กามเทพเฮี้ยนเพี้ยนรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็มีวิญญาณเข้ามาวนเวียนในชีวิต วิญญาณที่ไม่ได้มาหลอกหลอน เพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง...ที่ต้องอาศํยข้อแลกเปลี่ยน
Tags: แนวผี

ตอน: ตอนที่ 3 เงื้อนงำและเบาะแส

3

เขมขวัญกลับบ้านด้วยความหวังที่ปะปนเอาความกังวลใจไว้เต็มเปี่ยม เมื่อเธอคิดว่าวันนี้ช่างเป็นวันแห่งการเริ่มต้นอันแสนเลว
ร้าย...

เริ่มจากฝันสยองที่เธอต้องติดอยู่ในบ้านลึกลับจนสุดท้ายโดนอนาคอนด้าเขมือบ ทำให้ต้องตื่นไปสอบสัมภาษณ์งานสาย แถม
ยังมาซวยซ้ำซวยซ้อนกับคนรวยที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ...คนขับรถนั้นไม่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ลงมาขอโทษขอโพยกับความ
ผิด แต่ไอ้เจ้าของรถนี่สิ...นึกถึงที่ไรให้รู้สึกเหมือนเลือดขึ้นหน้าทุกที

“ซวยตั้งแต่ในฝันแล้วยังจะมาซวยในความเป็นจริงอีก” บ่นพลางคลี่กระโปรงดูรอยเปื้อนจางๆ หลังจากที่เธอผลัดเปลี่ยนชุด
สมัครงานนั้นออกมาสวมชุดอยู่บ้าน เสื้อยืดลายการ์ตูนน่ารักกับกางเกงขาสั้น

“ซักออกหรือเปล่าก็ไม่รู้...” ว่าพลางรวบชุดเจ้าปัญหานั่นรวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้แล้วใส่ลงในตะกร้าหิ้วเดินลงบันไดไปยังลานสัก
ล้าง

ฐานะอย่างเธอ มีกะละมังสองใบกะผงซักฟองที่ใช้ซักด้วยมือก็หรูแล้ว ครั้นจะหวังมีเครื่องซักผ้า คงต้องรอความพร้อมด้าน
สถานะการเงินที่คาดว่าคงอีกนานโข และนั่นคงไม่มีวันเกิดขึ้น...เขมขวัญพอใจที่จะซักมือมากว่าการซักด้วยเครื่อง เพราะ
เสื้อผ้าที่ซักมือสะอาดกว่า น้ำที่เหลือ ยังใช้ทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้า แถมเธอยังได้ออกกำลังกายไปในตัว และที่สำคัญ
ผงซักฟอกที่ใช้กับมือราคาถูกกว่าผงซักฟอกที่ใช้กับเครื่องแยะ

เขมขวัญใช้เวลาซักผ้าไม่ถึงสามสิบนาที เพราะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่วัน เสื้อผ้าที่ใช้แล้วจึงมีไม่กี่ชุด เธอตากเสื้อผ้าทั่วไปไว้ที่ราว
ตากผ้าด้านล่าง ยกเว้นชุดชั้นในที่เธอถือไปตากไว้ยังราวลวดที่ระเบียงห้องนอน ก่อนจะมานอนมือก่ายหน้าผากคิดถึงคำถาม
และคำตอบที่เธอตอบออกไปในระหว่างสอบสัมภาษณ์

“ไอ้คำถามสุดท้ายเราไม่น่าตอบอย่างนั้นเลย ไม่รู้เขาจะคิดว่าเราประชดหรือเปล่านะ...เฮ้อ...” บ่นพลางถอนหายใจเฮือก “น่าจะ
ตอบไปว่ายินดี อย่างน้อยก็ขอให้ได้งานก่อน...ถ้าไม่ไหวค่อยหางานใหม่”

สายลมเย็นพัดแผ่วเข้าทางช่องประตูระเบียงที่เธอเปิดเอาไว้ เย็นสบายดั่งเป็นคำปลอบประโลมจากธรรมชาติ ถึงไม่ทำให้
ความกังวลสูญไป แต่ก็ช่วยให้หัวใจสงบ

“จะได้มั๊ยนะ...ขอให้ได้ทีเถอะ จะได้มีเงินส่งไปให้พ่อกับแม่ตัดดอก ใช้หนี้” เปลือกตาที่ประดับด้วยแพขนตางอนหรี่ลงจนปิด
สนิททั้งถอนหายใจระบายความขุ่นมัวให้ทุเลา ก่อนจะเปิดกว้างอีกครั้งเมื่อนึกถึงผู้ชายคนที่พบเมื่อเช้า

“เพราะนายนั่นแท้ๆที่ทำให้อารมณ์เสียจนตอบคำถามประชดประชันไปอย่างนั้น...ถ้าไม่ผ่านการคัดเลือกต้องโทษไอ้ผู้ชายคน
นั้นคนเดียวเลย...ผู้ชายแย่ๆแบบนี้ ขออย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยเถอะ...เจ้าประคู๊น...” เขมขวัญแทบยกมือพนมขึ้นเหนือหัว...

เมื่อได้ซัดทอดความผิดให้ใครบางคนไปแล้ว ความสบายใจก็บังเกิด ความขุ่นมัวถูกเจือจางลงไปมาก และมากพอจะทำให้
เธอใช้ความเย็นสบายของสายลมช่วยให้หลับสบายอย่างคนว่างงาน...

เมื่อคืนนี้เธอต้องผจญกับฝันร้าย... เช่นนั้นก็ขอนอนกลางวันชดเชยเสียหน่อย ไม่แน่ ฝันที่ได้ในยามนี้อาจเป็นฝันดีก็ได้...ใครจะ
รู้

และแล้วดวงตาที่เปิดกว้างก็หรี่ลงอีกครั้งจนปิดสนิทไปพร้อมกับสายลมสุดท้ายที่หอบหมอกจางๆบางอย่างคล้ายไอน้ำ
กระทบกระจกเงาจนเกิดฝ้าเข้ามาทางช่องประตูระเบียง ลอยเข้ามาใกล้และหยุดลงข้างหญิงสาวที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ก่อน
จะรวมตัวจนเกิดเป็นรูปร่างเสมือนมนุษย์แล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว



“มันเหมือนมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล...บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร...คงได้เวลาที่กริชจะต้องกลับมาเมืองไทยแล้วล่ะ
กลับมาช่วยป้าค้นหา มาตรวจสอบบางอย่างที่บริษัท”

จดหมายจากป้าทิพย์ราตรีที่มีไปถึงกริชนะเมื่อหลายเดือนก่อนทำให้...แม้จะเป็นวันแรกของการเข้ามาเหยียบบริษัทใน
ตำแหน่งประธานกรรมการผู้ถือหุ้นสูงสุด กริชนะก็หาได้ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์...เมื่อเขาได้รับความไว้
วางใจจากผู้เป็นป้าในการสืบทอดมรดกแต่เพียงผู้เดียว รวมไปถึงการค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ผู้เป็นป้าเอ่ยถึง เขาก็ต้องทำทุก
สิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุดสมกับความไว้วางใจอันนั้น

นึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไม่รีบกลับตั้งแต่ได้รับการเรียกตัว จนทำให้ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณญาติสนิทหนึ่งเดียว ที่เป็น
ดั่งบุพการี เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจนั่นแท้เชียว น้อยเนื้อต่ำใจจากการถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดายโดยลำพังในต่างแดน
นานนับสิบปี

“ขอดูสถานะการเงินของบริษัทหน่อย” ชายหนุ่มสั่งการ

“เอ่อ...ต้องการสถานะการเงินของแผนกไหนครับ” หัวหน้าฝ่ายบัญชีเอ่ยถาม เสียงตะกุกตะกัก

“ทั้งหมดนั่นแหล่ะคุณเสริมชัย...” กริชนะมองไปยังผู้กำลังรอรับคำสั่งของเขาด้วยแววตาคมดุ

“คะ...ครับ” เสริมชัยรับคำก่อนจะรีบถอยกลับออกไปจากห้องเพื่อหาสิ่งที่ประธานใหญ่ต้องการ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งในเวลาไม่ถึงสองนาทีหลังจากพ้นร่างของหัวหน้าฝ่ายบัญชี มีผลให้คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่าง
แปลกใจเมื่อคิดถึงความรวดเร็วในการหาข้อมูลที่เขาต้องการ

“เชิญ”

ทว่าความคิดครั้งแรกนั้นผิดถนัด เพราะคนที่เปิดประตูเข้ามากลับเป็นคุณอนงค์ ผู้ช่วยฝ่ายบุคคลที่เพิ่งจะทำการสอบ
สัมภาษณ์ค้นหาพนักงานใหม่เสร็จ

“ใบสมัครตำแหน่งเลขานุการค่ะ...” เธอบอกเบาๆ ขณะเดินเข้ามาวางแฟ้มปกแข็งมีดำลงบนโต๊ะ

“ครับ...ขอบคุณ” ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบแฟ้มมาเปิดดูคร่าวๆ

“เรื่องผู้สมัครตำแหน่งบัญชี คุณกริชมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ” อนงค์หยั่งความต้องการของเจ้านาย

“ก็แล้วแต่พวกคุณจะพิจารณา สำหรับผม ไม่ใช่คนเรื่องมาก ผมขอแค่คนที่จะเข้ามาทำงานกับเรา เป็นคนมีคุณภาพก็
พอ...ประเมินทดลองงานสามเดือน ถ้าไม่ไหวก็เชิญออก ผมไม่เดือดร้อน” กริชเอ่ยเหมือนไม่ใส่ใจ

“ค่ะ...แล้วเรื่องเลขานุการคนใหม่แทนคุณนงนุชที่ลาออกไปนี่ล่ะคะ”

“ไว้ผมดูก่อน...เลือกได้แล้วจะส่งให้ทางคุณแจ้งให้เขาเข้ารายงานตัว”

“ค่ะ...ถ้างั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” อนงค์รับคำก่อนจะถอยกลับไปที่ประตู สวนกับเสริมชัยที่ผ่านเข้ามาพอดี

“นี่ครับสรุปรายรับรายจ่ายประจำปี...อันนี้เป็นไตรมาสล่าสุดที่เพิ่งนำเสนอบอร์ดบริหารเมื่อเดือนที่แล้วครับ” เสริมชัยวางแฟ้ม
ปกแข็งอย่างหนาลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านายใหญ่ก่อนจะถอยออกมาสังเกตการณ์อยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ

กริชนะวางแฟ้มใบสมัครในมือลงทั้งๆที่เพิ่งจะเปิดไปได้ไม่กี่แผ่น เปลี่ยนมาคว้าแฟ้มหนาที่มีความสำคัญมากกว่าขึ้นมาดู...

ชายหนุ่มไล่สายตาไปอย่างช้าๆในช่วงแรก ก่อนจะกวาดตาเร็วขึ้น ซึ่งเสริมชัยไม่อาจรู้ว่าถึงหน้าไหนกระทั้งแฟ้มนั้นถูกปิดลง
แล้วความสนใจของเขาก็กลับมาลงอยู่ที่ชายหนุ่มหัวหน้าแผนกบัญชีอีกรอบ

“ผมอยากได้แบบนี้สักสามปีย้อนหลัง พอจะหาให้หน่อยได้ไหม”

“เอ่อ...มันค่อนข้างเยอะเอาการนะครับ”

“ไม่เป็นไร...ผมจะค่อยๆดูไปทีละปี...คือ...ผมเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ต่อจากท่านประธานคนก่อน เรื่องบัญชีงบดุลพวกนี้ไม่ค่อย
สันทัดเท่าไหร่ กลัวว่าถ้ากรรมการผู้ถือหุ้นท่านอื่นๆ สอบถามผมจะตอบเขาไม่ได้...เขาอาจหาว่าผมแย่ ไม่รู้จักทำการบ้านมา”

“อ๋อครับ...ไม่มีปัญหาครับ เอาเป็นว่า ผมจะจัดการให้” เสริมชัยยิ้ม

“เอาเถอะ...คงหมดเรื่องที่จะรบกวนคุณแล้ว เชิญไปทำงานต่อเถอะครับ” กริชนะผายมือเป็นสัญญาณอนุญาต

พอพ้นหลังหัวหน้าแผนก กริชนะก็เปลี่ยนมาดูแฟ้มผู้สมัครตำแหน่งเลขานุการอีกครั้ง...การที่จะตรวจสอบสถานะภาพของ
บริษัท ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ทำได้สำเร็จภายในวันเดียว ยิ่งมีแค่สองตาของเขาก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทางที่ดีที่สุด เขาควรจะหาตัว
ช่วย...พนักงานใหม่ในตำแหน่งเลขานุการน่าจะพอผ่อนงานหนักให้เบาบางลงได้บ้าง

“เอ๊ะ...ยัยนี่...สมัครตำแหน่งนักบัญชีไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มากองรวมอยู่กับในสมัครพวกนี้ได้ยังไง” กริชนะเผลออุทานออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นใบสมัครใบหนึ่งปะปนอยู่กับกลุ่มใบสมัครในตำแหน่งเลขานุการ

ชายหนุ่มจัดการแยกใบสมัครแผ่นนั้นออกจากกลุ่มในทันที...ไม่จำเป็นที่เขาจะให้คนส่งใบสมัครฉบับนี้กลับคืนไปที่ฝ่ายบุคคล
เพราะยังไงก็คงไม่มีใครสนใจเลือกผู้หญิงแต่งตัวเชยๆ ความรู้ระดับคาบเส้นยาแดง แถมไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาเป็น
พนักงานในตำแหน่งสำคัญของบริษัทแน่ๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูทำลายความเงียบสงบที่มีอยู่ไม่นาน และยังทำลายสมาธิของคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำงานอย่างจริงๆ ทำให้
ใบหน้าคมคายเริ่มบึ้ง คิ้วเข้มมีอันขมวดเขม็ง

“เชิญครับ”

“ไงเพื่อน...”

เสียงร้องทักดังขึ้นอย่างเป็นกันเองทันทีที่ประตูเปิดออกกว้างให้ร่างสูงของชายหนุ่มที่อายุอานามน่าจะพอๆกับเจ้าของห้อง
ทำงาน

“อ้าวธนัญชัย...ลมอะไรพัดนายมาถึงนี่” กริชนะทักทายด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกหงุดหงิดหดหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อ
ทราบว่าผู้มาเยือนคือเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกันมาในระดับอุดมศึกษา ณ ต่างแดน และคบหากันมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้
ธนัญชัยจะกลับมาลงหลักปักฐานทำธุรกิจอยู่ที่เมืองไทยนานหลายปีแล้วก็ตาม

“ได้ข่าวจากเพื่อนที่อังกฤษว่านายย้ายถิ่นฐานกลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว ก็เลยตามมาดูว่าใช่ข่าวโคมลอยหรือ
เปล่า...แหม...กลับมาทั้งทีไม่บอกข่าวกันให้รู้บ้างเลยนะเพื่อน” ธนัญชัยตอบคำถามแกมต่อว่า

“ก็ว่าจะบอกอยู่เหมือนกัน แต่อะไรๆทางนี้มันยังไม่ลงตัว เลยขอเคลียร์ปัญหาสักหน่อย” กริชนะเอ่ยก่อนจะยกนาฬิกาที่ผูกติด
อยู่ที่ข้อมือขึ้นมาดู “ว้า...บ่ายกมงกว่าแล้วนี่...นายมาก็ดีแล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่
เที่ยง...ทำไมไม่หิวก็ไม่รู้”

“เพราะนายยังไม่ชินกับเวลาทางนี้มั๊ง”

“คงจะอย่างนั้น”

“ฉันกินมาแล้วนะ”

“ไม่เป็นไร นายหาอะไรเย็นๆดื่มเป็นเพื่อนฉันกินข้าวก็ยังดี”

“โอเค...ถือว่าฉลองการกลับสู่ประเทศบ้านเกิดของนายอย่างเป็นทางการซะที”

พูดจบทั้งสองก็ลุกจากเก้าอี้เดินกอดไหล่กันออกจากประตู โดยทิ้งโต๊ะทำงานที่หากกริชนะหันมามอง เขาคงจะเห็นกระดาษที่
เป็นใบสมัครฉบับหนึ่งปลิวเข้าไปอยู่ในแฟ้มผู้สมัครตำแหน่งเลขานุการเรียบร้อย



สายลมเย็นจัดโบกพัดผ่านเข้ากระทบผิวจนร่างบางที่ยังหลับอยู่ ห่อตัวด้วยอาการหนาวเหน็บ...นั่นไม่ได้ทำให้เธอตื่นจาก
นิทราได้เท่าเสียงจั๊กๆๆ ภายนอกที่ฟังคล้ายเสียงฝน...นี่ต่างหากที่ทำให้คนงัวเงียถึงกับเบิกตาโพลง

“ตายล่ะตากผ้าเอาไว้...เปียกแน่ๆ”

เขมขวัญดีดตัวขึ้นจากที่นอน รีบรุดลงไปเก็บผ้าที่ตากไว้

“ฝนตกไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรเปียกเลย...” เธอกวาดตามองทั้งสัมผัสเนื้อผ้าบนราวแขวน “สงสัยหูจะฝาด” หญิงสาวหยักไหล่
ก่อนจะรีบเก็บผ้าวางพาดไว้ที่แขนเอามากองไว้บนเตียงรอพับเก็บ

“อ้อ...ยังเหลือชุดชั้นใน” ว่าพลางลุกเดินไปยังระเบียงที่ยื่นออกไปสำหรับยืนรับลมชมวิวจากส่วนที่เป็นห้องนอน

สีท้องฟ้าจากที่เคยโปร่งใสด้วยสีฟ้า บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นครึ้มหม่น ฉาบด้วยสีแดงอมส้ม บ่งบอกถึงเวลาเย็นย่ำ...ทำให้หญิง
สาวถึงกับถอนหายใจเฮือก เมื่อคิดถึงระยะเวลาที่เธอหลับกลางวันในวันนี้

“นอนไปตั้งหลายชั่วโมง...แล้วคืนไม่ตาสว่างยันเช้าหรือนี่” บ่นพลางเอื้อมมือไปคว้าชั้นในที่ตากอยู่บนเส้นลวดเล็กๆ

เขมขวัญเก็บเสื้อชั้นในลงรวมตะกร้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกางเกงซับในตัวจิ๋วเนื้อผ้าบางเบาตัวสุดท้าย...ทว่า...

“ตายแล้ว!..” เสียงอุทานดังขึ้นทั้งอ้าปากหวอ เมื่อสายลมขี้แกล้ง ได้หอบเอาชิ้นส่วนสุดท้ายปลิวเข้าไปตกอยู่ในอาณาเขต
คฤหาสน์หลังงามแห่งนั้นเสียแล้ว

“ทำไงดี...เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ใช้ยังไม่ถึงสองครั้งเลย”

อาการกระวนกระวายก่อเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บังคับไม่อยู่ สมองถูกสั่งการให้ใช้งานอย่างหนัก ในการหาวิธีที่จะได้ของ
สำคัญชิ้นนั้นกลับคืนมา

“ไม้...ใช่แล้ว หาไม้ยาวๆ ยื่นข้ามกำแพงลงไปเกี่ยวมันขึ้นมาน่าจะได้”

เขมขวัญผลุบออกจากระเบียงเดินลงมาชั้นล่าง กวาดตามองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ปฏิบัติการสำคัญนั้นสำเร็จ เท่าที่มองไป
รอบตัว เห็นจะมีเพียงไม้กวาดหยากไย่เก่าๆในห้องเก็บของเท่านั้น

“น่าจะพอใช้ได้”

เธอหยิบไม้กวาดหยากไย่ติดมือเดินไปหลังบ้านตรงที่ซับในหล่นลงไปค้างที่พุ่มไม้ ยื่นมันไปจนสุดแขนแต่มันก็แค่...เกือบถึง

“เข้ามาเอาข้างในสิจ๊ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น อย่างใจดี

มือที่กำลังพยายามบังคับด้ามไม้กวาดหยากไย่ถึงกับชะงัก...เจ้าตัวละสายตาจากซับในสีชมพูหวานนั้นเพื่อมองหาเจ้าของ
เสียง และเธอก็ของเห็นหญิงวัยน่าจะไล่เลี่ยกับมารดา ยืนกอดอกอยู่ห่างไปหลายเมตร

“ได้หรือคะ...” ถามเพื่อความแน่ใจ

“ได้สิ นั่นไงประตู”

หญิงท่าทางภูมิฐานคนนั้นชี้มือไปยังประตูบานเล็กที่ข้างกำแพงซึ่งอยู่ห่างไปอีกหลายเมตรก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านตุ๊กตา
หลังนั้นเหมือนหมดธุระที่จะพูดคุยกับคนข้างบ้าน

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน...น่าแปลกที่เพิ่งจะสังเกตเห็นประตูเหล็กดัดบานนี้ หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมั่นใจว่าจะ
ได้ของที่หากคนอื่นเห็นคงน่าอายกลับคืนมา เขมขวัญไม่รีรอให้พระอาทิตย์อับแสงลงมากกว่านี้ หรือให้ฝนตกลงมาสร้างความ
เปียกปอนเสียหาย เธอเดินแกมวิ่งไปยังประตูที่หญิงสูงวัยใจดีชี้บอก ดูเหมือนประตูนี้จะเป็นช่องทางเชื่อมต่ออาณาเขต
ระหว่างบ้านหลังที่เธอพักอาศัยกับคฤหาสน์หลังงาม

เขมขวัญล้วงมือเข้าไปจับแม่กุญแจอันใหญ่สนิมเขลอะคล้องคาไว้เหมือนไม่เคยถูกไขนานนับปี... “ล็อกไว้แบบนี้หนูจะเข้าได้
เหรอป้า” เธอเผลอบ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เฮ้อ...คงไม่ได้คืนมาแล้วล่ะ...” แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างหมดหวัง ก่อนจะหมดตัวเดินกลับ

เอี๊ยด...

เสียงฝืดๆ ยาวๆ ของโลหะที่เสียดสีกันดังขึ้น รั้งร่างบางที่กำลังเดินคอตกจากไปให้หันกลับมาดู

“ไม่ได้ล็อกหรอกหรือ” เขมขวัญมองไปยังแม่กุญแจที่เธอสัมผัสดูและรู้ว่ามันถูกล็อกแน่นหนา ไม่น่าเชื่อว่า ประตูจะเปิดออกเอง
ทั้งๆที่ติดล็อกอย่างนั้น

“อ้าว...มันไม่ได้เกี่ยวกับสายยูที่ประตูนี่หว่า...แย่จริง...จะดูให้ละเอียดกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้” โทษตัวเองพลางหัวเราะขบขันความ
สะเพร่า ก่อนจะก้าวผ่านประตูเข้าไปภายใน ตรงไปยังจุดที่เธอทำของหล่นไว้

“อยู่นี่เอง...” เขมขวัญเก็บกางเกงซับในด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจแกมโล่งอก นึกอยากขอบคุณคุณป้าที่อนุญาตให้เธอเข้ามาเก็บ
ของ... “คุณป้าเดินไปไหนแล้วนะ หรือจะอยู่ในบ้านตุ๊กตาน่ารักหลังนั้น”

ไม่รู้มีอะไรดลใจให้เขมขวัญเดินตรงไปยังเรือนไม้หลังเล็กท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆที่
โชยมาแตะจมูกยิ่งทำให้อยากค้นหาว่านั่นคือกลิ่นดอกอะไร พอๆกับอยากรู้ว่าภายในบ้านหลังงามนั้นจะตกแต่งน่ารักขนาดไหน

“เชิญเข้ามาข้างในสิจ๊ะหนู...”

เสียงเชิญชวนดังแว่ว ทั้งเงาตะคุ่มที่พอมองเห็นว่ามีใครบางคนรออยู่หน้าประตูท่ามกลางแสงตะวันที่หลงเหลือจับขอบฟ้า

ดูเหมือนสมองจะว่างเปล่าไว้ความนึกคิดใดๆที่จะสามารถยับยั้งขาทั้งสองข้างไม่ให้ก้าวไปตามคำเชิญชวนนั่น ไม่ว่าจะเป็น
ความงดงามของมวลดอกไม้ หรือแม้แต่กลิ่นหอมละมุนที่เขมขวัญยังสงสัยอยู่ไม่วายว่ามีต้นกำเนิดมาจากทิศทางใด เพราะ
ข้างหน้ามีคนกำลังกวักมือเรียก และบ้านน้อยน่ารักหลังนั้นก็ช่างเย้ายวนให้เข้าไปสำรวจภายในด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะนี่
กระไร

นี่คือโอกาสอันดี...โอกาสที่หาได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ...

“นั่นใคร!..เข้ามาทำอะไรมืดค่ำที่นี่”

น้ำเสียงห้วนจัดที่ทักถามอยู่ด้านหลังมีอำนาจพอที่จะทำให้ร่างบ้างผู้กำลังก้าวผ่านซุ้มไม้เข้าสู่เขตเรือนไม้ต้องหยุดชะงักทั้ง
หันขวับมามองสบตาคมกล้านั้นด้วยความรู้สึกตกใจ

“เธอเป็นใคร...ไม่ใช่คนรับใช้ในบ้านหลังนี้นี่” น้ำเสียงนั้นนอกจากจะห้วนแล้วยังดุจนคนฟังถึงกับหงอ

“เอ่อคือ...ฉันมาเอา...”

“จะมาขโมยของหรือไง...” คนถามเริ่มหาเรื่อง เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้เพื่อจะได้เห็นหน้าหัวขโมยชัดๆ ทั้งสังเกตเห็นอีกฝ่าย
พยายามซุกซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง

“เปล่านะคะ” เขมขวัญปฏิเสธหน้าตื่น

“ไม่มาขโมยของแล้วเธอเข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง แถมยังมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านหลังนี้ คงสืบดูแล้วล่ะสิว่าที่นี่ปลอดคน”

“จะบ้าเหรอ...จู่ๆก็หาคุกมาให้กันได้” เขมขวัญตอบกลับไปด้วยอาการตกใจ

กริชนะเพ่งมองผ่านความเลือนรางให้เห็นถึงคนที่เข้ามาในอาณาบริเวณบ้านของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยแววตาปะปน
ความสงสัย “หน้าคุ้นๆ...เอ๊ะ! นี่เธอเองหรือนี่ ยัยผู้หญิงเรื่องมากคนเมื่อเช้า”

“นายคนขี้เก็กนี่...ตายล่ะ...วันนี้วันซวยของแท้ ซวยเช้ายังไม่พอ ตกค่ำยังซวยไม่เลิก เฮ้อ...” บ่นพลางพยายามเดินเลี่ยงร่างสูง
ที่ยังยืนเป็นยักษ์ขวางประตูตั้งใจกลับบ้านไปแบบเนียนๆ

“เดี๋ยว...” ลำแขนกลมกลึงถูกเกี่ยวเอาไว้ในอุ้งมือแข็งดังครีมเหล็ก

เขมขวัญรีบสะบัดให้หลุดในทันทีด้วยอาการตกใจ ทั้งถอยหลังหนีไปอีกสองก้าว สายตาของเธอจับจ้องอยู่บนใบหน้าคมคาย
อย่างไม่วางใจ

“มาขโมยของแล้วคิดจะเผ่นหนีง่ายๆเหรอ”

“ขโมย!..ฉันนะเหรอ” ถามพลางชี้นิ้วมาที่อกตัวเอง

“ใช่...หรือจะเถียง”

“ฉันไม่ใช่ขโมยนะ...ฉันแค่ทำของตกแล้วเข้ามาเอาของๆฉันคืน” เขมขวัญกำซับในตัวบางจิ๋วในมือแน่น

“ของอะไรจะมาตกในบ้านคนอื่น...ชิชะ...ตัวแค่นี้ริจะเป็นโจร”

“จริงๆ นะคะ ฉันพักอยู่บ้านหลังนั้น อยู่ข้างกำแพงรั่วบ้านคุณพอดี” เขมขวัญชี้มือไปยังบ้านพักของเธอ และชายหนุ่มก็มองตาม
ทว่าแววตาของเขากลับไม่ได้แสดงความรู้สึกว่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย

“ของเธอทำตกเอาไว้มันหล่นมาไกลถึงตรงนี้เลยเหรอ”

“ปะเปล่า...คือ...ฉันก็แค่จะเข้าไปขอบคุณคุณป้าที่อนุญาตให้ฉันมาเก็บของ”

“คุณป้า!.. คุณป้าที่ไหน” คิ้วเข้มขมวดหมุน ทั้งจ้องจับผิดอีกฝ่ายแทบไม่คาดสายตา

“ก็คุณป้าที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้”

“เหลวไหล!”

“จริงๆนะคะ...ฉันทำของตก แล้วคุณป้าก็อนุญาตให้ฉันเข้ามาเอาของ ฉันตั้งใจจะเข้าไปขอบคุณก็แค่นั้น ฉันไม่ได้โกหก ไม่
เชื่อคุณก็เข้าไปถามความจริงกับท่านได้เลย”

กริชนะมองคนที่พยายามปั้นน้ำเป็นด้วยความรู้สึกทึ่ง...ผู้หญิงคนนี้ช่างแสดงการโกหกของหล่อนได้สมจริงทั้งสีหน้าท่าทางที่
หากเขาเป็นคนอื่นคงเชื่อสนิทใจว่าหล่อนต้องการแค่นั้นตามที่อธิบายซะยืดยาวจริงๆ แต่...ใครๆก็รู้ว่า บ้านน้อยหลังนี้ เป็นบ้าน
ที่ปราศจากผู้อาศัยมานานนับเดือนแล้ว

“เอาล่ะ...ถ้าเธอยืนยันว่าเธอทำของตกแล้วเข้ามาเก็บกลับไปจริงๆ ไหนล่ะของที่เธอว่า” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องจับผิด

“เอ่อ...” ใครเล่าจะกล้าเอาของแบบนี้มาโชว์ผู้ชาย...มือที่กำซับในตัวจิ๋วแทบเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ว่าไง...ไหนของที่ว่า ถ้าบริสุทธิ์ใจก็เอาออกมาให้ฉันดู ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจมาจับขังซะให้เข็ด” ขู่ด้วยสีหน้าแววตา
ดุดัน สลับสายตาจับจ้องไปยังบางสิ่งที่อีกฝ่ายยังซุกซ่อนอยู่ข้างหลังกับใบหน้ากระจ่างในความสลัว

“ไม่...คุณดูไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ของที่จะให้ใครดู”

“ทำไมจะดูไม่ได้...ส่งมาซะดีๆ ถ้าเป็นของเธอจริงๆ ฉันก็จะปล่อยให้เธอกลับบ้านแต่โดยดี”

“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ” ว่าพลางพยายามเดินเลี่ยงหาทางออก

“จะไปไหน...นี่บ้านคนนะไม่ใช่สวนสาธารณะที่นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป” ต้นแขนกลมกลึงนุ่มนิ่มถูกยึดเอาไว้อีกรอบ คราวนี้
รับรองได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ยัยหัวขโมยสะบัดหลุดได้อีก

“ปล่อย...ฉันจะกลับแล้ว” ว่าพลางบิดแขนไปมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

“ไม่ปล่อย...ส่งของที่อยู่ข้างหลังมานี้” ไม่พูดเปล่า มือที่ว่างก็พยายามยื้อแย่ง

“อย่านะ...ฉันไม่ให้ดู...บอกให้ปล่อย...” ทั้งดิ้นรน ป้องกัน ทว่าดูเหมือนยิ่งทำให้ร่างทั้งร่างถูกโอบล้อมด้วยอ้อมอกกว้าง

“ส่งมานี่...ขโมยอะไรไป...ส่งมาเดี๋ยวนี้”

“ไม่...ว้าย...” เขมขวัญร้องเสียงหลง เมื่อการป้องกันตัวของเธอทำให้เสียหลักล้มลงไปโดยมีร่างทั้งสูงทั้งหนักล้มทับลงมาทั้ง
ตัว

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเรื่องที่เธอเคยค่อนขอดในละครทีวีจะมาเกิดขึ้นจริงๆกับเธอ พระเอกนางเอกมีเหตุสะดุดหกล้มทับ
กันให้สองสายตาประสานแน่นิ่ง...แต่นี่มันไม่ใช่แค่นั้น...เขาไม่ใช่พระเอกและเธอก็ไม่ใช่นางเอก ดวงตาของเราไม่ได้ประสานนิ่ง
แต่เธอกลับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งสมอง เพราะริมฝีปากนิ่มๆที่กล่าวหาว่าร้ายฉอดๆ ทั้งปลายจมูกโด่งๆนั่นอีก มันตรงเข้าประกบนิ่ง
ที่มุมปากและข้างแก้มของเธอได้อย่างถนัดถนี่

แม้สิ่งของที่หัวขโมยซุกซ่อนไว้ข้างหลังจะถูกแย่งมาได้สำเร็จ แต่กริชนะก็อยู่ในอาการตกใจไม่แพ้กันกับอุบัติเหตุครั้งนี้ ชาย
หนุ่มรีบขยับตัวลุกขึ้น ในมือยังกำบางสิ่งที่รู้สึกได้ถึงความนุ่มเนียนมือ

“คนฉวยโอกาส” ว่าพลางฟาดฝ่ามือลงตรงข้างแก้มสากระคายด้วยแนวเคราเขียวครึ้มนั้นเต็มแรง ก่อนจะใช้โอกาสที่ฝ่ายนั้น
หน้าหัน วิ่งหนีออกมาด้วยหัวใจที่เต้นแรงและเร็วราวกับรถจักรไอน้ำ

กริชนะมองร่างบางทว่ามือหนักนั้นวิ่งจากออกไปทางประตูบานเล็กที่ตอนเด็กเขาเคยใช้เป็นช่องทางหนีคุณป้าออกไปเที่ยว
เล่นเป็นประจำโดยไม่คิดจะวิ่งตาม สายตาถูกดึงจากประตูกำแพงมายังสิ่งที่น่าสนใจในอุ้งมือ...ชายหนุ่มค่อยๆคลี่ผ้าเนื้อนิ่มนั้น
ออกดู แล้วมันก็ร่วงลงสู่พื้นด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

“บ้าที่สุด...”สบถให้กับตัวเองเบาๆอย่างหัวเสีย ก่อนจะก้มลงหยิบมันกลับมายัดเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วเดินต่อไปยังบ้านน้อยห
ลังงาม ด้วยอารมณ์อันปรวนแปรซะยิ่งกว่าลมทะเล

ความตั้งใจที่จะเข้าไปสำรวจตรวจค้นเบาะแสบางอย่างภายในบ้านน้อยหลังนั้นไม่ได้ถูกพับเก็บไว้เพียงเพราะเหตุการณ์กวน
อารมณ์เมื่อครู่ ยังไงเสียความตั้งใจแรกก็ยังสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาการตายของผู้เป็นป้าที่ยังมีบางอย่างให้
ค้างคาใจ

กริชนะตรงเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สิ่งของต่างๆที่วางอยู่บนนั้นยังคงสภาพเหมือนดั่งว่าเจ้าของจะยังมี
โอกาสได้กลับมาดำเนินการต่อ

“งานของป้า...ป้าต้องทำต่อให้เสร็จ เหลืออีกแค่ครึ่งเดียว”

แม้มีเสียงบอกกล่าวจากพลังงานไร้รูปชนิดหนึ่งที่วนเวียนอยู่รอบตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจได้ยินหรือรับรู้ใดๆ นอกจากความรู้สึก
ขนลุกซู่จนต้องใช้ฝ่ามือลูบแขนไปมา

ลิ้นชักโต๊ะถูกเปิดค้นเพื่อหาเบาะแสบางอย่างที่อาจจะถูกซุกซ่อนเอาไว้ ทว่าภายในนั้นมีเพียงเอกสารทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง
หรือให้ข้อมูลสำคัญอะไรกับเขาได้เลยสักชิ้น ความหวังจึงหวนกลับไปเป็นเอกสารมากมายที่ชายหนุ่มนำกลับมาจากบริษัท
เพื่อตรวจสอบ






ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2559, 00:54:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2559, 00:54:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1167





<< ตอนที่2 ข้อแลกเปลี่ยน   ตอนที่ 4 ทำไมต้องอยากตอแย >>
แว่นใส 8 ต.ค. 2559, 09:07:43 น.
แหม เก็บหลักฐานไปด้วย


นกขมิ้น 8 ต.ค. 2559, 11:41:20 น.
หนุกมากน่าติดตามมากๆเลยจ้า


Zephyr 21 ต.ค. 2559, 23:24:50 น.
เอายัดกระเป๋ากางเกงอีกแน่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account