คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: บทที่ 7 The Lovers

The Lovers

นิยามความรักของมนุษย์แตกต่างกัน
คำว่ารักของใครบางคนอาจไม่เหมือนกับที่คนทั้งโลกคาดหวัง

และคำว่าไม่รัก...บางครั้งก็สวยงามยิ่งกว่า


ชนิศาเลิกคิ้วมองผู้ชายตัวสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีเทาที่เดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม เขากางแขนออก ยังคิ้วให้กึ่งท้าทาย เธอเชื่อว่าเขาคงไม่คิด ว่าเธอจะเดินเข้าไปหา แล้วกางแขนออกกอดเขาอย่างว่าง่าย

"สวัสดีค่ะ...อาจารย์..." เธอเอ่ยล้อ เพราะเขาย้ายไปเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง

"ไม่เจอกันนานนะ" เขาดึงตัวออกห่าง คลี่ยิ้มมองหญิงสาวนิ่ง "คุยแต่โทรศัพท์"

"ก็เฮียไม่ว่างนี่คะ"

"หือ...ใครนะ" เขาหรี่ตามอง

ชนิศาหัวเราะ ยกมือสองข้างคล้ายจะยอมแพ้ "โอเคค่ะ...เป็นเชรีเองที่ไม่ว่าง พอใจไหมคะ"

"ดีมาก" เตชิตยกมือโยกศีรษะเธอเบา ๆ "แล้วนี่ใครสั่งใครสอนให้เข้ามากอดผู้ชาย ฮึ..."

หญิงสาวเลิกคิ้ว เอียงคอมองหน้าซื่อ "อ้าว...เฮียไม่ได้กางแขนอยากให้เชรีกอดหรือคะ"

"แล้วทำไมถึงเข้ามาล่ะ"

"ก็เฮียเป็นเฮีย...เชรีกอดเฮียไม่ได้เหรอคะ" เธอรู้ เธอไม่เคยก้าวเข้าไปกอดเขา ทุกครั้งที่นั่งข้าง ๆ ชายหนุ่ม มากที่สุดก็เพียงเอียงคอลงซบไหล่หนาในเวลาที่เธอเหนื่อย

ขณะที่เขาเป็นที่พักพิงให้เธออย่างอ่อนโยนมาตลอด เธอกลับเป็นแม่มดใจร้ายที่โยนเขาเข้าไปเผชิญกับปัญหาทุกครั้งที่เขาเดินเข้ามาหา

ชายหนุ่มยกมือแนบหลังมือลงกับหน้าผากมน "ไม่สบายเหรอ หรือกินยาลืมเขย่าขวด"

หญิงสาวขึงตาดุ ตวัดสายตาส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ "ไม่ชอบให้เชรีน่ารักใช่ไหมคะ ก็ได้ค่ะก็ได้...เทิร์นออนอีวิลโหมดก็ได้"

เขาหัวเราะเบา ๆ ยกมือโยกหัวเธอ "ชอบสิ จะเชรีโหมดไหนก็ชอบทั้งนั้น"

"ปากหวาน" หญิงสาวคลี่ยิ้ม "เชรีให้เฮียเลือกเลย อยากดูเรื่องอะไร"

"อ้าว คิดไม่ออกแล้วโยนมาให้เราน่ะสิ"

"ก็ปกติเชรีไม่ได้ดูหนัง ไม่ได้สนใจด้วยว่าเรื่องไหนเข้าโรง" เธอไหวไหล่เบา ๆ "เฮียเลือกน่ะดีแล้ว ขอแค่ไม่ใช่หนังสยองขวัญ เชรีดูได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ"

"หนังรักโรแมนติกดีไหม" เขายิ้มล้อ รู้ดีว่าหญิงสาวไม่ชอบความรักหวานที่เธอให้นิยามว่าบางคราวก็ดูงี่เง่า

ชนิศาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "เอาที่เฮียสบายใจเลย"

ในที่สุดเตชิตก็เลือกภาพยนต์ฝรั่งแนวสอบสวนที่ดูไม่น่าเบื่อและไม่น่ากลัวเกินไปนัก มีนักแสดงนำทั้งชายและหญิงเป็นที่รู้ดีว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวู้ด แต่ชนิศาเพียงพยักหน้าผ่าน ๆ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนที่ยืนอยู่หน้าโปสเตอร์โฆษณามีชื่อจริงว่าอะไรบ้าง

"พระเอกหล่อไม่พอเหรอ เชรีถึงไม่สนใจ" เตชิตอดล้อไม่ได้เมื่อหญิงสาวดูไม่ได้ตื่นเต้นกรีดร้องชื่นชอบชายหนุ่มอย่างที่หลายคนเป็น

ชนิศาเบะปากบางอย่างเด็กเอาแต่ใจ "ก็งั้น ๆ ล่ะค่ะ ผู้ชายในจอกรี๊ดไปก็กอดไม่ได้"

"อ้อ...อยากกอดมากกว่าอยากกรี๊ด"

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส "แต่ถ้าได้กอดคนหน้าตาแบบนั้นจริง ๆ เชรีก็คงกรี๊ดบ้านแตกล่ะค่ะ"

เตชิตหัวเราะอย่างเอ็นดู ก่อนจะชะงักไปเมื่อหญิงสาวยกมือขึ้นสอดแขนเข้าควงแขนเขาขณะเดินไปด้วยกัน
"ขอยืมแขนหน่อยนะคะ"

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ก่อนหน้านี้ชนิศาไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้ แม้หญิงสาวจะยึดเขาเป็นพี่ชาย แต่บางขณะเธอวางตัวห่างเหิน ขีดเส้นบาง ๆ ไว้เสมอ

หญิงสาวถอนใจเบา ๆ "เรามาไกลเกินกว่าจะแปลความใกล้ชิดทางกายเป็นความหมายเชิงพิศวาสแล้วไม่ใช่เหรอคะ" เธอเอียงคอ เงยหน้ามองเขาตาใส แววตาหวานปนร่องรอยดื้อรั้น กึ่งบังคับข่มขู่อย่างเด็กเอาแต่ใจทำให้เตชิตได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

"จริง ๆ แล้วเชรีชอบการสัมผัสมากเลยนะคะ มันทำให้รู้สึกว่ามีคนข้าง ๆ จริง ๆ" เธอเอ่ยช้า ๆ "แต่ค่านิยมบ้านเราทำให้เราไม่คุ้นกับการแสดงความรู้สึกในรูปแบบนี้ ที่ยุโรปการกอดเพื่อให้กำลังใจ หรือการจูบทักทายไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนี่คะ"

ชนิศายอมรับ เธอเป็นลูกแมวที่ชอบคลอเคลีย บางเวลาหญิงสาวก็อยากจะเดินเข้าไปกอดใครสักคน วางคางบนไหล่กว้างอย่างเกียจคร้าน ไถศีรษะไปบนอกกว้างอย่างออดอ้อน ปัดริมฝีปากที่แก้มอย่างสนิทสนม

เธอมอบความใกล้ชิดให้เขา แต่ขีดเส้นความสัมพันธ์ชัดเจนด้วยคำพูด

เตชิตพาหญิงสาวมานั่งเล่นที่ร้านกาแฟบนชั้นเดียวกับโรงภาพยนต์ วันนี้เขาไม่ได้นั่งตรงข้ามเธอ แต่เลือกเดินมานั่งที่โซฟาติดผนังข้าง ๆ ชนิศา

"กับคนนั้นเป็นยังไงบ้าง" อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น

"คนไหนคะ" เธอคลี่ยิ้มหวาน เอียงคอมองเขาอย่างไร้เดียงสา

"มีหลายคนเหรอ"

"ก็..." เธอแกล้งยกมือขึ้นนับนิ้ว

"ถึงขนาดต้องนับนิ้ว"

ชนิศาหัวเราะคิก "ไม่ต้องกลัวค่ะ น้อยกว่าจับนวนนับในสต็อกของเฮียแน่"

"อ่อ...น้อยกว่าศูนย์"

"หือ...ไม่เชื่อหรอก" เธอทำตาโตมองหน้าเขา

ชายหนุ่มไหวไหล่ มองหน้าเธออย่างจริงจัง "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ ตอนนี้ไม่มีใครจริง ๆ "

"ตอนนี้คือวินาทีนี้สินะคะ เมื่อวานกะพรุ่งนี้ไม่นับ" เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างรู้ทัน เตชิตได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับผู้หญิงที่ปักใจว่าเขาเป็นปลาไหลนิสัยเสีย

"แล้วแต่จะคิด..."

ชนิศาอมยิ้ม ยกมือแตะไหล่เขาเบา ๆ "อย่าเพิ่งงอนสิคะ...เชรีล้อเล่นหรอก"

"อารมณ์ดีอย่างนี้ไปได้สวยล่ะสิ"

เธอกลอกตามองเพดานห้อง ถอนใจเบา ๆ "ถ้าเฮียหมายถึง...คนก่อนนั้น เงียบหายไปกับสายลมจนไม่เหลือเงาในใจเชรีแล้วค่ะ" เธอเคยโทร.ไปหาเขา เล่าเรื่องราวของคนรักที่หายไปอย่างอ่อนล้า

"แล้วคนตอนนี้ล่ะ"

ชนิศาถอนใจเบา ๆ "เขามีคนที่เขารักอยู่แล้วค่ะ และคนคนนั้นคงไม่ใช่เชรี"

"ก็แค่คนรัก"

"ที่ตรงนั้นน่ะ...ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเข้าไปก็เดินเข้าไปง่าย ๆ นะคะ" เธอบอกกลั้วหัวเราะ เอียงคอมองหน้าชายหนุ่ม "เขาคล้าย ๆ
เฮียนะคะ ใจดีแล้วก็ใจเย็นกับเชรีมาก จนบางที...เชรีก็อยากเดินเข้าไปกอด"

"ก็ไม่แปลก เวลาเรารักใครก็อยากกอด อยากจูบ..." เขานิ่งไปครู่ เมื่อมองหน้าเธอด้วยดวงตาวาวกึ่งขัน "อยากมีเซ็กส์"

ชนิศาหัวเราะคิก มองหน้าเขาด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์โดยไม่หลบสายตา "อย่าคิดว่าเชรีจะเขินอายเชียวนะคะ...เชรีไม่ใช่พวกคุณหนูในห้องหอที่จะร้องวี้ดว้ายรังเกียจรังงอนกับเรื่องพวกนี้"

"ไม่รังเกียจ..."

"แต่ก็ไม่ได้แปลว่าชอบค่ะ" เธอบอกอย่างรู้ทัน "อยู่กับพวกผู้ชายศัลยกรรม มีกี่หน่อเชียวที่ไม่เชี่ยวชาญ พูดกันสิบคำต้องมีเรื่องใต้สะดือมาหยอกกันอย่างน้อยหนึ่ง"

"ชินจนตายด้านก็ไม่ดีนะ" เขาถอนใจเบา ๆ "หัดเขินบ้างก็ได้"

"ถ้าจูบกับเขาจริง ๆ เชรีอาจจะเขินก็ได้นะ"

"ทำไมไม่ลองล่ะ" ชายหนุ่มยุหน้าตาเฉย

ชนิศาถอนใจยาว "เดี๋ยวไก่จะตื่นนะคะ"

"ชอบเขามากเหรอ"

"ค่ะ...เอาตรง ๆ เลย...เขาเป็นคนที่คุยด้วยแล้วมีความสุข แต่เชรีอยากได้มากกว่านั้นไงคะ" เธอนิ่งไปครู่ "เชรีอยากให้เขากอด บางทีก็อยากจูบเขาบ้าง แต่...เรื่องเซ็กส์นี่คงไม่ไหว"

"ทำไม ไปไม่สุดนี่" เขายิ้มล้อ

หญิงสาวแค่นหัวเราะเบา ๆ "ความสัมพันธ์ทางกายที่ลึกซึ้งขนาดนั้นต้องการการผูกมัดและครอบครองที่เชรีไม่คิดจะยอมรับค่ะ"

"ยุคนี้แล้ว one night stand ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่"

"แต่เชรียังหัวโบราณเกินกว่าจะยอมรับค่ะ" เธอเอ่ยตอบอย่างชัดเจน "เอาจริง ๆ นะคะ ไหน ๆ เราก็เรียนหมอกันทั้งคู่ เฮียลองคิดสิว่าถ้าใครก็ไม่รู้เอาไอ้นั้นมาโดนตัวเราโดยที่เราไม่รู้ว่ามันผ่านการใช้งานอะไรมาบ้าง เฮียรับได้ก็เอาที่เฮียสบายใจเถอะ แต่เชรีไม่ชอบของไม่สะอาด"

หญิงสาวห่อตัวทำท่าทางรังเกียจอย่างชัดเจน ขณะที่เตชิตหัวเราะเบา ๆ "ใครจะแต่งงานกับเธอคงต้องไปเข้าหม้อนึ่งปลอดเชื้อเสียก่อน"

"ถ้าทำได้ก็ดีค่ะ"

"อย่างนั้นเป็นพี่ได้ไหม" อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยคำง่าย ๆ ราวไม่มีเรื่องใดน่าใส่ใจ คนฟังเพลิน ๆ ยังยิ้มหวานได้ เพียงครู่เมื่อสมองประมวลผล หญิงสาวก็เลิกคิ้วหันมามองชายหนุ่ม

"เฮียว่าอะไรนะคะ"

"พี่อยากกอดเธอ จูบเธอ มีเซ็กส์กับเธอ...เธอยอมรับได้ไหม"

ชนิศานิ่งไปนาน เธอเอียงคอมองเขานิ่ง กระพริบตาปริบ ๆ ราวจะรอเสียงหัวเราะและคำว่าล้อเล่น แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่พูด เธอจึงเป็นฝ่ายหัวเราะออกก็มาเอง

"หน้าตาเฮียดูจริงจังอ่ะ อย่างนั้นเชรีตอบแบบจริงจังนะคะ" เธอยิ้มหวาน เอียงคอซบไหล่เขาอย่างออดอ้อน

"เชรียอมรับไม่ได้ เพราะเชรีไม่พร้อมจะเสียเฮียไป" เธอยื่นมือไปจับมือเขามา เกี่ยวกระหวัดจนนิ้วแนบชิดติดกัน "เรามาไกลเกินกว่าการสัมผัสจะมีความหมายในทางใคร่ เชรีศรัทธากับความสัมพันธ์ของเฮีย มากเกินกว่าจะยอมให้อะไรมาเปลี่ยนไป"

เตชิตถอนใจเบา ๆ กระชับมือตอบหญิงสาวราวจะยืนยัน "เธอก็รู้นี่ พี่แก่แล้วจะหายไปไหนได้"

หญิงสาวคลี่ยิ้มหวาน "นั่นสิ...อยู่ข้าง ๆ เชรีไปนาน ๆ นะคะ"

ชนิศารักความสัมพันธ์แบบเส้นขนาน เธอไม่ต้องการให้ใครก้าวเข้ามาในชีวิตเธอแล้วเดินหายไป

เตชิตก้มลงแตะริมฝีปากที่หน้าผากเธอเพียงไล้ผ่านอย่างแผ่วเบา ชนิศานิ่งตั้งสติอยู่เพียงครู่ก็ดึงตัวออกห่างจากชายหนุ่ม

เขาหัวเราะ มองตาเธอด้วยแววตากึ่งขัน "ยังเอาแต่ใจตัวเอง ไม่เปลี่ยนเลยนะ"

"เชรีนิสัยเสียจนเฮียรำคาญหรือเปล่าคะ"

"ถ้ารำคาญ...พี่จะมานั่งตรงนี้เหรอ" เขายกมือผลักหน้าผากเธอเบา ๆ "เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าเบื่อเมื่อไรให้บอก พี่ยังไม่ได้บอก อย่าเพิ่งคิดไปเอง"

ชนิศามองหน้าเขาอย่างรู้ทัน ประโยคนั้นคงเป็นเหมือนคำปลอบว่าเขายังยินดีจะอยู่ข้าง ๆเธอ ไม่ว่าฐานะใดก็ตาม

"หนังจะเริ่มแล้ว เชรีไม่ได้เอาเสื้อคลุมมา" เธอกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ "ขอลงไปหาเสื้อคลุมมากันหนาวหน่อยนะคะ"

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เดินตามหญิงสาวไปอย่างว่าง่าย


ชนิศามองออกไปนอกกระจกรถ ภายในบ้านเปิดไฟอยู่ มารดาคงกลับมาแล้ว เธอหันมามองหน้าคนขับรถที่ยังจ้องหน้าเธอนิ่ง

"ขอบคุณมากนะคะ"

"อือ..."

"ถึงบ้านแล้ว ส่งข้อความมาบอกด้วยนะคะ"

"จ้ะ..." เขายิ้มรับ ชนิศาใส่ใจคนใกล้ตัวเสมอ

หญิงสาวนิ่งไปครู่ ก่อนตัดสินใจชะโงกตัวไปใกล้ชายหนุ่ม แตะริมฝีปากลงที่แก้มเขาเบา ๆ

"Goodnight kiss ค่ะเฮีย"


-----
เชื่อว่าอ่านมาถึงตอนนี้ คงมีหลายคนเบะปากกลอกตาบนกับนิสัยเสียของเชรีใช่ไหมคะ นางเป็นพวกจะหัวฝรั่งก็ไม่ใช่ หัวโบราณก็ไม่เชิง

คุณคิมหันตุ์ : โอย ไอซอ่าจคอมเมนท์คุณแล้วขำจนต้องส่งให้พี่กานต์ดูเลยค่ะ เวลาพี่กานต์หยอดนี่ โดปามีนสิบแอมป์ยังแพ้เลยค่ะ

คุณ sai : เชรีนางขยันอ่อยค่ะ เป็นเด็กนิสัยเสีย ขี้อ้อน

คุณ goszy : ขอไอซ์ไปสืบก่อนนะคะ ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แหะ ๆ เก็บนางไว้ในกล่องรวมกับแหวนที่ยังไม่ได้คืนนะคะ

โปรย The Sun

Pun-pun : งั้นเราควรชัดเจนเหรอ กลัวเขาจะวิ่งนะ

Che'rie : การบอกใจตัวเองให้ไม่คิดเป็นกลไกป้องกันตัวเองของมนุษย์
Che'rie : ถ้าไม่มั่นใจ ก็ทำให้มันชัดเจน
Che'rie : ไม่มีใครวิ่งหนีไปเพราะตอบรับความรู้สึกดีๆของใครไม่ได้หรอก ถ้าทำแบบนั้นมันเด็กมาก

ชนิศาจำได้ นี่คือประโยคที่เตชิตบอกเธอ ในวันที่ทั้งเขาและเธอตัดสินใจจะเดินมายืนข้าง ๆ กัน ความรู้สึกดึงดูดในความสัมพันธ์สร้างความรู้สึกดี ๆ ในหัวใจ แต่ไม่มัวเมาพอจะยอมปล่อยให้กลายเป็นความรักที่ผูกมัดกัน

Che'rie : แต่ปันปันอย่างเชื่อเราทั้งหมดเลย
Che'rie : จริงๆก็มีคนบอกเราเหมือนกันว่าเรากลัวความสัมพันธ์มากไปหรือเปล่า จึงเร่งให้บางเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลาชัดเจนกลายเป็นเรื่องที่ชัดเจน
Che'rie : บางครั้ง ภาพมัวๆมันก็สวยเหมือนกันนะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2559, 19:13:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2559, 19:13:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1082





<< บทที่ 6 The Hermit   บทที่ 8 The Sun >>
คิมหันตุ์ 27 ก.ย. 2559, 04:16:28 น.
แหม่เฮียก็ตรงเกิ้นนนนน มีความอ่อยเชรีแรงไปอี้กกก แก่แล้วนะเฮียยยย หลับหูหลับตาแต่งงานได้แล้วแต่หมาหยอกไก่กับเด็กๆแบบเชรีเป็นไงหล่ะ เชรีทำเงิบเลย อิอิ. สงสารคนแก่นะคะเนี่ย


sai 27 ก.ย. 2559, 11:44:12 น.
ใช่ภาพมัวๆมันสวย แต่ความจริงก็คือความจริง ยื้อเวลาไปก็เสียดายเวลาเปล่าๆ


Zephyr 22 ต.ค. 2559, 08:56:49 น.
เชรีแบบอึนอ่ะ ความสัมพันธ์มัวซัว
เราเป็นพี่เตชิตคงเจ็บหนัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account