ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ

เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย

มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน

ตอน: ไกด์กิตติมศักดิ์

ตอนนี้ ณ มนเปิดให้จอง "ม่านนทีปรารถนา" แล้วนะคะ จากราคา339 ลดมากๆถุง25% เหลือแค่ 255 เท่านั้น
ใครสนใจ ทักณ มนทางเฟซบุคได้นะคะ

....





ปก "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ สนพ.กรีนมายด์จะเปิดจองเร็วๆนี้ ยังไงฝากอุดหนุนด้วยนะคะ

...........





เทพโพไซดอนคิดว่าเป็นโชคดีที่เอสโตรเลือกให้เขามาทำหน้าที่พากันธิชาเที่ยวเกาะครีต เหตุผลก็คือเขามีความรู้เรื่องตำนานเทพลึกซึ้ง หลังจากที่ลองสอบถามเขาอยู่สองสามคำถามและเขาตอบได้อย่างสบายๆ

“ไม่น่าเชื่อนะที่คนงานอย่างนายจะมีความรู้เรื่องเทพเจ้าได้ดีขนาดนี้ แต่จะว่าไปครั้งแรกที่ฉันมองนายก็คิดแล้วว่านายคงไม่ใช่คนจรธรรมดา” เอสโตรเอ่ยเมื่อช่วงเช้าตอนที่เรียกเขาเข้าไปพบ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คนกรีกอย่างผมอย่างคุณเอสโตร ยังไงก็ต้องมีความรู้เรื่องเทพเจ้าอยู่บ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถ่อมตัวไว้ก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วเขารู้ลึกกว่านั้นมาก ลึกมากจนบางเรื่องก็อยากจะทำเป็นลืมๆ มันไปเสียบ้าง

“มันก็จริงนะ แต่อย่างนายนี่ถือว่ามีความรู้พอสมควรทีเดียว ถ้าได้พาหนูแอลเที่ยวก็คงจะมีประโยชน์มาก”

“อะไรนะครับ พาใครเที่ยว” เทพแห่งท้องทะเลถามเมื่อได้ยินเอสโตรเอ่ยถึงใครบางคน

“ฉันหมายถึงกันธิชาน่ะ ผู้หญิงคนที่นายไปรับที่ท่าเรือเมื่อวันก่อนไง เพื่อนสนิทของฉันฝากให้ดูแลเธอตอนมาพักผ่อนที่เกาะครีต ฉันก็ยังลังเลอยู่ว่าจะหาใครพาหนูแอลไปเที่ยวดี เห็นว่านายหน่วยก้านใช้ได้แถมวันก่อนก็ได้เจอกันแล้ว ยิ่งได้รู้ว่านายมีความรู้เรื่องตำนานเทพเจ้าดีพอควรก็เลยคิดว่านายนี่ล่ะเหมาะสมที่สุด”

“อ๋อ ผมยินดีพาเธอเที่ยวครับ” เมื่อรู้ว่าคนที่เขาจะต้องพาเที่ยวคือกันธิชา เขาก็รีบตกลงรับปากทันที

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอีกสักพักไปตรวจตราดูรถของรีสอร์ทสักหน่อยก็แล้วกัน หนูแอลกินอาหารเช้าเสร็จก็พร้อมออกเดินทางได้”

“ครับ”

นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้า และตอนนี้คีรีลหรือเทพโพไซดอนก็มายืนรอหญิงสาวอยู่ข้างรถขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งเขาตรวจเช็กสภาพของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครู่หนึ่งหญิงสาวก็เดินมาที่รถในชุดเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวรองเท้าผ้าใบ บนศีรษะสวมหมวกแก็บ สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กไว้ที่หลัง คล้องกล้องถ่ายรูปตัวโตเอาไว้ที่ไหล่ข้างหนึ่ง กันธิชาส่งยิ้มมาให้เขาก่อนที่เธอจะเดินมาถึงรถเสียด้วยซ้ำ

“สวัสดีค่ะ วันนี้ฉันได้คุณพาเที่ยวหรือคะนี่”

“ครับ คุณอยากไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษบอกผมได้เลยนะครับ หรือถ้าไม่มีแผนการท่องเที่ยวไว้ในใจผมจะได้พาไปเอง”

“ฉันมีแผนเอาไว้คร่าวๆ แล้วล่ะค่ะ วันนี้อยากไปเที่ยวพระราชวังคนอสซอส (Knossos Palace) ของกษัตริย์ไมนอส แล้วก็อยากไปเที่ยวไร่ไวน์ด้วยค่ะ เอาแค่สองที่นี้ก่อน วันอื่นๆ ค่อยว่ากันไป”

พอได้ยินคำว่าพระราชวังคนอสซอส คีรีลก็หน้าตึงทันที จนกันธิชาต้องเอ่ยถาม “ทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าตอนนี้เขาปิดซ่อมแซมวัง”

“เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร นักท่องเที่ยวไปเที่ยวได้ตามปกติ”

“ดีแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเริ่มจากที่นั่นก่อนเลยดีกว่า ฉันอยากใช้เวลาที่วังเยอะๆ เห็นว่ามีโบราณวัตถุเยอะทีเดียว” หญิงสาวไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่แผนการท่องเที่ยวของตนไม่มีปัญหา แต่คนที่จะต้องรับหน้าที่พาทัวร์วันนี้รู้สึกเหมือนตะกอนบางอย่างในใจโดนกวนจนขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่มันตกตะกอนอยู่จนลึกสุดของความทรงจำ

วังนั่น ผู้คนที่วัง กษัตริย์ที่ตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด เขาไม่อยากรื้อฟื้นหรือกลับไปเยือนมันอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้จำเป็นถึงต้องไป ถ้าไม่เป็นเพราะอยากรู้ว่าเพราะเหตุใดหญิงสาวถึงได้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย เขาจะไม่ยอมรับหน้าที่พาเธอไปที่นั่นเด็ดขาด


ใช้เวลาเดินทางไม่นานนักรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็มาจอดที่หน้าพระราชวัง คีรีลจัดการเรื่องตั๋วให้หญิงสาวเสร็จสรรพก็พาเธอเดินเข้าไปด้านใน พระราชวังคนอสซอสในวันนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังของอาคาร แต่ก็พอจะจินตนาการถึงความใหญ่โตในครั้งอดีตของพระราชวังในยุคสำริดได้ บางส่วนยังพอเห็นภาพเขียนสี และยังพอมองเห็นห้องหับได้ซึ่งทางการได้ทำการซ่อมแซมบูรณะ พระราชวังนี้ถูกค้นพบโดยเซอร์อาร์เทอร์ อีแวนส์ หลังจากต้องพังทลายเพราะแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึงสองครั้ง
“ตามตำนานวังนี้มีช่วงหนึ่งที่ตำแหน่งกษัตริย์ว่างลง ก็เลยมีชายหนุ่มที่ชื่อไมนอส อ้างว่าเขาคือบุตรของซูสกับนางยูโรปา มาท้าชิงตำแหน่งกษัตริย์ ชาวเมืองเลยให้ไมนอสพิสูจน์ตัวเองให้ร้องขอของขวัญจากเทพเจ้า” คีรีลเล่าให้กันธิชาฟังในขณะที่พาหญิงสาวเดินชมซากอาคาร

“แล้วเขาขอจากเทพองค์ไหนคะ” หญิงสาวหันมาถาม

“โพไซดอน เทพแห่งท้องทะเล พระองค์ทรงตอบรับคำขอของไมนอสด้วยการส่งกระทิงที่มีลักษณะงดงามให้เขาหนึ่งตัว แต่มีข้อแม้ว่าต้องฆ่ากระทิงตัวนั้นเสียหลังจากที่ไมนอสขึ้นครองราชย์” ในขณะที่เล่าดวงตาสีฟ้าอมเทาก็เหมือนมีแววเข้มขึ้น

“ฉันเดาว่าไมนอสไม่ฆ่ากระทิงตัวนั้นหรอก” แม้จะไม่เคยอ่านตำนานเทพเจ้ากรีกในตอนเกี่ยวกับเกาะครีตมาก่อน แต่หญิงสาวคาดเดาไปในทางนี้ ขณะที่เท้ายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปหยุดที่ภาพเขียนสีรูปคนสู้กระทิงอันเลื่องชื่อที่รู้จักกันในชื่อ Toreador Fresco

“คุณเดาได้ถูกต้อง ไมนอสลืมคำสัญญา ลืมคำพูดของตนเอง พอเห็นกระทิงตัวงามชาวเมืองก็เชื่อว่านั่นคือสิ่งที่เทพโพไซดอนประทานให้เขา จึงยอมรับนับถือเขาเป็นกษัตริย์แต่การที่ไมนอสตระบัดสัตย์ เขาไม่ยอมฆ่ากระทิงแสนงามตัวนั้นเพื่อบูชาเทพโพไซดอน ซ้ำยังโกหกหลอกลวงด้วยการฆ่ากระทิงตัวอื่น นั่นทำให้โพไซดอนโกรธมาก จึงสาปให้เขามีลูกเป็นกระทิง โดยสาปให้นางปาซีฟาอีเกิดหลงรักเจ้ากระทิงหนุ่มรูปงาม ในยามที่ไมนอสออกรบ นางก็ถึงกับสั่งให้ช่างสร้างกระทิงปลอมเพศเมียขึ้นมา โดยให้ข้างในเป็นโพรงแล้วนางก็เข้าไปอยู่ในกระทิงปลอมนั้น สมสู่กับกระทิงหนุ่มจนนางตั้งท้อง และคลอดลูกออกมาเป็นคนครึ่งกระทิงชื่อมิโนทอร์ ไมนอสกลับมาก็อับอายมากจึงได้สั่งให้สร้างเขาวงกตขึ้นขังกระทิงไว้ที่นั่น คอยหาอาหารคือมนุษย์ส่งเข้าไปให้มัน”

“คุณเล่ามาถึงตรงนี้ก็ออกจะเหลือเชื่อนิดหน่อยนะคะ” กันธิชาเอ่ยแย้ง

“ตรงไหนที่คุณว่าเหลือเชื่อ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแข็งนิดหน่อยด้วยรู้สึกขัดใจที่หญิงสาวเหมือนจะบอกว่าเรื่องที่เขาเล่ามานี้ไม่ใช่เรื่องจริง ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในเหตุการณ์นั้นและเขาเองนี่ล่ะคือผู้ที่สาปให้ไมนอสต้องทุกข์ทรมานเพราะการตระบัดสัตย์

“ตรงที่พระนางเข้าไปอยู่ในกระทิงปลอมแล้วสมสู่กับกระทิงหนุ่มนั่นล่ะค่ะ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อคุณบอกเองว่ามันเป็นตำนาน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งที่ออกจะพิลึกพิลั่นไม่น้อย ว่าแต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นคะ”

“เรื่องบางเรื่อง บางทีมันก็เกิดขึ้นมานานเสียจนคนรุ่นหลังๆ คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าเป็นแค่ตำนาน ทั้งที่มันเป็นเรื่องจริง” ชายหนุ่มเอ่ยพลางมองหญิงสาวที่กำลังสนใจกับการถ่ายภาพตรงหน้า ทว่าเขารู้ดีว่าเธอคอยฟังเขาอยู่ “ช่วงนั้นบุตรของไมนอสกับนางปาซีฟาอีที่ชื่อแอนโดรจิอุสไปแข่งขันประชันฝีมือที่กรุงเอเธนส์พอดี แอนโดรจิอุสเก่งกาจชนะทุกการแข่งขัน ชาวเอเธนส์ไม่พอใจจึงลอบสังหารเขาเสีย ข่าวนี้มาถึงหูไมนอส ไมนอสโกรธจึงยกกองทัพไปรบกับชาวเอเธนส์ เมื่อมีชัยเหนือพวกเอเธนส์ ไมนอสสั่งให้ทางเอเธนส์ส่งหญิงชายวัยหนุ่มสาวจำนวน 14 คนมาที่ครีตทุก 9 ปีเพื่อเป็นอาหารของมิโนทอร์ อมนุษย์ครึ่งคนครึ่งกระทิงตนนั้น”

“ถ้าว่ากันตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บางข้อมูลบอกว่าอารยธรรมบนเกาะครีตนี่เก่าแก่กว่าที่เอเธนส์เสียอีก เห็นว่ามีมานานตั้งแต่ 1600 ปีถึง 1400 กว่าปีก่อนคริสตกาล ก็เป็นไปได้ที่ทางนี้จะมีระบบกษัตริย์มีการปกครองที่เข้มแข็งกว่าทางเอเธนส์จนฝ่ายนั้นต้องส่งเครื่องบรรณาการมาให้” กันธิชาเอ่ยในขณะที่ก้มหน้าดูจอมือถือของตน ซึ่งใช้ซิมโทรศัพท์ท้องถิ่นและต่อเข้าอินเตอร์เนตเพื่อสืบค้นข้อมูล แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังอยากฟังในส่วนที่ชาวครีตเล่าขานกันมาเป็นตำนานมากกว่า

“ก็อาจจะถูกตามตำราในยุคของคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยทำให้กันธิชาหันมามองเขา

“คุณพูดยังกับคุณมาจากยุคอื่นที่ไม่ใช่ยุคนี้เลยนะคะ” หญิงสาวถามพลางมองกวาดทั่วตัวเขา ตั้งแต่ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับรูปสลัก เรือนร่างกำยำมีมัดกล้ามสวยภายใต้เสื้อยืดพอดีตัว กับช่วงขายาวในกางเกงยีนสีเข้ม แล้วก็วกกลับมามองสบตาสีฟ้าอมเทาของเขาอีกครั้ง “ความจริงถ้าจับคุณไปใส่ชุดขาวๆ สวมมงกุฎใบมะกอก แบบที่เคยเห็นในหนังเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้ากรีก คุณนี่เหมือนเทพเจ้ากรีกหลงยุคมาเลยนะ”

ทว่าคนโดนแซวไม่ขำไปด้วย เพราะเขาไม่ชอบมะกอก อะไรที่เกี่ยวกับมะกอกไม่ชอบทั้งนั้น เพราะเจ้าต้นไม้ชนิดนี้ทำให้เขาแพ้การแข่งขันประลองปัญญากับอธีน่าเพื่อชิงนครใหม่ ครั้งนั้นซูสตั้งเงื่อนไขว่าจงมอบสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุดให้กับมนุษย์ เขามอบอาชาแสนงาม และบอกว่ามันมีประโยชน์เหลือหลาย ทั้งทำให้การเดินทางว่องไวกว่าเดิม ควบทะยานมันออกไปรบ ช่วยบรรทุกสิ่งของ แต่อธีน่าเลือกที่มอบต้นมะกอกให้มนุษย์ นางบอกว่ามะกอกนั้นมีประโยชน์มากมาย ทั้งกิน ทั้งใช้ และสุดท้ายนางก็ชนะการประลองในคราวนั้นไป ดังนั้นการที่กันธิชาบอกว่าจับเขามาใส่ขุดสีขาวสวมมงกุฎใบมะกอกนั่นเป็นอะไรที่เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด แม้แต่ในจินตนาการของหญิงสาวก็ตามที เพราะเขาเองมีมงกุฎที่ล้ำค่ากว่านั้นมาก มงกุฎที่บ่งบอกว่าเขานั้นมีฤทธาอำนาจไม่แพ้ซูส






namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2559, 22:53:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2559, 22:53:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1054





<< 22 รอยร้าวยากประสาน   24 ความคิดเห็น >>
Zephyr 21 ก.ย. 2559, 22:50:45 น.
อืมมม เหมือนได้เรียนประวัติศาสตร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account