คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: บทที่ 9 The Star

The star

หากแสงดาวคือตัวแทนของความหวังที่แสนไกล
แสงไฟอาจจะเป็นความจริงที่ถูกมองข้ามไป


ชนิศาเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง หยิบกล่องไม้ใบเล็กมาเปิดออก เธอนั่งมองแหวนวงเล็กที่นอนนิ่งในนั้นอยู่นานก่อนจะถอนใจเบา ๆ
ครบ 2 ปีเต็มแล้วที่แหวนวงนี้มาอยู่กับเธอ

2 ปีที่เธอให้สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขา

และเกือบ 10 เดือน ที่เธอบอกลาและปล่อยให้เขาจากไปโดยไม่ได้ปล่อยเธอออกจากกรง

ผู้ชายคนนั้นรู้ดีว่าชนิศามั่นคงกับคำสัญญามากเพียงใด เมื่อไรที่เธอเอ่ยคำว่าสัญญา หญิงสาวจึงต้องเหลือทางออกให้ตัวเองเสมอ

"พี่ยังคิดถึงเชรีบ้างหรือเปล่าคะ..." เธอกระซิบคำกับแหวนวงสวย ราวจะส่งไปถึงคนที่เคยสวมมันลงบนนิ้วเรียว "ถ้าไม่คิดถึงกันแล้ว...จะเก็บเชรีไว้กับคำสัญญาเพื่ออะไร"

เธอปิดกล่องไม้ลงแล้วเก็บใส่ลิ้นชักตามเดิม ใบหน้าหวานเรียวเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อหันไปมองสบตาเงาตนเองในกระจก ร่างบางเดินตรงไปที่หน้ากระจก แตะนิ้วลงวาดรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน

"เข้มแข็งไว้ เชรี...แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป"


ชนิศากำลังสวมถุงมือปลอดเชื้อเมื่อปนิตาผลักประตูเข้ามาในห้อง หญิงสาวร่างเล็กในชุดกึ่งปลอดเชื้อสีเขียวสำหรับใช้ในห้องผ่าตัดมองดูคนที่อยู่ในชุดคลุมผ่าตัด ปิดหน้าด้วยหน้ากากผ้าอย่างพิจารณาเพียงครู่ก็ทักได้อย่างคุ้นเคย

"เชรี..."

"พี่นิลมาทำอะไรคะ" ชนิศาเอ่ยถาม แกะเชือกผูกที่ชุดคลุมส่งด้านหนึ่งให้พยาบาลแล้วหมุนตัวรับปลายเชือกมาผูกข้างตัว

"พี่มารอต่อห้อง"

"อ้าว...เคสยังไม่เริ่มก็มาไล่ที่กันแล้วเหรอคะ" เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ "ไม่เป็นไรนะคะ หนูขอเย็บแผลปิดท้องแปปเดียว"

"เออ...เร็ว ๆ นะ พี่อยากได้ห้อง" ปนิตาเดินไปยืนมองรุ่นน้องสาวที่ป้ายยาฆ่าเชื้อลงบนหน้าท้องของผู้ป่วยที่มีแผลเปิดไว้จากการผ่าตัดครั้งแรก

ชนิศาเหลือบมองรุ่นพี่สาวที่ยืนรอข้างเตียง แล้วหัวเราะเบา ๆ "นี่มายืนกดดันกันเลยเหรอคะ"

"เปล่า ๆ พี่หนีมากบดาน" ปนิตาหัวเราะ "ขอเวลาอู้แปป นี่ตั้งแต่เช้าพี่ยังแทบจะไม่มีเวลาหายใจเลยนะ"
"เหนื่อยแย่เลยนะคะ ชีฟ"

"นั่นสิ เชรีหาคนมาดูแลพี่เร็ว" หญิงสาวแกล้งโอดครวญใส่รุ่นน้อง

ชนิศาหยิบเครื่องมือมาเย็บแผล แสร้งถอนใจเบา ๆ "เชรียังหาให้ตัวเองไม่ได้เลยค่ะ นี่ที่จีบอยู่ก็ไม่มีท่าทีจะสนใจกันเลย"

ปนิตาทำตาโตมอง เลื่อนตัวมาหลังรุ่นน้องสาว "ใคร แกจีบใครอ่ะ"

"พี่กานต์ไงคะ...จีบมาตั้งนาน ไม่สนใจกันบ้างเลย"

รุ่นพี่สาวกลอกตาอย่างอ่อนใจ "การันต์นั่นแกจีบมันเล่น ๆ เปล่าวะ รายนั้นเสน่ห์แรงจะตาย"

"โหย...ทำไมคิดว่าเชรีเล่น ๆ กันหมดเลยล่ะคะ ไม่คิดว่าเชรีจริงจังบ้างเหรอ"

"แต่ได้ยินว่าการันต์จีบมีนาป่ะ" ชื่อของเพื่อนสาวร่วมรุ่นแพทย์ประจำบ้านทำให้ชนิศาขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ

"อะไรนะคะ...เจ้ไปเอามาจากไหน"

"ไม่รู้ ก็เห็นเขาพูดกัน"

ชนิศาหัวเราะเบา ๆ "ไม่รู้ล่ะ เจ้ไปสืบให้น้องเลย ถ้ามีแววจะปลูกนาแห้วน้องจะได้รีบถอย"

"แกกลัวปลูกนาแห้วแต่ให้ฉันไปปลูกนาเผือกน่ะนะ"

"แหม...อย่าเรียกเผือกสิคะ" รุ่นน้องสาวหัวเราะเบา ๆ เมื่อผูกไหมปมสุดท้ายให้พยาบาลผู้ช่วยตัดเรียบร้อย เธอหมุนตัวออกจากพื้นที่ข้างเตียงผู้ป่วย ให้พยาบาลเข้าไปช่วยปิดแผล

"ปกติเจ้ใช้คำว่ามีความใส่ใจในระดับใกล้ชิดนี่นา"
ปนิตาหัวเราะ "เออ ฉันต้องใส่ใจทุกคนอย่างใกล้ชิด"

"ใช่เลย...เจ้ไปสืบมาให้น้องนะคะ คนสวยนะ"

เธอถอดชุดคลุมผ่าตัดออก ยื่นหน้ามาเกยคางบนไหล่รุ่นพี่สาวอย่างออดอ้อน "เชรีรู้ เดี๋ยวเจ้ก็หาทางรู้จนได้ล่ะ"

"นี่แกชมฉันเปล่าวะ"

"ชมสิคะ...ชมว่าเจ้เป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจเพื่อนมนุษย์" หญิงสาวฉีกยิ้มหวานทำตาประจบ แล้วรีบเดินไปช่วยเปลี่ยนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะตามไปส่งผู้ป่วยถึงห้องพักฟื้น


ชนิศาเปลี่ยนชุดออกจากห้องผ่าตัด หยิบโทรศัพท์มากดเล่น ก่อนตัดสินใจพิมพ์ข้อความหาการันต์

Che'rie : ทำไมทุกคนคิดว่าหนูจีบพี่กานต์เล่นๆกันหมดเลย
Che'rie : กระทั่งพี่นิลยังบอกได้
Che'rie : หนูจริงจังนะคะนี่

หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ตัวสั้น เดินไปโรงอาหารเพื่อหาข้าวกลางวัน ไม่คิดว่าเพียงก้าวเข้าไปในห้องอาหารรวม ก็พบการันต์นั่งอยู่ก่อนแล้ว

"อ้าว...วันนี้ว่างเหรอคะ"

"เวรสแตนบายค่ะ"

"ดีจัง จองที่ไว้ก่อนได้ไหมคะ มีใครนั่งด้วยหรือยังคะ เดี๋ยวเชรีไปหาข้าวก่อน" เธอบอกพร้อมวางกระเป๋าสะพายไว้ตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม หมุนตัวจากไปโดยไม่รอคำตอบ

เมื่อเดินกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มยังนั่งอยู่ที่เดิม เขาคลี่ยิ้มมองหญิงสาวที่นั่งลงตรงหน้า เอ่ยคำถามกึ่งขัน

"พี่กลายเป็นของเล่นของหนูไปแล้วเหรอเนี่ย"

"ไม่ค่ะ...บอกแล้วไงคะว่าเชรีจริงจัง" เธอทำหน้าจริงจัง แต่แววตาหวานที่สบตาเขาราวจะล้อเลียน

"แล้วไปเจอพี่นิลได้ยังไง พี่นิลไม่ได้อยู่วาสนี่"

"ไปเมาท์กันในโออาร์ค่ะ พี่นิลมารอใช้ห้องต่อ"

"น่ากลัวจัง หลุดเข้าไปในวงเมาท์ของสาว ๆ เสียแล้ว"

ชนิศาอมยิ้ม เงยหน้ามองชายหนุ่ม "พี่กานต์คะ"

"ว่าไง"

"เชรีจริงจังนะคะ พี่กานต์เชื่อไหม" เธอจ้องหน้าเขานิ่ง เอ่ยคำถามเสียงเรียบ

การันต์อมยิ้ม ก้มมองจานข้าวตรงหน้า "อือ...พี่เชื่อ"

ชนิศาหัวเราะรื่นเริงอย่างพอใจ ก่อนเอียงตัวไปใกล้ชายหนุ่ม "อย่างนั้นก็รีบ ๆ ใจอ่อนกับหนูได้แล้วค่ะ ใจอ่อนนะคะ...ไม่ใช่อ่อนใจ"

"ไม่เอาอ่อนเพลียด้วยใช่ไหม"

"ถ้าพี่กานต์อ่อนเพลีย เดี๋ยวหนูหาข้าวหาน้ำให้กิน" หญิงสาวคลี่ยิ้มหวาน มองหน้าเขาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่ม "ให้หนุนตักด้วยก็ได้...น่ารักไหมคะ"

"หนุนตักเลยเหรอ" การันต์หัวเราะ "หนูอยู่วาสน่าจะเพลียกว่าพี่นะ"

"เชรีมีแรงอ่อยและจีบพี่กานต์จนกว่าจะใจอ่อนนั่นล่ะค่ะ" ชนิศาบอกหน้าตาเฉย ราวเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ขณะที่การันต์หัวเราะในคออย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก

เขาเงียบไปครู่ ก่อนเอ่ยถาม "หนูดู w ตอน 7 หรือยัง" เขาพูดถึงซีรีย์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยม และชนิศาก็ชื่นชอบมากับนางเอกที่เป็นแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ทรวงอก และพระเอกเกาหลีหน้าขาวตาขวางที่มีเสน่ห์จนเธอแทบละลาย

"ดูแล้วค่ะ ค้างอยู่ตอนนั้นล่ะค่ะ น่ารักสุดขอบโลก" เพราะเป็นตอนที่พระเอกตัดสินใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงในโลกการ์ตูนด้วยฝีมือของนางเอก และยังยอมรับที่จะรักนางเอกอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง

"เดี๋ยวพี่มัดผมให้ เป็นการตอบแทน" คำพูดเรียบ ๆ ของเขาทำให้ชนิศาชะงักมือที่กำลังถือช้อนตักอาหารอย่างง่ายดาย ถ้าเธอขวัญอ่อนกว่านี้อีกนิดคงเผลอทำช้อนตก

ชนิศาไม่กล้าพอจะมองตาเขา เธอก้มหน้ามองจานข้าว สูดลมหายใจยาวลึกเพื่อตั้งสติ

เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเอ่ยคำนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน เพียงตั้งใจจะแกล้งเธอกลับที่หยอดเขาหน้าซื่อตาใส หรือหมายความตามนั้นจริง ๆ

เขาไม่รู้ ว่าเธอหลงรักความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดด้วยการเคียงข้าง

หญิงสาวแสร้งหัวเราะเสียงใส "โหย แปลว่าพี่กานต์เลือกข้อสามสินะคะ" เธอหมายถึงทางเลือกที่พระเอกซีรี่ย์ยื่นให้นางเอกสาวเลือกในความสัมพันธ์

ข้อสาม คือการดูแลที่สวีทหวานทุกวัน

"ด้วยความยินดีค่ะ" เธอเอียงคอ เงยหน้ามองเขาได้อีกครั้ง

"จะเลือกข้อสี่ก็กลัวเชรีไม่ถนัด" เขาหมายถึงข้อสี่ เซ็กซี่แบบผู้ใหญ่

ถ้าคิดว่าจะเห็นสีหน้าเขินอายของชนิศา การันต์คงต้องผิดหวัง หญิงสาวเพียงหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก ทำหน้าซื่อบอกหน้าตาเฉย

"ถ้าพี่กานต์หล่อเหมือนคังชอล หนูจะไปหาหนังสือมาอ่านเลยค่ะ"

ชายหนุ่มหัวเราะ "ความหล่อชนะทุกสิ่ง" ปลายเสียงกึ่งหยันทำให้ชนิศาหรี่ตามองอย่างสนใจ

การันต์ไม่ใช่ผู้ชายหล่อ คนตรงหน้าเธอดูธรรมดาไม่ได้โดดเด่น หากเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเขาก็คงถูกกลืนหายไปได้ง่าย ๆ แต่เขามีเสน่ห์ที่ความอบอุ่น ใจดีมากกว่า และคงเพราะชนิศาถูกดึงดูดได้ง่ายด้วยสิ่งเหล่านี้ เธอจึงมองเห็นเขาทุกครั้ง

หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ไม่รู้ว่าเขาฝังใจอะไรกับคนหล่อนักหนา

"แค่หล่อไม่พอหรอกค่ะ" ถ้าแค่หล่อแล้วพอให้ฝากหัวใจ เธอคงไม่ร้องขอให้ใครคนนั้นปล่อยเธอจากกรงขัง

"ผู้หญิงหลงรักผู้ชายที่อบอุ่น ใส่ใจ...และเผด็จการนิด ๆ นะคะ"

"ต้องเผด็จการด้วยเหรอ ชอบถูกบังคับเหรอคะ" การันต์อมยิ้ม มองหน้าเธออย่างค้นหา

"ก็นิดนึงค่ะ" เธอชอบความรู้สึกของการถูกใส่ปลอกคอ

"พี่เผด็จการไม่ค่อยเก่ง เป็นสายยอมคน"

ชนิศาเอียงคอครุ่นคิดเพียงครู่ ก็บอก "แค่บังคับไม่ให้หนูปล่อยมือจากพี่ ก็รักตายแล้วค่ะ"

การันต์นิ่งงันไปครู่ใหญ่ หัวเราะเบา ๆ ในคอ "นี่หยอกทีร้อยนึงเลยเหรอ"

"ได้ถึงร้อยไหมคะ"

"กระปุกมีไว้หยอดเหรียญ ไม่ใช่ไว้หยอดแบงค์นะคะ หนูต้องไปแลกเหรียญมา"

ชนิศาอมยิ้มอย่างรู้ทัน "หนูหยอดแต่หัวใจมาตลอด...มิน่าล่ะไม่เต็มเสียที" เธอรวบช้อนไว้บนจาน ยกมือไหว้ด้วยความเคยชิน ขอบคุณสรรพชีวิตที่ก่อกำเนิด และเสียสละเพื่ออาหารจานนี้

"ไปดีกว่า...โดนพี่กานต์ปฏิเสธบ่อย ๆ หัวใจหนูก็อ่อนแอเหมือนกันนะคะ" เธอคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนยกจานเดินจากไป


ชนิศาเดินตามวงราวน์ของแพทย์ประจำบ้านไปตามเตียงของผู้ป่วย เธอกอดอกมองรุ่นน้องสาวรายงานอาการผู้ป่วยกับชีฟ ขณะที่รุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ช่วยกันทำแผล นาฬิกาบอกเวลาใกล้สองทุ่มเต็มที หญิงสาวถอนใจเบา ๆ วันนี้งานในห้องผ่าตัดเสร็จช้ากว่าที่คาดไว้

เธอหยิบโทรศัพท์มากดข้อความส่งหาการันต์
Che'rie : ยังราวน์สามัญไม่เสร็จเลย

เธอถอนใจเบา ๆ เพราะหน้าที่หลักของเธออยู่ที่วอร์ดอื่น ๆ ที่ขอคำปรึกษามาซึ่งหญิงสาวต้องไปตรวจเยี่ยมหลังเสร็จการราวน์วอร์ดสามัญพร้อมกลุ่มเพียงลำพัง ไม่นาน อีกฝ่ายพิมพ์ข้อความตอบกลับมา

Karunt : ทำงานไปเล่นไลน์ไป ระวังโดนแย่งมือถือไปดูนะ

หญิงสาวลอบอมยิ้ม

Che'rie : คนนิสัยเสียแบบเชรีมีอยู่ไม่กี่คนหรอกค่ะ
Che'rie : ถ้าใครถามจะบอกว่าขอเวลาเชรีจีบว่าที่แฟนหน่อยนะคะ

เธอเก็บโทรศัพท์เมื่อหันไปเป็นรุ่นพี่ที่มาเรียนต่อเฉพาะทาง ร่างบางรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา หยิบเอกสารขอคำปรึกษาจากต่างแผนกออกมาส่งให้ชายหนุ่ม

"มีเคสคอนเซาท์ขอแทงไลน์จากเมดค่ะ" เธอหมายถึงการขอคำปรึกษาเพื่อทำสายสำหรับฟอกเลือด "หนูถามเมเนเจอร์แล้ว พรุ่งนี้มีห้องว่างช่วงบ่าย น่าจะใส่เข้าตารางได้ หรือพี่อยากทำอีเมอร์วันนี้ไหมคะ"

เคสแบบนี้ จะว่าด่วนก็ด่วน จะว่ารอได้ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เธอจึงขอความเห็นจากเขาก่อน

ชายหนุ่มรับเอกสารไปอ่านคร่าว ๆ ก่อนพยักหน้ารับ "ลองถามอาจารย์ดูก่อนก็ได้ ถ้าอาจารย์โอเคก็เซทมาพรุ่งนี้บ่ายก็ได้"

"ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ" เธอเอ่ยรับ แล้วเดินออกจากวงราวน์ไปโทรศัพท์รายงานอาจารย์ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หญิงสาวจึงเดินกลับมารายงานรุ่นพี่ที่เป็นเมเนเจอร์ ดูแลตารางการผ่าตัด

กว่างานจะเรียบร้อย หญิงสาวก็ล้าจนแทบลากขาเดินไม่ไหว ร่างบอบบางก้าวไปตามระเบียงทางเดินคล้ายผีญี่ปุ่นที่พร้อมหลอกหลอนผู้คน เธอถอนใจหนัก ๆ หยิบโทรศัพท์มากดเล่น เพิ่งเห็นว่าการันต์ส่งข้อความตอบมาทิ้งไว้

Karunt : ใครจะไปกล้าแย่งมือถือเชรี ยิ่งบอกว่ากำลังคุยกะแฟน

Che'rie : ถ้าเป็นพี่กานต์ ก็ไม่ต้องแย่ง หนูยื่นให้ดูเลยก็ได้นะคะ

เธอพิมพ์ข้อความตอบ ไม่คิดว่าเขาจะตอบกลับมาแทบทันที
Karunt : ลองสลับกัน ถ้าเป็นปันปันมาแย่งไปดูคงน่าสนใจ

Che'rie : แย่เลย
เธอพิมพ์ไปแล้วก็กลับเปลี่ยนใจ
Che'rie : แต่อาจจะดีก็ได้นะคะ
Che'rie : ถ้าปันปันเป็นฝ่ายถามพี่ว่าชอบหนูเหรอ คำตอบจะเหมือนที่หนูได้ไหมนะ

เขาจะตอบชัดเจนว่าไม่ได้ชอบเธอหรือเปล่า

Karunt : ลองให้ปันปันถามดูสิ

หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เธอจะกล้าทำตัวร้ายกาจกับปัณณาเช่นนั้นได้อย่างไร คิดแล้วเธอก็ได้แต่พิมพ์ข้อความด้วยความหมันไส้
Che'rie : โอย ใจร้ายจังค่ะ

Karunt : ใจเย็น พี่ยังไม่ได้ตอบอะไรเลย

ดูเหมือนนัยยะความใจร้ายของเธอและเขาจะต่างกัน แต่เมื่อเขาตีความว่าเธอต่อว่าและตีความว่าเขาปฏิเสธ เธอก็สวมรอยหยอกต่อ

Che'rie : เคยดู doctor ป่ะคะ
เธอหมายถึงซีรีย์เกาหลีอีกเรื่องที่มีตัวเอกเป็นศัลยแพทย์สาวที่เคยมีอดีตเป็นเด็กเกเรมาก่อน

Karunt : ยังเลย ล่าสุดก็ w นี่ล่ะ แฟนตาซีดี

Che'rie : หนูเพิ่งดูเมื่อวานเลย
Che'rie : พระเอกบอกคนที่มาชอบว่า เธอคิดว่า ฉันจะบอกว่าชอบนางเอกให้เธอฟังก่อนนางเอกเหรอ

นั่นแปลว่า หากเขาชอบเธอเขาก็คงบอกเธอก่อนจะบอกคนอื่น ไม่ใช่เอ่ยตอบปัณณา แต่งำความกับเธอ ตรรกะง่าย ๆ นี้ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาชอบ

ชายหนุ่มเงียบไปนาน จนชนิศาเดินมาไขประตูห้องพัก เข้ามานอนกลิ้งอยู่บนเตียงที่หอ วันนี้เธออยู่เวร

Karunt : ก็ถ้าเขาคิดว่านางเอกไม่ชอบ นางเอกก็อาจจะไม่ได้ยินเลยก็ได้นะ

ชนิศาได้แต่ถอนใจ เธอไม่รู้ว่าการันต์ตั้งใจไหม หรือเขากำลังคิดเทียบสถานการณ์ของตัวเองจนลืมคิดว่าเธอเองก็กำลังหาข้อมูลเทียบสถานการณ์ของเธอจากคำพูดของเขาเช่นกัน

เธอไม่อยากคิด ว่าเขาคิดว่าเธอไม่ได้ชอบเขา เมื่อเธอทุ่มสุดตัวถึงขนาดนี้

แม้ความจริง ชนิศาจะยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเธอวางเขาไว้ในฐานะใด

Che'rie : นางเอกเรื่องนี้น่ะ ไม่รู้จักคำว่ารักด้วยซ้ำ

Karunt : เป็นคนที่ใจร้ายจัง

ชนิศาได้แต่ถอนใจ เธอยังไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่รู้จักความรักนั้นใจร้ายตรงไหน เมื่อไม่รักก็ไม่คิดแย่งชิง ไม่เหนื่อยล้ากับการถือครอง ไม่ใช่ความสุขที่สุดหรอกหรือ

Che'rie : เป็นคนที่น่าสงสารมากกว่าค่ะ
Che'rie : แล้วก็โชคดีมาก ที่พระเอกอดทนสอนเธอ

เพราะนางเอกเรื่องนี้เติบโตมาในครอบครัวที่ขาดแคลนความรัก เมื่อพบคำว่ารักเธอจึงหวาดกลัวจนไม่สามารถจะยอมรับได้ง่ายดายนัก

Karunt : คนเราพอเจอโชคร้าย ก็คงไม่คิดว่าจะเจอเรื่องดีๆเข้ามา
Karunt : คนทีมาแก้ complication ก็ลำบากหน่อยนะ

ชนิศานิ่งไปนาน เธอแน่ใจแล้วว่าเขากำลังคิดเทียบกับเรื่องของตนเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำถามที่เธอต้องการรู้เลย
ผู้หญิงคนนั้นที่ทำร้ายเขาไม่ใช่เธอ

และผู้หญิงที่เขาชอบก็ไม่ใช่เธอเช่นกัน

หญิงสาวถอนใจเบา ๆ วูบหนึ่งที่หัวใจไหวไปราวกับมีพายุฝนพรำ เธอเศร้าที่ไม่ใช่คนในใจเขา แต่ไม่ได้แย่จนไม่คิดอยู่เคียงข้างกัน

เขายังเป็นคนที่เธออยากอยู่ข้าง ๆ ปลายนิ้วเรียวจึงแตะจอพิมพ์ข้อความ

Che'rie : ไม่เป็นไรนะคะ
Che'rie : หนูใจเย็นพอจะค่อยๆแก้ complication ให้พี่กานต์อยู่แล้วค่ะ

การันต์ไม่เคยรู้ เมื่อไรที่ชนิศาปล่อยให้ใครก้าวเข้ามานั่งอ้วนอยู่ในใจเธอแล้ว หญิงสาวจะเคียงข้าง ใส่ใจ และมั่นคงกับความสัมพันธ์จนกว่าวันที่เขาไม่ต้องการ

นั่นคงเป็นเหตุผลที่เธอยังเก็บแหวนวันนั้นไว้กับคำสัญญา

เธอรักการเคียงข้าง การจับมือใครสักคน การจูบซับน้ำตาที่ไหลรินด้วยความเจ็บปวด การโอบกอดแทนกำลังใจที่อ่อนโยน ความรู้สึกที่ได้พยุงคนที่รักไว้คือความอ่อนหวานในหัวใจที่เธอเรียกมันว่าศรัทธา

หากรักต้องการความรักตอบ
ศรัทธาของเธอต้องการเพียงการเคียงข้าง

-----
มีใคร...เข้าใจความสัมพันธ์ฉบับเขรีไหมคะ เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงร้ายกาจและนิสัยเสียอยู่นิด ๆ เอ็นดูเธอหน่อยนะคะ

คุณคิมหันตุ์ : ขอบคุณสำหรับการจับไก่ค่ะ น่ารักที่สุดเลย ไอซ์เลยส่งพี่กานต์มาให้ฟินแบบเต็ม ๆ บทนี้...ฟิตไหมคะ

คุณ SaranyaW : เจ็บแต่จบใช่ไหมคะ

คุณ sai : เชรีชอบสะสมเฮียค่ะ

บทนี้เขียนตอนไอซ์กำลังติดซีรี่ย์ เลยมีงอกเต็มเลยค่ะ เพราะพี่กานต์ก็ปลื้มนางเอกเกาหลี กลายเป็นบ้าซีรี่ย์กันทั้งคู่

ฝากเชรีไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

โปรย The Tower

"จำที่หนูเคยส่งเรื่องกำแพงให้พี่ได้ไหม" เธอเคยส่งบทความที่เขียนถึงกำแพงหัวใจที่ปิดกั้นไม่ให้ใครเดินเข้าไปให้เขาอ่าน

"รู้ไหม...กำแพงมันไม่มีจริงหรอก เราแค่มโนว่าที่เราเข้าไปไม่ถึงเพราะมีกำแพงกั้น" เขาถอนใจเบา ๆ เงยหน้ามองฟ้าที่มืดสนิทด้วยรอยยิ้มกึ่งหยันกับโลก "การที่เราเข้าไปไม่ถึง จริง ๆ เพราะเราไม่ได้คู่กันไง ต่อให้ไม่มีกำแพงความเป็นเพื่อนก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี"

"เชรีสอนพี่เองไม่ใช่เหรอ...เราไม่ควรหวังอะไรกับคนที่ไม่ได้สนใจเรา" เขาหันมามองเธอนิ่ง



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2559, 16:58:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2559, 16:58:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 973





<< บทที่ 8 The Sun   บทที่ 10 The Tower >>
sunflower 5 ต.ค. 2559, 17:17:28 น.
ชอบเชรีค่ะ ดูจับต้องได้ จริงๆ ซันว่าความสัมพันธ์ ถึงเราจะชัดเจนแค่ไหน มันก็ดูสับสนอยู่ดี เพราะยังไง เราก็ไม่สามารถ บังคับความรู้สึกตัวเองได้


คิมหันตุ์ 6 ต.ค. 2559, 02:48:07 น.
การที่มีคนเคียงข้างก็ดีนะคะ อยุ่ทึ่ว่าคนๆ นั้นอยากให้เราเคียงข้างไหม. ถ้าไม่อยากเราก็เศร้าไปอี้กกก
ปล.เรื่อง W นี่ดูไปดูมาไม่รุ้สึกว่านางเอกเป็นหมอ อิอิ มีแต่ฉากอยุ่กับคังชอลให้จิกหมอนกระจุยกระจายตล๊อดดด!!


Zephyr 22 ต.ค. 2559, 09:25:43 น.
ลุ้นต่อไปว่าเรื่องสับสนวนเวียนนี่จะคลี่คลายยังไง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account