เทพบุตรหัวใจเถื่อน
เมื่อการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดี ทำให้เขาต้องผิดหวังในรัก เทพบุตรอย่างเขาจึงได้ฝังตัวตนในอดีตให้ตายไปกับรักครั้งแรก ในเมื่อผู้หญิงชอบคนเถื่อน ดิบ เขาก็จะทั้งดิบ ทั้งเถื่อน ไม่สนว่าจะทำร้ายหัวใจใครให้เจ็บปวดแค่ไหน...จนกระทั่งมาพบกับล่ามสาวแสนซื่อ หัวใจที่ถูกฝังไปแล้วกลับเริ่มสูบฉีด เต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง...


Tags: เทพบุตรหัวใจเถื่อน ลัลลดา /ลดา

ตอน: ตอนที่ 18...ความทรมาน...


ตอบคำถามนะคะ--->

ที่ถามมาว่ามีเรื่องคิเคียวไหม มีค่ะเป็นภาคแรกของเรื่องนี้ ชื่อ **ลิขิตรักกับดักอสูร** ค่ะ
เคยลงที่นี้เมื่อหลายเดือนก่อน
ตอนนี้กำลังรอตีพิมพ์กับ สนพ.มายเลิฟ ค่ะ คาดว่าน่าจะอีก1-2 เดือนคงจะเป็นรูปเล่มค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 18...ความทรมาน...



พลั๊วะ !!



เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงของหนุ่มไทยเชื้อสายจีนจะทรุดลงไปกองกับพื้น ที่มุมปากมีเลือดสีแดงซึมออกมาทันที บอกให้รู้ว่าฤทธิ์หมัดที่ได้รับนั้นหนักหน่วงและรุนแรงแค่ไหน



“นี่สำหรับที่แกแตะต้องผู้หญิงของฉัน !!” ร่างสูงเจ้าของหมัดหนักที่ส่งอนุวัฒน์ไปกองกับพื้นทรุดนั่งบนปลายเท้า มือหน้ากระชากคอเสื้อของอนุวัฒน์ขึ้นมาให้สบตากับเขา “ฉันจะไม่ขอบคุณหรอกนะ ที่มาบอกความจริงทั้งหมดให้ฟัง และหวังว่าแกจะทำตามที่บอกเมื่อกี้ว่าจะไม่วุ่นวายแพรพรรณรายณ์อีก เพราะถ้าแกยังขืนเข้าใกล้เธอแม้อีกเพียงครั้งเดียวฉันจะไม่จบแค่ต่อยเหมือนในครั้งนี้...แต่จะส่งแกไปเกิดใหม่แน่ !!”



“วางใจเถอะ ผมสัญญาว่าจะไม่วุ่นวายกับแพรอีก ไม่ใช่เพราะผมกลัวคุณแต่เป็นเพราะผมรักแพร เพราะผมรักผมถึงอยากจะเห็นเธอมีความสุข มีรอยยิ้มเหมือนแพรพรรณรายณ์คนก่อน” อนุวัฒน์ปัดมือของคิโยชิให้พ้นจากคอเสื้อ สบสายตาจริงจังอย่างไม่หวั่นเกรงพลางพูดต่อ “แต่ไม่วุ่นวายไม่ได้หมายความว่าจะไม่เข้าใกล้แพรอีก เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งข้างหน้าบังเอิญต้องเจอกัน ผมคงไม่หลบหน้าแต่จะเข้าไปคุยไปทักทายอย่างคนรู้จักกัน”



แค่เพียงคนรู้จัก...เขาคงเป็นได้เพียงเท่านั้น



“แล้วตอนนี้ผมอยากจะรู้ว่าแพรอยู่ที่ไหน ทำไมผมไม่เจอเธอเลย คุณพาเธอไปอยู่ที่ไหนคุณคิโยชิ”



“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก หมดธุระของแกแล้วก็กลับไปซะ” คิโยชิหันหลังให้ไม่คิดจะตอบคำถาม เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้แพรพรรณรายณ์อยู่ที่ไหน



เมื่อไม่ได้รับคำตอบอนุวัฒน์ก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้ถามอีก เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ



“ผมหวังว่าคุณจะรักและดูแลแพรให้ดีที่สุด คุณเป็นผู้ชายที่โชคดีแค่ไหนรู้หรือเปล่าที่ได้รับความรักจากผู้หญิงแสนดีอย่างแพร” เขาก็คิดว่าเขาก็เคยเป็นผู้ชายโชคดีคนนั้นเช่นกัน หากแต่เขากลับทำทุกอย่างพังเพราะความไม่หนักแน่นไม่เข้มแข็งของตัวเอง



“รักและดูแลเธอให้สมกับที่เธอรักคุณ...”



++++++++++



“แพรติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับ”



ประโยคภาษาไทยแปร่ง ๆ ประโยคเดิมถูกถามออกไปทุกครั้งที่คนถามมาที่นี่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทุกครั้งก็ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเหมือนเช่นเคย



“ไม่” อาจารย์วิชัยตอบกลับเสียงห้วนดังเช่นทุกครั้ง “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาที่นี่อีก ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ!! “



สามเดือนแล้วที่ไอ้หมอนี่มันมาถามข่าวคราวของลูกสาวคนเล็กของเขา มันมาบ่อยเสียจนเขาเหม็นขี้หน้ามันนัก แถมวันไหนไม่มาก็จะมีผู้ชายหน้าเข้มมาแทน แล้วไอ้หน้าเข้มพวกนั้นก็ไม่ได้มาถามเฉย ๆ นะ มันมาปักหลักจอดรถนอนอยู่หน้าบ้านเขาเลยทีเดียว



จากครั้งแแรกที่เจอตอนที่วาดจันทร์ลูกสาวคนโตพามาแนะนำว่าเป็นเจ้านายของว่าที่ลูกเขยเขา เขาก็นึกชอบ นึกอยากได้มาเป็นลูกเขยคนเล็ก แต่พอมารู้สิ่งที่มันกระทำกับแพรพรรณรายณ์ลูกสาวคนเล็กของเขาแล้ว จากชอบก็เปลี่ยนเป็นโกรธ อยากจะเอาปืนมายิงกระบาลมันให้ตายไปเสียจริง ๆ



“คุณพอครับ ผม...”



“ใครเป็นพ่อคุณ!! ฉันไม่มีลูกชาย อ่อ แล้วไอ้ลูกเขย ถ้ายังอยากจะแต่งกับยัยวาดอยู่ล่ะก็หยุดพาเจ้านายแกมาที่นี่ได้แล้ว” ตวาดคนเรียกจากนั้นก็หันไปพูดกับว่าที่ลูกเขยคนโตเสียงเข้ม จนคุโดนึกหวั่น ๆ กลัวจะไม่ได้แต่งเมีย



“คุณคิโยชิครับ ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ คุณแพรคงไม่มาที่บ้านหรอก” สบตากับว่าที่พ่อตาแล้วก็ให้กลัวใจเหลือเกิน ตอนนี้ตัวเขาจากว่าที่ลูกเขยสุดที่รักกลับกลายเป็นสุดที่จะไม่ปลื้มเข้าไปทุกวัน นี่ดีหน่อยที่วาดจันทร์บอกไปว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับพ่อตา ไม่งั้นล่ะก็อาจจะถูกพ่อตายึดเมียคืน



พอตาเขาตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แต่เพราะเจ้านายเขามาตามหาแพรพรรณรายณ์ที่นี้เมื่อสามเดือนก่อนที่หญิงสาวหนีไปใหม่ ๆ และดันเผลอสารภาพความจริงไปหมดทุกช๊อต คุณพ่อตาเขาเลยโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟจนเขาพาเจ้านายกลับแทบไม่ทัน...จากนั้นวาดจันทร์ก็ถูกตามตัวมาซักฟอกเพราะพ่อตาแม่ยายเขาติดต่อลูกสาวคนเล็กอย่างแพรพรรณรายณ์ไม่ได้ และวาดจันทร์ก็จำต้องเล่าความจริงให้ฟัง



และส่วนหนึ่งที่อาจารย์วิชัยไม่พอใจมากก็เพราะอิทธิพลของตระกูลมัสซึยาม่านั่นแหละ เนื่องจากคุณคิเคียวให้คนสืบหาแพรพรรณรายณ์ ทำให้อาจารย์วิชัย คุณนวล และวาดจันทร์ ไม่สามารถไปพบหญิงสาวได้เพราะกลัวถูกสะกดรอยตามไป ซึ่งเรื่องนี้เขาเป็นคนบอกเอง



คิแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตตัวเองดี นั่นก็เจ้านาย ทางนี้ก็ครอบครัวเมีย...มันเป็นสองสิ่งที่เขาต้องให้ความเคารพและเกรงอกเกรงใจทั้งคู่



“ผมถามจริง ๆ นะครับ แพรติดต่อมาบ้างหรือเปล่า ผมอยากคุยกับเธอ” คิโยชิไม่ฟังคำของคนสนิท เขาถามซ้ำอยู่อย่างนั้น



ท่าทางและใบหน้าที่ซูบลงไปจากวันแรก ๆ ที่เห็นทำให้อาจารย์วิชัยนึกสงสารอยู่ไม่น้อย แต่ความโกรธและไม่พอใจมีมากกว่า เลยทำเป็นไม่สนใจ คุณนวลที่เพิ่งออกลงจากตัวบ้านจึงพูดขึ้นแทน



“กลับไปเถอะพ่อหนุ่ม น้องแพรไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากน้องด้วย พ่อกับแม่เองก็เป็นห่วงน้องเหมือนกัน แต่พ่อหนุ่มมาที่นี่ทุกวันมันก็ไม่ได้หรอก”



แม้จะนึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่คุณนวลที่เป็นคนใจดีมีเมตตาอยู่ก่อนแล้วก็นึกสงสาร ใจจริงนางเองก็อยากจะให้ลูกสาวคนเล็กกับพ่อหนุ่มคนนี้ได้พูดจาปรับความเข้าใจกันให้รู้เรื่อง หากแต่เป็นแพรพรรณรายณ์เองที่ขอร้องมาว่าไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อคิโยชิอีก นางกับสามีรวมถึงวาดจันทร์ก็ไม่อยากขัดใจตอนนี้ เพราะแพรพรรณรายณ์กำลังอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ไหนจะกำลัง...



“กลับขึ้นบ้านกันเถอะแม่ ปล่อยให้ยืนกันอยู่นี่แหละ” คำชวนของสามีทำให้คุณนวลพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางคุโดว่าที่ลูกเขยคนโต เอ่ยบอกให้พากับกลับไป



“พากันกลับไปเถอะลูก นี่ก็ค่ำแล้ว อย่ามาเสียเวลาที่นี่เลย”



“ไปเถอะแม่ พ่อหิวข้าวแล้ว” อาจารย์วิชัยดึงมือภรรยาคู่ยากเดินกลับขึ้นเรือนไป ไม่สนใจคุโดที่กำลังจะยกมือขึ้นไหว้ลา



“เราก็กลับกันเถอะครับคุณคิโยชิ ป่านนี้คุณคิเคียวคงรอทานข้าวอยู่”



พอได้ยินชื่อของน้องชายก็ทำให้คิโยชิได้คิดว่าเขาทำให้คิเคียวต้องลำบากและเหนื่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งจากเรื่องงานที่คิเคียวต้องดูแลรับผิดชอบอยู่แล้ว และตอนนี้ยังต้องมาช่วยดูแลงานในส่วนของเขาอีก เพราะตัวเขาเอาแต่ตามหาแพรพรรณรายณ์เหมือนคนบ้า ไม่มีสมาธิไม่มีกะจิตกะใจทำงาน



“งั้นก็กลับกันเถอะ ขอบใจนะคุโด” ทั้งคุโดและคิเคียวต่างต้องห่างกับภรรยาและคนรักเพื่อมาอยู่ดูแลเขา ดูแลงานในส่วนที่เขารับผิดชอบ “เดี๋ยวกลับไปถึงกรุงเทพ นายไปอยู่กับคุณวาดบ้างเถอะ ชั้นไม่เป็นไรหรอก...แล้วก็บอกคุณวาดให้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกลับญี่ปุ่นให้เคียวด้วยนะ อีกวันสองวันข้างหน้านี่เลยก็ได้”



“แต่คุณคิเคียวบอกว่าจะอยู่ช่วยงานคุณคิโยชิที่นี่ไปก่อนสักพักนี่ครับ” จริง ๆ แล้วเรื่องงานเป็นข้ออ้างมากกว่า เขารู้ว่าที่คุณคิเคียวอยู่ต่อแบบไม่มีกำหนดก็เพราะความเป็นห่วงพี่ชายของตัวเอง



เขาเองก็เหมือนกัน เห็นสภาพเจ้านายแล้วก็ร่ำ ๆ อยากจะบอกที่อยู่ของแพรพรรณรายณ์เสียจริง ๆ ตอนนี้เขามั่นใจพันเปอร์เซ็นต์ว่าเจ้านายเขารักแพรพรรณรายณ์สุดหัวใจ



“ฉันดูแลได้ ทำตามที่บอกเถอะ ฉันจะคุยกับเคียวเอง”



“เอางั้นก็ได้ครับ งั้นก็กลับกันเถอะครับ” เดินนำไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เจ้านาย จากนั้นจึงเดินกลับไปฝั่งคนขับ ทำหน้าที่เป็นสารถีพากันกลับกรุงเทพ





ระหว่างทาง ภาพความทรงจำยามเมื่อมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกกับแพรพรรณรายณ์ก็ผุดขึ้นมา ยิ่งเมื่อคุโดขับผ่านไปทางตลาดน้ำที่มีความทรงจำหวานชื่น คิโยชิก็หลับตาข่มความเจ็บปวด ความรัก คิดถึง ห่วงหา ที่ผสมปนเปกันไปหมด



กลับมาหาผมสักทีได้ไหมแพร ผมทรมานจนแทบจะตายอยู่แล้วคนดี...



++++++++++



“คุณแพรไม่พูดไม่ถามอะไรถึงคุณคิโยชิบ้างเหรอครับคุณวาด”



น้ำเสียงและท่าทางกลัดกลุ้มของคุโด ทำให้ร่างอวบที่กำลังเดินถือแก้วโกโก้ร้อนหอมฉุยเข้ามาขมวดคิ้ว ก่อนจะถามออกไป



“ก็ไม่นี่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้คุณดูท่าทางไม่ดีเลย หรือกลุ้มแทนเจ้านายอีกแล้ว”



“ก็มันน่ากลุ้มนี่ครับ คุณก็เห็นว่ตอนนี้คุณคิโยชิดูแย่ขนาดไหน คุณไม่สงสารเจ้านายผมบ้างเหรอครับคุณวาด”



ตอนนี้เจ้านายเขาทั้งซูบ ทั้งโทรม ไม่เหลือเค้าหนุ่มหล่อหุ่นสมาร์ทคนเดิมอยู่เลย จนเขากลัว่าจะล้มป่วยเข้าสักวัน



“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับวาดล่ะคะ เจ้านายคุณทำตัวเอง อีกอย่างยัยแพรก็ดูเหมือนไม่ต้องการไม่อยากพบเจอเขาอีก แล้วจะให้วาดทำยังไง ไปยุ่งกับยัยแพรมาก ๆ เดี๋ยวน้องหนีเตลิดไปจะทำยังไง คุณก็รู้ว่าตอนนี้...”



“เรื่องนั้นก็เหมือนกัน มันเรื่องสำคัญเลยนะครับคุณวาด” นี่ถ้าเจ้านายเขารู้ว่า...เฮ้อ นี่ถ้าเขาแกล้งหลุดปากพูดกับเจ้านายไป เมียเขาจะโกรธมากไหมวะเนี่ย



“ค่ะสำคัญ แต่เราเป็นคนนอกในเมื่อยัยแพรบอกว่าไม่ต้องการ วาดก็เคารพการตัดสินใจของน้อง”



“แต่นั่นน่ะ...โธ่ คุณวาด ผมกลุ้มนะครับเนี่ย” คุโดยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองเหมือนคนบ้า แต่วาดจันทร์กลับหัวเราะขำกับท่าทีที่เห็น “หัวเราะอะไรน่ะคุณวาด นี่ผมกลุ้มจริง ๆ นะ ตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยโกหกเลยนะครับ แล้วนี่มันกี่ครั้งไปแล้วเนี่ย”



“เค้าไม่ได้เรียกว่าโกหก เรียกว่าแค่ไม่พูดความจริงเท่านั้น” บอกไปก็หัวเราะคิดคักเมื่อเห็นค้อนวงโตจากผู้ชายอกสามศอกเป็นครั้งแรก



“แล้วมันต่างกันตรงไหมไม่ทราบครับ” พูดซะดูดีเลยนะเมียเขา ไม่โกหกแต่แค่ไม่พูดความจริง...ไอ้สองประโยคนั่นความหมายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ



“เอาเถอะค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย มันไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย” มือขาวอวบยกขึ้นไปนวดคลึงขมับให้เบา ๆ “รอให้ยัยแพรหายเครียดก่อนเถอะค่ะแล้วเราค่อยพูดกับยัยแพรอีกที ตอนนี้ก็ปล่อยให้เจ้านายของคุณจมอยู่กับความทรมาน รับผมกรรมจากการกระทำของตัวเองไปก่อน”



“แต่ผมเป็นห่วงคุณคิโยชิ ทุกวันนี้ไม่เป็นอันกินอันนอนเลย ผมกลัวว่า...” น้ำเสียงกังวลขาดหายไปเมื่อสาวคนรักยื่นใบหน้าเข้ามาใช้ริมฝีปากอิ่มปิดกั้นทุกคำพูดต่อจากนั้น



“พอได้แล้วค่ะ มามะ เดี๋ยววาดจะรักษาอาการกลุ้มให้” โน้มลำคอเขาให้ก้มลงมารับจุบพิตขจัดความกลุ้มกังวลอีกครั้ง



ก่อนที่จุบพิตจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อคนที่กำลังกลุ้มเริ่มหลงลืมความกลุ้ม กลายมาเป็นความรู้สึกอื่นแทน และกว่าจะจบวิธีการคลายความกังวลก็เล่นเอาคนทั้งคู่เหนื่อยหอบกอดก่ายกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เลยทีเดียว



“หายกลุ้มหรือยังคะ” เสียงหวานถามขึ้น เมื่อคนที่ซบใบหน้ากับซอกคอของตนเงยหน้าขึ้นมาสบตา



“ค่อยยังชั่วแล้วครับ แต่จะให้ดีขอรับการรักษาอีกครั้ง” คุโดยันกายลุกขึ้นนั้ง พลางรั้งร่างอวบอิ่มของสาวคนรักตามติดมาด้วย เขาเหวี่ยงขาแกร่งลงจากโซฟา เอนหลังพิงไปกับพนักโซฟา มือหนาเริ่มบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงอีกครั้ง ก้มหน้าเข้าหายอดบัวสีหวานที่ชูชันล่อตา ดูดกลืนขบเม้มอย่างไม่รู้จักอิ่มอีกครั้ง



“อีกครั้งเดียวพอนะคะวันนี้ พรุ่งนี้วาดต้องออกไปพบลูกค้ากับคุณคิมูระ เดี๋ยวเดินไม่ไหว อื้มมม” บอกไปพลางสูดปากไป เมื่อริมฝีปากร้อนกัดเบา ๆ



“โอเคครับ อีกรอบเดียวก็อีกรอบเดียว...แต่นานหน่อยนะครับ” มือหนานำทางให้สะโพกกลมกลึงเริ่มขยับเคลื่อนไหวเชื่องช้าเนิบนาบแต่หนักหน่วง



และกว่าที่เพลิงรักครั้งนี้จะมอดดับ ก็ใช้เวลานานนับชั่วโมงอย่างที่เขาบอกเอาไว้จริง ๆ วาดจันทร์ถึงกับอ่อนแรงก้าวเดินแทบไม่ไหว จนต้องพึ่งอ้อมแขนแกร่งของหนุ่มญี่ปุ่นคลั่งรักอย่างคุโดพาไปอาบน้ำ และเข้านอน



++++++++++



วันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน สองเดือน สามเดือน...จนตอนนี้เข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้ว หัวใจของคนที่เฝ้ารอคอยตามหาผู้หญิงอันเป็นที่รักก็หมดหวังไปทุกที ๆ



ชิวีตของคิโยชิตั้งแต่ที่แพรพรรณรายณ์จากไปมีแต่ความมืดมน ไร้ซึ่งความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทุกวันทุกคืนที่ผันผ่านดูยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ วัน ๆ หนึ่งเขาทำแต่งานกับงานเหมือนหุ่นยนต์ ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ นอกจากเรื่องงานแล้วเขาแทบจะไม่พูดคุยกับใครเลยยกเว้นคุโดที่เป็นคนสนิทเท่านั้น เขาใช้เวลาว่างทั้งหมดออกตามหาแพรพรรณรายณ์ ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เจอกับเธออีกครั้ง



แต่ไม่ว่าจะตามหาสืบเสาะยังไง ตามหาทั่วทุกผืนแผ่นดินในประเทศไทยและเช็คไปยังประเทศต่าง ๆ ใช้ทั้งอำนาจเงินและอิทธิพลของตระกูลที่มี ก็ไม่แม้แต่จะได้ร่องรอย เหมือนผู้หญิงที่ชื่อแพรพรรณรายณ์ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้



เขาคงหมดหวังที่จะได้จอเธอแล้วจริง ๆ



“หลังงานเปิดตัวโรงแรมสาขาเชียงใหม่ฉันคงจะกลับญี่ปุ่นเลย นายตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะพาคุณวาดไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันหรือย้ายมาประจำที่นี่ ดำรงตำแหน่งประธานสาขากรุงเทพกับเชียงใหม่แทนฉัน”



คุโดที่นั่งตรวจงานอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงมุมห้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายตัวเองทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่า



“หมายถึงจะกลับไปอยู่ถาวรน่ะเหรอครับ แล้วเรื่อง...เอ่อ คุณแพรล่ะครับ” คุโดเห็นดวงตาของเจ้านายเขาไหววูบทันทีที่ได้ยินชื่อของแพรพรรณรายณ์ ทุกวันนี้เขาอยากจะบอกวันละเป็นสิบ ๆ รอบว่าหญิงสาวอยู่ไหน แต่ก็เหมือนคนน้ำท่วมปาก



จะทำยังไงดีวะเนี่ย คุณคิโยชิก็เหมือนหุ่นยนต์ไปทุกวัน ด้านคุณแพรก็ขู่ว่าถ้าเขาบอกจะหนีไปให้ไกล ไหนจะเมียรักอีกที่คงเอาเขาตายหรือไปก็เนรเทศกลับญี่ปุ่นแน่ถ้าขัดคำสั่ง



ให้ตายเถอะ เกิดเป็นเขานี่มันลำบากจริง ๆ พับผ่าสิ



“ฉันยังจะมีหวังอยู่อีกหรือคุโด เกือบปีแล้วไม่ว่าจะตามจะสืบหายังไงก็ไม่พบ ฉันรู้ว่าถ้าแพรไม่อยากจะพบฉันไม่ว่าจะตามหายังไงมันก็คงไม่เกิดผล” ไม่เคยเลยที่คุโดจะได้ยินน้ำเสียงท้อแท้สิ้นหวังจากเจ้านายที่เขารักและเคารพ ครั้งนี้คงจะเกินทนจริง ๆ



คิโยชิหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ทุกวันนี้เขาอยู่ที่นี่เพราะมีความหวังว่าสักวันจะเจอเธอผู้หญิงที่เขารักอีกครั้ง แต่ความหวังของเขาก็ริบหรี่เหลือเกิน จนตอนนี้เขาทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว ทุกวันที่กลับห้องพักเขาต้องทรมานกับภาพของแพรพรรณรายณ์ทุกอิริยาบทที่อยู่กับเขา แม้แต่ในห้องทำงานนี่ก็เหมือนกัน ทุกตารางนิ้วในห้อง ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนภาพของเธอก็จะผุดขึ้นมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา มันทรมานที่เห็นแต่จับต้องไม่ได้...



“หมายความว่าคุณคิโยชิจะเลิกตามหาคุณแพรแล้วเหรอครับ”



“ไม่” คำปฏิเสธตอบกลับมาทันควัน “ไม่มีทางที่ฉันจะเลิกตามหาแพร แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตฉันก็จะไม่หยุดตามหาเธอ...ตอนนี้ฉันได้แต่หวังว่าถ้าแพรรู้ว่าฉันกลับญี่ปุ่นไปแล้ว เธอจะกลับมาอยู่กับครอบครัว” เกือบปีมานี่แพรพรรณรายณ์จะลำบากแค่ไหนนะ ที่ต้องอยู่คนเดียว ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาห่วงเธอถึงได้ตัดสินใจกลับญี่ปุ่น



“คุณคิโยชิรักคุณแพรใช่ไหมครับ” ถึงจะพอเดาได้จากท่าที แต่ก็อยากถามเพื่อความมั่นใจ



“ใช่...รัก...ฉันรักแพร” ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวว่ารัก แต่ก็ยังโง่ทำให้เธอต้องเจ็บจนต้องหนีหายไป



“ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณแพรเธอจะเข้าใจและยกโทษให้คุณคิโยชิแน่นอนครับ” และผมจะพยยามช่วย คุโดคิดว่าเขาคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว เพราะตอนนี้เจ้านายของเขาก็ทุกข์ทรมานพอแล้ว



“ขอบใจมากคุโด เกือบปีมานี้ฉันคงทำให้นายยุ่งยากหลายอย่างสินะ วันนี้เลิกงานแล้วไม่ต้องอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนฉันหรอก กลับไปคุยกับคุณวาดว่าจะอยู่ที่นี่หรือไปญี่ปุ่น แล้วบอกฉันอีกที” สบตาลูกน้องอย่างขอบคุณ คุโดเป็นคนสนิทที่สุดของเขาในบรรดาเลขาและบอร์ดี้การ์ด เป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เขามาตลอดสิบปี้นี้ อย่างตอนนี้แม้ตัวเองจำแต่งงานไปแล้วแต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเขา จนบางทีเขาก็นึกห่วงกลัวว่าจะมีปัญหากับวาดจันทร์



“แล้วก็รีบมีลูกได้แล้ว ฉันขอเป็นพ่อบุญธรรมให้ลูกของนายแล้วกัน เพราะฉันอาจจะไม่มีโอกาสมีเป็นของตัวเอง...”



คุโดที่ไดยินอย่างนั้นเกือบจะโพล่งออกไปแล้วว่า...ทำไมจะไม่มีโอกาสก็ในเมื่อตอนนี้...



++++++++++



สายลมที่พัดผ่านทำให้โมบายที่ทำจากฝาหอยหลากหลายสีบนระเบียงบ้านพักหลังงามปลิวกระทบกันจนเกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ฟังดูไฟเราะคล้ายเสียงดนตรีขับกล่อมจากสรวงสวรรค์



เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวสยายของร่างบางที่นั่งอยู่บนแปลยวนหน้าบ้านปลิวไปตามแรงลม แต่เจ้าของกลับไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่เธอสนใจคือภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ในมือ



ข่าวการเปิดตัวโรงแรมดังสาขาใหม่ที่เชียงใหม่



นอกจากภาพโรงแรมใหญ่โตสวยหรูแล้ว ยังมีภาพของผู้บริหารระดับสูงของสาขาที่เปิดใหม่แนะนำอีกด้วย รวมไปถึงภาพที่อยู่ในกรอบใหญ่โดดเด่นไม่แพ้ภาพโรงแรม...



ภาพของประธานใหญ่ของโรงแรมในเคลือทั้งหมด...คิโยชิ มัสซึยาม่า



ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าขณะมองภาพใบหน้าคมสัน...กี่วัน กี่เดือนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นหน้าเขา



ปลายนิ้วแตะสำผัสไปตามกรอบหน้าคมในภาพ ผู้ชายที่เธอรัก ก่อนจะหลุบตามองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย แสงแดดที่สาดส่องมากระทบทำให้เพชรเม็ดงามทดประกายระยิบระยับ...กี่ครั้งแล้วที่เธอกลั้นใจจะถอดมันออกเพื่อที่จะได้ลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นเสียที มืออีกข้างยกขึ้นมาทำท่าจะถอดออกจากนิ้วเรียวอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็หยุดชะงักไว้แค่นั้น...



เธอทำไม่ได้...ไม่ว่าเขาจะใจร้ายทำให้เธอเสียใจเจ็บปวดแค่ไหน แต่เธอก็ยังรักเขา และเมื่อยังรักแหวนวงนี้ก็ไม่สามารถที่จะถอดออกจากนิ้วของเธอได้



เหมือนที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้ ว่าแหวนวงนี้จะอยู่กับเธอตราบเท่าที่เธอยังรักคนให้





“ ออกมานั่งตากลมอีกแล้วนะครับตัวเล็ก เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเหมือนวันก่อนอีกนะ ”



เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นก่อนที่จะปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่เดินยิ้มเข้ามาหา ร่างบางส่งยิ้มอ่อนหวานกลับไปให้ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร



“พี่เต้ ทำไมกลับมาเร็วจังคะ ไหนว่าวันนี้จะกลับค่ำ ๆ ไง” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาทรุดนั่งยอง ๆ ตรงหน้า มือหนายกขึ้นทำทีเคาะเบา ๆ ที่หน้าท้องนูนของคนที่นั่งอยู่บนแปลยวน



“หืมส์...พี่รีบกลับมาเพราะกลัวว่าเจ้าแฝดจะรีบออกมาก่อนกำหนดน่ะสิ เมื่อคืนก็เจ็บท้องเตือนบ่อยด้วย แล้ววันนี้ล่ะครับเป็นไงบ้าง ว่าไงเจ้าแฝดวันนี้ทรมานคุณแม่อีกหรือเปล่าฮึ” เตชินทร์ตอบกลับเสียงนุ่ม แล้วเพิ่มแรงเคาะไปอีกนิดจนว่าที่คุณแม่ลูกแฝดหัวเราะคิก และนั่นก็ทำให้เตชินทร์ยิ้มอย่างพอใจที่เห็นความเศร้าหายไปจากใบหน้างาม...แม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม



“วันนี้เพิ่งเจ็บสองสามครั้งเองค่ะ คงจะยังไม่คลอดง่าย ๆ หรอก อาจจะอยากอยู่ในท้องจนครบเก้าเดือนเลยมั้งคะ พี่เต้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคะ ทำงานตามปกติเถอะ อีกตั้งเดือนกว่า”



“แต่คุณหมดบอกว่าท้องแฝดน่าจะคลอดก่อนกำหนดนี่นา พี่ไม่อยากประมาท นี่ก็ว่าจะหยุดงานอยู่บ้านจนกว่าเราจะคลอดเลย ถึงยังไงก็งานของเราเองมีปัญหาอะไรคนงานก็วิ่งมาบอกเองนั่นแหละ” เตชินทร์บอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นฝ่ามือไปตรงหน้า และเมื่อมือบางวางมือลงกลางฝ่ามือก็ฉุดร่างบางที่อวบอิ่มเฉพาะตรงกลางลำตัวให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงพาเดินกลับเข้าไปในบ้าน



“โธ่ อย่าทำขนาดนั้นเลยค่ะ แค่นี้แพรก็รบกวนพี่เต้จะแย่อยู่แล้ว” แพรพรรณรายณ์บอกอย่างเกรงใจ สิบเดือนมานี่เธอรบกวนเตชินทร์มาตลอดจนไม่อยากจะในเขาต้องทำอะไรเพื่อเธอมากไปกว่านี้แล้ว



“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดอย่างนี้อีก พี่เต็มใจทำเพื่อเราทุกอย่าง แล้วต่อไปถ้าได้ยินเราพูดแบบนี้อีกพี่จะงอนล่ะนะ” คนตัวโตเท่าตึกแกล้งทำน้ำเสียงและท่าทางเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ “คิดมากบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกพี่ออกมาหน้าย่นล่ะก็น่าดู” มือหนายกขึ้นยีหัวเล็ก ๆ เบา ๆ แต่คำพูดของเขากลับทำให้ใบหน้าหวานสลดลง



“พี่เต้คะ เรื่องนี้...”



“บอกแล้วไงว่าห้ามพูดอีก เอาล่ะนั่งลงแล้วทานข้าวกันได้แล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่อยตัดบท เพราะรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จากนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งเมื่อพาเดินเข้ามาถึงห้องครัว



“แต่พี่เต้คะ แพรพูดจริง ๆ นะคะ เรื่องลูก...พี่เต้ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อแพรขนาดนั้นก็ได้ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่เต้เลย แล้วอีกอย่างต่อไปถ้าพี่เต้มีครอบครัวเป็นของตัวเองมันจะเกิดปัญหาขึ้นได้นะคะ”



“อนาคตมันยังมาไม่ถึงน่าตัวเล็ก บางทีชาตินี้พี่อาจจะไร้คู่อยู่เป็นโสดไปจนตายก็ได้ใครจะรู้ ดังนั้นให้พี่เป็นพ่อของเจ้าแฝดน่ะดีแล้ว แก่ตัวมาจะได้มีคนคอยดูแลไง” ตอบกลับอย่างขี้เล่นแต่ภายในใจกลับเศร้าสลดกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า



เตชินทร์รู้ตัวดีว่าแพรพรรณรายณ์คิดกับเขาแค่พี่ชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เขาสิกลับคิดกับเธอมากกว่านั้นมาตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม...เขารักแพรพรรณายณ์ มาตั้งแต่เขาอายุยี่สิบ มาถึงตอนนี้เขาอายุสามสิบ ผ่านมาสิบปีเต็มพอดีแต่เขาก็ยังคงมีใจรักมั่นกับยัยตัวเล็กคนนี้เหมือนเดิม





ครั้งแรกที่เจอกันตอนนั้นเขาอายุสิบแปด ส่วนแพรพรรณรายณ์อายุสิบสอง เขาเพิ่งมาจากต่างประเทศมาอยู่ที่บ้านอาวิชัยคุณพ่อของวาดจันทร์ เพราะพ่อของเขาเป็นน้องชายของพ่อวาดจันทร์ หลังจากนั้นเขากับแพรพรรณรายณ์ก็สนิทสนมกัน ไปไหนไปด้วยกันเหมือนคู่หูต่างวัย เขาเรียกเธอว่า ยัยตัวเล็ก เพราะแพรพรรณรายณ์ตอนเด็ก ๆ ผอมแห้งแทบจะปลิวตามลม และก็เพราะความสนิทสนมกันนี่แหละทำให้เกิดความผูกพันธ์จนกลายเป็นความรักโดยที่เขาไม่รู้ตัว มารู้อีกที่ว่าเขาหลงรักยัยตัวเล็กก็เมื่อเธอพาชายหนุ่มหน้าใสมาแนะนำให้รู้จักว่าเป็นคนที่กำลังคบหากัน



ตอนนั้นเขาแทบบ้าที่รู้ตัวว่าหลงรักคนที่มีศักดิ์เป็นน้อง แม้จะไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดเพราะแพรพรรณรายณ์เป็นเพียงแค่ลูกของเพื่อนรุ่นน้องของอาเขา แต่ในสายตาคนรอบข้างและตัวแพรพรรณราย์เองก็คิดว่าเขากับเธอเป็นญาติสนิทกันไปแล้ว เขาจึงกลับไปอยู่กับบิดามารดาที่ต่างประเทศเหมือนเดิมหลังจากเรียนจบปริญญาในปีถัดไป เพราะไม่อาจจะทนเห็นภาพผู้หญิงที่ตนเองรักกับผู้ชายอีกคนได้ เขาไม่กลับมาประเทศไทยอีกเลยเป็นเวลาหกปี จากนั้นเมื่อคุณตาญาติฝั่งมารดาเสียชิวิตลงเขาจึงกลับมาดูแลกิจการบ้านพักริมทะเลของท่านที่นี่...และสิบเดือนก่อนวาดจันทร์ก็ติดต่อมา จากนั้นยัยตัวเล็กก็มาอยู่กับเขาที่นี่ พร้อมกับเรื่องราวที่รู้ทำให้เขาแทบอยากจะปรี่ไปฆ่าไอ้สารเลวที่มันทำให้ดวงใจของเขาเจ็บช้ำอย่างนี้ แต่แพรพรรณรายณ์ก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน



“เฮ้อ อุตส่าห์มีพี่ชายรูปหล่อทั้งคน แต่ดันขายไม่ออกซะนี่”



“อะไรกัน พี่ขายไม่ออกก็เพราะมีเราอยู่ทั้งคนไง” ความหมายของเตชินทร์คือเพราะเขามีเธออยู่ในหัวใจเลยไม่คิดจะมองใคร แต่คนฟังกลับคิดไปอีกทาง



“นั่นสิคะ เพราะแพรแท้ ๆ เลยทำให้คนเข้าใจผิด คิดกันไปเองแบบนั้น แต่พี่เต้ก็ไม่น่าไปพูดแบบนั้นเลย ไหนจะมาอยู่กับแพรที่นี่อีก แพรว่าพี่เต้กลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่ตามเดิมดีกว่านะคะ”



ตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอมาอยู่ที่นี่ คนที่นี่พากันคิดว่าเธอเป็นคนรักของเตชินทร์ และเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปฏิเสธเสียด้วยสิ แล้วยิ่งพอรู้ว่าเธอท้อง เตชินทร์นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้วยังย้ายตัวเองจากบ้านใหญ่ของคุณตาคุณยายของเขามาอยู่ที่บ้านพักหลังเล็ก ๆ ติดชายหาดที่เป็นหนึ่งในบ้านพักแขกของจำนวนบ้านหลายสิบหลังที่เขายกให้เธออยู่ ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านแถวนี้รวมถึงพนักงานของเขาต่างก็เข้าใจกันไปว่าฌะอและสองแฝดเป็นภรรยากับลูกของเตชินทร์หนุ่มหล่อฐานะดีคนนี้ เขาให้เหตุผลกับเธอว่าเพราะท้องเธอโตขึ้นทุกวัน เขาไม่อยากให้คนเอาไปพูดว่าทำไมเธอท้องแต่ไม่มีสามี และก็เพราะเหตุผลนี้อีกเหมือนกันที่เตชินทร์ยืนยันว่าเขาจะเซ็นรับเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ



“เอาอีกแล้ว วกมาคิดมากเรื่องนี้อีกแล้วไง อยากให้พี่งอนจริง ๆ ใช่ไหม งั้นงอนแล้วนะ” ใบหน้าคมเข้มแกล้งสะบัดหันหนีไปทางอื่น



“ดูทำเข้า อายุสามสิบนะคะไม่ใช่สิบสาม แล้วนึกเหรอว่าแพรจะง้อเหมือนตอนเด็ก ๆ “



“ไม่ง้อ...งั้นก็ไม่งอนแล้ว เมื่อยคอด้วย” พูดจบก็หัวเราะไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่มือหน้ายกขึ้นลูบศรีษะน้องน้อยเหมือนอย่างที่ทำให้วัยเยาว์ เสียงทุ้มก็เอ่ยบอกต่ออย่างอ่อนโยน



“ต่อไปอย่าคิดมากหรือเกรงใจพี่แบบนี้อีกนะตัวเล็ก น้องสาวพี่ทั้งคนพี่จะปล่อยให้ลำบากคนเดียวได้ยังไง” ถึงเขาอยากจะเป็นมากกว่านั้น แต่ความหวังมันคงไม่มี ทางที่ดีเขาคงได้แต่ปลงและเตือนตัวเองว่าแพรพรรณรายณ์เป้ฯน้องสาวของเขาเท่านั้น เตชินทร์คิดอย่างปลงตก



“ใครจะพุดจะนินทาอะไรไม่ต้องไปสนใจ ตัวเล็กมีหน้าที่อยู่อย่างเดียวคือ ดูและตัวเองและลูกในท้องให้แข็งแรงก็พอ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ เข้าใจไหม”



“ขอบคุณนะคะพี่เต้ ถ้าไม่มีพี่เต้แพรคงไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” นอกจากเตชินทร์แล้วคนที่เธออยากจะขอบคุณไม่แพ้กันก็ก็วาดจันทร์กับคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะผู้มีพระคุณทั้งสองนอกจากท่านจะไม่ด่าว่าเธอแล้ว ยังปลอบและให้กำลังใจ โทรมาคุยกับเธอทุกวัน และเฝ้าบอกให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านของท่านทั้งสองตามเดิม



ความจริงเธอก็กะจะกลับไปคลอดและอยู่เลี้ยงลูกที่บ้านคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน แต่ว่าวาดจันทร์บอกว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นให้คนตามหาเธอ...เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะตามหาเธออีกทำไม เหตุผลเดียวที่เธอคิดได้ในตอนนี้ก็คือเขาคงไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งหนีมา หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือเขาคงยังอยากจะได้เธอเป็นนางบำเรอบนเตียงอยู่



“ตัวเล็ก...” เสียงเรียกหนัก ๆ ดังขึ้นจากคนตรงข้ามทำให้แพรพรรณรายณ์สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ไปที่เผลอจมอยู่กับความคิดของตัวเอง “พี่เพิ่งบอกไปเมื่อกี้เองนะฮึ นี่เลยกินข้าว ๆ เร็ว ๆ กินเยอะ ๆ ด้วยเจ้าแฝดหิวกันใหญ่แล้วมั้งเนี่ย” ปากบ่นมือก็ตักนั่นตักนี่ใส่จานให้



จากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เตชินทร์สร้างขึ้นเพื่อให้น้องน้อยที่เขาแอบรักหายจากอาการเศร้าสร้อย แพรพรรณรายณ์นึกขอบคุณพี่ชายที่แสนดีของเธอคนนี้ที่ช่วยให้เธอมีรอยยิ้ม แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ก็ตาม เพราะเมื่ออยู่คนเดียวความเศร้าความเจ็บปวดก็พุ่งสู่หัวใจเธอเหมือนเดิม



.......................................................................................................



++++++++++

7/8/2011



บางคนอาจจะถามว่าทำไมยากุซ่าหาคนไม่เจอผ่านไปหลายเดือนแล้ว

ปกติก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหนุ่มเคียวของเรา

หากแต่ครั้งนี้อย่าลืมว่าคนที่รับหน้าที่ประสานงานต่าง ๆ คือคุโด ที่อยู่ในโอวาทเมียรักอย่างวาดจันทร์ขนาดไหน อิอิ



ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2554, 20:12:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2554, 20:12:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 2748





<< ตอนที่ 17...สายเกินไป   ตอนที่ 19...ตามหาดวงใจ... >>
Pat 7 ส.ค. 2554, 23:15:54 น.
จะใจอ่อนให้เจอดีไหมนี่ ไหนๆเวลาก็ผ่านมาเกือบปีแล้วเนอะ


milbol 8 ส.ค. 2554, 11:27:17 น.
เศร้าอ่ะ จะร้องไห้ น่าสงสารทั้งคู่เลย


anOO 8 ส.ค. 2554, 12:23:28 น.
หวังว่าถ้าได้เจอกัน คิโยชิคงไม่คิดว่าลูกที่ออกมาเป็นลูกคนอื่นอีกนะ


zeen 9 ส.ค. 2554, 18:22:32 น.
น่าสงสารทั้งคู่เลยค่ะ


ปูสีน้ำเงิน 9 ส.ค. 2554, 19:14:57 น.
อยากให้ปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ จัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account