เล่ห์บุพเพ
พันธนาการที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก ทำให้มนต์พระจันทร์ต้องการอิสรภาพคืน ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อการพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเขามีกฏเกณฑ์ทางหน้าที่กำหนดไว้ว่าระหว่างคอนซัลและวิศวกรห้ามมีความสัมพันธ์กันนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา มนต์พระจันทร์จึงไม่อาจทวงถามถึงอิสรภาพที่รอคอยได้เสียที ในขณะที่วิณรุจน์เองก็ทำราวกับไม่รู้จักเธอ..ซ้ำยังกลายมาเป็นชู้ เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น

ตัวอย่างจ้า

"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง

"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ

Tags: มนต์พระจันทร์/วิณรุจน์/คอนซัล/โปรเจ็คแมนเนเจอร์

ตอน: บทที่ 4 ----------เล่ห์บุพเพ 100%--------


เช้าวันรุ่งขึ้น จรุงรัตน์มารับเธอไปไซต์งาน ที่นี่มีการตรวจตราเข้มงวดเพราะเป็นพื้นที่อันตรายซึ่งกำลังก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงไปแขวงบ่อแก้วประเทศลาวจึงมีการตรวจตราพนักงานและบุคคลเข้าออก จรุงรัตน์พาเธอมาส่งที่แผนกและแนะนำให้เธอรู้จักกับพี่เลี้ยงคนใหม่

“คุณศุ ฉันพาเพื่อนร่วมงานคนใหม่มาส่งค่ะ” จรุงรัตน์เอ่ยกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังก้มอ่านเอกสารบางอย่างบนโต๊ะหน้ายุ่ง และทันทีที่เธอละสายตาขึ้นมามอง ศุภางค์ก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นขณะที่มนต์พระจันทร์ยิ้มแก้มปริที่ได้พบทีมคอนซัลชุดเดิม

“พระจันทร์!”

“รู้จักกันแล้วเหรอคะ ดีค่ะดิฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำให้วุ่นวาย ถ้างั้นก็มอบหน้าที่ให้คุณศุต่อเลยนะคะ พี่ขอตัวก่อนนะพระจันทร์” จรุงรัตน์หันมาเอ่ยลากับเธอ มนต์พระจันทร์กระพุ่มมือไหว้ขอบคุณที่ดูแลเป็นอย่างดี

“ขอบคุณมากนะคะพี่จูน”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกจ้ะ มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว ไว้ค่อยเจอกันนะ” จรุงรัตน์พูดแล้วก็ผละจากไป

“ดีใจจังที่ได้ร่วมงานกับพี่ศุ ยังคิดอยู่เลยว่าจะได้เจอคนรู้จักรึเปล่า แต่โครงการใหญ่ขนาดนี้ มือโปรระดับพี่ศุไม่น่าจะพลาด” มนต์พระจันทร์เอ่ยยิ้มๆแววตาสุกใส

“พี่ดีใจยิ่งกว่า ดีใจสุดๆเลยที่รัฐบาลส่งพระจันทร์มา เดี๋ยวนะ..ฝนอยู่ไหน มาดูสิ!ใครมา” ศุภางค์ตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานคนสนิทเสียงดังลั่นด้วยความตื่นเต้น

“ทำไมคะพี่ศุ โปรเจ็คมาหาเหรอถึงได้ดีใจขนาดนั้น”น้ำฝนเหน็บ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อต้องห้าม ถ้าได้โผล่เมื่อไหร่ ทางใครทางมันตลอด ครั้นพอโผล่หน้าออกมาจากมุมกาแฟ น้ำฝนก็แทบจะกระโจนเข้ามาสวมกอดมนต์พระจันทร์ทันที

“ดีใจชะมัด พระจันทร์เหมือนนางฟ้ามาโปรดแท้ๆ”

“ทำไม งานยากเหรอ” เธอถามขันๆ

“งานน่ะยากอยู่แล้ว แต่ที่ยากกว่านั้นก็เพราะมนุษย์หินน่ะสิ! ทำให้ต่องานลำบาก” น้ำฝนบอกหน้ามุ่ยหลังจากผละออกห่าง

“มนุษย์หิน”มนต์พระจันทร์ทวนคำน้ำฝนงงๆ

“ใช่!ดุสุดๆด้วย” น้ำฝนเสริมอีก

“พอเลยฝน โปรเจ็คเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เธอไม่ชินเองต่างหาก อย่าไปฟังพระจันทร์ เดี๋ยวพี่จะพาไปที่โต๊ะ” พูดจบศุภางค์ก็พามนต์พระจันทร์มาที่โต๊ะทำงานซึ่งว่างมาเป็นเดือน

เธอกับน้ำฝนรับช่วงดูแลต่อหลังจากเจ้าหน้าที่คอนซัลคนนั้นถูกไล่ออกพร้อมทั้งถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันทุจริตกับวิศวกร
ศุภางค์โล่งใจไม่น้อยที่มนต์พระจันทร์มารับหน้าที่นี้ ความสวยของมนต์พระจันทร์จะทำให้งานเดินได้คล่องขึ้นเพราะที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น ทว่าความสามารถของเจ้าตัวก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารูปลักษณ์ที่งดงาม แม้ประสบการณ์จะมีน้อยมากถ้าเทียบกับคอนซัลคนอื่นๆแต่ความรอบคอบละเอียดยิบจนต้องยกนิ้วให้ บริหารงบแบบเป๊ะทุกขั้นตอน รายงานไม่มีตกหล่น เธอเองก็ได้รุ่นน้องคนนี้ช่วยซ่อมรายงานให้บ่อยครั้งก่อนจะถึงมือหัวหน้า ไม่งั้นคงโดนเฉ่งยับ

“สายๆโน่นแหละพระจันทร์ถึงจะได้เข้าพบคุณลีหัวหน้าแผนกเราซึ่งกำลังติดประชุมสำคัญอยู่ ตอนนี้ก็อ่านเอกสารศึกษารายละเอียดต่างๆไปก่อนนะ”ศุภางค์บอกแล้วจึงเริ่มพูดต่อเมื่อพระจันทร์ไม่มีข้อซักถาม “ถ้าพบอะไรน่าสงสัยก็โน้ตไว้ก่อน พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเรามีประชุมเฉพาะส่วน โปรเจ็คคงตอบได้ดีที่สุด” ศุภางค์อธิบายเพิ่มเติม

“ที่มาร์กเส้นสีแดงไว้รึเปล่าคะ” มนต์พระจันทร์ถามยิ้มๆหลังจากพลิกเอกสารเพียงหน้าแรกก็พบรอยปากกาไฮไลต์เอาไว้

“นั่นแหละ พี่ศุไม่กล้าสอบโปรเจ็คน่ะ” น้ำฝนเอ่ยแทรกขึ้นมาขำๆ

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยฝน เธอเองก็ไม่กล้า ถึงได้ปิดรายงานไม่ได้ซะที” ศุภางค์ย้อน น้ำฝนถึงกับหุบยิ้มฉับทันที

“ไม่เอาอ่ะ ถึงจะหล่อขั้นเทพแค่ไหนแต่ดุขนาดนั้น ฝนถอยก่อนดีกว่า”น้ำฝนบอกก่อนจะย้อนกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

สองวันมานี้ ตั้งแต่เธอเหยียบเท้าเข้ามาที่นี่ ใครๆก็พูดถึงความเฮี้ยบความดุของโปรเจ็คใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ศุภางค์เองก็ดูจะเกรงไม่น้อย เบื่อจริงพวกชอบเบ่งวางอำนาจ เธอล่ะเกลียดนักเชียว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากเข้ารายงานตัวกับคุณลีเรียบร้อย ศุภางค์ก็พาเธอไปดูงานตามจุดต่างๆโดยเริ่มที่โซนบีเป็นที่แรก เพราะโซนเอตามที่พี่ศุชี้บอก เธอเห็นจากที่ไกลๆว่าทีมวิศวกรกำลังจับกลุ่มดูแปลนค่อนข้างเครียดทีเดียว

“เกิดอะไรขึ้นที่โซนเอหรือคะพี่ศุ” เธอนึกสงสัย

“ก็สาเหตุที่พระจันทร์ได้มาทำงานที่นี่แหละ พนักงานคอนซัลที่ทำหน้าที่เดียวกับพระจันทร์ร่วมมือกับวิศวกรประจำโซนเอทุจริตน่ะ ที่นี้โซนเอก็ต้องทุบทิ้งทำใหม่ทั้งหมด นี่ก็คงจะเร่งงานกันอยู่เพราะของที่สั่งเพิ่งจะมาถึงเมื่อวันก่อน” ศุภางค์อธิบายขณะที่มนต์พระจันทร์พยักหน้าเข้าใจ

“ฝีมือพี่ศุรึเปล่าคะ เก่งนะเนี่ยช่วยให้ภาษีของประชาชนไม่ย่อยยับไปกว่านี้” เธอเอ่ยชม

“เปล่าหรอก เป็นฝีมือของโปรเจ็ครุจน์กับคุณลีน่ะ” ศุภางค์เล่า มนต์พระจันทร์ชะงักไปนิด สะดุดหูกับคำว่าโปรเจ็ครุจน์ไม่น้อย จะเป็นไปได้มั้ยว่าอาจจะใช่คนที่เธอต้องการพบหรือแค่คนที่มีชื่อเหมือนกันเท่านั้น

ศุภางค์เล่าโน่นนี่สลับกับอธิบายงานให้เธอฟังก่อนจะพามนต์พระจันทร์มาหยุดที่โซนบี ซึ่งถ้าเทียบกับระยะทางที่เดินมาจากออฟฟิศถ้าผ่านโซนเอมายังโซนบีก็ติดกันนิดเดียวทว่าศุภางค์กลับเลือกที่จะพาเธอเดินอ้อมโซนเอมาซะไกล

..และเช่นเคย เมื่อเธอปรากฏตัวก็มักจะเป็นจุดสนใจเสมอ

“นี่!นายทิน จะจ้องให้คอนซัลกลายเป็นแมวรึไงถึงได้ไม่กะพริบตา” ศุภางค์เอ่ยด้วยความหมั่นไส้หลังจากที่แนะนำมนต์พระจันทร์ให้รู้จักกับทินกรซึ่งเป็นวิศวกรประจำโซนบี มนต์พระจันทร์นึกอยากขำทว่าก็ทำเพียงอมยิ้มเล็กน้อย

“แหมป้าศุ..ทำไมต้องเสียงดังด้วย ตกใจหมด”

“ทำเป็นขวัญอ่อน อย่าคิดนะว่ารู้ไม่ทัน เจอคนสวยหน่อยไม่ได้เลยเชียว หางกระดิกนะแก” ศุภางค์ต่อว่าไปตามประสา เนื่องจากคุ้นเคยกับวิศวกรกลุ้มนี้มานานเพราะร่วมงานกันบ่อยครั้งจนสนิทกัน

“ก็คนไม่เคยเห็นนางฟ้านี่ป้า เห็นแต่นางยักษ์ทุกวันเบื่อจะแย่” ทินกรยอกย้อน

“ไอ้ทิน บอกกี่ครั้งแล้วอย่าเรียกป้า สอนไม่จำ” ศุภางค์โวยวาย ทว่าทินกรกลับไม่ยี่หระก่อนจะหันมาคุยกับเธอหน้าตาเฉย

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณมนต์พระจันทร์ อยากจะตรวจอยากจะสอบตรงไหน..เต็มที่เลยครับ ผมยินดีนำเสนอหมดใจ” ทินกรออกตัวพร้อมทั้งส่งสายตาวิบวับรอยยิ้มหวานให้เธอจนมนต์พระจันทร์หลุดขำออกมา

“ค่ะ งั้นก็เริ่มเลย” เธอเอ่ยกลั้วขัน ไม่แปลกที่ศุภางค์จะเหลืออด ก็มาดกวนๆของเขาใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ทว่าเวลาทำงานกลับเป็นคนละคน ดูเอาจริงเอาจัง คล่องแคล่วใช้ได้ ตอบคำถามเธอไม่สะดุดแม้แต่ข้อเดียว

--------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปวันแรกของการทำงาน เธอก็สำรวจได้เพียงโซนบีเท่านั้นเพราะหลังจากทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายคุณลีก็เรียกประชุมแผนกเพื่อมอบหมายงานและให้เตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับประชุมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหน้าที่ของเธอค่อนข้างเหนื่อยทีเดียว เพราะต้องคอยตรวจสอบและควบคุมการทำงานของวิศวกรทุกโซนให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนด อีกทั้งยังต้องคำนวณงบประมาณให้อยู่ในกรอบราคาประเมินและระวังเรื่องทุจริตไปในคราวเดียวกัน

ในขณะที่พี่ศุและน้ำฝนดูแลเรื่องวัสดุอุปกรณ์ การจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล พร้อมทั้งตรวจสอบแผนกอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงการโดยตรงไม่ให้เกิดช่องทางทุจริตได้อีก

หลังจากเลิกงานพี่ศุและน้ำฝนก็ชวนกันไปบ้านพักเธอ ตั้งใจว่าจะไปนั่งคุยนั่งเม้าท์ให้หายคิดถึงที่ไม่เจอกันหลายเดือนแต่พอทราบว่าเธอพักอยู่ในเขตต้องห้าม ทั้งสองก็ล่าถอย..ขอกลับไปตั้งหลักก่อนจนมนต์พระจันทร์นึกขัน ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักกันหนาทั้งที่เจ้าของบ้านพักหลังติดกันไม่เคยกลับห้องสักคืน เธอรู้ได้อย่างไรหรือก็ดูจากรองเท้าแตะที่จอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน มันจับฝุ่นจนเริ่มจะหนาเตอะแล้วน่ะสิ..

มนต์พระจันทร์สั่งอาหารง่ายๆอย่างข้าวผัดกุ้งลงท้องเพื่อให้กระเพาะได้ย่อย จากนั้นก็นอนอ่านเอกสารที่หอบมาจากที่ทำงานกระทั่งผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เพราะความเหนื่อยอ่อน วันนี้เธอใช้สมองในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาทั้งวันซะจนเมื่อย พอหัวถึงหมอนก็หลับสนิทจนรุ่งเช้าทีเดียว

--------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น มนต์พระจันทร์ไม่ได้ออกไปตรวจงานที่โซนไหนเพราะเอกสารกองโตที่น้ำฝนและพี่ศุช่วยกันขนมาตั้งบนโต๊ะจนไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางถ้วยกาแฟ ศุภางค์ต้องการให้เธอทราบข้อมูลต่างๆของโครงการมากที่สุดเท่าที่เวลาจะมี เพราะช่วงบ่ายมีประชุมเฉพาะส่วน

เช้านี้ที่แผนกคอนซัลติ้งค่อนข้างพลุกพล่านเป็นพิเศษ เนื่องจากหนุ่มๆต่างแวะเวียนมาติดต่อประสานงานเป็นว่าเล่น เพียงชั่วข้ามคืนชื่อของมนต์พระจันทร์ก็เป็นที่เลื่องลือจึงทำให้หนุ่มน้อยใหญ่ที่ยกงานมาบังหน้าเดินเข้าออกในแผนกไม่ขาดสายเพียงเพราะอยากยลโฉมที่ปรึกษาคนใหม่ ทว่าเจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารลูกเดียว

“วันนี้แผนกเราคึกคักเนอะฝน” ศุภางค์เอ่ยหลังจากหนุ่มแผนกบัญชีนำเอกสารจัดซื้อมาส่งถึงที่ ทั้งที่ปกติแล้วตนกับน้ำฝนต้องไปตามทวงทุกรอบ

“ก็แหม..ตอนนี้แผนกคอนซัลไม่น่าเบื่ออีกแล้วนี่”น้ำฝนเอ่ยพลางชำเลืองมองเจ้าของดวงหน้าหวานหยดที่ใครเห็นก็ติดตาตรึงใจทุกราย แต่มนต์พระจันทร์กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารหน้ายุ่งโดยไม่แม้แต่จะชายตาแลหนุ่มๆที่พยายามจะเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ

“เออ..จะว่าไปแล้วสวยระดับนางเอกขนาดนี้ ทำไมนะ สามีพระจันทร์ถึงปล่อยให้มาทำงานไกลหูไกลตาได้” ศุภางค์ถือถ้วยกาแฟเข้ามากระซิบกระซาบกับน้ำฝนถึงที่โต๊ะ น้ำฝนส่ายหน้าดิกไม่มีความเห็น แม้จะอยากรู้ก็ตามที

ทำงานร่วมกันมาเกือบปี สนิทชนิดที่ไปไหนด้วยกันบ่อยครั้งแต่กลับไม่เคยพบสามีของมนต์พระจันทร์เลยสักหน ครั้นพอเอ่ยถามก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า..เขายุ่งน่ะค่ะ

..และเจ้าตัวก็ไม่เคยพูดถึงสามีเลย ตนกับพี่ศุจึงไม่กล้าเอ่ยปากถามอีก

“พระจันทร์กาแฟสักถ้วยมั้ย”ศุภางค์นึกเห็นใจที่ปล่อยให้มนต์พระจันทร์จมอยู่กับกองเอกสารกองโตโดยที่ตนกับน้ำฝนไม่สามารถช่วยอะไรได้

“ขอบคุณค่ะ แต่เอาไว้ทีหลังดีกว่าพี่ศุ ขออ่านเอกสารก่อน..เดี๋ยวไม่ทัน” เธอตอบโดยไม่ยอมละสายตาขึ้นมามองทั้งคู่ นี่ล่ะ..มนต์พระจันทร์ ถ้าทำงานก็คือทำงานจริงๆ ไม่มีแอบแวบถ้าเนื้อหาในหัวไม่แน่นพอ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

“พวกเราในนี้..มีใครเจอที่ปรึกษาคนใหม่รึยังวะ พวกหัวหน้าคนงานลือกันให้แซดว่าสวยบาดตาทีเดียว”วาโยเปิดหัวข้อสนทนาหลังจากถือจานข้าวมานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนวิศวกรด้วยกัน

“ข้าเว้ย! พวกเอ็งบุญไม่ถึงล่ะสิ” ทินกรพูดขณะที่ถือจานข้าวมาร่วมวงเป็นคนสุดท้าย “สวยหยาดหยดเลยว่ะ แถมยังเป็นกันเองด้วย คุยกับข้านะไม่มีถือตัวสักนิด” ทินกรโม้ไม่หยุดก่อนจะร้องห้ามเมื่อพวกแรดยิ้มกริ่มพราวระยับมีเลศนัย “อย่าๆพวกเอ็งไม่ต้องมาทำตาวิบวับเลย คนนี้ข้าเห็นก่อน ข้าจอง” ทินกรออกตัว

“อะไรวะ ของแบบนี้ใครดีใครได้เหมือนเดิมสิ ไม่ใช่มาหวงก้างกันท่าไว้ก่อน” วาโยประท้วงเมื่อไม่เห็นด้วย

“ไม่ได้ คนนี้ข้ารักจริงหวังแต่ง อยากได้ไปเป็นแม่ของลูก” ทินกรเอ่ยตาปราย

“ได้ยินมาว่ามีสามีแล้วนี่หว่า” ศักดิ์สิทธิ์หรือสองวิศวกรโซนซีเอ่ยขึ้นมาบ้าง

“แกรู้ได้ไงไอ้สอง มัวรึเปล่า” ทินกรเดือดขึ้นมาทันทีเพราะตนหมายมั่นปั้นมือว่าจะจีบคอนซัลคนใหม่ให้ได้ ขณะที่วิณรุจน์นั่งฟังเพื่อนๆโต้เถียงกันไปมาเงียบๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเสมอถ้ามีสาวสวยผ่านเข้ามา

“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน น่าเสียดายว่ะ ถ้าสวยอย่างไอ้ทินว่า” วาโยแสดงความเห็น

“จริงหรือวะไอ้รุจน์” ทินกรหันมาถามวิณรุจน์ที่นั่งกินข้าวเงียบกริบโดยไม่สนใจแม้สาวๆจะขยันชายตาโปรยยิ้มมาให้ก็ตามที ตรงข้ามกลับแสดงความรำคาญเต็มใบหน้าจนไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้ แต่กระนั้นก็เถอะ ความหล่อเหลาของวิณรุจน์ก็ยังเป็นที่หมายปองของสาวๆเสมอ ยืนยันได้จากของฝากมากมายบนโต๊ะทำงานวิณรุจน์ที่พวกตนได้รับอณิสงค์อยู่เป็นประจำ

“พี่คี้บอกว่างั้น” เขาตอบสั้นๆก่อนจะตักข้าวเข้าปากต่อ เขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก

เมื่อวาน..ก่อนจะเลิกงานพีรทัตพูดให้ฟังว่าคอนซัลคนใหม่สวยใช่เล่น แต่น่าเสียดายที่แต่งงานแล้ว ส่วนชื่ออะไรนั้นเขาได้ยินไม่ถนัดเพราะเสียงวิทยุสื่อสารดังแทรกขึ้นมาพอดี

“แกยังไม่ได้เจอเหรอ” ทินกรถามด้วยความแปลกใจ เพราะเพื่อนเป็นหัวหน้าวิศวกรควรจะเป็นคนแรกที่ได้รู้จัก

“ไม่ว่างเหมือนพวกแกนี่หว่าที่ยุ่งแค่ไหนก็ว่างเสมอ ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง” วิณรุจน์ตอบแกมประชด ทว่าทุกคนกลับยิ้มภูมิใจกับฉายาแรดที่สาวๆในออฟฟิศตั้งให้ วิณรุจน์เองก็พลอยติดบ่วงไปด้วย ทว่ากลับเป็นสิงห์คนเดียวในหมู่แรดทั้งมวล น่าขันพิลึก

“เดี๋ยวบ่ายนี้ก็ได้เจอ” วาโยบอกพร้อมทั้งยิ้มกริ่ม

“ไอ้รุจน์ แกไปขอประวัติจากผอ.มาดูหน่อยว่าที่ไอ้สองพูดเรื่องจริงรึเปล่า” ทินกรเอ่ยจริงจัง

“ไม่เอา ขี้เกียจยุ่ง” เขาตอบปัดหน้าตาเฉย ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง..วิณรุจน์จะเลี่ยงตลอดเพราะแค่เรื่องของพลอยชมพู เขาก็ปวดหัวจะแย่

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากไว้อีกหนึ่งบทค่ะ
แม้สุขภาพจะไม่อำนวยแต่ก็ยังรักที่จะขีดๆเขียนๆ
ขออนุญาติแก้ไขชื่อเรื่องใหม่นะคะ

BY...รจนาไฉน




รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2559, 15:44:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2559, 15:54:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1085





<< บทที่ 3 ---เล่ห์บุพเพ ---100%   บทที่ 5--------------เล่ห์บุพเพ-------- 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account