บ่วงหฤหรรษ์
เรื่องราวของมนุษย์ผู้ยังติดอยู่ในบ่วงของราคะ ตัณหา จากชีวิตที่เคยเพียบพร้อม แต่หลังจากติดอยู่ในบ่วงของความหฤหรรษ์แล้ว ชีวิตของเขาย่อมเปลี่ยนไป
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อประชาชน (สาว)


“ทหารนั้น มิใช่จะมีหน้าที่ในการใช้ศาตราวุธทําสงครามประการเดียว หากยังต้องปฏิบัติภารกิจด้านกิจการพลเรือน คือใช้ความรู้ ความคิด จิตวิทยา และความเฉลียวฉลาด ซึ่งอาจรวมเรียกได้ว่า อาวุธทางปัญญา เข้าปฏิบัติพัฒนาท้องถิ่น ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความปลอดภัย มีขวัญกําลังใจที่จะสร้างความดีความเจริญ ความมั่นคงให้แก่ตนเอง และส่วนรวม อีกประการหนึ่งด้วย”
(พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่ และปริญญาบัตรแก่ผู้สําเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ณ อาคารใหม่สวนอัมพร วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๓๖)
...งานกิจการพลเรือนของฝ่ายทหาร ดําเนินการควบคู่กับการปฏิบัติการทางทหารมาตั้งแต่อดีต เพียงแต่ในอดีตมิได้มีการแบ่งแยกเป็นงานกิจการพลเรือนเป็นการเฉพาะ แต่เป็นงานที่เป็นเนื้อเดียวกับการปฏิบัติการทางทหาร
จนถึงปัจจุบันเมื่อการทําสงครามได้มีการพัฒนารูปแบบไปตามสถานการณ์ภัยคุกคาม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละห้วงเวลา ทําให้งานด้านกิจการพลเรือนได้พัฒนารูปแบบ และวิธีการตามไปด้วย โดยเฉพาะประเทศไทยนั้น ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และในหลายครั้งสภาพดินฟ้าอากาศก็ทําให้เกิดความเสียหาย ทําให้การใช้กําลังทหาร และยุทโธปกรณ์ เข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนทั้งในภาวะปกติ และในสถานการณ์ภัยพิบัติ จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของงานด้านกิจการพลเรือนของกองทัพ...

วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้า ผมมาตรวจกำลังพลของหน่วยซึ่งสนธิกำลังกับกรมการทหารช่างทหารบก ค่ายภาณุรังษีและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมกันเจาะบ่อน้ำบาดาลพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลสองพี่น้องที่อยู่นอกเขตชลประทาน เป็นการทำงานเชิงรุกในการหาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรในหน้าแล้ง
การเจาะบ่อน้ำบาดาลจะใช้เวลาสามวันต่อแห่ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้มีการวางแผนลงพื้นที่ในจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยยี่สิบแห่ง โดยกรมการทหารช่างมีชุดเจาะแปดชุด รับผิดชอบสิบแห่งในพื้นที่อำเภอหนองหญ้าปล้องและอำเภอแก่งกระจาน ส่วนอีกหนึ่งร้อยสิบแห่งเป็นของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งมีชุดเจาะหกสิบชุด รับผิดชอบพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี ทั้งนี้แต่ละบ่อจะสามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่การเกษตรประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบไร่ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถให้ช่วยความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้ประมาณสองหมื่นกว่าไร่
ผมเดินตรวจงานกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสองพี่น้อง ท่านนายกฯ พูดว่า “ขอบคุณ เสธ.ฯ มากนะครับที่ช่วยประสานงานให้ หากเป็นหน้าแล้ง ชาวบ้านต้องหยุดทำการเกษตรเพราะไม่มีน้ำ เงินทองก็ไม่มีใช้กัน ได้น้ำบาดาลมาใช้อย่างนี้คงบรรเทาปัญหาได้มากเลยครับ”
ผมบอกว่า “ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ รั้วของชาติจะคอยดูแลทุกข์สุข ขอให้มั่นใจว่าทหารจะไม่ทอดทิ้งให้ประชาชนทนอยู่กับความลำบากเพียงลำพังแน่นอนครับ”
นี่คือการช่วยเหลือประชาชน การประชาสัมพันธ์และการปฏิบัติการจิตวิทยาในคราวเดียว ถึงแม้มันจะเหมือนการสร้างภาพ แต่บางครั้งจำเป็นต้องใช้เพื่อดึงประชาชนให้กลับมาเป็นแนวร่วมกับรัฐ...

ตรวจงานจนบ่าย ผมกับพี่อ๊อฟก็เดินทางกลับหน่วย พี่อ๊อฟพูดว่า “ผมว่า เสธ.ฯ โด่งขยันแล้วนะ มาเจอ เสธ.ฯ ก้องนี่ชิดซ้ายไปเลย”
“ประชาชนจ้างเรามาทำงาน อีกอย่างที่เรามีชีวิตที่ดี มีสวัสดิการเยี่ยมแบบนี้ก็เพราะภาษีจากชาวบ้านทั้งนั้น ต้องขยันสิ”
พี่อ๊อฟหันมามองผมด้วยความชื่นชม “สุดยอดครับเจ้านาย ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ เสธ.ฯ..ผมรู้ได้ทันทีเลยว่านายทหารคนนี้เป็นยังไง”
“เป็นยังไงล่ะ?”
“เป็นนายทหารที่ดีน่ะสิครับ และก็เป็นนายทหารเจ้าสำราญซะด้วย ฮ่าฮ่า”
ขับรถมาได้พักหนึ่ง ผ่านแปลงพืชผลของเกษตรกร ผมเห็นตายายคู่หนึ่งกำลังยกกระสอบปุ๋ยยงโย่ยงหยกอยู่ข้างทาง ก็เลยบอกให้พี่อ๊อฟจอดรถ
“เสธ.ฯ จะทำอะไรครับฯ”
ผมลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหา ถามว่า “ตายายครับ จะยกไปไหนล่ะนั่น แดดก็ร้อน”
“อ่อ..ยกไปวางในแปลงน่ะพ่อหนุ่ม เตรียมไว้ใส่มะนาวเย็นนี้”
ผมกุลีกุจอไปช่วยยกทั้งเครื่องแบบพันเอก ตาเห็นเข้าก็รีบบอก “โอ๊ย..ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเครื่องแบบสง่างามเปื้อนหมด ตากับยายยกไหว ยกมาตั้งแต่หนุ่มสาวแล้ว”
เอาล่ะ..ปฏิบัติการสร้างภาพอีกครั้ง “ชุดสง่างามนี้มาจากเงินของชาวบ้านทั้งนั้นครับ ให้ผมตอบแทนบ้างเถอะ เออ..ลูกหลานไปไหนล่ะครับ”
“ลูกไม่มีแล้วล่ะ มันหนีไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือแต่หลาน กำลังกลับบ้านไปเอาข้าวน่ะ”
ผมกับพี่อ๊อฟช่วยตายายยกปุ๋ยอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทหารอย่างเราไม่เหนื่อยหรอก แต่ตายายนี่สิ วันๆ แกต้องทำงานแบบนี้หรือนี่ น่าสงสารจัง แต่ดูแกมีความสุขดีนะ
ตาชวนผมกับพี่อ๊อฟไปนั่งพักที่เพิงกลางไร่ แกขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่ “ขอบใจมากนะหนุ่ม ขอให้เจริญๆ กันนะ”
ยายบอกว่า “ถ้าไข่มุกมันมีแฟนดีๆ แบบนี้ก็ดีนะตา ทั้งหน้าตาและจิตใจดี จะได้เป็นบุญของมัน เราจะได้หมดห่วงและตายตาหลับ”
ไข่มุก? ชื่อคุ้นๆ ผมมองไปรอบๆ สวนมะนาวกับสวนแตงนี่หว่า อย่าบอกนะ แต่คงไม่ใช่หรอก โลกจะกลมอะไรขนาดนั้น
“ตาจ๋า..ยายจ๋า ข้าวมาแล้วจ้า กินก่อนนะ เดี๋ยวหนูจะยกปุ๋ยต่อ เอ๊ะ!!” เสียงใสๆ ที่คุ้นหูอุทานเมื่อเห็นผมกับพี่อ๊อฟนั่งอยู่
ผมหันไปมอง เมื่อสายตาสองคู่สบกัน เราพูดพร้อมกันว่า “พี่ก้อง/ไข่”
เธอรีบเข้ามานั่งข้างผมแล้วถามด้วยความตื่นเต้นว่า “พี่ก้องมาได้ยังไงเนี่ย”
“พี่มาตรวจงาน บังเอิญผ่านมาเห็นตากับยายกำลังจะยกปุ๋ยก็เลยลงมาช่วย”
ยายถามว่า “ไข่มุกรู้จักหนุ่มคนนี้ด้วยเหรอ?”
เธอบอกกับยายว่า “พี่คนนี้ไงจ๊ะยายที่หนูเล่าให้ฟังว่าแกเป็นคนดี จะสนับสนุนให้หนูประกวดร้องเพลง”
ตาบอกว่า “อืม..สมกับที่ไข่มุกบอกจริงๆ ขอบใจนะหนุ่ม ไข่มุกมันเป็นเด็กดี ตาไม่อยากให้มันลำบาก”
ไข่มุกเข้ามากอดตาแล้วบอกว่า “ไม่ลำบากหรอกตาจ๋า หนูมีความสุขที่ได้เลี้ยงตายายและน้อง”
ผมมองไข่มุกด้วยความชื่นชม อายุเธอนิดเดียวเอง แต่รับภาระอันใหญ่หลวง ผิดกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคนที่ยังแบมือขอเงินและสร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่อยู่เลย
“ไข่เสียงดีจริงๆ ครับ ผมเคยฟังเธอร้องเพลงแค่ครั้งเดียวก็สมัครเป็นแฟนเพลงเลย ผมอยากให้เธอลองประกวดดู เผื่อจับพลัดจับผลูได้ดีขึ้นมาตากับยายจะได้สบาย”
ยายยิ้มแล้วบอกว่า “สมัครแค่แฟนเพลงหรือ ไม่เป็นแฟนกับมันเลยล่ะ”
ผมสะดุ้งโหยงรีบบอกว่า “โอย..ยายครับ ผมแค่ชื่นชมเสียงกับนิสัยของไข่ครับ คิดจะสนับสนุนด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เอ็นดูเหมือนน้องสาวครับ อายุห่างกันตั้งยี่สิบกว่าปี”
ตาหันไปดุยายว่า “พูดอะไรน่ะ เกรงใจหนุ่มเค้าบ้าง เค้าเป็นนายทหารใหญ่โตจะให้มาเป็นแฟนกับชาวบ้านธรรมดาอย่างไข่มุกได้ยังไงล่ะ”
ผมแอบชำเลืองมองไข่มุก เธอก้มหน้านิ่ง เดาความหมายในแววตาไม่ออก แต่สักพักเธอก็ยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “พี่ก้องกับลุงอ๊อฟกินข้าวมาหรือยังคะ กินด้วยกันสิคะ หนูเอามาตั้งเยอะ”
ด้วยความหิว ผมกับพี่อ๊อฟร่วมรับประทานอาหารบ้านๆ ธรรมดาด้วยความเอร็ดอร่อย ไม่น่าเชื่อว่าแค่แกงใบมะขาม ผัดแตงกวากับไข่และปลาทอด นั่งทานในเพิงกลางสวน กลับทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทานอยู่ในภัตตาคารหรู ปรุงอาหารโดยเชฟมือทองซะอย่างนั้น
พี่อ๊อฟถามว่า “ยายทำอาหารหรือครับ อร่อยจัง ขอเติมข้าวด้วยครับ”
ผมต่อยท้องพี่อ๊อฟเบาๆ ดุแกว่า “เฮ้ยพี่ เกรงใจเค้าบ้างสิ อะไรกัน หิวมาจากไหน”
“แหม..เสธ.ฯ ครับ มันอร่อยนี่นา อีกอย่างผมทานข้าวตั้งแต่หกโมงเช้า เดินตรวจงานกับ เสธ.ฯ อีกตั้งนาน มันก็ต้องหิวน่ะสิ”
ยายหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก ไข่มุกมันทำมาเยอะ ถ้าวันไหนแวะมาทางนี้ก็มากินด้วยกันอีกนะ”
ทานอาหารเสร็จ ผมกับพี่อ๊อฟขอตัวกลับหน่วย ไข่มุกเดินมาส่งที่รถแล้วพูดว่า “โลกกลมจังเลยนะคะ หนูก็รอพี่ว่าเมื่อไหร่จะไปที่ร้าน อุตส่าห์ซ้อมร้องเพลงใหม่ไว้ให้ฟัง แต่ปรากฏว่าพี่ไม่ไปเลย แต่กลับมาเจอที่สวน ตลกดีจัง”
“ไข่ต้องพักผ่อนบ้างนะ ทำงานกลางแดด กลางคืนก็ไปร้องเพลงอีก พี่กลัวร่างกายเราจะแย่”
ไข่มุกตีแขนผมแล้วบอกว่า “พี่ยังเรียกหนูว่าไข่อยู่อีกนะ ฮิฮิ หนูไม่เหนื่อยหรอก เอ่อ..พี่คะ คืนนี้ไปที่ร้านได้ไหม”
“มีอะไรเหรอ?”
ไข่มุกหันรีหันขวางแล้วเขย่งมาหอมแก้มผมดังจ๊วบ “หนูคิดถึงพี่ค่ะ”
ระหว่างเดินทางกลับ พี่อ๊อฟแซวว่า “เฮ้อ..ดูทีท่าแล้วเจ้านายกูมีเด็กในสังกัดเพิ่มมาอีกคนแน่ๆ วัยกระเตาะขนเพิ่งขึ้นซะด้วย”
“บ้าเหรอพี่ ผมมีเมียแล้ว ไข่นี่รุ่นลูกเลยนะ”
“แหม..มีเมียแล้ว คราวที่ประจำการอยู่ที่นี่ก็มีเมีย เสธ.ฯ ยังฟาดไปทั้งจังหวัด เอาน่า อย่าคิดมากครับ ถ้าใครเสนอโดยไม่เรียกร้องก็สนองๆ ไปเถอะ ถ้าเป็นไอ้อ๊อฟนะ ฟาดเรียบ”...

กลับมาถึงหน่วยประมาณบ่ายสาม ผมนั่งตรวจตราเอกสารต่างๆ ต่อไป ลักษณะงานของผมตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นงานบริหารและงานเอกสารซะส่วนมาก ประเภทต้องไปลาดตระเวนตามป่าเขาหรือจับกุมผู้กระทำผิดไม่มีแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องๆ มันบ้าง
ฟู่ววว!!! เสร็จงานแล้ว ผมเอนหลัง ตาลอยคิดถึงหมอลดา นึกถึงคืนที่เราเป็นของกันและกัน นึกถึงเรือนร่างและใบหน้าที่แสนสวยตรึงใจ ว้าว..ชาตินี้กูมีบุญเหลือเกิน
“พี่จ๋า..ถ้าว่างขึ้นมาหาลดาบ้างนะคะ หรือจะให้ามาที่นี่ก็บอก คิดถึงพี่ที่สุดเลย” หมอลดาจุมพิตแล้วพูดแบบนี้ก่อนขึ้นรถกลับชลบุรี แน่นอนเมียจ๋า ผัวจะรีบไปหาเมียทันทีที่ว่างเลยจ้า จะมอบบทรักที่แสนประทับใจให้อีกครั้ง ฮิฮิ
ได้เวลาเลิกงานตามเวลาราชการไทยแล้ว คืนนี้ไปหาไข่มุกสักหน่อยดีกว่า เธออุตส่าห์ชวน เผื่อจะมีอะไรดีๆ ขณะที่ผมกำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน พี่อ๊อฟเข้ามารายงานว่ามีคนมาขอพบ เฮ้อ..ยังไม่หมดเทศกาลเข้าพบอีกหรือเนี่ย เบื่อจัง
ผมบอกให้แกไปเชิญเข้ามา ไม่นานก็มีสาวสวยหน้าตาแนวลูกครึ่งไทย-จีนเข้ามาในห้อง เธอเห็นผมก็ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ เสธ.ฯ”
“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณ..คุณ?”
เธอยิ้มแล้วบอกว่า “คริสค่ะ เตี่ยให้มาเชิญ เสธ.ฯ ไปทานข้าวที่บ้านค่ะ”
“เตี่ย..ใครหรือครับ?”
“เสี่ยสมศักดิ์ค่ะ คริสเป็นลูกสาวของเสี่ยสมศักดิ์”
พ่ออ้วนตุตะ แต่ลูกสาวหุ่นเซ็กส์ซี่มาก อายุน่าจะสามสิบต้นๆ แล้วนะเนี่ย แต่ยังรักษารูปร่างดีจัง
คริส..สาวหน้าหมวยแถมเรียกพ่อว่าเตี่ย เฮ้อ..คิดถึงภรรยาเก่าว่ะ ป่านนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง คงจะคลอดลูกฝรั่งของไอ้ฝรั่งผมทองแล้ว ชิ..ทิ้งลูกทิ้งผัว แต่ผมนึกเรื่องนี้มาทำไม ผมจะแต่งงานใหม่แล้ว แต่งงานกับผู้หญิงที่รักสามีและลูกของผู้หญิงไม่รักครอบครัวคนนั้นที่สุด
คริสขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เสธ.ฯ เป็นอะไรหรือคะ หน้าตาถมึงทึงเชียว ไม่อยากไปเหรอ”
“ไปสิครับ เสี่ยสมศักดิ์อุตส่าห์มีน้ำใจชวนทั้งที แต่ผมขออนุญาตไปอาบน้ำก่อนได้ไหม วันนี้ไปช่วยชาวบ้านมามอมแมมไปหมดเลย”
เธอหัวเราะจนตาตี่หยีเล็ก “ได้สิคะ ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ”

ท้องฟ้าสีส้มอ่อน แสงแดดที่แผดจ้าเมื่อกลางวันหลบแสงไปแล้ว ถนนสายแก่งกระจาน-เขื่อนเพชร รถราวิ่งขวักไขว่พอสมควร ผมกำลังนั่งอยู่ในรถกะบะโฟล์วีลแต่งซิ่งคันใหญ่ที่ขับโดยสาวหมวย
ผมแซวเธอแบบขำๆ ว่า “หน้าตาท่าทางของคุณคริสไม่เข้ากับรถเลยนะครับ”
“ไม่เข้ายังไงคะ จริงๆ แล้วคริสเป็นคนง่ายๆ ลุยๆ นะ”
“ท่าทางคุณคริสเป็นคุณหนูบอบบาง ผมก็เลยตกใจที่เห็นขับรถแบบนี้”
เธอหัวเราะคิก “ไม่คุณหนูหรอก คริสชอบชีวิตลุยๆ สโลไลฟ์มากกว่า เชื่อไหมคะ ถ้าว่างคริสขี่ซุปเปอร์ไบค์ไปออกทริปด้วยนะ”
“เฮ้ย..จริงสิ โอโฮ..สาวเท่ห์นะเนี่ย”
“วันหลังคริสขี่บิ๊กไบค์ไปรับ เสธ.ฯ ดีกว่า กล้านั่งไหมคะ”
หูยยย!!! เนื้อหุ้มเหล็ก คราวที่แล้วนั่งกับพี่อ๊อฟกูยังขี้หดตดหายเลย แต่ถ้าได้นั่งซ้อนท้ายแล้วกอดเอวเพียงหยิบมือเดียวของคุณคริสก็ดี แฮ่ะแฮ่ะ
จนเธอขับรถมาถึงวงเวียนตำบลวังจันทร์ รถขับเข้าในวงเวียนตามหลังมอเตอร์ไซต์ที่ขี่โดยเด็กวัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่ง ทันใดนั้นมีรถยนต์ขับมาทางถนนด้านซ้ายที่มาจากอำเภอหนองหญ้าปล้อง ผมก็มองนะว่าทำไมมันไม่ลดความเร็วตามกฎการขับขี่ที่ต้องให้รถในวงเวียนไปก่อน
จน..จนกระทั่ง ..โครมมม!!..
รถยนต์คันนั้นชนมอเตอร์ไซต์เต็มเปาต่อหน้าต่อตาเราสองคน เด็กหนุ่มกระเด็นหวือจากมอเตอร์ไซต์ ส่วนรถยนต์น่ะเหรอ? ขับหนีไปอย่างรวดเร็วตามวิสัยของผู้ขับขี่รถยนต์ในเมืองไทยที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
“ว้ายยย!!” คริสร้องลั่นแล้วเหยียบเบรคทันที
ผมรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปดูเด็กคนนั้นที่นอนสลบอยู่บนพื้นถนน ที่ศีรษะมีเลือดไหลเต็มไปหมด คงจะกระแทกเข้ากับเกาะกลางวงเวียน ส่วนอื่นที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นส่วนขาเพราะบิดจนผิดรูป ไอ้รถคันนั้นชนด้านข้างเข้าเต็มเปา
ตำรวจจากป้อมวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วแล้วถามว่า “เด็กเป็นยังไงบ้างครับคุณ อ้าว..เสธ.ฯ ก้องนี่นา”
“ยังสลบอยู่เลยครับดาบ เอ่อ..เดี๋ยวผมจะรีบนำเด็กไปโรงพยาบาลก่อน ส่วนรถที่ชนเป็นรถกะบะสีน้ำเงิน ทะเบียน กง แปดเจ็ดสาม เพชรบุรี ขับหนีไปทางยางชุม ดาบวิทยุไปสกัดด้วยนะครับ”
ผมอุ้มเด็กมาที่รถ คริสรีบเปิดประตูให้ จากนั้นเธอบึ่งไปโรงพยาบาลแก่งกระจานอย่างรวดเร็ว เธอถามว่า “เลือดออกเต็มเลย จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย”
“ต้องให้หมอเอ็กซเรย์ดูครับ แหม..ไอ้ห่านั่นก็เลวแท้ ตัวเองทำผิดกฎจราจรแล้วยังหนีอีก แย่จริงๆ”
ไม่ถึงห้านาทีเราก็มาถึงโรงพยาบาล บุรุษเปลรีบเข็นเปลมาเทียบแล้วนำเด็กเข้าห้องฉุกเฉินไป อย่าเป็นอะไรเลยนะหนุ่มน้อย อนาคตยังอีกไกล
ผมนั่งกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉินโดยคริสนั่งอยู่เคียงข้าง ผมพูดว่า “ขอให้เด็กไม่เป็นอะไรนะครับคุณคริส”
เธอกุมมือผมแล้วบอกว่า “เด็กต้องปลอดภัยค่ะ”
ประมาณครึ่งชั่วโมง มีชาวบ้านสิบกว่าคนวิ่งมาที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าวิตกกังวล คงจะเป็นญาติพี่น้องของเด็กคนนั้น ร้องถามพยาบาลว่าเด็กอยู่ไหน จนพยาบาลต้องปลอบขวัญว่าเด็กอยู่ในความดูแลของหมอแล้ว
ผู้ชายกลางคนคนหนึ่งมายืนตรงหน้าผมด้วยสีหน้าขุ่นเคืองแล้วถามว่า “มึงขับรถชนลูกกูใช่ไหม? ทำไมถึงไม่ระวังเลยวะ”
ผมงงสิครับ คริสรีบยืนขึ้นแล้วบอกว่า “ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ คนนี้คือคนที่ช่วยลูกของพี่นะ”
ชายคนนั้นรีบยกมือไหว้ “อะ..เอ่อ ขะ..ขอโทษ ผมกำลังโมโหน่ะ โธ่..ลูก เป็นยังไงอย่างไรบ้างล่ะเนี่ย”
ชาวบ้านที่เหลือถามไถ่เหตุการณ์จากคริส เธอเล่าให้ฟังแล้วบอกว่าไม่ต้องกังวล แจ้งตำรวจให้สกัดจับแล้ว จากนั้นไม่นานนักหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“หมอ..ลูกผมเป็นยังไงบ้าง”
“ศีรษะกระแทกกับของแข็ง แต่หมอทำแผลและเอ็กซเรย์แล้ว มีเลือดคั่งนิดหน่อย แต่ไม่ต้องวิตกครับ นิดเดียวเท่านั้น ใช้ยาสลายลิ่มเลือดได้ ส่วนขาขวาหัก ให้แกนอนพักที่โรงพยาบาลสักสองสัปดาห์น่าจะหายดี ไม่ต้องห่วงนะครับ”
พ่อกับแม่ของเด็กคนนั้นโล่งอก ผมกับคริสก็โล่งอก แหม..เห็นเด็กสลบแล้วเลือดโชกแบบนั้น เป็นใครก็ตกใจล่ะครับ
ผัวเมียคู่นั้นเข้ามายกมือไหว้ขอบคุณผมกับคริส “ขอบคุณคุณสองคนมากนะครับที่ช่วยลูกผมไว้ ขอให้คุณสองคนเจริญๆ นะครับ”
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ขอให้ลูกหายเร็วๆ แล้วผมจะมาเยี่ยมนะครับ”...

ผมนั่งกับคริสที่เก้าอี้หินอ่อนตรงลานจอดรถ โล่งอกที่เด็กปลอดภัย คริสจับมือผมแล้วพูดด้วยความดีใจว่า “ดีใจจังเลยนะคะที่เด็กไม่เป็นอะไรมาก คริสปลื้มใจบอกไม่ถูกเลย การทำความดีมันชื่นใจอย่างนี้นี่เอง”
ผมก้มมองมือของคริสที่กุมมือผมอยู่ นุ่มดีว่ะ ฮิฮิ จนเธอรู้สึกตัวก็รีบดึงมือออกไปด้วยความอายแล้วพูดว่า “เสธ.ฯ เป็นคนดีอย่างที่เตี่ยบอกจริงๆ รู้ไหมคะวันนั้นเตี่ยกลับมาบ้านแล้วเล่าเรื่องของ เสธ.ฯ ให้ฟัง โอโฮ..คริสชื่นชมมากเลยค่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่ทำสิ่งที่ข้าราชการควรทำเท่านั้น อย่างอื่นผมก็ไม่ได้ดีนักหรอก”
เธอสบตาผมแล้วกล่าวว่า “ดีสิคะ อย่างน้อยเหตุการณ์วันนี้คริสก็รู้แล้วว่า เสธ.ฯ เป็นคนยังไง”
ผมนึกขึ้นได้ก็เลยบอกเธอว่า “วันนี้คงไปทานข้าวกับเสี่ยสมศักดิ์ไม่ได้แล้ว ฝากขอโทษด้วยนะครับ แล้ววันหลังผมจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียน”
“คริสโทรบอกเตี่ยแล้วค่ะ เตี่ยฝากชื่นชมกับกำชับให้คริสไปส่งด้วย”
ผมรีบปฏิเสธว่า “ไม่ต้องครับ ผมให้ลูกน้องมารับแล้วล่ะ ตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้ว ทางไปหน่วยของผมมันเปลี่ยว คุณคริสจะเป็นอันตรายเปล่าๆ”
จากนั้นอีกไม่นานพี่อ๊อฟก็ขับรถของผมมารับ คริสเดินมาส่งที่รถแล้วบอกว่า “เสธ.ฯ คะ..แล้วคริสจะไปรับมาทานข้าวใหม่นะคะ”
ผมพยักหน้าตอบรับ เธอเดินเข้ามาใกล้ พูดเบาๆ ว่า “คราวหน้าห้ามเรียกคุณนะ ให้เรียกว่าคริสเฉยๆ”
“ได้ครับ..คริสเฉยๆ”
คริสหัวเราะร่วน แหม่..น่ารักว่ะ ดวงกูนี่เจอแต่คนน่ารัก มันถึงต้องแรดอยู่เสมอไง เธอบอกว่า “คริสกลับบ้านก่อนนะ เสธ.ฯ ก้อง ฝันดีนะคะ”
พี่อ๊อฟจอมสาระแนรีบเข้ามาเคียงข้างแล้วแซวผมว่า “เสธ.ฯ ของไอ้อ๊อฟนี่ปฏิบัติการจิตวิทยาทั้งวันจริงๆ กลางวันปลอบขวัญสาวชาวไร่ ตกเย็นปลอบโยนสาวไฮโซ สุดยอดทหารบกไทยจริงๆ”
ผมหัวเราะ ก้าวเท้าขึ้นรถแล้วบอกว่า “ไปโว๊ยพี่อ๊อฟ จากนี้ไปปฏิบัติการจิตวิทยกามกับสาวๆ ที่ร้านอาหารดีกว่า let’s go!!!”...




ทรายละเอียด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2559, 07:47:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2559, 07:47:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 694





<< เป็นของกันและกัน   คิดถึงใจจะขาด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account