รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)
Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ
ตอน: ตอนที่ 13/1
ตอนที่ 13/1
ระหว่างรอองค์อคินว่าที่ราชินีทรงดื่มด่ำกับความงามของดวงจันทรากับดวงดาวบนท้องนภาที่ส่องแสง
ระยิบระยับเพลิน ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็นจนรู้สึกได้หากความงามของธรรมชาติยามราตรีกลับดึงความสนพระทัย
ไปได้มากกว่าจึงไม่ใส่พระทัยนัก สักพักก็ทรงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านผ้าคลุมสีขาวตัวใหญ่บนพระอังสา
บอบบางก่อนที่พระวรกายงดงามบางอรชรจะถูกพระหัตถ์แข็งแรงสวมกอดจากด้านหลัง
“หม่อมฉันอุ่นพอแล้ว ทรงไม่ต้องช่วยทำให้อุ่นก็ได้เพคะ” สุรเสียงหวานรีบห้ามแม้ในพระหทัยจะ
รู้สึกอบอุ่นเป็นสุขก็ตาม หากดวงพักตร์งดงามกลับแดงเรื่อเพราะเกรงใครจะมาเห็นเข้า
“ว้า หม่อมฉันหวังดีกลับถูกว่า ปล่อยก็ได้คนหวงตัว” องค์อคินทรงปล่อยคนในอ้อมพระกรอย่าง
เสียดายหากพระหัตถ์ใหญ่กลับจูงพระหัตถ์เล็กนุ่มนิ่มให้ก้าวตามไปยังโต๊ะเสวยแทน
“มีใครเคยบอกหรือไม่ว่าทรงไร้มารยาทที่สุด คนกำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงาม ก็มาขัด” สุรเสียง
หวานอดต่อว่าไม่ได้หลังนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่องค์อคินทรงเลื่อนให้ก่อนที่พระองค์จะประทับนั่งตาม
“ที่ผ่านมาไม่มี แต่ถึงมีก็ไม่มีใครกล้าพูด องค์หญิงเป็นคนแรกที่เตือนให้รู้ หม่อมฉันซาบซึ้งมาก
เห็นทีต่อไปต้องมีองค์หญิงอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา จะได้ช่วยอบรมมารยาทให้กับคนเถื่อนอย่างหม่อมฉันได้”
พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงตักอาหารมาใส่จานให้คนช่างว่าแล้วตรัสต่อ
“ทานก่อนดีกว่าองค์หญิง เดี๋ยวเป็นอะไรไป หม่อมฉันหมดโอกาสเป็นคนมีมารยาท”
ว่าที่ราชินีทรงเงื้อพระหัตถ์อย่างเหลืออดแต่ระงับเสีย เมื่อเห็นองค์อคินเริ่มเสวยอย่างจริงจัง
‘สงสัยทรงหิวจริงๆ ก็ได้เห็นแก่พยาธิในท้องของพระองค์ ครั้งนี้ยกให้ ไว้อิ่มก่อนค่อยจัดการ’ จากนั้นก็
เสวยตาม อันที่จริงก็หิวเหมือนกันแต่เป็นเพราะห่วงคนไร้มารยาทที่น่าฆ่าที่สุดนั่นเองถึงยอมรอ
เวลาผ่านไปสักพัก พระกระยาหารค่ำที่วางเต็มโต๊ะเสวยก็พร่องไปมาก องค์อคินทรงรับผิดชอบเสีย
ส่วนใหญ่ เสวยเสร็จว่าที่ราชินีทรงลุกจากโต๊ะไปยังริมระเบียง ทอดพระเนตรความงามของพระตำหนักกลางน้ำ
ในยามราตรีต่อ องค์อคินทรงลุกตาม ดวงเนตรกลมโตเป็นประกายวาววับยามทอดมองพระวรกายสูงใหญ่ที่
เดินตามมา
‘เฮ่อ! ในที่สุดก็ได้เวลาจัดการคนเจ้าเล่ห์เสียที ถ้าทรงเลี่ยงไม่ตอบล่ะก็...น่าดู’
“อิ่มแล้ว เล่าให้หม่อมฉันฟังได้หรือยัง ทรงใช้ให้ท่านวรธรไปทำอะไรที่รัตนนคร” สุรเสียงหวานก็จริง
หากดวงเนตรกลมโตงดงามกลับวาววับอย่างน่ากลัวยามทอดมององค์อคิน
“คิดว่าองค์หญิงรู้แล้วเสียอีก บอกก็ได้ องค์ตีรณธรกลัดกลุ้มเรื่องที่สินธุบีบบังคับให้รัตนยอมให้สินธุ
ส่งกำลังทหารเข้าไปในรัตนโดยอ้างเหตุเพื่อคุ้มกันชาวรัตนและช่วยปราบปรามโจรป่าที่ชิงรถม้าที่องค์หญิง
นั่งมา”
ว่าที่ราชินีทรงนิ่ง
‘จริงสิ..สินธุทำอย่างนี้เท่ากับรุกล้ำอธิปไตยของรัตนนครมีหรือเจ้าพี่จะยอม แต่ถ้าไม่ยอมก็เท่ากับหัก
หน้าสินธุ แล้วภัยจะมาสู่รัตนเร็วขึ้น องค์อคินทรงคิดช่วยจริงหรือ?’ ดวงเนตรกลมโตคู่งามทอดมองพระพักตร์
คมเข้มที่ยังคงดูแย่เพราะหนวดเคราอยู่ดีในความคิดของว่าที่ราชินี
“ทรงหมายความว่า ให้ท่านวรธรไปเสนอความช่วยเหลือให้กับรัตน เพื่อให้เจ้าพี่ของหม่อมฉันมี
คำตอบให้สินธุหรือเพคะ”
พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงยื่นไปเกาะกุมพระหัตถ์เรียวเล็กนุ่มนิ่มไว้ พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมองดวงเนตร
กลมโตคู่งามแล้วทรงเอ่ยด้วยพระสุรเสียงจริงจังดุจดั่งคำสัญญาว่า
“หม่อมฉันเคยบอกองค์หญิงว่าพระเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงจะต้องได้รับการชดใช้ หากหม่อม
ฉันปล่อยให้สินธุบีบบังคับรัตนนครได้ ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวรัตนอีก เมื่อนั้นพระ
เกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงจะถูกเหยียบย่ำไปด้วย มีหรือหม่อมฉันจะยอม นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ตราบใด
ที่รัตนนครยังสลัดสินธุออกไม่ได้ก็เท่ากับพระเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงยังไม่ได้เรียกคืนจากสินธุ จนกว่า
จะทำให้สินธุผู้บ้าคลั่งอำนาจหยุดและสลายอำนาจเสีย”
ดวงพักตร์งดงามขยับเข้าไปซบพระอุระกว้างใหญ่แข็งแกร่งอย่างซาบซึ้งในความรักที่องค์อคินมีให้
สองพระกรแข็งแรงกอดรัดวรกายงดงามหอมละมุนไว้แนบพระอุระ พระนาสิกสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย
ความสุขในพระทัย
“ไม่ต้องทำเพื่อหม่อมฉันมากมาย ขอแค่ทรงมีน้ำใจต่อรัตนนคร หม่อมฉันก็พอใจแล้ว เท่ากับปราม
สินธุไปในตัว เพียงแต่...หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าเจ้าพี่ของหม่อมฉันจะเลือกอยู่ฝ่ายใด”
“ไม่ต้องห่วงองค์หญิง หม่อมฉันเชื่อว่าองค์ตีรณธรทรงเลือกที่จะเดินออกจากสินธุอย่างแน่นอน
แต่ติดที่ไม่แน่ใจในหิรัณย์มากกว่า ความจริงหม่อมฉันเองก็อยากจัดการสินธุให้เด็ดขาดเสียที เรื่องบาดหมาง
ระหว่างสินธุกับหิรัณย์นั้นไม่อาจใช้สันติวิธีได้เพราะสินธุจ้องจะยึดหิรัณย์ของเราอยู่ตลอดเวลา”
องค์อคินทรงเน้นคำว่า “หิรัณย์ของเรา” เท่ากับตอกย้ำความเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์ให้กับคน
ในอ้อมพระกร
“หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าหิรัณย์ของเรามีอะไรบ้าง ทะเลกว้างใหญ่แค่ไหน แล้วหม่อมฉันจะบอกคนอื่น
ได้อย่างไรว่าเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์” ที่แท้ก็อยากให้พาชมทั่วหิรัณย์ซึ่งตรงกับที่ทรงตั้งพระทัยไว้แล้ว
“ได้พรุ่งนี้หม่อมฉันจะพาชมให้ทั่วน่านน้ำในครอบครองของหิรัณย์และล่องเรือไปถึงเมืองหลวงซึ่งตั้ง
อยู่ทางใต้ องค์หญิงจะได้รู้จักหิรัณย์ทุกซอกทุกมุม แต่อย่าลืมที่จะรู้จักหม่อมฉันให้ถ่องแท้โดยเฉพาะหัวใจของ
หม่อมฉันสำคัญเหนืออื่นใด” ตรัสเข้าข้างพระองค์เองมากที่สุดจนคนในอ้อมพระกรต้องถวายกำปั้นลงบนพระอุระ
แข็งแกร่งแล้วทูลเบาๆว่า “ทรงไร้สาระที่สุด” ก่อนขยับพระวรกายออกห่างและหนีเข้าพระตำหนักไปทันที
ปล่อยให้คนไร้สาระประทับยืนอยู่ตามลำพังกับเสียงสรวลดังๆแล้วตามเข้าพระตำหนักไปเช่นเดียวกัน
============================================================================
*************จัดไปให้อีกตอนกับตอนหวานๆ************************
===============================================================================
ระหว่างรอองค์อคินว่าที่ราชินีทรงดื่มด่ำกับความงามของดวงจันทรากับดวงดาวบนท้องนภาที่ส่องแสง
ระยิบระยับเพลิน ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็นจนรู้สึกได้หากความงามของธรรมชาติยามราตรีกลับดึงความสนพระทัย
ไปได้มากกว่าจึงไม่ใส่พระทัยนัก สักพักก็ทรงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านผ้าคลุมสีขาวตัวใหญ่บนพระอังสา
บอบบางก่อนที่พระวรกายงดงามบางอรชรจะถูกพระหัตถ์แข็งแรงสวมกอดจากด้านหลัง
“หม่อมฉันอุ่นพอแล้ว ทรงไม่ต้องช่วยทำให้อุ่นก็ได้เพคะ” สุรเสียงหวานรีบห้ามแม้ในพระหทัยจะ
รู้สึกอบอุ่นเป็นสุขก็ตาม หากดวงพักตร์งดงามกลับแดงเรื่อเพราะเกรงใครจะมาเห็นเข้า
“ว้า หม่อมฉันหวังดีกลับถูกว่า ปล่อยก็ได้คนหวงตัว” องค์อคินทรงปล่อยคนในอ้อมพระกรอย่าง
เสียดายหากพระหัตถ์ใหญ่กลับจูงพระหัตถ์เล็กนุ่มนิ่มให้ก้าวตามไปยังโต๊ะเสวยแทน
“มีใครเคยบอกหรือไม่ว่าทรงไร้มารยาทที่สุด คนกำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงาม ก็มาขัด” สุรเสียง
หวานอดต่อว่าไม่ได้หลังนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่องค์อคินทรงเลื่อนให้ก่อนที่พระองค์จะประทับนั่งตาม
“ที่ผ่านมาไม่มี แต่ถึงมีก็ไม่มีใครกล้าพูด องค์หญิงเป็นคนแรกที่เตือนให้รู้ หม่อมฉันซาบซึ้งมาก
เห็นทีต่อไปต้องมีองค์หญิงอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา จะได้ช่วยอบรมมารยาทให้กับคนเถื่อนอย่างหม่อมฉันได้”
พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงตักอาหารมาใส่จานให้คนช่างว่าแล้วตรัสต่อ
“ทานก่อนดีกว่าองค์หญิง เดี๋ยวเป็นอะไรไป หม่อมฉันหมดโอกาสเป็นคนมีมารยาท”
ว่าที่ราชินีทรงเงื้อพระหัตถ์อย่างเหลืออดแต่ระงับเสีย เมื่อเห็นองค์อคินเริ่มเสวยอย่างจริงจัง
‘สงสัยทรงหิวจริงๆ ก็ได้เห็นแก่พยาธิในท้องของพระองค์ ครั้งนี้ยกให้ ไว้อิ่มก่อนค่อยจัดการ’ จากนั้นก็
เสวยตาม อันที่จริงก็หิวเหมือนกันแต่เป็นเพราะห่วงคนไร้มารยาทที่น่าฆ่าที่สุดนั่นเองถึงยอมรอ
เวลาผ่านไปสักพัก พระกระยาหารค่ำที่วางเต็มโต๊ะเสวยก็พร่องไปมาก องค์อคินทรงรับผิดชอบเสีย
ส่วนใหญ่ เสวยเสร็จว่าที่ราชินีทรงลุกจากโต๊ะไปยังริมระเบียง ทอดพระเนตรความงามของพระตำหนักกลางน้ำ
ในยามราตรีต่อ องค์อคินทรงลุกตาม ดวงเนตรกลมโตเป็นประกายวาววับยามทอดมองพระวรกายสูงใหญ่ที่
เดินตามมา
‘เฮ่อ! ในที่สุดก็ได้เวลาจัดการคนเจ้าเล่ห์เสียที ถ้าทรงเลี่ยงไม่ตอบล่ะก็...น่าดู’
“อิ่มแล้ว เล่าให้หม่อมฉันฟังได้หรือยัง ทรงใช้ให้ท่านวรธรไปทำอะไรที่รัตนนคร” สุรเสียงหวานก็จริง
หากดวงเนตรกลมโตงดงามกลับวาววับอย่างน่ากลัวยามทอดมององค์อคิน
“คิดว่าองค์หญิงรู้แล้วเสียอีก บอกก็ได้ องค์ตีรณธรกลัดกลุ้มเรื่องที่สินธุบีบบังคับให้รัตนยอมให้สินธุ
ส่งกำลังทหารเข้าไปในรัตนโดยอ้างเหตุเพื่อคุ้มกันชาวรัตนและช่วยปราบปรามโจรป่าที่ชิงรถม้าที่องค์หญิง
นั่งมา”
ว่าที่ราชินีทรงนิ่ง
‘จริงสิ..สินธุทำอย่างนี้เท่ากับรุกล้ำอธิปไตยของรัตนนครมีหรือเจ้าพี่จะยอม แต่ถ้าไม่ยอมก็เท่ากับหัก
หน้าสินธุ แล้วภัยจะมาสู่รัตนเร็วขึ้น องค์อคินทรงคิดช่วยจริงหรือ?’ ดวงเนตรกลมโตคู่งามทอดมองพระพักตร์
คมเข้มที่ยังคงดูแย่เพราะหนวดเคราอยู่ดีในความคิดของว่าที่ราชินี
“ทรงหมายความว่า ให้ท่านวรธรไปเสนอความช่วยเหลือให้กับรัตน เพื่อให้เจ้าพี่ของหม่อมฉันมี
คำตอบให้สินธุหรือเพคะ”
พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงยื่นไปเกาะกุมพระหัตถ์เรียวเล็กนุ่มนิ่มไว้ พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมองดวงเนตร
กลมโตคู่งามแล้วทรงเอ่ยด้วยพระสุรเสียงจริงจังดุจดั่งคำสัญญาว่า
“หม่อมฉันเคยบอกองค์หญิงว่าพระเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงจะต้องได้รับการชดใช้ หากหม่อม
ฉันปล่อยให้สินธุบีบบังคับรัตนนครได้ ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวรัตนอีก เมื่อนั้นพระ
เกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงจะถูกเหยียบย่ำไปด้วย มีหรือหม่อมฉันจะยอม นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ตราบใด
ที่รัตนนครยังสลัดสินธุออกไม่ได้ก็เท่ากับพระเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์หญิงยังไม่ได้เรียกคืนจากสินธุ จนกว่า
จะทำให้สินธุผู้บ้าคลั่งอำนาจหยุดและสลายอำนาจเสีย”
ดวงพักตร์งดงามขยับเข้าไปซบพระอุระกว้างใหญ่แข็งแกร่งอย่างซาบซึ้งในความรักที่องค์อคินมีให้
สองพระกรแข็งแรงกอดรัดวรกายงดงามหอมละมุนไว้แนบพระอุระ พระนาสิกสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย
ความสุขในพระทัย
“ไม่ต้องทำเพื่อหม่อมฉันมากมาย ขอแค่ทรงมีน้ำใจต่อรัตนนคร หม่อมฉันก็พอใจแล้ว เท่ากับปราม
สินธุไปในตัว เพียงแต่...หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าเจ้าพี่ของหม่อมฉันจะเลือกอยู่ฝ่ายใด”
“ไม่ต้องห่วงองค์หญิง หม่อมฉันเชื่อว่าองค์ตีรณธรทรงเลือกที่จะเดินออกจากสินธุอย่างแน่นอน
แต่ติดที่ไม่แน่ใจในหิรัณย์มากกว่า ความจริงหม่อมฉันเองก็อยากจัดการสินธุให้เด็ดขาดเสียที เรื่องบาดหมาง
ระหว่างสินธุกับหิรัณย์นั้นไม่อาจใช้สันติวิธีได้เพราะสินธุจ้องจะยึดหิรัณย์ของเราอยู่ตลอดเวลา”
องค์อคินทรงเน้นคำว่า “หิรัณย์ของเรา” เท่ากับตอกย้ำความเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์ให้กับคน
ในอ้อมพระกร
“หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าหิรัณย์ของเรามีอะไรบ้าง ทะเลกว้างใหญ่แค่ไหน แล้วหม่อมฉันจะบอกคนอื่น
ได้อย่างไรว่าเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์” ที่แท้ก็อยากให้พาชมทั่วหิรัณย์ซึ่งตรงกับที่ทรงตั้งพระทัยไว้แล้ว
“ได้พรุ่งนี้หม่อมฉันจะพาชมให้ทั่วน่านน้ำในครอบครองของหิรัณย์และล่องเรือไปถึงเมืองหลวงซึ่งตั้ง
อยู่ทางใต้ องค์หญิงจะได้รู้จักหิรัณย์ทุกซอกทุกมุม แต่อย่าลืมที่จะรู้จักหม่อมฉันให้ถ่องแท้โดยเฉพาะหัวใจของ
หม่อมฉันสำคัญเหนืออื่นใด” ตรัสเข้าข้างพระองค์เองมากที่สุดจนคนในอ้อมพระกรต้องถวายกำปั้นลงบนพระอุระ
แข็งแกร่งแล้วทูลเบาๆว่า “ทรงไร้สาระที่สุด” ก่อนขยับพระวรกายออกห่างและหนีเข้าพระตำหนักไปทันที
ปล่อยให้คนไร้สาระประทับยืนอยู่ตามลำพังกับเสียงสรวลดังๆแล้วตามเข้าพระตำหนักไปเช่นเดียวกัน
============================================================================
*************จัดไปให้อีกตอนกับตอนหวานๆ************************
===============================================================================
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2559, 20:32:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2559, 20:32:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 945
<< ตอนที่ 12/2 | ตอนที่ 13/2 >> |
Zephyr 20 ต.ค. 2559, 15:45:45 น.
แหม จีบออกสื่อ กิกิ
แหม จีบออกสื่อ กิกิ