เล่ห์บุพเพ
พันธนาการที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก ทำให้มนต์พระจันทร์ต้องการอิสรภาพคืน ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อการพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเขามีกฏเกณฑ์ทางหน้าที่กำหนดไว้ว่าระหว่างคอนซัลและวิศวกรห้ามมีความสัมพันธ์กันนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา มนต์พระจันทร์จึงไม่อาจทวงถามถึงอิสรภาพที่รอคอยได้เสียที ในขณะที่วิณรุจน์เองก็ทำราวกับไม่รู้จักเธอ..ซ้ำยังกลายมาเป็นชู้ เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น

ตัวอย่างจ้า

"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง

"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ

Tags: มนต์พระจันทร์/วิณรุจน์/คอนซัล/โปรเจ็คแมนเนเจอร์

ตอน: บทที่7----------เล่ห์บุพเพ--------30%

มาอีกตอนสั้นๆค่า แล้วจะลงบ่อยๆนะคะ

คิดถึงคอมเม้นจัง....รจนาไฉน
-----------------------------------------------------------------------------

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ต้อนรับทีมจากรัฐบาลที่เข้ามาดูความคืบหน้าของโครงการก่อนคณะรัฐมนตรีด้านการคมนาคมจะมาเองในอีกสัปดาห์ข้างหน้า นึกสงสัยว่าทำไมต้องเป็นเธอทั้งที่วิณรุจน์ก็ขึ้นกะเช้าแล้ว แม้หน้าที่ของเธอจะต้องเป็นผู้รายงานความคืบหน้าต่างๆของโครงการให้กับทางรัฐบาลทราบก็จริง แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับการที่จะต้องมาพาแขกเยี่ยมชมโครงการมั้ง

เหลือบเห็นทีมวิศวกรจากที่ไกลๆทางโซนบีกำลังก้มดูแบบแปลนก่อนที่วิณรุจน์จะเงยขึ้นมาสบตาเธอพอดี มนต์พระจันทร์ละสายตาจากเขาก่อนจะหันมาตอบคำถามต่างๆให้กับแขกเมื่อถูกซักถาม ราวชั่วโมงเศษถึงแยกย้าย จรุงรัตน์เป็นผู้มารับหน้าที่ต่อจากเธอ มนต์พระจันทร์จึงกลับเข้าเต็นท์

“กลับกันไปหมดแล้วเหรอพระจันทร์” ศุภางค์เอ่ยถามหลังจากเห็นมนต์พระจันทร์เดินกลับเข้าเต็นท์หน้าหงิก เธอไม่ได้เบื่องาน แต่เบื่อพวกหัวงูขี้หลีแล้วยังอวดรวยอวดตำแหน่งต่างหาก

“ค่ะ”

“คนสวยก็แบบนี้แหละ งานหน้ารัฐมนตรีมาเอง คงไม่พ้นพระจันทร์อีกแน่ๆพี่ว่า” ศุภางค์เอ่ยรู้ทันสาเหตุที่ทำให้มนต์พระจันทร์หน้าหงิกกลับมา

“ก็ว่างั้น ทำไมเขา...” เธอชะงักไปนิด ก่อนจะใช้สรรพนามเรียกเขาใหม่ไม่ให้ผิดสังเกต “โปรเจ็คไม่ไปอธิบายเองก็ไม่รู้” มนต์พระจันทร์เอ่ยรวนๆ นึกหมั่นไส้คนหน้าหินที่ปล่อยให้เธออยู่กับเฒ่าหัวงูลำพัง ก่อนจะเหลือบไปเห็นน้ำฝนนั่งกุมขมับหน้าหงิกกว่าตน “ฝนเป็นอะไรคะพี่ศุ ถึงได้นั่งหน้าเครียดเชียว” เธอถามขณะที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ทำงาน

“จะอะไรซะอีก ปัญหาเดิมๆ ปิดรายงานไม่ได้ เอกสารไม่ครบน่ะสิ” ศุภางค์บอก

“ทำไมคะ แผนกไหนไม่ส่งรายงานเหรอ”

“จะใครได้ ก็ยัยเดือนดับน่ะสิ เราเบื่อมากเลยนะ ใกล้สิ้นเดือนทีไรเป็นแบบนี้ทุกที” น้ำฝนลุกจากเก้าอี้เดินมาหาทั้งคู่บ่นอุบ

เธอยังขาดเอกสารการสั่งจ่ายเงินค่าวัสดุต่างๆรวมถึงค่าแรงงานในรอบสุดท้ายก่อนจะจบไตรมาสแรก แล้วอีกไม่กี่วันก็ต้องส่งรายงานให้กับคุณลีชางซึ่งจะมีประชุมใหญ่รอบเดือนเพื่อสรุปความคืบหน้าของโครงการและงบประมาณ แต่ว่าเดือนฉายก็ยังไม่ยอมนำเอกสารฉบับนั้นมาให้เสียที ครั้นพอไปทวงถามก็ได้รับคำตอบมาว่ายังไม่เรียบร้อย เธอเป็นพวกไม่ชอบมีสร้างศัตรูจึงถูกกลั่นแกล้งแบบนี้เสมอ

“ให้เราช่วย..เอามั้ย” มนต์พระจันทร์เอ่ย เธอได้ยินกิตติศัพท์เดือนฉายมาไม่น้อยตั้งแต่ทำงานที่นี่ หลายครั้งเหมือนกันที่โดนแขวะโดนเหน็บ ทว่าก็ไม่อยากต่อเรื่องต่อราวเลือกที่จะนิ่งเฉยมาตลอด

“เอาสิ ว่าแต่ไม่ลำบากพระจันทร์แน่นะ” น้ำฝนนึกเกรงใจ แม้จะอยู่ในทีมเดียวกันแต่หน้าที่ความรับผิดชอบก็แบ่งแยกชัดเจน

“ไม่หรอก กำลังหงุดหงิดอยู่พอดี” เธอตอบ แววตาฉายประกายอย่างนึกสนุก อยากจะรู้นักว่าสาวแผนกบัญชีคนนี้จะฤทธิ์เยอะแค่ไหน

เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนฝูงว่าฝีปากมนต์พระจันทร์คมแค่ไหน แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูอ่อนหวานเรียบร้อยซึ่งขัดกับนิสัยจริงๆที่เป็นคนไม่ยอมคน แต่ใช่ว่าเพื่อนเธอคนนี้จะเที่ยวไปหาเรื่องใครต่อใครไปเรื่อยนะ ถ้าไม่เกินขีดความอดทน มนต์พระจันทร์ไม่มีทางลุกขึ้นมาฟาดฟันด้วยเด็ดขาด พอพูดจบร่างบางก็ขยับลุกจากเก้าอี้ดิ่งไปที่แผนกบัญชีซึ่งอยู่เต็นท์ข้างๆกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้มนต์พระจันทร์อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงทรงแคบยาวครึ่งแข้งสีน้ำเงินอวดเรียวขา ด้านหลังผ่าลึกขึ้นมาเหนือเข่าพร้อมรองเท้าส้นสูงคู่โปรดเกือบสี่นิ้ว ส่งให้ร่างโปรงบางดูเปรี้ยวเบาๆไม่น้อย ถ้าวันไหนไม่ได้ออกตรวจไซต์งาน เธอก็มักจะสวยเรียกสายหนุ่มๆเสมอ แน่นอนว่าแผนกบัญชีที่เธอจะไปนั้นจะต้องผ่านโซนแรดหรือโซนวิศวกรซึ่งอยู่เต็นท์ถัดไป

“คุณพระจันทร์ รีบร้อนจังครับจะไปไหนเหรอ” เสียงทินกรเอ่ยทักระหว่างทาง ขณะที่กลุ่มวิศวกรกำลังเดินกลับเข้าเต็นท์มาพอดี

“แผนกบัญชีค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มบางเบา ก่อนจะมองเลยไปยังร่างสูงของวิณรุจน์แล้วหงุดหงิดขึ้นมาติดหมัดที่เขาทิ้งให้เธอทำหน้าที่แทน เขามองตอบเธอเพียงนิดแล้วเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะทำงาน

“เมื่อวานเห็นนายภาวิทย์เดินหิ้วของพะรุงพะรังไปส่งคุณที่ห้องพัก จะมีปาร์ตี้กันเหรอครับ”

“ค่ะ ก็ว่าจะทำอะไรทานตามประสา อยากจะผ่อนคลายบ้าง พรุ่งนี้วันหยุดนี่คะ” เธอตอบยิ้มๆ

“ดีเลยครับ ผมกำลังเครียดอยู่พอดี ถ้าไม่รังเกียจ ขอไปร่วมวงด้วยคนนะครับ” ทินกรตาโต นึกถึงกับแกล้มกับเหล้านอกขึ้นมาทันที ก่อนที่วาโยจะวาดฝ่ามือลงที่ท้ายทอยเพื่อนเต็มแรง “เจ็บนะเว้ย!ไอ้โย แกตบหัวฉันทำไมวะ”

“แกเครียดตรงไหนวะ เห็นวันๆเอาแต่แซวสาวๆ หาที่กินเหล้าก็บอกมาเหอะ” วาโยพูดดักคอ

“หรือแกไม่ไป” ทินกรสวนทันควัน ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดีว่าไม่มีทางพลาด

“ไป!!” วาโย ศักดิ์สิทธิ์ ตอบชัดถ้อยชัดคำพร้อมกัน มนต์พระจันทร์ส่ายหน้าขันๆกับแก๊งวิศวกรแรด แต่ก็ดีไม่เครียดดี

“จะไปน่ะ เขาชวนรึยัง” พีรทัตเอ่ยแทรกขณะที่กำลังเดินเข้ามาที่เต็นท์แล้วได้ยินพอดี มนต์พระจันทร์ยิ้มขันก่อนจะเอ่ยชวนทุกคน เธอไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไร อีกทั้งทุกคนในที่นี้ก็เป็นกันเองดี มีเพื่อนกินหลายๆคนคงสนุกดี

“ถ้างั้น..เชิญทุกคนเลยนะคะ คุณพีรทัตด้วย ถ้าว่าง” เธอเอ่ยกลั้วขันกับท่าทางเกรียนๆของเหล่าวิศวกรทโมน
วิณรุจน์ละลายตาจากเอกสารในมือมองเจ้าของรอยยิ้มสดใสนิดก่อนจะก้มหน้าดูเอกสารต่อเงียบๆ

“ขอบคุณครับ เห็นทีพี่จะต้องขอตัวเพราะมีงานต้องเคลียร์กับนายรุจน์อีกพักใหญ่กว่าจะได้กลับ” พีรทัตตอบส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธอซึ่งต่างจากสิงห์คนเดียวในกลุ่มที่เอาแต่ก้มหน้าดูเอกสารบนโต๊ะสีหน้าเรียบนิ่ง

“งั้น พระจันทร์ขอตัวไปตามงานก่อนนะคะ แล้วเจอกันเย็นนี้ค่ะ” เธอบอกพร้อมทั้งก้าวฉับจากไป ปล่อยให้หนุ่มๆมองตามร่างบางด้วยความเสียดายที่เธอมีเจ้าของซะแล้ว

“สวยหยาดฟ้ามาดิน เห็นเมื่อไหร่ก็สบายหูสบายตา ไม่น่าเลยจริงๆ” ทินกรบ่นไล่หลังร่างบางอย่างนึกเสียดาย ก่อนจะเดินส่ายหน้าช้าๆกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเอง

“นั่นดิ ฉันล่ะอยากเป็นสามีเขาชะมัด ไอ้หมอนั่น มันบ้าหรือโง่กันแน่ว่ะปล่อยให้เมียมาเดินสวยๆล่อตาล่อใจชายไกลถึงเชียงราย ” ศักดิ์สิทธิ์ผสมโรงด้วย วิณรุจน์ละสายตาจากเอกสารเหลือบมองบรรดาเพื่อนๆคิ้วขมวดยุ่งนิด อ่านเอกสารอยู่ดีๆก็โดนด่าซะงั้น ทว่าก็เฉยเสีย

....ไอ้บ้าหรือไอ้โง่ที่ว่า นั่งอยู่ตรงนี้ครับ

“ทั้งเก่ง ทั้งสวยแถมฉลาดอีกต่างหาก น่าเสียดาย..ว่ามั้ยรุจน์” พีรทัตแสดงความเห็นขึ้นบ้าง
เขาไม่ได้นึกเสียดายให้ตัวเอง แต่เสียดายแทนลูกน้องที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะต่างหาก ถ้าไม่ติดที่มนต์พระจันทร์มีสามีแล้ว ทั้งคู่เหมาะสมกันมากทีเดียว วิณรุจน์เป็นคนเก่งเพราะฉะนั้นคนที่จะเอาวิณรุจน์อยู่ต้องเป็นผู้หญิงที่เก่งและฉลาดไม่แพ้กัน

วิณรุจน์ละสายตาจากเอกสารในมือยิ้มให้พีรทัตที่เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้าแผนกวิศวกรเพียงนิด จะให้เขาตอบว่าอย่างไรดีล่ะ เสียดายหรือว่าไม่ เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างทินกรเองเพราะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ อีกอย่างเขาก็จดทะเบียนสมรสหลังจากทำงานที่นี่ได้ปีกว่าๆแล้ว เอกสารจึงไม่จำเป็นต้องใช้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2559, 21:18:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2559, 00:20:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1073





<< บทที่ 6-------เล่ห์บุพเพ--------100%   บทที่7----------เล่ห์บุพเพ--------70% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account