาคุณมิ้นด้วยและมีธุระอยากคุยกับคุณป้าด้วยนะครับ”
“งั้นคุณเคนคุยกับคุณแม่ไปก่อนนะคะ มิ้นขอตัวไปเปลี่ยนเสื่อผ้าและทำอาหารเย็นก่อน” พูดจบมินรญาก็ลุกเดินขึ้นห้องไป
ภูมินมองตามหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้กับนางรงรอง “คือผมมีเรื่องจะถามคุณป้าน่ะครับ”
“เรื่องอะไรจ๊ะ”
“ผมได้ข่าวว่าคุณป้าจะขายตลาดหรือครับ”
คำถามของภูมินทำให้นางรงรองที่กำลังยิ้มหน้าระรื่นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนนางจะยอมรับด้วยสีหน้าและย้ำเสียงเศร้าสลด “จ้ะ...ก็ตั้งแต่ยัยมิ้นเป็นหม้ายอะไรๆ มันก็ไม่เหมือนเดิม อยู่กันแค่ผู้หญิงสองคนก็ลำบากหน่อย และเพื่อลดภาระที่มากขึ้นทุกวัน ก็ต้องยอมตัดใจแหละจ้ะ”
“ผมเองก็อยากช่วยนะครับ...เอาเป็นว่าผมจะลองปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดูนะครับ ผมว่าพวกท่านน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“จริงหรือคะ รบกวนแย่เลย” นางรงรองบอกคล้ายกับเกรงใจ แต่ภายในกลับลิงโลด ตอนนี้ภูมินกำลังมาติดพันลูกสาวของนาง ไม่แน่อาจจะเสนอซื้อราคาที่สูงกว่ามิสเตอร์อิวานอฟก็เป็นได้
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยคุณป้าก็เหมือนช่วยมิ้นด้วย”
“ป้าดีใจจังที่ลูกสาวของป้ามีคนดีๆ มาใส่ใจ อุ๊ย! ป้าขอโทษด้วยนะคะที่คิดเองเออเอง” นางรงรองทำหน้าตาตกใจที่ปากไว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมชอบมิ้นจริงๆ ถึงจะเคยโดนปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ”
“ลองสู้อีกสักครั้งสิ ป้าว่าคราวนี้ผลมันอาจจะตรงกันข้ามกับครั้งที่แล้วก็ได้นะ” ได้ที่นางไม่รอช้ารีบยุ และเหมือนจะได้ผลเมื่อภูมินรีบหันมาถามด้วยสายตาเป็นประกาย
“จริงหรือครับ”
“จ้ะ เดี๋ยวป้าช่วยอีกแรง รับรองไม่พลาด” นางยืนยันเสียงแข็งขัน เรียกได้ว่าสนับสนุนอีกฝ่ายเต็มที่
“ขอบคุณครับ” ภูมินยกมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างดีใจเหมือนความหวังที่เคยมอดมิดกลับมาเรืองรองอีกครั้ง แถมคราวนี้มีกำลังสำคัญคอยหนุนหลัง
แต่แล้วความหวังของนางรงรองก็พังทลาย เมื่อสุดท้ายคนที่มาเสนอซื้อตลาดก็ไม่มีใครให้ราคาสูงกว่ามิสเตอร์อิวานอฟ แม้แต่ครอบครัวของภูมินที่นางรงรองหวังก็ตามที
“มิ้นขอร้องนะคะว่าขอให้ตลาดเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่จะขาย เพราะราคาที่ทางมิสเตอร์อิวานอฟเสนอซื้อมามิ้นเชื่อว่ามันสามารถใช้หนี้ของเราได้ทั้งหมดแถมเหลือใช้อีกจำนวนหนึ่ง ถ้าเราอยู่แบบพอเพียงแบบนี้ไปมันก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ” มินรญาอ้อนวอน
“รู้หรอกน่า...ว่าแต่เรารีบไปกันเถอะ แม่อยากไปถึงก่อนมิสเตอร์อิวานอฟ เฮ้อ...น่าเสียดายนะ ถ้าตลาดนี้เป็นของคุณเคนแม่จะดีใจกว่านี้” นางบอกอย่างเสียดาย เพราะถ้าภูมินเป็นคนซื้อ และถ้าในอนาคตอันใกล้มินรญาได้แต่งงานกับชายหนุ่มนั่นหมายถึงตลาดก็จะกลับมาเป็นของนางอีกครั้ง มีแต่ได้กับได้
“ก็แล้วทำไมไม่ขายให้เขาไปล่ะคะ”
“จะบ้าเหรอ ขายก็ขาดทุนไปตั้งสองร้อยล้านใครจะบ้าไปขาย”
“งั้นก็อย่าบ่นสิคะ”
“ก็ถ้าคนของมิสเตอร์อิวานอฟจะมีมนุษยสัมพัสธ์ที่ดี ลดความหยิ่งและจองหองลงกว่านี้น่ะนะ นี่แค่ลูกน้อง เจ้านายจะขนาดไหน ไม่ใช่มาเห็นตลาดแล้วจะต่อรองลงอีกนะ”
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยค่ะ ไปกันดีกว่า ขืนช้ากว่านี้ได้ไปถึงช้ากว่าทางโน้นแน่ๆ”
“แหม...เชื่อเถอะว่าฝ่ายนั้นไม่มีทางไปถึงที่นั่นเร็วกว่าเจ้าถิ่นอย่างเราหรอก” นางรงรองบอกอย่างมั่นใจ
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ”
และมันก็ไม่แน่จริงๆ เพราะเดินเข้าไปที่ตลาดนางรงรองก็เจอร่างสูงของชายหนุ่มสองคนในชุดสูทยืนรออยู่แล้ว และคนที่หันหน้ามาทางนี้ก็คือแซค ส่วนอีกคนที่ยืนหันหลังให้คงจะเป็นมิสเตอร์อิวานอฟ ดูท่าจะหนุ่มกว่าที่คิด
“สวัสดีค่ะคุณแซค มานานหรือยังคะ” นางรงรองที่เพิ่งรู้ตัวว่ามาช้ารีบเดินปรี่เข้าไปทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราเพิ่งมาถึงเหมือนกันครับ” แซคตอบหากสายตากลับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยื่นอยู่ข้างๆ นางรงรอง แล้วยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ” มินรญาที่รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายร่างสูงตรงหน้าถามพลางขมวดคิ้วมองอย่างใช้ความคิดว่าเคยเจออีกฝ่ายที่ไหน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แต่แซคที่ยืนยิ้มอยู่ก็ไม่ได้ให้คำตอบนั้น เขากลับไปสะกิดเรียกชายหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะเพลินกับการยืนดูอะไรสักอย่าง โดยหันหลังให้เธอกับคนเป็นแม่เล็กน้อย แล้วกลับมาพูดกับพวกเธอว่า “ผมขอแนะนำมิสเตอร์อิวานอฟ”
“สวัสดีครับ ผมคูเปอร์ อิวานอฟ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ทันทีที่ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนหันมา มินรญาถึงกับเบิกตากว้าง “พะ...พี่คู้ป!” แล้วร่างกายของเธอมันก็โผเข้าไปกอดเข้าอย่างอัตโนมัติ และปฏิกิริยาแบบนี้ก็ทำให้คูเปอร์ตกใจไม่น้อย แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ
“ทำแบบนี้ไม่ดีนะครับคุณมินรญา”
มินรญา น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อเต็มยศของเธอนั้นช่างฟังดูห่างเหิน ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับชะงักและรีบผละออก “ขะ...ขอโทษค่ะ พอดีมิ้น...เอ่อฉันดีใจมากไปหน่อย” และด้วยถ้อยคำที่ชายหนุ่มใช้ทำให้เธอไม่กล้าทำตัวตีสนิทกับเขา เพราะดูจากท่าทางการแต่งตัว ชายหนุ่มคงเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่จริง...” นางรงรองที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะผ่านไปหลายปีแต่นางก็จำผู้ชายที่ตัวเองเคยไล่หนีได้ดี ถึงอีกฝ่ายจะเป็นหนุ่มเต็มตัวหน้าตาหล่อเหลาคมคายมากขึ้นกว่าเดิม
“จริงครับ นี่แหละมิสเตอร์อิวานอฟที่ต้องการจะซื้อตลาดของคุณ”
“ไปกันได้หรือยังครับ ผมอยากดูรอบๆ ตลาด ก่อนจะทำสัญญาซื้อขายกัน” คูเปอร์ยิ้มเยาะ รู้สึกดีเป็นบ้าเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของคนที่เคยดูถูกตน
“เชิญค่ะ” ว่าแล้วมิ้นรญาก็เดินนำทุกคนเข้าไปในตลาด พร้อมกับพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แม้การพบเจอกันในครั้งนี้มันจะเหนือความคาดหมาย เธอก็ดีใจจนน้ำตาซึม แต่ก็ต้องทำใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาคงมีลูกเมียไปแล้วถึงได้ทำท่าทีเย็นชาใส่แถมยังรวยขนาดซื้อตลาดของเธอได้
และแม้จะลำบากใจแต่มินรญาก็ทำหน้าที่เจ้าของตลาดได้เป็นอย่างดี เธอพาคูเปอร์เดินไปทั่วตลาดพร้อมกับบอกรายละเอียดในเรื่องต่างๆ แม้บางเรื่องเธอคิดว่าชายหนุ่มคงรู้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
“ผมดีใจนะที่จะได้ตลาดนี้มาเป็นของผม” คูเปอร์บอกพลางกดยิ้มมุมปากปรายตามองนางรงรองที่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แล้วเบนสายตามาที่หญิงสาวอีกคนเขายิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อ
“คุณนายสะดวกที่จะทำการตกลงซื้อขายตลาดนี้ที่ไหนดีครับ” แซคถามนางรงรองที่เงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เห็นหน้าเจ้านายของตน
“ที่บ้านดิฉันก็ได้ค่ะ" นางตอบแค่นั้นแล้วเงียบไป หากใครจะรู้ว่าภายในใจนั้นกำลังปั่นป่วนร้อนเป็นไฟ นางกัดฟันแน่น ไม่คิดว่าจะโดนเอาคืนแบบนี้ ใช่ การที่คูเปอร์มาซื้อตลาดของนางในครั้งนี้เพราะอีกฝ่ายต้องการเอาคืนแน่ๆ เพราะอย่างนี้ถึงกล้าให้ราคาสูงลิ่ว ชนิดที่คู่แข่งหน้าไหนก็เทียบไม่ติด
มันน่าเจ็บใจนัก!
การทำตกลงทำสัญญาซื้อขายผ่านไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย ไม่มีการต่อรองราคาอย่างที่นางรงรองกังวล และเมื่อตลาดตกเป็นของคูเปอร์ อิวานอฟ โดยสมบูรณ์ เขาก็ขอตัวกลับทันที มินรญามองตามร่างสูงที่เดินห่างออกไปแล้วยกมือปิดปากกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาที่รื่นขึ้นมา
“แกยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่จริงๆ อย่างนี้ใช่ไหมผู้ชายคนไหนเข้ามาแกถึงปฏิเสธหมด” นางรงรองบอกเสียงเยาะเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวตน
“มิ้นเคยทำตามความต้องการของแม่แล้ว มิ้นก็ขอทำตามใจตัวเองบ้างนะคะ”
“พบกันแล้วเป็นไง” นางถามพลางหัวเราะเยาะเย้ยลูกสาว “รวยขนาดนี้คงไปตกถังข้าวสารที่ไหนมาล่ะสิ”
“ถังใหญ่ตั้งสองถังเลยละครับ” เสียงที่ตอบกลับมานั้นทำให้สองแม่ลูกหันขวับ และนางรงรองถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมาอีก แต่เมื่อคิดว่าทำไมตัวเองต้องยำเกรงอีกฝ่ายด้วยในเมื่อการซื้อขายสิ้นสุด เงินสดห้าร้อยล้านมาอยู่ในมือแล้ว นางรงรองก็ลุกขึ้นยืนหน้าเชิด
“ตกถังข้าวสารสองถัง แสดงว่ามีเมียสองคนแล้วนะสิ” นางปรายตามองลูกสาวที่นั่งก้มหน้านิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “คงจะเลือกเฉพาะผู้หญิงที่รวยๆ เพื่อถีบตัวเองให้พ้นจากความจน”
“ผมไม่แปลกใจที่เมื่อหลายปีก่อนคุณจะกำจัดเจ้านายผมออกไปจากชีวิตของลูกสาวของคุณ จะบอกให้เอาบุญมิสเตอร์อิวานอฟเป็นลูกบุญธรรมของ มิสเตอร์อังเดร อิวานอฟ เจ้าพ่อวงการค้าเหล็กในรัสเซีย และเป็นลูกชายของมิสเตอร์ไลรีย์ แม็คเคย์ ซึ่งเป็นทายาทกิจการเหมือนแร่ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรเลีย เชื่อผมเถอะว่ารายได้ต่อเดือนของเจ้านายผมมากกว่าเงินและทรัพย์สินที่คุณนายมีอยู่ตอนนี้...และถ้าวันนั้นคุณไม่ใช่คนที่ดูถูกคนไม่ให้ความสำคัญกับฐานะจนเกินไป วันนี้คุณคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้” แซคพูดร่ายยาวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและรอยยิ้มเย็นปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ “ผมแค่เอานามบัตรของมิสเตอร์อิวานอฟมาให้ เผื่อสนใจอยากจะขายบ้านหลังนี้ ไปละครับ” แซควางนามบัตรที่เขาถูกคูเปอร์วานมาแล้วหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ
ขณะที่นางรงรองถึงกับเข่าอ่อน เหงือไหลซึมทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนมาก นางมองนามบัตรสีทองตรงหน้าแล้วหยิบขึ้นมาขยำขว้างทิ้งอย่างเจ็บใจ
“ไอ้พวกบ้า! เจ็บใจนัก”
“แม่โทษใครไม่ได้นะคะ นอกจากตัวเอง” มินรญาเตือนสติคนเป็นแม่แค่นั้นก็เดินไปเก็บนามบัตรที่ถูกขว้างทิ้งเมื่อครู่แล้วขึ้นห้องไป
“ฉันไม่ยอม ยัยมิ้น!”
มินรญาที่กำลังขึ้นบันไดขณะที่มือก็ยังกำกระดาษแผ่นเล็กเอาไว้แน่นหันกลับพร้อมกับขานรับ “คะ”
“แกต้องกลับไปหามัน” มันไม่ได้เป็นการขอร้องแต่มันเป็นคำสั่ง คำสั่งที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจและอยากเอาคืนให้อีกฝ่ายได้รู้สำนึก
“มิ้นไม่หน้าด้านขนาดนั้นหรอกค่ะ ลืมแล้วหรือไงคะว่าใครที่เป็นคนกีดกันความรักของพวกเรา” มินรญาเตือนความจำคนเป็นแม่ เธอรู้ว่าตอนนี้ท่านรู้สึกเช่นไร
“แกไม่เห็นหรือไงว่ามันดูถูกเรา” นางตะคอกถามลูกสาวที่เหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนใจ
“แม่เองก็เคยทำไม่ใช่หรือคะ” มินรญาย้อน
“ยัยมิ้น!”
“เลิกแล้วต่อกันเถอะค่ะ เขาไม่ได้มาทำอะไรเราเลย แม่แค่รู้สึกเสียหน้าที่โดนคนที่เคยดูถูกสารพัด ตอนนี้กลับมาอยู่เหนือตัวเองก็เท่านั้น ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ” พูดจบมินรญาก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปอย่างไม่อยากเข้าร่วมแผนการเอาคืนของคนเป็นแม่ ที่เชื่อเถอะว่าทำอย่างไรก็ไม่มีทางชนะได้หรอก
“ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด จะทำให้แกกลับมาสยบแทบเท้าฉันอีกครั้ง” นางรงรองมองขึ้นไปที่ห้องของบุตรสาวอย่างหมายมาด...นางจะทำให้ถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมาอีกครั้ง และจะทำให้มันดับสนิทชนิดที่ต้องจำไปจนวันตายเมื่อถึงเวลา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^
วันสองวันมานี้มินรญารู้สึกดีใจทุกครั้งที่เลิกงานกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นคนเป็นแม่นั่งรอรับด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้วค่า” มินรญาร้องบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะหันไปมองที่ประตูหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ
“ใครมาน่ะลูก”
“ไม่รู้สิคะ เดี๋ยวมิ้นไปดูให้นะคะ” ว่าแล้วมิ้นรญาก็วางกระเป๋าหมุนตัววิ่งไปที่หน้าบ้าน และเมื่อเห็นคนที่โผล่มาจากข้างในรถ เธอก็รีบทักทาย “สวัสดีค่ะคุณเคน” แล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว
“วันนี้ขอมาฝากท้องสักมื้อนะครับ มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณป้าด้วย”
“เชิญค่ะ” มินณญายืนมองตามท้ายรถที่วิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วถอนหายใจ พักนี้ภูมินมาที่บ้านบ่อยๆ เธอพยายามทำใจให้ชอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่อีกฝ่ายก็ออกจะเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ
หรือเธอกำลังรอใครบางคน...คนที่หายไปจากชีวิตนานถึงห้าปี แล้วมินรญาสะบัดศีรษะพลางหัวเราะเสียงขืน ถึงกลับมาเจอกันอีกครั้งคูเปอร์คงมีลูกมีเมียไปแล้ว
คิดอย่างปลงตกแล้วรีบเดินเข้าบ้าน
“อ้าวคุณเคนนี่เองนึกว่าใคร นั่งก่อนค่ะ” นางรงรองทักแขกที่เดินเข้าบ้านมาอย่างดีใจ รีบกุลีกุจอนำน้ำมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมาขอฝากท้องที่นี่สักมื้อนะครับ”
“ยินดีมากๆ เลยค่ะ” นางรงรองตอบรับอย่างยินดี ก่อนจะกวักมือเรียกลูกสาวที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมา “ยัยมิ้นมานี่มา”
“มีอะไรคะ”
“มานั่งคุยกับคุณเคนก่อน คุณเขาอุตส่าห์มาหา” นางบอกพลางดึงลูกสาวไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่ม
“แต่คุณเคนบอกว่ามีธุระกับคุณแม่นะคะ”
“อ้าวเหรอจ้ะ” นางรงรองถามพลางทำหน้าเหลอหลา
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นอหละแหละครับ มาหาคุณมิ้นด้วยและมีธุระอยากคุยกับคุณป้าด้วยนะครับ”
“งั้นคุณเคนคุยกับคุณแม่ไปก่อนนะคะ มิ้นขอตัวไปเปลี่ยนเสื่อผ้าและทำอาหารเย็นก่อน” พูดจบมินรญาก็ลุกเดินขึ้นห้องไป
ภูมินมองตามหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้กับนางรงรอง “คือผมมีเรื่องจะถามคุณป้าน่ะครับ”
“เรื่องอะไรจ๊ะ”
“ผมได้ข่าวว่าคุณป้าจะขายตลาดหรือครับ”
คำถามของภูมินทำให้นางรงรองที่กำลังยิ้มหน้าระรื่นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนนางจะยอมรับด้วยสีหน้าและย้ำเสียงเศร้าสลด “จ้ะ...ก็ตั้งแต่ยัยมิ้นเป็นหม้ายอะไรๆ มันก็ไม่เหมือนเดิม อยู่กันแค่ผู้หญิงสองคนก็ลำบากหน่อย และเพื่อลดภาระที่มากขึ้นทุกวัน ก็ต้องยอมตัดใจแหละจ้ะ”
“ผมเองก็อยากช่วยนะครับ...เอาเป็นว่าผมจะลองปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดูนะครับ ผมว่าพวกท่านน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“จริงหรือคะ รบกวนแย่เลย” นางรงรองบอกคล้ายกับเกรงใจ แต่ภายในกลับลิงโลด ตอนนี้ภูมินกำลังมาติดพันลูกสาวของนาง ไม่แน่อาจจะเสนอซื้อราคาที่สูงกว่ามิสเตอร์อิวานอฟก็เป็นได้
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยคุณป้าก็เหมือนช่วยมิ้นด้วย”
“ป้าดีใจจังที่ลูกสาวของป้ามีคนดีๆ มาใส่ใจ อุ๊ย! ป้าขอโทษด้วยนะคะที่คิดเองเออเอง” นางรงรองทำหน้าตาตกใจที่ปากไว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมชอบมิ้นจริงๆ ถึงจะเคยโดนปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ”
“ลองสู้อีกสักครั้งสิ ป้าว่าคราวนี้ผลมันอาจจะตรงกันข้ามกับครั้งที่แล้วก็ได้นะ” ได้ที่นางไม่รอช้ารีบยุ และเหมือนจะได้ผลเมื่อภูมินรีบหันมาถามด้วยสายตาเป็นประกาย
“จริงหรือครับ”
“จ้ะ เดี๋ยวป้าช่วยอีกแรง รับรองไม่พลาด” นางยืนยันเสียงแข็งขัน เรียกได้ว่าสนับสนุนอีกฝ่ายเต็มที่
“ขอบคุณครับ” ภูมินยกมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างดีใจเหมือนความหวังที่เคยมอดมิดกลับมาเรืองรองอีกครั้ง แถมคราวนี้มีกำลังสำคัญคอยหนุนหลัง
แต่แล้วความหวังของนางรงรองก็พังทลาย เมื่อสุดท้ายคนที่มาเสนอซื้อตลาดก็ไม่มีใครให้ราคาสูงกว่ามิสเตอร์อิวานอฟ แม้แต่ครอบครัวของภูมินที่นางรงรองหวังก็ตามที
“มิ้นขอร้องนะคะว่าขอให้ตลาดเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่จะขาย เพราะราคาที่ทางมิสเตอร์อิวานอฟเสนอซื้อมามิ้นเชื่อว่ามันสามารถใช้หนี้ของเราได้ทั้งหมดแถมเหลือใช้อีกจำนวนหนึ่ง ถ้าเราอยู่แบบพอเพียงแบบนี้ไปมันก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ” มินรญาอ้อนวอน
“รู้หรอกน่า...ว่าแต่เรารีบไปกันเถอะ แม่อยากไปถึงก่อนมิสเตอร์อิวานอฟ เฮ้อ...น่าเสียดายนะ ถ้าตลาดนี้เป็นของคุณเคนแม่จะดีใจกว่านี้” นางบอกอย่างเสียดาย เพราะถ้าภูมินเป็นคนซื้อ และถ้าในอนาคตอันใกล้มินรญาได้แต่งงานกับชายหนุ่มนั่นหมายถึงตลาดก็จะกลับมาเป็นของนางอีกครั้ง มีแต่ได้กับได้
“ก็แล้วทำไมไม่ขายให้เขาไปล่ะคะ”
“จะบ้าเหรอ ขายก็ขาดทุนไปตั้งสองร้อยล้านใครจะบ้าไปขาย”
“งั้นก็อย่าบ่นสิคะ”
“ก็ถ้าคนของมิสเตอร์อิวานอฟจะมีมนุษยสัมพัสธ์ที่ดี ลดความหยิ่งและจองหองลงกว่านี้น่ะนะ นี่แค่ลูกน้อง เจ้านายจะขนาดไหน ไม่ใช่มาเห็นตลาดแล้วจะต่อรองลงอีกนะ”
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยค่ะ ไปกันดีกว่า ขืนช้ากว่านี้ได้ไปถึงช้ากว่าทางโน้นแน่ๆ”
“แหม...เชื่อเถอะว่าฝ่ายนั้นไม่มีทางไปถึงที่นั่นเร็วกว่าเจ้าถิ่นอย่างเราหรอก” นางรงรองบอกอย่างมั่นใจ
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ”
และมันก็ไม่แน่จริงๆ เพราะเดินเข้าไปที่ตลาดนางรงรองก็เจอร่างสูงของชายหนุ่มสองคนในชุดสูทยืนรออยู่แล้ว และคนที่หันหน้ามาทางนี้ก็คือแซค ส่วนอีกคนที่ยืนหันหลังให้คงจะเป็นมิสเตอร์อิวานอฟ ดูท่าจะหนุ่มกว่าที่คิด
“สวัสดีค่ะคุณแซค มานานหรือยังคะ” นางรงรองที่เพิ่งรู้ตัวว่ามาช้ารีบเดินปรี่เข้าไปทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราเพิ่งมาถึงเหมือนกันครับ” แซคตอบหากสายตากลับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยื่นอยู่ข้างๆ นางรงรอง แล้วยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ” มินรญาที่รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายร่างสูงตรงหน้าถามพลางขมวดคิ้วมองอย่างใช้ความคิดว่าเคยเจออีกฝ่ายที่ไหน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แต่แซคที่ยืนยิ้มอยู่ก็ไม่ได้ให้คำตอบนั้น เขากลับไปสะกิดเรียกชายหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะเพลินกับการยืนดูอะไรสักอย่าง โดยหันหลังให้เธอกับคนเป็นแม่เล็กน้อย แล้วกลับมาพูดกับพวกเธอว่า “ผมขอแนะนำมิสเตอร์อิวานอฟ”
“สวัสดีครับ ผมคูเปอร์ อิวานอฟ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ทันทีที่ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนหันมา มินรญาถึงกับเบิกตากว้าง “พะ...พี่คู้ป!” แล้วร่างกายของเธอมันก็โผเข้าไปกอดเข้าอย่างอัตโนมัติ และปฏิกิริยาแบบนี้ก็ทำให้คูเปอร์ตกใจไม่น้อย แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ
“ทำแบบนี้ไม่ดีนะครับคุณมินรญา”
มินรญา น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อเต็มยศของเธอนั้นช่างฟังดูห่างเหิน ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับชะงักและรีบผละออก “ขะ...ขอโทษค่ะ พอดีมิ้น...เอ่อฉันดีใจมากไปหน่อย” และด้วยถ้อยคำที่ชายหนุ่มใช้ทำให้เธอไม่กล้าทำตัวตีสนิทกับเขา เพราะดูจากท่าทางการแต่งตัว ชายหนุ่มคงเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่จริง...” นางรงรองที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะผ่านไปหลายปีแต่นางก็จำผู้ชายที่ตัวเองเคยไล่หนีได้ดี ถึงอีกฝ่ายจะเป็นหนุ่มเต็มตัวหน้าตาหล่อเหลาคมคายมากขึ้นกว่าเดิม
“จริงครับ นี่แหละมิสเตอร์อิวานอฟที่ต้องการจะซื้อตลาดของคุณ”
“ไปกันได้หรือยังครับ ผมอยากดูรอบๆ ตลาด ก่อนจะทำสัญญาซื้อขายกัน” คูเปอร์ยิ้มเยาะ รู้สึกดีเป็นบ้าเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของคนที่เคยดูถูกตน
“เชิญค่ะ” ว่าแล้วมิ้นรญาก็เดินนำทุกคนเข้าไปในตลาด พร้อมกับพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แม้การพบเจอกันในครั้งนี้มันจะเหนือความคาดหมาย เธอก็ดีใจจนน้ำตาซึม แต่ก็ต้องทำใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาคงมีลูกเมียไปแล้วถึงได้ทำท่าทีเย็นชาใส่แถมยังรวยขนาดซื้อตลาดของเธอได้
และแม้จะลำบากใจแต่มินรญาก็ทำหน้าที่เจ้าของตลาดได้เป็นอย่างดี เธอพาคูเปอร์เดินไปทั่วตลาดพร้อมกับบอกรายละเอียดในเรื่องต่างๆ แม้บางเรื่องเธอคิดว่าชายหนุ่มคงรู้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
“ผมดีใจนะที่จะได้ตลาดนี้มาเป็นของผม” คูเปอร์บอกพลางกดยิ้มมุมปากปรายตามองนางรงรองที่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แล้วเบนสายตามาที่หญิงสาวอีกคนเขายิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อ
“คุณนายสะดวกที่จะทำการตกลงซื้อขายตลาดนี้ที่ไหนดีครับ” แซคถามนางรงรองที่เงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เห็นหน้าเจ้านายของตน
“ที่บ้านดิฉันก็ได้ค่ะ" นางตอบแค่นั้นแล้วเงียบไป หากใครจะรู้ว่าภายในใจนั้นกำลังปั่นป่วนร้อนเป็นไฟ นางกัดฟันแน่น ไม่คิดว่าจะโดนเอาคืนแบบนี้ ใช่ การที่คูเปอร์มาซื้อตลาดของนางในครั้งนี้เพราะอีกฝ่ายต้องการเอาคืนแน่ๆ เพราะอย่างนี้ถึงกล้าให้ราคาสูงลิ่ว ชนิดที่คู่แข่งหน้าไหนก็เทียบไม่ติด
มันน่าเจ็บใจนัก!
การทำตกลงทำสัญญาซื้อขายผ่านไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย ไม่มีการต่อรองราคาอย่างที่นางรงรองกังวล และเมื่อตลาดตกเป็นของคูเปอร์ อิวานอฟ โดยสมบูรณ์ เขาก็ขอตัวกลับทันที มินรญามองตามร่างสูงที่เดินห่างออกไปแล้วยกมือปิดปากกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาที่รื่นขึ้นมา
“แกยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่จริงๆ อย่างนี้ใช่ไหมผู้ชายคนไหนเข้ามาแกถึงปฏิเสธหมด” นางรงรองบอกเสียงเยาะเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวตน
“มิ้นเคยทำตามความต้องการของแม่แล้ว มิ้นก็ขอทำตามใจตัวเองบ้างนะคะ”
“พบกันแล้วเป็นไง” นางถามพลางหัวเราะเยาะเย้ยลูกสาว “รวยขนาดนี้คงไปตกถังข้าวสารที่ไหนมาล่ะสิ”
“ถังใหญ่ตั้งสองถังเลยละครับ” เสียงที่ตอบกลับมานั้นทำให้สองแม่ลูกหันขวับ และนางรงรองถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมาอีก แต่เมื่อคิดว่าทำไมตัวเองต้องยำเกรงอีกฝ่ายด้วยในเมื่อการซื้อขายสิ้นสุด เงินสดห้าร้อยล้านมาอยู่ในมือแล้ว นางรงรองก็ลุกขึ้นยืนหน้าเชิด
“ตกถังข้าวสารสองถัง แสดงว่ามีเมียสองคนแล้วนะสิ” นางปรายตามองลูกสาวที่นั่งก้มหน้านิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “คงจะเลือกเฉพาะผู้หญิงที่รวยๆ เพื่อถีบตัวเองให้พ้นจากความจน”
“ผมไม่แปลกใจที่เมื่อหลายปีก่อนคุณจะกำจัดเจ้านายผมออกไปจากชีวิตของลูกสาวของคุณ จะบอกให้เอาบุญมิสเตอร์อิวานอฟเป็นลูกบุญธรรมของ มิสเตอร์อังเดร อิวานอฟ เจ้าพ่อวงการค้าเหล็กในรัสเซีย และเป็นลูกชายของมิสเตอร์ไลรีย์ แม็คเคย์ ซึ่งเป็นทายาทกิจการเหมือนแร่ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรเลีย เชื่อผมเถอะว่ารายได้ต่อเดือนของเจ้านายผมมากกว่าเงินและทรัพย์สินที่คุณนายมีอยู่ตอนนี้...และถ้าวันนั้นคุณไม่ใช่คนที่ดูถูกคนไม่ให้ความสำคัญกับฐานะจนเกินไป วันนี้คุณคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้” แซคพูดร่ายยาวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและรอยยิ้มเย็นปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ “ผมแค่เอานามบัตรของมิสเตอร์อิวานอฟมาให้ เผื่อสนใจอยากจะขายบ้านหลังนี้ ไปละครับ” แซควางนามบัตรที่เขาถูกคูเปอร์วานมาแล้วหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ
ขณะที่นางรงรองถึงกับเข่าอ่อน เหงือไหลซึมทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนมาก นางมองนามบัตรสีทองตรงหน้าแล้วหยิบขึ้นมาขยำขว้างทิ้งอย่างเจ็บใจ
“ไอ้พวกบ้า! เจ็บใจนัก”
“แม่โทษใครไม่ได้นะคะ นอกจากตัวเอง” มินรญาเตือนสติคนเป็นแม่แค่นั้นก็เดินไปเก็บนามบัตรที่ถูกขว้างทิ้งเมื่อครู่แล้วขึ้นห้องไป
“ฉันไม่ยอม ยัยมิ้น!”
มินรญาที่กำลังขึ้นบันไดขณะที่มือก็ยังกำกระดาษแผ่นเล็กเอาไว้แน่นหันกลับพร้อมกับขานรับ “คะ”
“แกต้องกลับไปหามัน” มันไม่ได้เป็นการขอร้องแต่มันเป็นคำสั่ง คำสั่งที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจและอยากเอาคืนให้อีกฝ่ายได้รู้สำนึก
“มิ้นไม่หน้าด้านขนาดนั้นหรอกค่ะ ลืมแล้วหรือไงคะว่าใครที่เป็นคนกีดกันความรักของพวกเรา” มินรญาเตือนความจำคนเป็นแม่ เธอรู้ว่าตอนนี้ท่านรู้สึกเช่นไร
“แกไม่เห็นหรือไงว่ามันดูถูกเรา” นางตะคอกถามลูกสาวที่เหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนใจ
“แม่เองก็เคยทำไม่ใช่หรือคะ” มินรญาย้อน
“ยัยมิ้น!”
“เลิกแล้วต่อกันเถอะค่ะ เขาไม่ได้มาทำอะไรเราเลย แม่แค่รู้สึกเสียหน้าที่โดนคนที่เคยดูถูกสารพัด ตอนนี้กลับมาอยู่เหนือตัวเองก็เท่านั้น ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ” พูดจบมินรญาก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปอย่างไม่อยากเข้าร่วมแผนการเอาคืนของคนเป็นแม่ ที่เชื่อเถอะว่าทำอย่างไรก็ไม่มีทางชนะได้หรอก
“ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด จะทำให้แกกลับมาสยบแทบเท้าฉันอีกครั้ง” นางรงรองมองขึ้นไปที่ห้องของบุตรสาวอย่างหมายมาด...นางจะทำให้ถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมาอีกครั้ง และจะทำให้มันดับสนิทชนิดที่ต้องจำไปจนวันตายเมื่อถึงเวลา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2559, 15:22:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2559, 15:22:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1006
<< ตอนที่ 6 >>> 100% | ตอนที่ 7 >>> 100% >> |