กามเทพเฮี้ยนเพี้ยนรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็มีวิญญาณเข้ามาวนเวียนในชีวิต วิญญาณที่ไม่ได้มาหลอกหลอน เพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง...ที่ต้องอาศํยข้อแลกเปลี่ยน
Tags: แนวผี

ตอน: ตอนที่ 5 คือคนนี้ที่ป้าเลือก

5

จากการเดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ และได้รับข้อมูลบางอย่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี อีกทั้งสภาพรถที่ดูจะมีพิรุธบางจุด ชวนให้สงสัยว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ และสิ่งนั้นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

คงต้องเริ่มต้นตรวจสอบ สืบสวนกันใหม่...แต่...เขาจะเริ่มจากจุดไหนก่อนดี จากที่ปลายเหตุหรือจากการหาต้นเหตุ กริชนะถอนหายใจด้วยความกังวลเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาตัดสินใจเลือก


“นายต้องหาตัวช่วยแล้วล่ะกริช ลำพังแค่นายคนเดียว สู้รบปรบมือกับศัตรูที่อยู่ในมุมมืด นายมีโอกาสเสียเปรียบ” คำแนะนำของธนัญชัย ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด

แล้วใครล่ะจะเข้ามาช่วยรับมือในสถานการณ์แบบนี้...คนที่ต้องทำงานใกล้ชิด และวางใจได้... คิดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ตกขบไม่แตกซะที กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นแฟ้มผู้สมัครตำแหน่งเลขานุการ

“ใช่แล้ว...”

ชายหนุ่มหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมาพิจารณาอีกรอบ ไม่รู้หรอกว่าใครในนี้จะวางใจได้มากน้อยแค่ไหน แต่เขาเชื่อใน สัญชาตญาณ น่าจะมีใครสักคนในจำนวนผู้สมัครนับสิบคนนี้ถูกชะตากับเขาบ้าง คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่า คนอย่างนายกริชนะ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ อาศัยความรู้สึกต้องชะตาในการเลือกพนักงาน ไม่ใช่จากความสามารถ...

“เอ๊ะ...แยกออกไปแล้วนี่ ทำไมยังมาปนอยู่ในนี้ได้” กริชนะขมวดคิ้วด้วยความงุนงงกับใบสมัครงานใบหนึ่ง ที่แทรกมาให้เห็นทุกครั้งที่เขาพิจารณาผู้สมัครตำแหน่งเลขานุการ

“ยัยนี่จะตามหลอกหลอนฉันไปถึงไหนนะ” ว่าพลาง เหวี่ยงใบสมัครนั้นไปพ้นๆ แล้วเลือกต่อ

มาสะดุดตาที่ภาพถ่ายติดใบสมัครรูปใบหน้าสวยหวาน ดูกระตือรือร้น ผลการเรียนดีเด่นกว่าใคร แถมคะแนนการสัมภาษณ์ยังยอดเยี่ยม กริชนะพยายามนึกถึงตอนที่เขาเข้าไปสังเกตการณ์ น่าแปลกที่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นและรับฟังการให้สัมภาษณ์ของเธอ

“สรุป...เอาคนนี้แหล่ะ” ว่าพลางแยกใบสมัครมาใส่ในแฟ้มตอบรับการสมัคร ก่อนเขาจะเอนหลังใช้มือนวดขมับ หลับตาพักสมอง

“ป้าบอกแล้วไงว่าป้าจะเอาคนนี้...เชื่อป้าสิ”

กริชนะไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่เขาพักสายตา เอกสารในแฟ้มนั้นได้ถูกสับเปลี่ยนไปแล้วโดยที่เขาไม่อาจรู้ตัว ด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่ยากจะพิสูจน์

“คุณเสริมชัย เข้ามาพบผมหน่อย” ชายหนุ่มโทรศัพท์เรียกหัวหน้าแผนกบัญชี ผู้เป็นพนักงานเพียงคนเดียวในเวลานี้ที่เขาพอจะรู้จัก

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะสม่ำเสมอสามครั้งตามมารยาท ดังขึ้นหน้าประตูที่มีแผ่นป้ายขนาดพอเหมาะสลักเป็นตัวอักษรสวยงามอ่านง่ายสบายตาว่า ประธานกรรมการบริหาร ก่อนที่ลูกบิดประตูจะถูกบิดแล้วผลักเข้าไปภายในโดยไม่จำเป็นต้องรอคำอนุญาตจากภายใน

“ต้องขอรบกวนคุณเสริมชัยอีกรอบนะครับ” กริชนะเอ่ยขึ้น เมื่อเงยหน้าจากเอกสารในมือมาสบตาหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่ยืนพินอบพิเทารอรับคำสั่งอยู่ด้านหน้า

“ไม่เป็นการรบกวนหรอกครับ ผมถือว่าเป็นเกียรติซะมากกว่า...” เสริมชัยปฏิเสธความคิดของเจ้านายที่เอ่ยออกกมาให้ทราบ

“ก็คงจะอีกไม่เท่าไหร่หรอกนะ รอผมมีเลขาฯเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ คุณก็จะทำงานสบายขึ้น ไม่ต้องวิ่งรอก ดูแลแผนกบัญชี ควบคู่กับการดูแลผม” ชายหนุ่มผู้เป็นนายเอ่ย

กริชนะลอบสังเกตสีหน้า ท่าทางของลูกน้องที่ดูเหมือนจะพยายามปิดบังซ่อนเร้นอาการรุกรนกระวนกระวาย ชวนให้สงสัยว่า เพราะขาดความมั่นใจที่ต้องมายืนต่อหน้าเขาผู้เป็นถึงเจ้าของบริษัท หรือเพราะมีอะไรบางอย่างปิดบังซ่อนเร้นแล้วกลัวว่าจะถูกจับได้ แต่จะด้วยเหตุผลใด อีกไม่นานเขาคงจะรู้ได้เอง

“อืม...ผมอยากให้คุณเอาแฟ้มเอกสารแฟ้มนี้ไปให้ฝ่ายบุคคลที...คือผมเลือกคนที่จะมาเป็นเลขาฯ เรียบร้อยแล้ว ตามประวัติและใบสมัครที่แนบอยู่ในแฟ้ม ส่วนพนักงานบัญชี ก็ตามแต่พวกเขาจะเห็นสมควร”

กริชนะยื่นแฟ้มเอกสารไปตรงหน้า เสริมชัยขยับเข้ามารับไว้ นึกแปลกใจที่ท่านประธานเรียกให้เขามารับงานนี้ไปส่ง แทนที่จะติดต่อให้ฝ่ายบุคคลมารับไปเอง

“พอดีว่าผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก คิดว่าคงไม่ได้เข้ามาอีก ฝากหน่อยก็แล้วกัน อ้อ...ผมหวังว่าจะเห็นเลขานุการคนใหม่มารายงานตัวเร็วที่สุดนะ จะได้เคลียร์งานที่กองค้างอยู่เต็มโต๊ะให้เสร็จซะที”

“ได้ครับ” เสริมชัยรับคำสั่ง เขาทำความเคารพเจ้านายด้วยการโค้งคำนับอย่างงดงาม ก่อนจะถอยออกจากห้องไป โดยมีสายตาของผู้เป็นนายมองส่งไปจนกระทั่งประตูปิดลง

เสริมชัยอดไม่ได้ที่จะหลุบตาดูแฟ้มเอกสารในมือ อยากรู้จริงๆว่า เลขานุการของท่านประธานคนใหม่จะหน้าตาเป็นยังไง...ถ้าจะให้เดา ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบผู้หญิงสวยๆ เวลาพกพาไปไหนต่อไหน ก็เป็นที่เชิดหน้าชูตา ยิ่งถ้าได้ทั้งสวย ทั้งเอาใจเก่ง ทั้งคล่องตัวแล้วล่ะก็ ห้องทำงานคงเหมือนสวรรค์ คิดแล้วก็ชวนให้เคลิบเคลิ้มไปตามจินตนาการ จนอดไม่ได้ที่จะหามุมลับๆ เปิดแฟ้มออกดู แล้วก็ปิดลงพรางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อสิ่งที่เห็นภายในไม่ได้เป็นไปตามที่จินตนาการเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

“นี่ครับคุณอนงค์ ท่านให้ผมเอาแฟ้มเอกสารมาให้ครับ” เสริมชัยเอ่ย เมื่อเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานผู้จัดการฝ่ายบุคคล

“แฟ้มอะไร” อนงค์ขยับแว่นตาเพื่อโฟกัสภาพให้ชัดขึ้นก่อนจะรับมาเปิดดู

“เลขานุการคนใหม่ที่ท่านเลือก” เสริมชัยเอ่ย

“ทำไมท่านฝากคุณมา...ทำไมไม่แจ้งในทางเราไปรับ” เอ่ยปากถามทั้งๆที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่แฟ้มในมือ

“เห็นบอกว่าจะไปธุระ ไม่เข้ามาอีก”

“แล้วท่านออกไปหรือยัง...”

“ตอนผมออกมาน่าจะยังนะ...มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสริมชัยถาม เมื่อสังเกตเห็นรอยขมวดที่กลางหน้าผากอย่างชัดเจนของหญิงวัยกำลังจะแตะห้าสิบ

“ไม่มีอะไรหรอก คุณกลับไปได้แล้ว” อนงค์เอ่ย โดยที่สายตาเธอยังอยู่ที่แฟ้ม

ไม่ได้สนใจว่าฝ่ายนั้นจะออกพ้นประตูหรือยัง แต่สิ่งที่สงสัยว่าจะเกิดความผิดพลาด คงรอไว้แก้ไขทีหลังไม่ได้...โทรศัพท์ติดต่อภายในถูกยกขึ้นแนบหูก่อนที่จะกดส่งสัญญาณติดต่อไปยังห้องท่านประธาน

“สวัสดีครับ ผมกริชนะกำลังพูด”

“สวัสดีค่ะ...ดิฉัน อนงค์ จากฝ่ายบุคคลนะคะ” เธอกรอกเสียงลงไปทันทีที่ได้ยินคำตอบรับจากปลายสาย

“ครับ...คุณอนงค์”

“คือดิฉันได้รับแฟ้มเอกสารคัดเลือกตำแหน่งเลขานุการจากคุณเสริมชัยแล้วค่ะ” อนงค์เริ่มเกริ่นเรื่อง

“ได้รับแล้วเหรอครับ...คุณเสริมชัยนี่ทำงานเร็วทันใจซะจริง” ตอบกลับพลางเอ่ยชมพนักงานที่ได้รับมอบหมาย

“ค่ะ...แต่...ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ เลยโทรมาสอบถามขอคำยืนยัน”

“ตามนั้นแหล่ะครับ...”

“แต่...คนที่คุณเลือกเธอไม่ได้...”

“ตามนั้นครับคุณอนงค์...ช่วยจัดการให้ผมด้วย ผมต้องการให้ได้เลขาฯมาปฏิบัติงานเร็วที่สุด...แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยวคะท่านประธาน...เดี๋ยว...” อนงค์ได้แต่ถอนหายใจเฮือก เมื่อการติดต่อถูกตัดสัญญาณไปโดยที่ยังไม่ได้เหตุผลชัดเจนการยืนยันของประธานหนุ่ม

“ก็ได้...ถ้าต้องการคนที่ไม่ได้จบสายงานโดยตรงมาทำตำแหน่งนี้ก็ตามใจ ถ้าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ก็อย่ามาโทษฝ่ายบุคคลว่าไม่เตือนก็แล้วกัน” อนงค์บ่นอุบ ก่อนจะโยนแฟ้มในมือลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี

ซึ่งความเป็นจริงแล้ว อนงค์ไม่ได้ห่วงใยในการรับเลขานุการเพื่อทำหน้าที่สำคัญกับท่านประธานสักเท่าไหร่หรอก แต่สิ่งที่เธอผิดหวังนั้นคงไม่พ้นเด็กฝากที่รับปากเอาไว้ดิบดีว่าจะต้องได้ตำแหน่งนี้ อุตส่าห์ลงทุนตกแต่งข้อมูลในเอกสารที่ส่งให้ท่านประธานเลือกเป็นพิเศษ ให้คนที่หวังจะได้ตำแหน่ง ดูเด่นสะดุดตาที่สุด ทั้งผลคะแนนสอบสัมภาษณ์ ผลการเรียน ความสวยน่ารัก และความคล่องตัว แต่สุดท้ายคนที่ได้กลายเป็นผู้หญิงหน้าตาจืดๆ ผู้หญิงที่ไม่ได้ลงสมัครในตำแหน่งเลขานุการซะด้วยซ้ำ...กลับได้ตำแหน่งนี้ไปครองอย่างง่ายดาย ไม่เรียกว่าส้มหล่น ก็คงเรียกได้ว่าเป็น...เด็กของนาย


เมื่อสายฝนยามเช้าเป็นอุปสรรคให้เขมขวัญต้องเปลี่ยนใจกลับมานั่งกร่อยอยู่ที่บ้าน ดูเหมือนอะไรต่อมิอะไรมันน่าเบื่อไปซะหมด

“นี่ถ้ามีคอมพิวเตอร์สักเครื่องที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ การหางานทำคงไม่ใช่เรื่องยุ่งอยากอย่างนี้...แต่จะโทษใครได้ล่ะ นอกจากโทษความจนของตัวเอง” หญิงสาวยืนบ่นอยู่คนเดียวที่ระเบียงห้องนอน “คนรวยก็รวยไม่บันยะบันยัง คนจนก็จนกรอบ แทบหาข้าวสารมากรอกหม้อไม่มี...เฮ้อ...ชีวิตหนอชีวิต”

สายตามองผ่านม่านฝนไปยังเรือนตุ๊กตาท่ามกลางสวนดอกไม้แห่งนั้น...เห็นอีกแล้ว...ผู้หญิงคนที่เคยเห็น จนเข้าใจว่าน่าจะอาศัยอยู่บ้านหลังนั้น แต่ทำไมนายคนที่เจ้าเมื่อเช้าถึงบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่

เขมขวัญตอบรับรอยยิ้มด้วยการโบกมือทักทาย แม้จะอยู่ระยะไกล แถมยังมีม่านฝนกางกั้นอยู่อีกชั้น ก็ยังเห็นว่าคุณคนนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้ แล้วร่างสมส่วนท่าทางภูมิฐานที่ยืนอยู่หน้าประตูก็หมุนตัวกลับเข้าไปภายในจนลับตา ประจวบกับเสียงโทรศัพท์ในห้องของเธอดังขึ้นดึงความสนใจไปรวมอยู่ที่เครื่องสื่อสารขนาดจิ๋วเครื่องนั้นทั้งหมด

“สวัสดีค่ะ...เขมขวัญกำลังพูด...” เธอกรอกเสียงทักทายออกไปอย่างสุภาพ ก่อนจะหยุดนิ่งฟังทางปลายสัญญาณที่เป็นฝ่ายบอกเล่าเหตุผลในการโทรศัพท์ติดต่อครั้งนี้ด้วยอาการตกตะลึง

“ค่ะๆๆๆ แล้วดิฉันจะรีบไปรายงานตัวตามวันและเวลาที่ทางบริษัทกำหนด ขอบคุณมากๆค่ะ” น้ำเสียงที่กล่าวออกไปค่อนข้างสั่น จะบังคับให้เป็นปกติคงยาก ก็ในเมื่อเวลานี้เธอกำลังได้รับข่าวดี มันเป็นข่าวที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้รับมาในรอบหนึ่งทีเดียว

“กรี๊ด!..ได้งานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าสอบสัมภาษณ์ผ่าน” หญิงสาวกรีดร้องอย่างดีใจ เมื่อการติดต่อของฝ่ายบุคคลจากบริษัทยักษ์ที่เธอไปสอบสัมภาษณ์อย่างทุลักทุเลสิ้นสุดลง

จะว่าไปแล้วงานนี้เขมขวัญถอดใจตั้งแต่เจอเรื่องไม่คาดฝันหลายๆเรื่อง ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าจะได้ นี่ล่ะนะที่เขาเรียกว่าดวง...ดูท่าช่วงนี้ดวงของเธอคงจะพุ่งสูงปี๊ดจนทะลุจักรวาลแล้วซะกระมัง

เสื้อผ้าที่ขนมาจากบ้านนอกเกือบทุกชุดถูกนำมาวางเรียงกันบนที่นอนเธอต้องเลือกชุดทำงานที่ดีที่สุดสำหรับการเข้ารายงานตัววันแรก

“เฮ้อ...ดูเป็นยายแก่ทุกชุดเลย เอายังไงดีเนี่ย” เขมขวัญกวาดตามองแล้วก็ถอนใจ

แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง...หญิงสาวหันไปคว้ากระเป๋าสตางค์ใบเล็กมาเปิดดู จำนวนเงินมีอยู่น้อยนิด แต่หากจำเป็นต้องใช้หาชุดทำงานดีๆสักชุดก็น่าจะพอ

“เอาเถอะ...ได้งานแล้วนี่ ลงทุนเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี ไม่น่าจะมีปัญหา”

ว่าแล้วเขมขวัญก็รีบรุดลงมายังชั้นล่างเพื่อหาซื้อสิ่งที่ต้องการจากตลาดนัดที่เธอเคยเห็นและจำได้ว่าตั้งอยู่ไม่ไกลเกินกว่าจะเดินไปถึง

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขมขวัญจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างมีความสุข โชคดีมากที่มีเสื้อผ้า สภาพดี มาวางขาย ถึงจะเป็นเสื้อผ้ามือสอง แต่เธอก็สามารถเลือกหาที่สวยๆ เหมาะสมกับการเข้าทำงานวันแรกได้อย่างเป็นที่พอใจ แถมยังได้กับข้าวหน้าตาน่ารับประทานมาฉลองความสำเร็จอีกหลายถุง

เมื่อชอปปิงจนเป็นที่พอใจ เขมขวัญก็เดินกลับบ้านด้วยความสุขใจ เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอไม่ขาด จนกระทั่งมีบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งไปยังรถจักรยานที่ล้มขวางถนนอยู่ตรงหน้า หมาต้นเหตุสองตัวที่ไล่กัดกันวิ่งหายไปอีกทางด้วยความตกใจ

และไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ที่หากมีคนสังเกตจะเห็นว่ารถหรูสีดำมันขลับ แล่นมาจอดตั้งแต่รถจักรยานของชายชราล้มลงเพราะโดนสุนัขวิ่งตัดหน้า

“ให้ผมลงไปช่วยตาลุงนั่นไหมครับ”

“ไม่ต้อง...มีคนเข้าไปช่วยแล้ว” คำตอบราบเรียบ สายตายังจับนิ่งอยู่ที่บุคคลทั้งสอง ณ จุดเกิดเหตุ

“เป็นอะไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะลุง” ถามด้วยความห่วงใย ทั้งยังเข้าพยุงร่างผอมกะหร่องของชายชรามานั่งยังฟุตบาท

“ลุงไม่เป็นไรหรอก แต่ข้าวนั่น...” น้ำเสียงฟังดูสั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

เขมขวัญหันไปมองข้าวสารที่หกกระจายเกลื่อนพื้น สภาพถุงหูหิ้วที่ใส่มาก็คงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว “แย่เลยแบบนี้”

“ลุงเพิ่งไปซื้อข้าวมาจากร้านหน้าปากซอย ปั่นจักรยานมาดีๆ ไอ้หมาเวรที่ไหนไม่รู้ดันวิ่งตัดหน้ารถ เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไหร่แต่ข้าวสารที่ลุงไปขอแบ่งซื้อมานี่สิ...ถ้าไม่ได้กลับบ้าน วันนี้คงอดกัน” น้ำเสียงเศร้าชวนให้รู้สึกสงสาร

“ไปซื้อใหม่ก็ได้นี่ลุง” เขมขวัญเสนอความคิด

“ลุงไม่มีตังค์หรอก เงินก้อนสุดท้ายแล้วที่ซื้อข้าวสารถุงนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องเก็บของที่เขาไม่ต้องการแล้วไปขาย ถึงจะได้เงินมาซื้อใหม่” ชายชราหลีกเลี่ยงคำว่าขยะ ที่ใครได้ฟังก็คงนึกรังเกียจ

หญิงสาวถึงกับถอนหายใจในคำตอบที่ได้รับ เธอมองกองข้าวสารนิ่ง เม็ดสีขาวๆ นั้นก็ใช่จะกระจายไปจนไม่สามารถเก็บกลับคืนได้ จะมีก็เพียงบางส่วนที่หล่นลงไปในน้ำขังพื้นถนน เธอจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างที่น่าจะดีกว่าทิ้งข้าวสารพวกนี้ไว้ให้ไร้ประโยชน์

“เอาเถอะลุงเดี๋ยวหนูช่วยเก็บ”

เขมขวัญจัดระเบียบถุงกับข้าวของเธอจนเหลือเศษหนึ่งถุง วางข้าวของอื่นๆไว้ที่ฟุตบาทก่อนจะเดินไปกอบข้าวสารที่ยังคงสภาพดีใส่ในถุง พยายามเลือกและเก็บอย่างใจเย็น ไม่สนใจแม้จะเป็นเป้าสายตาใครที่เดินผ่านไปมา

“หนูเก็บได้แค่นี้...ส่วนพวกนั้นมันกระเด็นตกน้ำ คงต้องทิ้ง ลุงเอาไปร่อนฝุ่นผงออกอีกรอบก็ใช้ได้แล้ว” หญิงสาวยื่นถุงข้าวสารให้ลุงชรา

“แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว ขอบใจแม่หนูมากๆ” ชายชรามองถุงข้าวสารน้ำตาซึมด้วยความซึ้งใจ

“หนูแบ่งกับข้าวให้ลุงด้วย จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำกิน ดูเข่าลุงสิ มีแผลถลอกด้วย ไปทำแผลที่คลินิกปากซอยก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวค่าหมอหนูจะออกช่วย”

“อย่าเลย แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ แผลนิดหน่อยเอง ที่บ้านลุงมียาใส่แผล เดี๋ยวกลับไปให้เมียที่บ้านทำแผลให้” ชายชราปฏิเสธ

“ลุงรับกับข้าวถุงนี้ไปนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถือว่าเลี้ยงลุงเนื่องในวันดีๆของหนูวันนี้...หนูได้งานทำแล้ว” รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นให้คนเห็นรู้สึกชื่นใจไปด้วย

“จริงเหรอ ถ้างั้นลุงไม่เกรงใจนะ” ชายชรารับถุงกับข้าวมาถือ “ขอบใจจริงๆ ลุงไม่คิดเลยว่าสมัยนี้จะยังมีคนมากน้ำใจอย่างหนูอยู่อีก ขอให้เจริญๆเถอะนะ”

เขมขวัญกลับไปจูงจักรยานมาไว้รอชายชรารับช่วงต่อ ทั้งยังถามด้วยความห่วงใย “ปั่นไหวนะลุง”

“ไหว...แค่แผลถลอก...ลุงไปก่อนนะ หวังว่าลุงจะมีโอกาสตอบแทนหนูบ้าง”

“เรื่องแค่นี้เอง...โชคดีนะคะลุง”

เขมขวัญโบกมือลาลุงนิรนามคนนั้น ก่อนจะหันมารวบรวมข้าวของของตัวเองที่วางเอาไว้บนฟุตบาท...เธอถอนหายใจด้วยความรู้สึกสุขใจก่อนจะก้าวเดินต่อ ได้งาน ได้ทำบุญ คงไม่มีอะไรจะสุขใจเท่านี้อีกแล้ว

“จะว่าไปแม่หนูคนนั้นก็ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจหาได้ยากเหมือนกันนะครับ...ดูสิ ช่วยเก็บข้าวแล้วยังแบ่งกับข้าวให้อีก” คนขับวัยกลางคนเอ่ยด้วยความชื่นชม

“ไปต่อเถอะ ฉันอยากถึงบ้านเร็วๆ วันนี้ฉันเหนื่อย” กริชนะเอ่ยตัดบท

อยากจะเลิกสนใจผู้หญิงตรงหน้า แต่ในสมองของเขากับคิดวนเวียนถึงเธออย่างไม่อาจตัดความคิดนั้นออกไปพ้นได้ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าเขาจะสนใจผู้หญิงคนนั้นจนเก็บไปคิดถึง...ไม่หรอก เขาไม่ได้คิดถึงเพราะเธอสวยน่ารัก น่าหลงใหล จนทำให้เกิดสนใจเป็นพิเศษ แต่อาจเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งที่แปลกอย่างที่เขาไม่เคยเห็นหรือสัมผัสกับใครมาก่อน


ค่ำคืนนั้น...

ร่างบางเดินผ่านเข้าประตูหนึ่งสู่ประตูหนึ่งจนกระทั่งมาหยุดยืน ณ ห้องที่เธอบอกตัวเองว่าเคยเข้ามาแต่กลับไม่รู้สึกคุ้นเคย

“หนูพร้อมหรือยัง...คงพร้อมแล้วสินะ พร้อมที่จะทำตามสัญญาของเรา”

เสียงอันคุ้นเคยดังแว่ว เหมือนล่องลอยมาจากที่ไกลแสนไกล ทว่าอีกความรู้สึกกลับคล้ายใครสักคนกำลังกระซิบอยู่ที่ริมหู...สัญญาหรือ...เขมขวัญไม่แน่ใจกับสัญญาที่สายลมกำลังกระซิบบอก

“ใช่...สัญญาที่หนูให้ไว้กับฉัน เมื่อฉันช่วยหนูสำเร็จ หนูจะต้องสานต่องานของฉันให้สำเร็จเช่นกัน”

เสียงอันปราศจากตัวตนยังดังกังวานในหู ช้าๆ แผ่วๆ ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำที่ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงหัวใจ

“งานอะไรคะ”

“นั่นไงล่ะ...งานชิ้นนั้นมันอยู่ตรงหน้าหนูแล้วตอนนี้...ทำมันให้เสร็จ ฉันจะได้ไปในที่ที่ฉันควรไปอย่างสงบซะที”





ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2559, 04:41:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2559, 04:25:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1076





<< ตอนที่ 4 ทำไมต้องอยากตอแย   ตอนที่ 6 ตำแหน่งที่ไม่ได้เลือก >>
นกขมิ้น 17 ต.ค. 2559, 12:39:33 น.
ติดตามตอนต่อไป


แว่นใส 18 ต.ค. 2559, 07:13:51 น.
งานอะไรน๊า


wane 19 ต.ค. 2559, 11:46:29 น.
สนุกมากค๊า


Zephyr 22 ต.ค. 2559, 08:39:11 น.
งานไรอ่า อยากรู้ๆ


panon 22 ต.ค. 2559, 16:27:16 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account