สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน
ตอน: ตอนที่ 9 >>> 50%
ตอนที่ 9
ช่วงหลังๆ มานี้มินรญารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน มารดาที่เคยติดการพนันเหมือนท่านจะยอมเลิกแล้ว ส่วนเรื่องหัวใจตอนนี้เธอสุขมากๆ คูเปอร์ไม่ได้ห่างหายไปจากชีวิตของเธออย่างที่นึกกลัว ชายหนุ่มยังโทร.หาและแวะเวียนมารับไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง บ้างแล้วแต่เวลาจะเอื้ออำนวย และอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน คูเปอร์ชวนเธอไปเยี่ยมป้าจาบ และก่อนไปเขาก็อยากไปหาซื้อของฝากแกก่อน
“ไม่รู้จะซื้ออะไรไปฝากแกดี” คูเปอร์เปรยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้างใหญ่ พลางกวาดสายตาไปรอบๆ เผื่อมีอะไรโดนใจ
“อืม...มิ้นว่าผ้าไหมเป็นไงคะ” มินรญาเสนอเมื่อทั้งเขาและเธอกำลังจะเดินผ่านหน้าร้านขายผ้าไหม
“เข้าท่า” ว่าแล้วชายหนุ่มก็แวะเข้าร้านที่เต็มไปด้วยผ้าไหมหลากหลายแบบและสีสันที่บ้างก็ถูกพาดเอาไว้ให้ลูกค้าดูสีและแบบ บ้างก็ถูกพับเก็บเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนชั้น ขณะที่อีกด้านเป็นชุดสำเร็จรูปมีหลากหลาย
“สวัสดีค่ะ เชิญเลือกดูก่อนนะคะ ต้องการดูแบบไหนเป็นพิเศษบอกได้นะคะ” พนักงานในร้านทักทายด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วแนะนำด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
“ผมอยากได้ของไปฝากผู้ใหญ่นะครับ เป็นผู้หญิงอายุสักห้าสิบหกสิบรูปร่าง...” คูเปอร์หันไปหามินรญาต้องการให้หญิงสาวที่น่าจะได้เจอป้าจาบบ่อยกว่ายืนยัน ซึ่งต่างจากเขาที่ไม่ได้เจอแกมาหลายปี ก็ไม่แน่ใจว่ารูปร่างของแกจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
“รูปร่างอ้วนๆ ท้วมๆ นะคะ”
“ต้องการสั่งตัดหรือจะดูแบบสำเร็จรูปดีคะ”
“สำเร็จรูปค่ะ” เป็นมินรญาที่เป็นคนตอบอีกครั้ง “งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวผายมือไปยังอีกโซนของร้าน พร้อมกับแนะนำแบบและไซส์ที่ลูกค้าต้องการ
และในขณะที่มินรญากำลังคุยและเลือกแบบอยู่กับพนักงาน คูเปอร์จึงเดินดูภายในร้าน และเขาก็ไปเจอชุดเดรสที่แม้จะทำจากผ้าไหม แต่ก็ดูร่วมสมัย แถมดูสวยกว่าผ้าทั่วไปอีก เขาไม่รอช้าหยิบมันแล้วเดินมาหามินรญา
“เอาชุดนี้ไปลองสิ”
คนที่จู่ๆ ก็ถูกสั่งให้ไปลองชุดทำหน้าเหลอหลา ถามอย่างงงๆ “บอกมิ้นเหรอคะ”
“ไม่บอกเราแล้วจะบอกใครล่ะ”
“มันก็สวยดีอยู่หรอกนะคะ แต่ไม่เอาหรอกค่ะเรามาซื้อของไปฝากป้าจาบไม่ได้มาซื้อให้มิ้นเสียหน่อย” มินรญาบอกอย่างเกรงใจ
“อยากให้ก็เอาไปเถอะน่า หรือไม่ชอบเอาสีอื่นแบบอื่นก็ได้ มาเลือกดู” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลากหญิงสาวไปเลือกชุดใหม่ “ของป้าจาบยังเลือกไม่ได้เลยนะคะ” มินรญาท้วง
“งั้นก็รีบเลือกสิครับจะได้ไปเลือกของป้าจาบต่อ”
“ค่า...” มินรญารับคำเสียงยานคาง ถึงอย่างไรเธอก็เลี่ยงไม่ได้สินะ เอาก็เอาอีกอย่างชุดมันก็สวย จนตอนนี้เริ่มหนักใจละ เลือกไม่ถูก...
“เชิญเลือกตามสบายนะคะ” พนักงานสาวบอกพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนเคย ก่อนเธอจะรีบเดินเลี่ยงไปต้อนรับลูกค้าคนใหม่ เมื่อชะเงอคอมองหาเพื่อนร่วมงานอีกคนแต่ไม่เจอ สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำ
“สวัสดีค่ะคุณดาวิกา”
“สวัสดีค่ะ...มาเอาชุดที่คุณแม่สั่งตัดไว้นะคะ” หญิงสาวบอกอย่างคุ้นเคยกับพนักงานเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะมารดาของเธอเป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวบอกก่อนจะผละออกไป และระหว่างที่รอนี้ดาริกาก็ถือโอกาสเดินดูชุดภายในร้าน และตอนนี้เองเธอก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเลือกชุดอยู่ และเมื่อมองดีๆ เธอถึงกับเบิกตากว้าง เดินตรงรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที
“ขอโทษนะคะ...มิ้นใช่หรือเปล่าคะ”
“คะ” คนถูกทักหันมารับคำอย่างสงสัยว่าใครมาทัก แล้วเธอก็เบิกตากว้างร้องทักอีกฝ่ายกลับไปอย่างดีใจ “ยัยดา!”
“ยัยมิ้นจริงๆ ด้วย” ดาริกาโผเข้าไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันหลายปี “คิดถึงจังเลย” เธอกอดร่างบางของเพื่อนแน่นๆ อีกครั้งก่อนจะดันออก
“คิดถึงจัง แต่แกเงียบหายไปหลายปีเลยนะ โทร.หาก็ไม่ติด” มินรญาต่อว่าอย่างไม่จริงจัง พลางแกล้งงอน
“ฉันขอโทษพอดีเกิดเรื่อง ทั้งโทรศัพท์และซิมโดยแม่ทำลายล้างซะเกลี้ยงจำเบอร์ใครก็ไม่ได้ แกก็น่าจะเห็นว่าแม้แต่ใบปริญญาฉันยังไม่ได้ไปรับ พอจบปุ๊บแม่ก็ส่งฉันไปอยู่เมืองนอกเลย นี่ก็เพิ่งกลับมาเมื่อเดือนที่แล้วเอง เอาไว้วันหลังว่างๆ เรานัดเจอกัน แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ขอเบอร์แกด้วย” ดาริกายื่นโทรศัพท์ให้มินรญาบันทึกเบอร์ให้ และตอนนี้เองเธอถึงได้เห็นหน้าผู้ชายที่เพื่อนรักมาด้วยว่าหน้าตาคุ้นๆ “แล้วนั่นใคร...” หญิงสาวก้มลงไปกระซิบถามเพื่อนรัก มินรญาเงยหน้าขึ้นมองคูเปอร์แล้วอมยิ้ม
“แล้วแกคิดว่าใครล่ะ” ดาริกายืนพินิจพิจารณาหนุ่มหล่อตรงหน้า แล้วเบิกตากว้าง
“อย่าบอกนะว่าพี่คู้ป!”
“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” คูเปอร์ที่ยืนฟังสาวๆ ทักทายและคุยกันอยู่เงียบๆ เอ่ยทัก
“สวัสดีค่ะ หล่อขึ้นนะคะ” ดาริกาทักทายกลับแล้วหันมาหาเพื่อนรัก แล้วดึกอีกฝ่ายเข้ามากอดอกีครั้ง “ยัยมิ้น”
“อะไร จู่ๆ ก็กอดซะแน่น” มินรญาที่ตั้งใจจะคืนโทรศัพท์มือถือให้ถามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมกับดันร่างบางที่ไม่ต่างจากตัวเองออก
“ฉันนึกว่าตัวเองจะทำให้แกกับพี่คู้ปเดือดร้อนเสียแล้ว”
“เรื่องอะไร ฉันงงหมดแล้วนะเนี่ย” มินรญาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ซึ่งก็ไม่ต่างกับคูเปอร์ที่ยืนรอฟังเรื่องที่ว่าอยู่เหมือนกัน
“ก็ตอนนั้นไงที่เราสอบเสร็จและรอฟังผลสอบ แม่แกโทร.มาหาฉัน ถามว่าแกอยู่ไหม ตอนนั้นกำลังทะเลาะกับแม่เรื่องแฟน พอแม่แกโทร.มาฉันก็อิจฉา คิดว่าทำไมฉันต้องทุกข์ ขณะที่แกมีความสุขอยู่กับคนรัก ฉันก็เลยบอกว่าแกอยู่กับพี่คู้ปที่ห้าง...” ท้ายประโยคดาริกาก้มหน้าพูดเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด รู้ดีว่าถ้ามารดาของเพื่อนรักรู้เรื่องนี้ผลมันจะเป็นเช่นไร “ฉันรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ มันเหมือนตราบาป”
มินรญาอึ้งไปชั่วขณะ มือบางยืนไปดึงมือเพื่อนมากุมแล้วตบทีหลังมือนั้นเบาๆ อย่างต้องการปลอบและบอกว่าไม่เป็นอะไร
“มันผ่านไปแล้ว” เป็นคูเปอร์ที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากคิดถึงวันที่โหดร้ายนั้นอีก แม้วันนั้นจะเป็นเริ่มต้นของความเจ็บปวดและสูญเสีย แต่มันก็ทำให้เขาได้หลายๆ อย่าง และได้ย้อนกลับมาเอาของรักคืนอย่างเต็มภาคภูมิ
“ใช่ มันผ่านไปแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เจอพี่คู้ปอีกครั้งแล้ว”
“นี่หมายความว่าตอนนั้นเกิดเรื่องเพราะฉันสินะ” ดาริกายังรู้สึกผิดไม่หายสุดท้ายเธอก็เป็นต้นเหตุ และไม่รู้ว่าตอนนั้นทั้งสองเจออะไรมาบ้าง ส่วนความเจ็บปวดนั้นเธอรู้ดีเลยละ
“น่า...ชีวิตคนเรามันก็มีทุกข์บ้างสุขบ้างแหละ มีแต่สุขชีวิตคงเลี่ยนดีพิลึก” มินรญาปลอบด้วยน้ำเสียงสดใส เมื่อยังเห็นหน้าเพื่อนรักยังหงอยไม่หาย
“นั่นสินะ” ดาริกาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคนทั้งสอง
“ชุดได้แล้วนะคะ” พนักงานสาวเดินเอาถุงขนาดใหญ่มายื่นให้ลูกค้าขาประจำของร้าน
“ขอบคุณค่ะ”ดาริกาเอ่ยกับพนักงานของร้าน แล้วหันมาพูดกับเพื่อนรักต่อ “วันนี้ฉันต้องไปก่อนละ เดี๋ยวโทรหานะ ไปก่อนนะคะพี่คู้ป” ว่าหญิงสาวก็เดินออกจากร้านและก่อนออกมาเธอก็ไม่ลืมที่ส่งยิ้มและพยักหน้าให้กับพนักงานสาวที่ยกมือไหว้ขอบคุณ
“ถ้าวันนั้นยัยดาไม่บอกคุณแม่ ทุกอย่างจะเป็นยังไงนะ” มินรญาพูดลอยๆ ขึ้นมาขณะที่สายตานั้นยังมองตามหลังเพื่อนไม่วางตา
“ถึงคุณดาไม่บอก ก็คงมีเหตุให้คุณนายไปเจอพวกเราสองคนอยู่ดี คนมันต้องจากยังไงก็ต้องจากละ” คูเปอร์บอกอย่างไม่คิดให้ปวดหัว
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำด้วยสีหน้าแหยๆ
“ทำหน้าจ๋อยทำไม อดีตก็คืออดีต อย่าไปคิดถึงมันมากเลย สนใจตอนนี้ดีกว่าไหม...นะ” ชายหนุ่มเตือนพลางยื่นมือไปโยกศีรษะได้รูปอย่างที่เคยชอบทำในอดีตพร้อมกับเปิดยิ้มอบอุ่น นั่นทำให้มินรญาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“จริงด้วยสินะคะ งั้นมิ้นของไปลองชุดนี้นะคะ” เธอยกชุดเดรสสีฟ้าแขนกุดให้ชาหนุ่มดูแล้วเดินเข้าห้องลอง และในระหว่างนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาคูเปอร์จึงเดินไปหาพนักงานสาวคนเดิม
“ขอโทษนะครับ เมื่อครู่น้องเขาเลือกชุดไหนไว้บ้างไหมครับ”
พนักงานสาวผายมือเชิญแล้วเดินนำชายหนุ่มไปหยิบชุดที่มินรญาได้เลือกเอาไว้ก่อนหน้า “สามชุดนี้ค่ะ”
คูเปอร์มองพิจารณาสามชุดที่วางอยู่ตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะชี้ไปที่ชุดผ้าไหมสีส้ม “งั้นเอาชุดนี้แล้วก็...” ชายหนุ่มกวาดตามองแล้วเดินไปอีกโซนของร้านที่เป็นผ้าผืน “เอาผ้าพื้นสีน้ำเงินแบบนั้นอีกผืนด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวตอบรับแล้วเลี่ยงไปจัดการสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ส่วนคูเปอร์ก็เดินไปยืนรอมินรญาไม่นานหญิงสาวก็กลับออกมาในชุดเดิม
“มิ้นเอาชุดนี้แล้วกันนะคะ” เธอบอกพร้อมกับเดินเอาชุดไปให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ “ส่วนของป้าจาบ” มินรญาทำท่าจะเดินไปเลือกชุดของป้าจาบที่เลือกค้างเอาไว้ แต่คูเปอร์ก็รั้งแขนเล็กเอาไว้ก่อน “พี่เลือกแล้วละ” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปที่พนักงานที่กำลังคิดเงินค่าชุดที่ตัวเองเลือก
“อ๋อค่ะ”
“มิ้นอยากแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า ถ้าไม่เราจะได้ไปหาป้าจาบที่บ้านเลย”
“ไปหาป้าจาบเลยค่ะ”
“ว่าแต่เราต้องแวะถามห้องกับหลานป้าจาบที่ตลาดก่อนนี่นะ” คูเปอร์พูดลอยๆ แม้แต่ก่อนเขากับแม่จะรู้จักและสนิทสนมกับป้าจาบแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยไปบ้านเช่าแกเลยสักครั้ง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นรู้ค่ะแกยังอยู่ที่เดิม ตอนไปซื้อผักที่แผงถามหลานสาวแกบ่อยๆ” มินรญาพูดอย่างพยายามจะไม่รู้สึก แต่ลึกๆ ก็อดเสียดายไม่ได้ ทั้งห้องเช่าและตลาดทุกอย่างล้วนเป็นของของครอบครัวเธอมาก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
“ก็ดีจะได้ไม่เสียเวลา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^
ช่วงหลังๆ มานี้มินรญารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน มารดาที่เคยติดการพนันเหมือนท่านจะยอมเลิกแล้ว ส่วนเรื่องหัวใจตอนนี้เธอสุขมากๆ คูเปอร์ไม่ได้ห่างหายไปจากชีวิตของเธออย่างที่นึกกลัว ชายหนุ่มยังโทร.หาและแวะเวียนมารับไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง บ้างแล้วแต่เวลาจะเอื้ออำนวย และอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน คูเปอร์ชวนเธอไปเยี่ยมป้าจาบ และก่อนไปเขาก็อยากไปหาซื้อของฝากแกก่อน
“ไม่รู้จะซื้ออะไรไปฝากแกดี” คูเปอร์เปรยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้างใหญ่ พลางกวาดสายตาไปรอบๆ เผื่อมีอะไรโดนใจ
“อืม...มิ้นว่าผ้าไหมเป็นไงคะ” มินรญาเสนอเมื่อทั้งเขาและเธอกำลังจะเดินผ่านหน้าร้านขายผ้าไหม
“เข้าท่า” ว่าแล้วชายหนุ่มก็แวะเข้าร้านที่เต็มไปด้วยผ้าไหมหลากหลายแบบและสีสันที่บ้างก็ถูกพาดเอาไว้ให้ลูกค้าดูสีและแบบ บ้างก็ถูกพับเก็บเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนชั้น ขณะที่อีกด้านเป็นชุดสำเร็จรูปมีหลากหลาย
“สวัสดีค่ะ เชิญเลือกดูก่อนนะคะ ต้องการดูแบบไหนเป็นพิเศษบอกได้นะคะ” พนักงานในร้านทักทายด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วแนะนำด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
“ผมอยากได้ของไปฝากผู้ใหญ่นะครับ เป็นผู้หญิงอายุสักห้าสิบหกสิบรูปร่าง...” คูเปอร์หันไปหามินรญาต้องการให้หญิงสาวที่น่าจะได้เจอป้าจาบบ่อยกว่ายืนยัน ซึ่งต่างจากเขาที่ไม่ได้เจอแกมาหลายปี ก็ไม่แน่ใจว่ารูปร่างของแกจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
“รูปร่างอ้วนๆ ท้วมๆ นะคะ”
“ต้องการสั่งตัดหรือจะดูแบบสำเร็จรูปดีคะ”
“สำเร็จรูปค่ะ” เป็นมินรญาที่เป็นคนตอบอีกครั้ง “งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวผายมือไปยังอีกโซนของร้าน พร้อมกับแนะนำแบบและไซส์ที่ลูกค้าต้องการ
และในขณะที่มินรญากำลังคุยและเลือกแบบอยู่กับพนักงาน คูเปอร์จึงเดินดูภายในร้าน และเขาก็ไปเจอชุดเดรสที่แม้จะทำจากผ้าไหม แต่ก็ดูร่วมสมัย แถมดูสวยกว่าผ้าทั่วไปอีก เขาไม่รอช้าหยิบมันแล้วเดินมาหามินรญา
“เอาชุดนี้ไปลองสิ”
คนที่จู่ๆ ก็ถูกสั่งให้ไปลองชุดทำหน้าเหลอหลา ถามอย่างงงๆ “บอกมิ้นเหรอคะ”
“ไม่บอกเราแล้วจะบอกใครล่ะ”
“มันก็สวยดีอยู่หรอกนะคะ แต่ไม่เอาหรอกค่ะเรามาซื้อของไปฝากป้าจาบไม่ได้มาซื้อให้มิ้นเสียหน่อย” มินรญาบอกอย่างเกรงใจ
“อยากให้ก็เอาไปเถอะน่า หรือไม่ชอบเอาสีอื่นแบบอื่นก็ได้ มาเลือกดู” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลากหญิงสาวไปเลือกชุดใหม่ “ของป้าจาบยังเลือกไม่ได้เลยนะคะ” มินรญาท้วง
“งั้นก็รีบเลือกสิครับจะได้ไปเลือกของป้าจาบต่อ”
“ค่า...” มินรญารับคำเสียงยานคาง ถึงอย่างไรเธอก็เลี่ยงไม่ได้สินะ เอาก็เอาอีกอย่างชุดมันก็สวย จนตอนนี้เริ่มหนักใจละ เลือกไม่ถูก...
“เชิญเลือกตามสบายนะคะ” พนักงานสาวบอกพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนเคย ก่อนเธอจะรีบเดินเลี่ยงไปต้อนรับลูกค้าคนใหม่ เมื่อชะเงอคอมองหาเพื่อนร่วมงานอีกคนแต่ไม่เจอ สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำ
“สวัสดีค่ะคุณดาวิกา”
“สวัสดีค่ะ...มาเอาชุดที่คุณแม่สั่งตัดไว้นะคะ” หญิงสาวบอกอย่างคุ้นเคยกับพนักงานเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะมารดาของเธอเป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวบอกก่อนจะผละออกไป และระหว่างที่รอนี้ดาริกาก็ถือโอกาสเดินดูชุดภายในร้าน และตอนนี้เองเธอก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเลือกชุดอยู่ และเมื่อมองดีๆ เธอถึงกับเบิกตากว้าง เดินตรงรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที
“ขอโทษนะคะ...มิ้นใช่หรือเปล่าคะ”
“คะ” คนถูกทักหันมารับคำอย่างสงสัยว่าใครมาทัก แล้วเธอก็เบิกตากว้างร้องทักอีกฝ่ายกลับไปอย่างดีใจ “ยัยดา!”
“ยัยมิ้นจริงๆ ด้วย” ดาริกาโผเข้าไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันหลายปี “คิดถึงจังเลย” เธอกอดร่างบางของเพื่อนแน่นๆ อีกครั้งก่อนจะดันออก
“คิดถึงจัง แต่แกเงียบหายไปหลายปีเลยนะ โทร.หาก็ไม่ติด” มินรญาต่อว่าอย่างไม่จริงจัง พลางแกล้งงอน
“ฉันขอโทษพอดีเกิดเรื่อง ทั้งโทรศัพท์และซิมโดยแม่ทำลายล้างซะเกลี้ยงจำเบอร์ใครก็ไม่ได้ แกก็น่าจะเห็นว่าแม้แต่ใบปริญญาฉันยังไม่ได้ไปรับ พอจบปุ๊บแม่ก็ส่งฉันไปอยู่เมืองนอกเลย นี่ก็เพิ่งกลับมาเมื่อเดือนที่แล้วเอง เอาไว้วันหลังว่างๆ เรานัดเจอกัน แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ขอเบอร์แกด้วย” ดาริกายื่นโทรศัพท์ให้มินรญาบันทึกเบอร์ให้ และตอนนี้เองเธอถึงได้เห็นหน้าผู้ชายที่เพื่อนรักมาด้วยว่าหน้าตาคุ้นๆ “แล้วนั่นใคร...” หญิงสาวก้มลงไปกระซิบถามเพื่อนรัก มินรญาเงยหน้าขึ้นมองคูเปอร์แล้วอมยิ้ม
“แล้วแกคิดว่าใครล่ะ” ดาริกายืนพินิจพิจารณาหนุ่มหล่อตรงหน้า แล้วเบิกตากว้าง
“อย่าบอกนะว่าพี่คู้ป!”
“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” คูเปอร์ที่ยืนฟังสาวๆ ทักทายและคุยกันอยู่เงียบๆ เอ่ยทัก
“สวัสดีค่ะ หล่อขึ้นนะคะ” ดาริกาทักทายกลับแล้วหันมาหาเพื่อนรัก แล้วดึกอีกฝ่ายเข้ามากอดอกีครั้ง “ยัยมิ้น”
“อะไร จู่ๆ ก็กอดซะแน่น” มินรญาที่ตั้งใจจะคืนโทรศัพท์มือถือให้ถามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมกับดันร่างบางที่ไม่ต่างจากตัวเองออก
“ฉันนึกว่าตัวเองจะทำให้แกกับพี่คู้ปเดือดร้อนเสียแล้ว”
“เรื่องอะไร ฉันงงหมดแล้วนะเนี่ย” มินรญาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ซึ่งก็ไม่ต่างกับคูเปอร์ที่ยืนรอฟังเรื่องที่ว่าอยู่เหมือนกัน
“ก็ตอนนั้นไงที่เราสอบเสร็จและรอฟังผลสอบ แม่แกโทร.มาหาฉัน ถามว่าแกอยู่ไหม ตอนนั้นกำลังทะเลาะกับแม่เรื่องแฟน พอแม่แกโทร.มาฉันก็อิจฉา คิดว่าทำไมฉันต้องทุกข์ ขณะที่แกมีความสุขอยู่กับคนรัก ฉันก็เลยบอกว่าแกอยู่กับพี่คู้ปที่ห้าง...” ท้ายประโยคดาริกาก้มหน้าพูดเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด รู้ดีว่าถ้ามารดาของเพื่อนรักรู้เรื่องนี้ผลมันจะเป็นเช่นไร “ฉันรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ มันเหมือนตราบาป”
มินรญาอึ้งไปชั่วขณะ มือบางยืนไปดึงมือเพื่อนมากุมแล้วตบทีหลังมือนั้นเบาๆ อย่างต้องการปลอบและบอกว่าไม่เป็นอะไร
“มันผ่านไปแล้ว” เป็นคูเปอร์ที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากคิดถึงวันที่โหดร้ายนั้นอีก แม้วันนั้นจะเป็นเริ่มต้นของความเจ็บปวดและสูญเสีย แต่มันก็ทำให้เขาได้หลายๆ อย่าง และได้ย้อนกลับมาเอาของรักคืนอย่างเต็มภาคภูมิ
“ใช่ มันผ่านไปแล้ว และตอนนี้ฉันก็ได้เจอพี่คู้ปอีกครั้งแล้ว”
“นี่หมายความว่าตอนนั้นเกิดเรื่องเพราะฉันสินะ” ดาริกายังรู้สึกผิดไม่หายสุดท้ายเธอก็เป็นต้นเหตุ และไม่รู้ว่าตอนนั้นทั้งสองเจออะไรมาบ้าง ส่วนความเจ็บปวดนั้นเธอรู้ดีเลยละ
“น่า...ชีวิตคนเรามันก็มีทุกข์บ้างสุขบ้างแหละ มีแต่สุขชีวิตคงเลี่ยนดีพิลึก” มินรญาปลอบด้วยน้ำเสียงสดใส เมื่อยังเห็นหน้าเพื่อนรักยังหงอยไม่หาย
“นั่นสินะ” ดาริกาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคนทั้งสอง
“ชุดได้แล้วนะคะ” พนักงานสาวเดินเอาถุงขนาดใหญ่มายื่นให้ลูกค้าขาประจำของร้าน
“ขอบคุณค่ะ”ดาริกาเอ่ยกับพนักงานของร้าน แล้วหันมาพูดกับเพื่อนรักต่อ “วันนี้ฉันต้องไปก่อนละ เดี๋ยวโทรหานะ ไปก่อนนะคะพี่คู้ป” ว่าหญิงสาวก็เดินออกจากร้านและก่อนออกมาเธอก็ไม่ลืมที่ส่งยิ้มและพยักหน้าให้กับพนักงานสาวที่ยกมือไหว้ขอบคุณ
“ถ้าวันนั้นยัยดาไม่บอกคุณแม่ ทุกอย่างจะเป็นยังไงนะ” มินรญาพูดลอยๆ ขึ้นมาขณะที่สายตานั้นยังมองตามหลังเพื่อนไม่วางตา
“ถึงคุณดาไม่บอก ก็คงมีเหตุให้คุณนายไปเจอพวกเราสองคนอยู่ดี คนมันต้องจากยังไงก็ต้องจากละ” คูเปอร์บอกอย่างไม่คิดให้ปวดหัว
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำด้วยสีหน้าแหยๆ
“ทำหน้าจ๋อยทำไม อดีตก็คืออดีต อย่าไปคิดถึงมันมากเลย สนใจตอนนี้ดีกว่าไหม...นะ” ชายหนุ่มเตือนพลางยื่นมือไปโยกศีรษะได้รูปอย่างที่เคยชอบทำในอดีตพร้อมกับเปิดยิ้มอบอุ่น นั่นทำให้มินรญาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“จริงด้วยสินะคะ งั้นมิ้นของไปลองชุดนี้นะคะ” เธอยกชุดเดรสสีฟ้าแขนกุดให้ชาหนุ่มดูแล้วเดินเข้าห้องลอง และในระหว่างนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาคูเปอร์จึงเดินไปหาพนักงานสาวคนเดิม
“ขอโทษนะครับ เมื่อครู่น้องเขาเลือกชุดไหนไว้บ้างไหมครับ”
พนักงานสาวผายมือเชิญแล้วเดินนำชายหนุ่มไปหยิบชุดที่มินรญาได้เลือกเอาไว้ก่อนหน้า “สามชุดนี้ค่ะ”
คูเปอร์มองพิจารณาสามชุดที่วางอยู่ตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะชี้ไปที่ชุดผ้าไหมสีส้ม “งั้นเอาชุดนี้แล้วก็...” ชายหนุ่มกวาดตามองแล้วเดินไปอีกโซนของร้านที่เป็นผ้าผืน “เอาผ้าพื้นสีน้ำเงินแบบนั้นอีกผืนด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวตอบรับแล้วเลี่ยงไปจัดการสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ส่วนคูเปอร์ก็เดินไปยืนรอมินรญาไม่นานหญิงสาวก็กลับออกมาในชุดเดิม
“มิ้นเอาชุดนี้แล้วกันนะคะ” เธอบอกพร้อมกับเดินเอาชุดไปให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ “ส่วนของป้าจาบ” มินรญาทำท่าจะเดินไปเลือกชุดของป้าจาบที่เลือกค้างเอาไว้ แต่คูเปอร์ก็รั้งแขนเล็กเอาไว้ก่อน “พี่เลือกแล้วละ” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปที่พนักงานที่กำลังคิดเงินค่าชุดที่ตัวเองเลือก
“อ๋อค่ะ”
“มิ้นอยากแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า ถ้าไม่เราจะได้ไปหาป้าจาบที่บ้านเลย”
“ไปหาป้าจาบเลยค่ะ”
“ว่าแต่เราต้องแวะถามห้องกับหลานป้าจาบที่ตลาดก่อนนี่นะ” คูเปอร์พูดลอยๆ แม้แต่ก่อนเขากับแม่จะรู้จักและสนิทสนมกับป้าจาบแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยไปบ้านเช่าแกเลยสักครั้ง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นรู้ค่ะแกยังอยู่ที่เดิม ตอนไปซื้อผักที่แผงถามหลานสาวแกบ่อยๆ” มินรญาพูดอย่างพยายามจะไม่รู้สึก แต่ลึกๆ ก็อดเสียดายไม่ได้ ทั้งห้องเช่าและตลาดทุกอย่างล้วนเป็นของของครอบครัวเธอมาก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
“ก็ดีจะได้ไม่เสียเวลา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2559, 16:44:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2559, 16:44:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 1024
<< ตอนที่ 8 >>> 100% | ตอนที่ 9 >>> 100% >> |