บ่วงหฤหรรษ์
เรื่องราวของมนุษย์ผู้ยังติดอยู่ในบ่วงของราคะ ตัณหา จากชีวิตที่เคยเพียบพร้อม แต่หลังจากติดอยู่ในบ่วงของความหฤหรรษ์แล้ว ชีวิตของเขาย่อมเปลี่ยนไป
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตงฉินกับสินบนก้อนใหญ่

สินบน หมายถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลเพื่อจูงใจให้ผู้นั้นกระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเงินใต้โต๊ะ (ภาษาจีน– แป๊ะเจี๊ยะ แปลว่านายท่านกิน แต่ถ้าสำเนียงฮกเกี้ยน– โก่วจือ แปลว่าหมากิน)
ระบบราชการไทยมีคำว่าสินบนมาเกี่ยวข้องตั้งแต่โบราณกาล เสียกรุงก็เพราะยอมรับทรัพย์ศฤงคารที่ศัตรูมอบให้ ไม่รู้ว่าเพาะบ่มจนเป็นสันดานประจำชาติหรืออย่างไร ถ้าไม่มีสินบนแล้วการงานมันจะไม่สำเร็จอย่างนั้นเหรอ ทำกันแบบไม่มีหิริ โอตัปปะ ผมเคยถามรุ่นพี่ต่างกระทรวงบางคนว่า ทำไมจึงทำเช่นนั้น มันไม่ดี มันผิดกฎหมายและจรรยาบรรณ แต่แกบอกว่าใครๆ ก็ทำกัน ถ้าไม่ทำเมื่อไหร่จะรวย ผมได้ฟังแล้วก็ทอดถอนหายใจ เฮ้อ! ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะล้างบางไอ้พวกนี้ให้หมด ต่อให้ตายก็ยอม ประเทศจะได้เดินหน้าเสียที
ห้วงสัปดาห์แรกของการทำงาน ผมแทบจะไม่ได้ทำงานเท่าใดนัก วันๆ ต้องออกไปเยี่ยมคำนับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ หรือไม่ก็ต้อนรับบุคคลที่ขอเข้าพบมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการที่อาวุโสน้อยกว่า พลเรือน นักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น มีมาไม่ขาดสาย ก่อนเที่ยงวันนี้เช่นกัน พี่อ๊อฟเข้ามารายงานว่า “เสธ.ฯ ครับ มีแขกขอเข้าพบครับ”
พี่อ๊อฟใส่เครื่องแบบที่บนบ่ามีดาวประดับหนึ่งดวง น่าเสียดายที่สมัยหนุ่มๆ บางช่วงบางตอนแกเกเรไปหน่อย มิเช่นนั้นป่านนี้ติดร้อยเอกไปแล้ว เมื่อมารับตำแหน่งผมได้สั่งการหัวหน้าฝ่ายกำลังพลให้จัดพี่อ๊อฟมาเป็นนายทหารหน้าห้องเสนาธิการ เพราะอายุแกมากแล้ว จะให้ไปลาดตระเวนเข้าป่าขึ้นเขาแบบแต่ก่อนคงไม่ไหว ให้มาคอยตรวจตราหนังสือเอกสารต่างๆ ก่อนถึงมือผมดีกว่า
ผมถามพี่อ๊อฟว่า “ใครอีกวะ สัปดาห์นี้หลายคนแล้ว จริงๆ ผมเป็นแค่เสนาธิการทำไมต้องมาพบก็ไม่รู้”
พี่อ๊อฟบอกว่า “นี่คือธรรมเนียมของระบบราชการไทยครับ เป็นธรรมดาที่ใครก็อยากพบข้าราชการที่มีตำแหน่งใหญ่โต เพราะคิดว่าคงจะเอื้อประโยชน์ให้เขาได้”
“แล้วใครจะมาพบล่ะ?”
“เสี่ยสมศักดิ์ครับ รู้สึกว่าจะเป็นคนหนองหญ้าปล้อง เพิ่งจะมาทำกิจการท่าทรายกับรับเหมาก่อสร้างที่ตำบลวังจันทร์ครับ”
สักพักผู้ชายรูปร่างอ้วนตุตะคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง เป็นชายสูงอายุ ท่าทางภูมิฐาน แววตาคมเหมือนเหยี่ยว ดูฉลาดลึกล้ำ พอเข้ามาก็ยกมือไหว้ผม “สวัสดีครับท่าน เสธ.ฯ ขออนุญาตพบปะหน่อยนะครับ”
ผมลุกขึ้นยกมือรับไหว้ “สวัสดีครับ แหม..อย่าไหว้เลยครับ ผมอายุน้อยกว่าตั้งเยอะ เชิญนั่งก่อนครับ”
พอเราสองคนนั่งที่ชุดรับแขก แกยกตะกร้าของขวัญที่บรรจุของกินชั้นดี ทั้งสุราต่างประเทศ อาหารบำรุงร่างกายต่างๆ มอบให้ จากนั้นวางซองๆ หนึ่ง แล้วเลื่อนมาตรงหน้า ผมแกะซองออกดู ภายในเป็นธนบัตรสีเทาปึกเบ้อเริ่ม ผมขมวดคิ้วถามว่า “อะไรหรือครับ? “
เสี่ยสมศักดิ์ยิ้มที่มุมปากแล้วบอกว่า “ของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ เป็นของบำรุงขวัญให้กับ เสธ.ฯ ครับ”
ผมยกมือไหว้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณมากนะครับ พูดตรงๆ นะ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้และต่อต้านมาตลอด อีกอย่างไม่ต้องกังวลว่าผมจะไม่ดูแลเสี่ย หากว่าประชาชนคนใดก็ตามที่ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทหารอย่างผมและผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนพร้อมจะปกป้องคุ้มครองอย่างเท่าเทียม ให้สมกับเงินค่าจ้างที่ราษฎรจ่ายให้”
“หรือว่าน้อยไปครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะให้เด็กนำมาเพิ่ม”
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้ายังขืนทำแบบนี้อีกผมจะจับเสี่ยส่งตำรวจ โทษฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน”
เสี่ยสมศักดิ์ตกตะลึง แววตามีประกายตื่นเต้นระคนแปลกใจ “เสธ.ฯ เป็นข้าราชการไทยจริงหรือเนี่ย ตั้งแต่ผมบนหัวของผมเป็นสีดำจนตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหัวแล้ว ตลอดมาไม่ว่าไปทำธุรกิจที่ไหน เวลาข้าราชการมารับตำแหน่งใหม่แล้วผมไปพบ แทบไม่มีใครปฏิเสธเลย บางคนขอเพิ่มเป็นรายเดือนด้วยซ้ำ”
“เพราะแบบนี้ยังไงครับ บ้านเมืองมันจึงเละเทะ อีกอย่างนะครับ จะโทษข้าราชการฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษประชาชนด้วยที่ร่วมกันปลูกสร้างนิสัยแบบนี้ หากเสี่ยอยากให้ประเทศเดินหน้า เลิกทำแบบนี้นะครับ”
เสี่ยสมศักดิ์นั่งนิ่ง จ้องผมแบบไม่เชื่อสายตาแล้วจับมือของผม “ผมแก่ป่านนี้แล้วยังต้องมาให้เด็กรุ่นลูกสั่งสอน แต่ก็จริงอย่างที่ เสธ.ฯ พูดครับ ประชาชนก็ผิดเช่นกัน ผมภูมิใจมากเลยนะที่เสียภาษีให้กับข้าราชการแบบนี้”
เรานั่งพูดคุยกันสักพัก เสี่ยสมศักดิ์ขอตัวกลับ ผมเดินลงไปส่งที่รถ แกบอกว่า “ถ้าวันใดว่าง ขอเชิญไปรับประทานอาหารที่บ้านผมนะครับ เสธ.ฯ คงจะไม่ปฏิเสธ เพราะไม่ได้ให้เงินทอง ถือว่าเลี้ยงข้าวเพราะนับถือในอุดมการณ์ของ เสธ.ฯ”
ส่งเสี่ยสมศักดิ์กลับไปแล้ว ผมโทรหาลูกหมูสักหน่อย อยากได้ยินเสียงหวาน [ว่ายังไงคะ ทานข้าวหรือยัง]
[ยังเลยจ้า พี่ต้องได้ยินเสียงลูกหมูก่อนถึงจะทานข้าวลง]
[ค่า..ปากหวานจังเลย ไปอยู่เพชรบุรีได้หลายวันแล้ว ปากหวานกับใครบ้างหรือยังคะ]
[ลดาไม่ไว้ใจเหรอ พี่รักลดามากนะครับ]
[พูดเล่นค่ะ ลดาก็รักพี่ที่สุดและรู้ว่าพี่ก้องจะไม่ทำให้ลดาเสียใจ]
ผมชอบนะ เวลาที่พูดจาหวานแหววกับเธอ แม้กระทั่งตอนพูดจากวนประสาทก็ชอบ งอนก็ชอบ สรุปชอบทุกอย่างที่เป็นยัยลูกหมูคนสวย พูดคุยกันตามประสาคู่รักได้สักพัก ผมก็เล่าเรื่องที่เสี่ยสมศักดิ์เข้าพบเมื่อสักครู่ให้เธอฟัง
[พี่ก้องรู้ไหมคะ ลดาตัดสินใจใช้ชีวิตกับพี่ หลงรักพี่ นั่นไม่ใช่เพราะพี่ก้องหน้าตาดี การงานฐานะเยี่ยม แต่เป็นเพราะพี่ก้องเป็นคนดี ลดาภูมิใจในตัวพี่มากนะคะ ที่รักของลดา]
ว้าว..นานทีจะเรียกผมว่าที่รัก พี่ก็ภูมิใจกับสิ่งที่ทำไปเหมือนกันครับลดา

ตกเย็นผมขับรถออกจากหน่วยเพื่อหาซื้อของขวัญวันเกิดให้หมอลดา ตั้งใจไปตัวอำเภอท่ายางเพราะอำเภอแก่งกระจานเป็นเมืองเล็กๆ มีชุมชนแค่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเท่านั้น ห้างสรรพสินค้าก็ไม่มี หากจะหาซื้อที่นี่ ยัยลูกหมูคงจะได้แต่มะนาว แตงกวา กะหล่ำปลี ปลาน้ำจืด เป็นของขวัญวันเกิดแน่ๆ
ขับรถไปตามสันเขื่อน น้ำในทะเลสาบแก่งกระจานยังคงเต็มปรี่ นี่เป็นผลพวงจากฤดูฝนที่ผ่านมาซึ่งตกมาในปริมาณที่มาก หวังใจว่าเกษตรกรคงจะมีน้ำท่าไว้ใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ น้ำคือสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเศรษฐกิจของประเทศเกษตรกรรมอย่างเรา หากมีน้ำ เกษตรกรก็ทำผลผลิตได้ตามที่ต้องการ มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ตั้งแต่ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อปุ๋ย ซื้อท่อ เพื่อทำเกษตรกรรม ซื้อเครื่องใช้อุปโภคบริโภค สบู่ยาสีฟัน เพื่อใช้ในครอบครัว ซื้อน๊อต ซื้อตะปู ซื้อปูน เพื่อทำโรงเรือน ทำคอกวัว ฯลฯ
จากประสบการณ์และการพูดคุยกับชาวบ้านรวมถึงพ่อค้าในอำเภอตั้งแต่คราวประจำการที่นี่ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของพวกเขาจริงๆ หากมีน้ำ เงินจะหมุนเวียนในอำเภอดีมาก ประชาชนก็อิ่มเอิบใจ
พูดถึงเรื่องน้ำแล้วก็เจ็บใจ แปลกใจไหม เมืองไทยซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ แต่ทำไมเกษตรกรบางพื้นที่จึงไม่มีน้ำใช้ โอเค..ฝนไม่ตกก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องก็คือการบริหารจัดการกักเก็บน้ำ การหาน้ำเพิ่มทั้งฝนเทียมและน้ำบาดาลยังทำกันได้ไม่ดีพอ รวมถึงปัญหาการคอรัปชั่นรับสินบนต่างๆ
เพื่อนของผมเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการบริหารของบางกระทรวงบางกรม ได้รับรู้แล้วก็เหนื่อยใจ มันทั้งไม่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ทั้งโกงกินงบประมาณแผ่นดิน จ้องแต่มองผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ชาติ เฮ้อ นี่แหล่ะประเทศไทย ไม่ต้องปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องปฏิรูประบบ ไม่ต้องปฏิรูปสิ่งใดหรอก เพราะระบบมันดีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ปัญหาคือคนนำมาใช้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือปฏิรูปจิตสำนึกของคนไทยดีกว่า ปลุกให้มีความรับผิดชอบ เคารพกฎ เคารพในหน้าที่ของตน ถ้าทำได้แค่นี้ประเทศของเราก็จะเจริญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาติใดแล้ว

คิดนู่นคิดนี่จนขับรถถึงท่ายางแล้ว ผมชอบมาเดินตลาดท่ายางนะ ถึงแม้ตลาดไม่ใหญ่ไม่โต แต่มีเสน่ห์ มีกลิ่นอายของความดั้งเดิมอยู่มาก เหมาะกับคนไม่ชอบอะไรจ๊อกแจ๊กจอแจ ผมเลือกจอดรถที่สถานีตำรวจ ปลอดภัยดี ถ้าขโมยยังกล้าอีกนะ กูยอม..
เดินเข้าไปในตลาดเพื่อหาซื้อของน่ารักๆ สักชิ้น อันที่จริงหมอลดาเคยบอกไว้ว่าปีนี้เธอไม่ต้องการของขวัญอะไรจากผม เพราะตัวเธอมีของแทนตัวผมอยู่แล้วทั้งสร้อยข้อมือและแหวน
“พี่ก้องไม่ต้องซื้ออะไรนะคะ แค่วันเกิดแล้วได้อยู่กับพี่ ลดาก็มีความสุขที่สุดแล้ว” นั่นแหล่ะครับ เธอพูดไว้แบบนั้น
แต่ถึงแม้เธอจะไม่อยากได้ แต่ผมก็เลือกซื้อของแสดงความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ไว้สิ่งหนึ่ง บางครั้งกับคนรัก ถึงแม้จะเป็นแค่ดอกไม้ดอกเดียว ถ้ามาจากหัวใจ แค่นั้นก็ล้ำค่าแล้วล่ะ
ซื้อของให้ที่รักเสร็จแล้วก็เดินใช้ชีวิตสโลไลฟ์ยามเย็นไปเรื่อยเปื่อย ทอดน่องดูรถรา ร้านรวง ผู้คน เพลินดีครับ ผมเดินเล่นริมคลองชลประทาน นับว่าเป็นถนนเส้นโปรดอีกเส้นหนึ่ง น้ำในคลองเต็มปรี่ สองฝั่งมีต้นราชพฤกษ์ สลับกับต้นหางนกยูงออกดอกสวยงาม เดินสูบบุหรี่ไปเรื่อย ตั้งใจจะเดินไปจนถึงสวนสุขภาพที่ห่างไปไม่ไกลแล้วจะนั่งพัก
ตอนนี้ประมาณหกโมงเย็นแล้ว ผมเดินมาถึงสวนสุขภาพพอดี มีประชาชนชาวท่ายางมากมายมาใช้บริการ ไม่ว่าจะเตะฟุตบอล บาสเกตบอล ตะกร้อ เปตอง ฟิตเนส และเต้นแอโรบิก ที่ทางเทศบาลจัดไว้ให้
ตาเฒ่าหื่นกามอย่างผมเลือกนั่งม้านั่งบริเวณด้านข้างลานแอโรบิก นั่งดูทรวดทรงองค์เอวของสาวๆ ในชุดรัดรูปแล้วเพลินตาดีชะมัด แฮ่ะแฮ่ะ
เสียงเพลงในจังหวะสนุกสนานดังลั่น กับเสียงครูนำเต้นที่คอยบอกจังหวะพร้อมกับออกลีลาไปด้วย ผู้ที่เต้นด้านล่างออกลีลาตามอย่างแคล่วคล่อง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง มีทั้งสาว ไม่สาว และแก่หง่อม ซึ่งน่าชื่นชมที่ยังรู้จักรักษาสุขภาพของตนเอง
ในที่นี้ผมจะไม่พูดถึงคนไม่สาวเพราะไม่มีอะไรที่เต่งตึงตูมตั้งให้มอง สายตาผมจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง แหม ถึงจะตัวเล็กแต่หุ่นนี่สุดยอดเลยว่ะ สะโพกผาย เอวเว้า หน้าอกใหญ่ หุ่นเป็นนาฬิกาทรายเลย ผมสีดำของเธอยาวประบ่า หน้ากลมนิดๆ แต่ถือว่าน่ารักมากเลย ใส่เสื้อกับกางเกงแอโรบิกสีดำ บิดเอวส่ายก้นเข้าจังหวะอย่างทะมัดทะแมง สีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ผมมองเธออยู่นานจนต้องนั่งตัวงอ เอ่อ .. น้องชายตื่นน่ะ ฮิฮิ
อากาศรอบข้างเริ่มมืด คณะรำวง เอ๊ย..เต้นแอโรบิกก็จบลง อ้าว..ไอ้บ้ากาม นี่มึงนั่งมองสาวคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ววะเนี่ย เป็นปลากัดก็ท้องไปแล้ว ผมยังคงมองเธอเก็บอุปกรณ์ เอ๊ะ..เธอหันหน้ามาทางผม ยืนอย่างนั้นสักพักแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามา ยะ..อย่านะครับ อย่าเข้ามาในลักษณะนี้ผมปล้ำนะครับ อัดอั้นมาหลายวันแล้ว หรือว่าจะเข้ามาด่าที่ผมนั่งจ้องเธอมานานสองนาน
“พะ..พี่ก้อง พี่จริงๆ ด้วย” พอเธอเข้ามาใกล้ก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ
ใคร? ผมรู้จักเธอด้วยหรือ? แต่หน้าคุ้นๆ ว่ะ นึกไม่ออก จนเธอเข้ามาจนชิดตัวแล้วพูดว่า“ฮิฮิ จำหนูไม่ได้เหรอ ชายในฝัน”
ชายในฝัน..คนที่เรียกผมแบบนี้ที่นี่ก็มีคนเดียว คือน้องแหม่ม มาม่าซังผมทอง แต่เธอคนนี้ผมดำ แล้วใครวะเนี่ย เธอนั่งลงที่เก้าอี้ว่างด้านข้างแล้วตีแขนผมดังเพี๊ยะ “แหม..พอไม่ทำผมสีทองแล้วจำหนูไม่ได้เลยเหรอ น่าน้อยใจจัง”
ผมอุทานเบาๆ “มะ..แหม่มจริงด้วย ทำไมดูไม่แก่เลยล่ะ ตอนนี้แหม่มอายุสามสิบแล้วมิใช่รึ?”
เธอหยิกแขนผมแล้วหัวเราะ “ทำไมยะ หนูต้องแก่ตามอายุหรือไง พี่ก้องนี่นะเซี้ยวจริงๆ ว่าแต่พี่มาเพชรบุรีทำไมคะ ไม่เจอพี่ตั้งสามปีกว่าแล้ว คิดถึงที่สุด”
“คิดถึงทำไมล่ะจ๊ะ ทำไมแหม่มไม่คิดถึงแฟนล่ะ”
“ทำไมพูดตัดรอนแบบนี้ หนูบอกพี่แล้วยังไงล่ะ หนูจะรอทานแกงป่าจากพี่ก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะยังไม่มีแฟน”
แกงป่า? แหม่มเคยพูดไว้แบบนั้นจริงๆ และแกงป่าของเธอก็หมายถึงการที่ผมจะมีอะไรกับเธอนั่นเอง ผมหัวเราะ “พี่ย้ายกลับมารับตำแหน่งใหม่ที่เดิมนั่นแหล่ะ ว่าแต่ไอ้เด็กต๊อง จะรอพี่ทำไมวะ เดี๋ยวก็แก่รูตันใช้งานไม่ได้หรอก”
แหม่มมีสีหน้ายินดีแล้วดึงมือผมให้ลุกขึ้น “ว้าว..จะได้เจอพี่อีกแล้ว มาๆ ตามหนูมาเดี๋ยวนี้เลย”
ผมขมวดคิ้วถามเธอว่า “ไปไหน?”
“ห้ามถาม และห้ามหนีเหมือนคราวก่อนอีก มานี่เร็วๆ”
ผมก็เลยต้องขี่มอเตอร์ไซต์ซ้อนเธออีกครั้งเหมือนเมื่อสามปีก่อน แหม่มกอดเอวผมแน่นเหมือนเคย แต่ทำไมรู้สึกว่าก้อนพลังงานที่เบียดกับแผ่นหลังมันใหญ่ขึ้น แต่ก่อนมันเล็กนิดเดียวนี่นา
แหม่มบอกให้ผมขี่ไปที่ร้านเธอก่อน ผมหันไปถามว่า “อ้าว..ไม่ไปทานข้าวรึ?”
เธอยื่นหน้ามาตอบ ไอ้ก้อนเนื้อก็ยิ่งเบียดอัด โอววว.. “อาบน้ำก่อนสิคะ หนูเหนียวเหนอะไปหมดแล้ว พี่รีบเหรอ”
สรุปผมก็ต้องมาที่ร้านเสริมสวยของเธออีก พอเปิดร้านเข้าไป ผมทักว่า “ร้านใหญ่ขึ้นนี่นา อุปกรณ์ก็มากขึ้น”
แหม่มเข้ามาคล้องแขน บอกว่า “ทำอะไรมันก็ต้องเจริญขึ้นบ้างสิคะ”
ตอนนี้พี่ไม่สนใจความเจริญของร้านหนูหรอกจ้า พี่สนใจไอ้สิ่งที่มันเจริญขึ้นภายใต้เสื้อแอโรบิกนั่นต่างหาก แหม่มเอ๊ย ไปทำมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไม๊ทำไมน่าฟัดอย่างนั้น
ผมถามเธอว่า “ถามจริงๆ นะ ว่าจะถามตั้งแต่ขี่รถแล้วล่ะ เอ่อ..แหม่มไปทำหน้าอกมาหรือเปล่า ใหญ่ขึ้นนะเนี่ย”
แหม่มหัวเราะคิก รีบเข้ามานั่งตัก หอมแก้มผมดังฟอด แล้วพูดว่า“ไม่บอก ดูเองสิคะ”
แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางผม ถอดเสื้อแอโรบิกรัดติ้วออกไป เต้าสวยขนาดประมาณสามสิบสี่หรือสามสิบห้านิ้วดีดผึงออกมา ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนชูชันเป็นเม็ดแข็ง หมอที่ไหนทำให้นะ สวยได้รูปดีจัง
แหม่มดึงมือผมให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปชั้นบนพร้อมกับบอกว่า “มาค่ะ อย่าเพิ่งน้ำลายไหล หนูจะขอติดสินบนให้พี่สักหน่อย ต่อไปนี้ถ้าว่างพี่ต้องมาหาหนูบ้าง อย่าปล่อยให้หนูเหงาแบบแต่ก่อนอีก”
“สะ..สิน..สินบนอะไร? “ ผมถามตะกุกตะกัก
สาวสวยร่างเล็กแต่หน้าอกไม่เล็กแล้ว ถอดกางเกงแอโรบิกปราการด่านสุดท้ายออกแล้วบอกว่า “นี่ยังไงคะ สินบนสำหรับข้าราชการตงฉินแบบพี่ มามะ มาซะดีๆ พี่บอกเองไม่ใช่หรือว่าถ้าไม่ใช้แล้วรูจะตัน”
น่าแปลก ที่เมื่อตอนกลางวันผมยังปฏิเสธสินบนจากเสี่ยสมศักดิ์อย่างแข็งขันอยู่เลย แต่พอตกหัวค่ำ ข้าราชการที่มีอุดมการณ์แรงกล้าอย่างผมกลับปล่อยให้สาวน้อยตรงหน้ามอบสินบนอย่างง่ายดาย เหตุการณ์จากนี้ขอไม่เล่า ไม่ขอบอกว่าแหม่มได้ทานแกงป่าที่เธอรอมานานหรือไม่ ผมบอกได้แต่เพียงว่า ก้อนเนื้อคู่นี้ที่ผ่านมีดหมอมา ช่างเด้งดึ๋ง น่าสัมผัส น่าดูด น่ากินเหลือเกิน ฮิฮิ...



ทรายละเอียด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2559, 17:23:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2559, 17:23:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 687





<< ตำแหน่งใหม่   คุณแม่คนใหม่ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account