กามเทพเฮี้ยนเพี้ยนรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็มีวิญญาณเข้ามาวนเวียนในชีวิต วิญญาณที่ไม่ได้มาหลอกหลอน เพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง...ที่ต้องอาศํยข้อแลกเปลี่ยน
Tags: แนวผี
ตอน: ตอนที่ 6 ตำแหน่งที่ไม่ได้เลือก
6
เขมขวัญบอกตัวเองไว้ตั้งแต่ได้รับทราบข่าวดีเรื่องงานว่า วันแรกไม่ควรจะไปสาย จึงไม่แปลกที่จะเห็นเธอออกมาเดินย้ำเท้าอยู่ข้างถนนสู่ปากซอยตั้งแต่เช้าตรู่...
แม้จะยังเช้าอยู่มาก แต่เพราะระยะทางค่อนข้างไกลกว่าจะถึงป้ายรถประจำทางนั้นก็ทำเอาเหงื่อซึมไปทั้งหน้าผากและปลาย
จมูกรั้นๆนั่น ไม่มีความคิดบ่นเรื่องความลำบากในการเดินนอกจากความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ
“ดิฉันชื่อเขมขวัญ...ทางบริษัทติดต่อดิฉันให้มารายงานตัวเข้าทำงานค่ะ” เขมขวัญเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เพิ่งจะละสายตาจากกระจกในตลับแป้งมาส่งยิ้มหวานให้
“เขมขวัญเหรอคะ...สักครู่ค่ะ”
ประชาสัมพันธ์สาวหันไปคว้าแฟ้มมาเปิด เธอไล่รายชื่อในกระดาษแผ่นบางจนกระทั่งถึงชื่อสุดท้าย จึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้อีกครั้ง
“ตำแหน่งเลขานุการประธานกรรมการ ยินดีด้วยนะคะ เชิญคุณเขมขวัญขึ้นไปที่ชั้นสี่ ที่แผนกบุคคลเลยค่ะ”
“เอ๊ะ!..เอ่อ...” เขมขวัญเกิดอาการงง เธอสมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี ก็ควรจะได้ทำงานในตำแหน่งที่สมัครสิ แล้วทำไมถึงกลายเป็นตำแหน่งเลขานุการไปได้ นี่อาจเป็นการเข้าใจผิด
“เอ่อคุณคะ...คือ...”
“คะ?...”
รอยยิ้มและสีหน้าแสดงคำถามให้เห็นชัดเจน ทว่า...ยังไม่ทันที่พนักงานคนใหม่จะได้สอบถามข้อสงสัย กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ
“เดี๋ยวนะคะ...ขอรับโทรศัพท์สักครู่” ประชาสัมพันธ์สาวหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์
“ค่ะ...ถึงแล้วค่ะ...ได้ค่ะ”
เขมขวัญยืนรอเงียบๆ เธอไม่ได้ตั้งใจจะฟังการสนทนาที่ได้ยินอยู่เพียงฝ่ายเดียวนั้นหรอก แต่ลางสังหรณ์บางอย่างผนวกกับสายตาของประชาสัมพันธ์คนสวย ทำให้คิดว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธออยู่
“คุณเขมขวัญคะ คุณไม่ต้องไปที่ชั้นสี่แล้วค่ะ ทางฝ่ายบุคคลเพิ่งโทรมาแจ้งว่าให้คุณไปที่ห้องท่านประธานเลย”
“คะ?...” คิ้วเรียวขมวดหมุน คำบอกกล่าวของประชาสัมพันธ์ยิ่งทำให้งง หนักขึ้นไปอีก
“วันนี้ท่านประธานมาทำงานแต่เช้า เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้รายงานตัวกับท่านโดยตรงก่อนส่งประวัติอื่นๆไปที่ฝ่ายบุคคล”
“ คือ...ดิฉันคิดว่า...อาจมีการเข้าใจผิด”
“เรื่องอะไรคะ”
“ตำแหน่งเลขานุการ...คือ...ตอนสมัคร ดิฉันสมัครในตำแหน่งพนักงานบัญชีค่ะ...แล้วทำไมถึง...”
“ถ้าคุณชื่อเขมขวัญ พันธ์พฤกษ์ ก็ไม่มีอะไรเข้าใจผิด หากมีข้อสงสัยอะไร ไว้รอถามฝ่ายบุคคลนะคะ เชิญคุณที่ลิฟต์ตัวนั้นเลยค่ะ ห้องประธานอยู่ที่ชั้นบนสุด” ประชาสัมพันธ์ผายมือไปยังลิฟต์ที่แตกต่างก็ตรงที่ว่างผู้คน
ห้องท่านประธานอยู่ชั้นสูงสุดของอาคาร มีโต๊ะทำงานหนึ่งตัววางอยู่ไม่ไกลจากประตูที่ติดป้ายบอกชื่อและตำแหน่งชัดเจน และเขมขวัญก็เพิ่งจะได้รู้จักชื่อนามสกุลเต็มๆของท่านก็ตอนนี้
“อ่านว่า กริด-ชะ-นะ หรือ กริ-ชะ-นะ กันแน่นะ”
เขมขวัญดูนาฬิกาเรือนจิ๋วที่ข้อมือ เธอไม่ควรจะมาเสียเวลากับเรื่องชื่อของเจ้านายให้มากความ เวลานี้น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการทำความรู้จักท่านให้มาก ควรขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความสามารถในการทำงาน ถึงแม้จะเป็นงานที่ไม่ตรงตามใบสมัครที่กรอกก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ประตูถูกเคาะสามครั้งตามมารยาท ก่อนจะถูกเปิดออกกว้าง ด้วยฝีมือของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านออกมา เขาส่งยิ้มให้ เธอเลยต้องส่งยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ
“คุณคงเป็นเลขานุการคนใหม่ของท่าน...เชิญเลยครับ ท่านกำลังรออยู่”
ชายคนนั้นเอ่ย อย่างเป็นมิตร มือยังจับอยู่ที่ลูกบิดประตู รอกระทั่งหญิงสาวเดินผ่านเข้าไปเรียบร้อยแล้วจึงดึงเข้ามาปิดเบาและเงียบเสียงที่สุด
เขมขวัญรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศห้องทำงานสุดหรูเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอย่างสงบเงียบ โต๊ะทำงานตัวใหญ่วางอยู่ด้านในสุด ข้างๆเป็นชั้นเอกสาร และมุมรับแขก ส่วนอีกด้านเป็นผนังกระจกกรองแสงสีชาใสแจ๋ว มองเห็นทิวทัศน์สวยๆของเมืองหลวงได้ถนัดตา และที่สำคัญ เธอยังมองเห็นร่างสูงของคนที่น่าจะเป็นเจ้าของห้อง ยืนเผชิญหน้ากับทิวทัศน์ภายนอกโชว์แผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อนให้เธอได้ลุ้น
ยังกะในหนังเลยแฮะ... ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละคร การพบกันครั้งแรกของตัวละครสำคัญของเรื่องมักเป็นเช่นนี้
“สวัสดีค่ะ...ดิฉันเขมขวัญ ปุรารักษ์ มารายงานตัวค่ะ” เธอถือโอกาสทักทายก่อนเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ถึงการมา
เจ้าของร่างสูงหันกลับมาสบตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยอาการตื่นตระหนกแกมประหลาดใจ เขมขวัญรู้ว่าเขาเองก็คงตกใจไม่ต่างจากเธอเพราะสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าบ่งออกไว้อย่างชัดเจน
“คุณ!... ” ต่างเอ่ยออกมาพร้อมกันราวนัดหมาย
“ทำไมคุณอยู่ที่นี่...” ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้จะซวยแต่เช้า เผลอบ่นในใจ เมื่อได้พบคนที่ไม่คิดอยากจะพบ
“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณว่าเข้ามาห้องทำงานของผมทำไม”
“หา...ที่นี่ห้องทำงานคุณเหรอ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ใช่”
“ถ้างั้นคุณก็เป็นท่านประธาน”
“ใช่...ผมเป็นประธานบริษัทและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย”
“ละ...แล้ว...ฉันต้องมาทำงานเป็นเลขานุการให้คุณ...ตายล่ะ จะมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหมนะ” ประโยคแรกที่เปล่งออกมาในทำนองอุทานก่อนจะลดเสียงลงพูดกะตัวเองเบาๆ โดยหวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยิน
“คุณน่ะเหรอจะมาเป็นเลขาฯให้ผม...ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ” กริชนะเอ่ยทั้งสาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา หยิบโทรศัพท์ติดต่อภายในขึ้นติดต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ถ้านายขี้เก๊ก นิสัยเสียคนนี้เป็นเจ้าของที่นี่ งานที่หวังจะได้คงแห้ว...
เขมขวัญรู้สึกใจแป้วอย่างประหลาดกับประโยคที่ได้ยิน เธอได้แต่หวังว่า ที่เขาเข้าใจผิดน่าจะเป็นเกี่ยวกับการได้ตำแหน่งที่สมัครเข้าทำงานฝ่ายบัญชี ไม่ใช่เลขานุการ เพราะนั่นก็คือเธอยังคงหวังจะได้งานทำอยู่
“คุณอนงค์...”
“คะ? ท่านประธาน”
“ผมอยากถามเรื่องเลขานุการที่ผมส่งชื่อไปให้”
“ค่ะ...คุณเขมขวัญ ปุรารักษ์ เธอยังไปไม่ถึงหรือคะ”
“คุณเขมขวัญมาถึงแล้ว แต่ที่ผมสงสัยก็คือ คุณดูดีแล้วเหรอว่าผมเลือกใครมาเป็นเลขาฯของผม” คิ้วเข้มขมวดหมุนใบหน้าเคร่งเครียดจนคนที่ยืนคว้างอยู่กลางห้องนึกขยาดและหวาดหวั่น
“ค่ะ...ดิฉันยังโทรไปสอบถามความแน่ใจอีกรอบ และท่านก็ยืนยันให้เอาตามนั้น” ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ถึงแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่ก็พอจับความรู้สึกหงุดหงิดได้
“โอเค.ครับ...ผมถามแค่นี้” เขาบอกก่อนวางสาย แล้วหันมาจ้องความผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้คิดทีจะเลือกฉันเป็นเลขาฯ...” ไม่มีคำตอบของคนที่กำลังมองเธออย่างใช้ความคิด “ยังไงคุณก็มีหนังสือตอบรับให้ฉันเข้ามาทำงานที่นี่แล้ว” เขมขวัญเผลอขบริมฝีปากตัวเองจนแทบจะห่อเลือด เมื่อยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มตรงหน้า “ยังไงฉันก็ต้องได้งานที่นี่ จะเปลี่ยนฉันไปยังตำแหน่งพนักงานบัญชีแทนตำแหน่งเลขาฯ ฉันก็ไม่คัดค้านหรอกนะคะ เพราะฉันสมัครในตำแหน่งนั้น แต่ได้โปรดอย่ายกเลิกคำสั่ง ฉันจำเป็นต้องได้งาน” แม้เสนอความคิดเห็นไปฝ่ายนั้นก็ยังเงียบอยู่เช่นเดิม
เหมือนเวลาบนโลกบูดเบี้ยวใบนี้หยุดหมุนไปชั่วขณะ สายตาทั้งสองประสานกัน ต่างหยั่งความคิดของแต่ละฝ่ายด้วยหัวใจของอีกฝ่ายที่ยังเต้นระทึกราวกับว่ากำลังดูหนังแนวฆาตกรรมซ่อนเงื่อน...ระยะเวลาไม่กี่นาที แต่ดูเหมือนจะยาวนานกว่าชั่วโมง กระทั่งหญิงสาวหมดความอดทนที่จะรอจะลุ้นจนต้องบอกตัวเองอย่างปลงตกว่า เธอสมควรจะยอมรับความจริง
“โอเค...ในเมื่อนี่คือข้อผิดพลาด ถึงฉันจะทำงานให้คุณเพราะความจำใจที่คุณต้องรับ อีกไม่ช้าฉันก็คงต้องถูกบีบให้ลาออก เพราะฉะนั้น...ฉันไปก็ได้”
ร่างโปร่งบางหมุนตัวกลับด้วยความรู้สึกผิดหวัง จู่ๆน้ำตาก็เอ่อขึ้นกบตา ...ไหนคุณป้าบอกว่าหนูจะได้งานไง...โธ่เอ๋ย...มันก็แค่ความฝัน...
“ไม่นะตากริช...คนนี้ป้าเลือกแล้ว เธอจะช่วยกริชได้ ในทุกๆเรื่อง หยุดเธอไว้ อย่าเพิ่งให้เธอไป” เสียงกระซิบแผ่วๆ นั้นยากจะส่งสารไปสู่เครื่องรับสัญญาณคลื่นต่างระดับ พลังงานโปร่งแสงจึงได้แต่ลอยคว้างวนเวียนอยู่รอบร่างสูงที่ยังไม่แสดงการตัดสินใจอันชัดเจนออกมา
“เดี๋ยว...” น้ำเสียงแสดงถึงอำนาจที่มีมากล้น หยุดเธอไว้ก่อนจะเดินไปถึงประตู
“คะ?...” เขมขวัญหันมามองเจ้าของใบหน้าคมคายด้วยตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“คุณจบบัญชีมาใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ที่กองอยู่นั่น เอาออกไปหาสิ่งผิดปกติให้พบ นี่ถือว่าเป็นการทดลองงาน ถ้าคุณหาความผิดปกติในงบดุลบัญชีกองนี้ได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะผ่านการทดลองงานเร็วเท่านั้น...ที่เห็นอยู่หน้าห้องเป็นโต๊ะทำงานของคุณ มีอุปกรณ์ช่วยในการทำงานครบ แต่ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถขอเบิกได้ที่ฝ่ายพัสดุ” กริชนะเอ่ยยืดยาวดั่งช่วงเวลาที่นิ่งไปนั้นคือการสะสมคำพูดมาสั่งการ
เขมขวัญทำตาปริบๆ มองกองเอกสารสลับกับหน้าเคร่งๆของเจ้านาย...ในสมองเต็มไปด้วยคำถามที่มันคงมากมายจนแสดงออกมาทางสีหน้า
“สงสัยอะไร...”
“คือ...คุณรับฉันเข้าทำงานแล้วเหรอคะ”
“แค่ขั้นทดลองงาน”
“แล้วฉันจะได้เงินเดือนหรือเปล่า”
“ทางบริษัทไม่เคยเอาเปรียบใครโดยการใช้งานฟรี...คุณจะได้เงินเดือนตามตำแหน่ง”
คำกล่าวของกริชนะสร้างรอยยิ้มใสกระจ่าง จนคนที่กำลังวางมาดนิ่งขรึมต้องกระพริบตาปริบ ๆ หัวใจกระตุกวาบกับรอยยิ้มสวย ๆนั่น
“แล้ว...แล้วถ้าฉันหาในสิ่งที่คุณต้องการไม่เจอ คุณยังจะจ้างฉันทำงานต่อหรือเปล่า”
“อันนั้นมันก็แล้วแต่ว่าคุณจะทำให้ผมรู้และเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ผมให้หามันไม่มีข้อผิดพลาดจริงๆ หรือเพราะคุณหามันไม่เจอ...ชัดเจนใช่ไหม”
“ค่ะ”
“งั้นก็เชิญ” เขาผายมือไปยังแฟ้มงานบนโต๊ะ
เขมขวัญกุลีกุจอเข้ามาหอบแฟ้มเอกสารกอดมันไว้แนบอกดั่งของรักของหวง เดินผ่านประตูออกไปยังโต๊ะทำงานที่ระบุว่าเป็นของเธอด้วยท่าทีกระตือรือร้น ดั่งเกรงว่าฝ่ายนั้นจะเปลี่ยนใจไม่ให้เธอทำงาน เอาวะ...ลองดูสักตั้ง ใส่ใจหน่อย ก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้งานทำแล้วล่ะ...
ในเวลาเดียวกันนั้นพลังงานอีกรูปแบบ ม้วนหมุนหลบร่างบางที่เดินผ่านไปทางประตู ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างโปร่งใสคล้ายเงาในกระจก ลอยวนเวียนร่างสูงที่ยังยืนนิ่งมองประตูที่เพิ่งจะปิดลงอย่างคนกำลังใช้ความคิด ก่อเกิดเป็นความเย็นยะเยือกให้ขนลุกพอง เพียงไม่ถึงนาที ความเย็นนั้นก็จางหายไปพร้อมกับเงาโปร่งใสที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อม้วนตัวพวยพุงทะลุผ่านประตูออกไปเช่นกัน
เขมขวัญวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานหน้าห้อง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง เธอหยิบแต่ละแฟ้มมาเปิดดูสาระอย่างคร่าวๆ ทำให้พอทราบว่างานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมายก็คือการตรวจสอบงบดุลบัญชีการเงินทั้งรายรับและรายจ่ายของบริษัท ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เรียนจบมาทางด้านบัญชีอย่างเธอ
“เฮ้อ...โล่งอกไปที นึกว่าจะให้ไปร่างจดหมาย จดวาระการประชุม ติดต่อนัดหมายลูกค้า จิปาถะซะอีก”
“งานพวกนั้นคุณก็ต้องทำด้วย” เสียงหนึ่งดังมาจากประตูที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา
“ฮะ...”
“ฟังไม่ผิดหรอก...” เจ้านายหนุ่มยืนยัน “เอาล่ะ...ตอนนี้พักแฟ้มงานพวกนั้นเอาไว้ก่อน อ้อ...เอาแฟ้มงานพวกนั้นตามผมมา” กริชนะเอ่ย ก่อนจะออกเดินนำไปยังลิฟต์ที่ใช้สำหรับผู้บริหารเท่านั้น
เขมขวัญรวบรวมแฟ้มเอกสารที่เพิ่งจะเปิดดู หอบขึ้นแนบอก ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายแล้ววิ่งตามร่างสูงไปให้ทัน แม้จะสงสัยว่าเจ้านายจะรีบไปไหน ทำไมต้องให้เธอไปด้วย แต่เมื่อคิดถึงตำแหน่งที่เพิ่งได้รับ เธอก็พร้อมจะเข้าใจ
“วันนี้จะมีการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าต่างชาติ ผมต้องการให้คุณเล็กเชอร์ความคิดเห็นและความต้องการของลูกค้า เอาให้ละเอียดเลยนะ”
“ฮะ!” เขมขวัญเผลออุทานออกมาเหมือนตกใจกับคำสั่งที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายหมาดๆ
“มีปัญหาอะไร...เป็นเลขาฯ ต้องทำได้ทุกอย่าง อย่าทำตัวให้มีปัญหามากนัก เพราะผมจ้างคุณมาให้ช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่ให้มาสร้างปัญหา”
กริชนะถือโอกาสสั่งสอน ทั้งเหลือบตามองสีหน้าปั้นยากของคนข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองเลยไปยังชุดที่เธอสวมใส่ มันช่างดูล้าสมัย ขัดหูขัดตาเหลือเกินกับวัยไม่เกินยี่สิบห้าของหล่อน
“ค่ะ...คือ...ฉัน...เอ่อ...” ตายล่ะ...ลูกค้าต่างชาติก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนา ให้เล็กเชอร์อย่างละเอียดเหรอ แค่ฟังจะรู้เรื่องหรือเปล่ายังไม่มั่นใจตัวเองเลยจริง ๆ...
“อย่าบอกนะว่าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้” เจ้านายหนุ่มดักคอ
สีหน้าของเลขานุการคนใหม่เป็นคำตอบที่ชัดเจนจนเจ้านายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างระอา “ไม่อยากเชื่อระบบการศึกษาของประเทศเลยจริงๆ เรียนภาษามาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบปริญญาตรีแท้ ๆ แต่หาคนพูดได้ใช้คล่องแทบพลิกแผ่นดิน ก็อย่างว่าล่ะ การสอนภาษาต่างประเทศที่นี่ คงสอนไว้เพื่อทำข้อสอบให้ได้คะแนนอย่างเดียว”
บ่นเหมือนคนแก่...เขมขวัญนึก เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ “ก็คงเป็นอย่างที่เจ้านายว่าล่ะค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น และดูเหมือนแย่กว่าคนอื่นๆก็ตรงที่ เกรดที่ได้ไม่เคยมากกว่าซีบวกสักครั้ง แต่ฉันจะพยายามหาวิธีเก็บข้อมูลมาให้เจ้านายโดยละเอียดตามต้องการนะคะ ไม่ต้องห่วง...” ตอบกลับไปอย่างนั้น แต่ในใจสุดแสนจะกังวลเป็นที่สุด
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันจะช่วยหนูเอง”
“ฮะ!...อะไรนะ” เสียงเย็นยะเยือก แผ่วๆที่แว่วเข้าโสตประสาทเหมือนกระซิบอยู่ที่ริมหู ทำเอาเขมขวัญถึงกับขนลุกซู่ เธอหันซ้ายมองขวาหาที่มาของเสียงนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าภายในลิฟต์ไม่มีใครอื่นอีก นอกจากเธอและเจ้านายสุดเฮี้ยบ
“มีอะไร”
“ปะ...เปล่าค่ะ...” บอกตะกุกตะกักพลางลูบแขนที่ยังกอดแฟ้มงานไว้กับอกไปมา ดับความรู้สึกยะเยือกที่กำลังปลุกให้ขนลุกขนพอง
“แฟ้มบัญชีการเงินนั่น ผมต้องการให้คุณตรวจสอบอย่างลับ ๆ ห้ามบอกหรือให้ข้อมูลกับใคร งานนี้ถือเป็นงานนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำ เข้าใจไหม” กริชนะถือโอกาสชี้แจงในความต้องการที่แท้จริง
“ไม่เข้าใจค่ะ” เขมขวัญตอบไปตามรู้สึก
ชายหนุ่มมองเลขาฯคนใหม่ของเขาอย่างหนักใจ นอกจากหล่อนจะเป็นผู้หญิงเรื่องมาก จุ้นจ้านแล้ว หล่อนยังเป็นผู้หญิงประเภทเข้าใจอะไรได้ยากอีกด้วย
ลิฟต์พาคนทั้งคู่ลงมาจนถึงชั้นที่จอดรถ เขมขวัญยังคงหอบแฟ้มเดินแกมวิ่งตามเจ้านายขายาว ๆ ที่คงไม่มีความคิดที่จะหันมาช่วยแบ่งเบาภาระ หรือแม้แต่จะลดระดับความเร็วในการเดินลง เพื่อให้เธอตามไปได้ทัน
“มาครับผมช่วย” คนที่เข้ามารับแฟ้มในมือกลับเป็นลุงคนขับรถแสนจะสุภาพที่วิ่งเข้ามาหาอย่างรู้หน้าที่
“ขอบคุณค่ะลุง”
“ชูครับ ผมชื่อชู” คนขับรถถือโอกาสแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อขวัญนะคะ”
“สวัสดีครับคุณขวัญ ได้รู้จักกันเป็นทางการซะที” ลุงชูผู้ทำหน้าที่คนขับรถเอ่ย ทั้งส่งยิ้มให้อย่างใจดี
“รีบ ๆ หน่อยสายแล้ว เราควรไปให้ถึงที่นัดหมายก่อนลูกค้านะ”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น คนทั้งคู่จึงต้องรีบเดินไปให้ถึงรถโดยเร็ว ลุงชูวางแฟ้มงานกองใหญ่ไว้ที่เบาะข้างคนขับ
“หนูว่าหนูควรนั่งตรงนั้นนะลุง”
“แฟ้มงานมันเยอะครับ นั่งด้านหลังกับคุณกริชเถอะ จะได้นั่งสบายๆ” ว่า แล้วเดินแกมวิ่งอ้อมไปเปิดประตูรถให้เจ้านายที่เบาะหลัง
ส่วนเขมขวัญ เธอเปิดเข้าไปนั่งเอง ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาเปิดประตูให้เสียเวลา
“ไว้คราวหน้าดิฉันจะนั่งข้างลุงชูก็แล้วกันค่ะ” เขมขวัญเอ่ย เมื่อเหลือบมองสบตาเจ้านายเข้าอย่างจังทันทีที่เธอขยับให้นั่งในท่าสบาย
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” เขาเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ช่องประตู
เขมขวัญอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาดูหนังสือที่เจ้านายอ่าน...แต่...แค่เห็นรูปปกและชื่อเรื่องก็ทำเอาใบหน้าเนียนใสแดงระเรื่อจนต้องเบือนหน้าหนีออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างพลางนึกในใจ ยี๊...ไม่อยากจะเชื่อ...คนหน้าตาท่าทางอย่างท่านประธานจะสนใจอ่านหนังสือประเภทนี้ด้วย...รักร้อน ลมสวาท...ปรื๋อ...แค่ชื่อก็...อดหันมามองใบหน้าด้านข้างของเจ้านายอีกรอบไม่ได้ สีหน้าเขานิ่งราวกับว่ากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ หรือว่า เขาจะเป็นผู้ชายซ่อนบุคลิก...ตายล่ะ...เธอต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วล่ะเขมขวัญ ...คิดแล้วก็ร้อนวูบไปทั้งหน้าจนต้องยกมือขึ้นมาพัดให้คลายเมื่อภาพเหตุการณ์เสียจูบแรกของเธอผุดขึ้น...ปรื๋อ...เธอสลัดศีรษะรีบขับไล่ความฟุ้งซ่านทิ้งไป
“เป็นอะไร” คนถาม ถามทั้ง ๆ ที่สายตาเขาไม่ได้ละไปจากหน้าหนังสือ
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าเปล่าก็อยู่นิ่งๆ สิ ทำตัวหยุกหยิก รบกวนสมาธิคนอื่นอยู่ได้”
“ค่ะ”
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในรถที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ทว่าในความเย็นฉ่ำและว่างเปล่านั้นกลับมีพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งวนเวียนล่องลอยไปโดยรอบด้วยความเจิดจ้าเรืองรองใสละเอียด
“ดีใจเหลือเกิน...กริชอ่านหนังสือของป้าด้วย...คงไม่มีอะไรที่ป้าจะดีใจและภูมิใจเท่านี้อีกแล้ว...”
เขมขวัญบอกตัวเองไว้ตั้งแต่ได้รับทราบข่าวดีเรื่องงานว่า วันแรกไม่ควรจะไปสาย จึงไม่แปลกที่จะเห็นเธอออกมาเดินย้ำเท้าอยู่ข้างถนนสู่ปากซอยตั้งแต่เช้าตรู่...
แม้จะยังเช้าอยู่มาก แต่เพราะระยะทางค่อนข้างไกลกว่าจะถึงป้ายรถประจำทางนั้นก็ทำเอาเหงื่อซึมไปทั้งหน้าผากและปลาย
จมูกรั้นๆนั่น ไม่มีความคิดบ่นเรื่องความลำบากในการเดินนอกจากความสุขที่มีอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ
“ดิฉันชื่อเขมขวัญ...ทางบริษัทติดต่อดิฉันให้มารายงานตัวเข้าทำงานค่ะ” เขมขวัญเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เพิ่งจะละสายตาจากกระจกในตลับแป้งมาส่งยิ้มหวานให้
“เขมขวัญเหรอคะ...สักครู่ค่ะ”
ประชาสัมพันธ์สาวหันไปคว้าแฟ้มมาเปิด เธอไล่รายชื่อในกระดาษแผ่นบางจนกระทั่งถึงชื่อสุดท้าย จึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้อีกครั้ง
“ตำแหน่งเลขานุการประธานกรรมการ ยินดีด้วยนะคะ เชิญคุณเขมขวัญขึ้นไปที่ชั้นสี่ ที่แผนกบุคคลเลยค่ะ”
“เอ๊ะ!..เอ่อ...” เขมขวัญเกิดอาการงง เธอสมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี ก็ควรจะได้ทำงานในตำแหน่งที่สมัครสิ แล้วทำไมถึงกลายเป็นตำแหน่งเลขานุการไปได้ นี่อาจเป็นการเข้าใจผิด
“เอ่อคุณคะ...คือ...”
“คะ?...”
รอยยิ้มและสีหน้าแสดงคำถามให้เห็นชัดเจน ทว่า...ยังไม่ทันที่พนักงานคนใหม่จะได้สอบถามข้อสงสัย กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ
“เดี๋ยวนะคะ...ขอรับโทรศัพท์สักครู่” ประชาสัมพันธ์สาวหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์
“ค่ะ...ถึงแล้วค่ะ...ได้ค่ะ”
เขมขวัญยืนรอเงียบๆ เธอไม่ได้ตั้งใจจะฟังการสนทนาที่ได้ยินอยู่เพียงฝ่ายเดียวนั้นหรอก แต่ลางสังหรณ์บางอย่างผนวกกับสายตาของประชาสัมพันธ์คนสวย ทำให้คิดว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธออยู่
“คุณเขมขวัญคะ คุณไม่ต้องไปที่ชั้นสี่แล้วค่ะ ทางฝ่ายบุคคลเพิ่งโทรมาแจ้งว่าให้คุณไปที่ห้องท่านประธานเลย”
“คะ?...” คิ้วเรียวขมวดหมุน คำบอกกล่าวของประชาสัมพันธ์ยิ่งทำให้งง หนักขึ้นไปอีก
“วันนี้ท่านประธานมาทำงานแต่เช้า เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้รายงานตัวกับท่านโดยตรงก่อนส่งประวัติอื่นๆไปที่ฝ่ายบุคคล”
“ คือ...ดิฉันคิดว่า...อาจมีการเข้าใจผิด”
“เรื่องอะไรคะ”
“ตำแหน่งเลขานุการ...คือ...ตอนสมัคร ดิฉันสมัครในตำแหน่งพนักงานบัญชีค่ะ...แล้วทำไมถึง...”
“ถ้าคุณชื่อเขมขวัญ พันธ์พฤกษ์ ก็ไม่มีอะไรเข้าใจผิด หากมีข้อสงสัยอะไร ไว้รอถามฝ่ายบุคคลนะคะ เชิญคุณที่ลิฟต์ตัวนั้นเลยค่ะ ห้องประธานอยู่ที่ชั้นบนสุด” ประชาสัมพันธ์ผายมือไปยังลิฟต์ที่แตกต่างก็ตรงที่ว่างผู้คน
ห้องท่านประธานอยู่ชั้นสูงสุดของอาคาร มีโต๊ะทำงานหนึ่งตัววางอยู่ไม่ไกลจากประตูที่ติดป้ายบอกชื่อและตำแหน่งชัดเจน และเขมขวัญก็เพิ่งจะได้รู้จักชื่อนามสกุลเต็มๆของท่านก็ตอนนี้
“อ่านว่า กริด-ชะ-นะ หรือ กริ-ชะ-นะ กันแน่นะ”
เขมขวัญดูนาฬิกาเรือนจิ๋วที่ข้อมือ เธอไม่ควรจะมาเสียเวลากับเรื่องชื่อของเจ้านายให้มากความ เวลานี้น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการทำความรู้จักท่านให้มาก ควรขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความสามารถในการทำงาน ถึงแม้จะเป็นงานที่ไม่ตรงตามใบสมัครที่กรอกก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ประตูถูกเคาะสามครั้งตามมารยาท ก่อนจะถูกเปิดออกกว้าง ด้วยฝีมือของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านออกมา เขาส่งยิ้มให้ เธอเลยต้องส่งยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ
“คุณคงเป็นเลขานุการคนใหม่ของท่าน...เชิญเลยครับ ท่านกำลังรออยู่”
ชายคนนั้นเอ่ย อย่างเป็นมิตร มือยังจับอยู่ที่ลูกบิดประตู รอกระทั่งหญิงสาวเดินผ่านเข้าไปเรียบร้อยแล้วจึงดึงเข้ามาปิดเบาและเงียบเสียงที่สุด
เขมขวัญรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศห้องทำงานสุดหรูเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอย่างสงบเงียบ โต๊ะทำงานตัวใหญ่วางอยู่ด้านในสุด ข้างๆเป็นชั้นเอกสาร และมุมรับแขก ส่วนอีกด้านเป็นผนังกระจกกรองแสงสีชาใสแจ๋ว มองเห็นทิวทัศน์สวยๆของเมืองหลวงได้ถนัดตา และที่สำคัญ เธอยังมองเห็นร่างสูงของคนที่น่าจะเป็นเจ้าของห้อง ยืนเผชิญหน้ากับทิวทัศน์ภายนอกโชว์แผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อนให้เธอได้ลุ้น
ยังกะในหนังเลยแฮะ... ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละคร การพบกันครั้งแรกของตัวละครสำคัญของเรื่องมักเป็นเช่นนี้
“สวัสดีค่ะ...ดิฉันเขมขวัญ ปุรารักษ์ มารายงานตัวค่ะ” เธอถือโอกาสทักทายก่อนเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ถึงการมา
เจ้าของร่างสูงหันกลับมาสบตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยอาการตื่นตระหนกแกมประหลาดใจ เขมขวัญรู้ว่าเขาเองก็คงตกใจไม่ต่างจากเธอเพราะสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าบ่งออกไว้อย่างชัดเจน
“คุณ!... ” ต่างเอ่ยออกมาพร้อมกันราวนัดหมาย
“ทำไมคุณอยู่ที่นี่...” ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้จะซวยแต่เช้า เผลอบ่นในใจ เมื่อได้พบคนที่ไม่คิดอยากจะพบ
“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณว่าเข้ามาห้องทำงานของผมทำไม”
“หา...ที่นี่ห้องทำงานคุณเหรอ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ใช่”
“ถ้างั้นคุณก็เป็นท่านประธาน”
“ใช่...ผมเป็นประธานบริษัทและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย”
“ละ...แล้ว...ฉันต้องมาทำงานเป็นเลขานุการให้คุณ...ตายล่ะ จะมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหมนะ” ประโยคแรกที่เปล่งออกมาในทำนองอุทานก่อนจะลดเสียงลงพูดกะตัวเองเบาๆ โดยหวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยิน
“คุณน่ะเหรอจะมาเป็นเลขาฯให้ผม...ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ” กริชนะเอ่ยทั้งสาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา หยิบโทรศัพท์ติดต่อภายในขึ้นติดต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ถ้านายขี้เก๊ก นิสัยเสียคนนี้เป็นเจ้าของที่นี่ งานที่หวังจะได้คงแห้ว...
เขมขวัญรู้สึกใจแป้วอย่างประหลาดกับประโยคที่ได้ยิน เธอได้แต่หวังว่า ที่เขาเข้าใจผิดน่าจะเป็นเกี่ยวกับการได้ตำแหน่งที่สมัครเข้าทำงานฝ่ายบัญชี ไม่ใช่เลขานุการ เพราะนั่นก็คือเธอยังคงหวังจะได้งานทำอยู่
“คุณอนงค์...”
“คะ? ท่านประธาน”
“ผมอยากถามเรื่องเลขานุการที่ผมส่งชื่อไปให้”
“ค่ะ...คุณเขมขวัญ ปุรารักษ์ เธอยังไปไม่ถึงหรือคะ”
“คุณเขมขวัญมาถึงแล้ว แต่ที่ผมสงสัยก็คือ คุณดูดีแล้วเหรอว่าผมเลือกใครมาเป็นเลขาฯของผม” คิ้วเข้มขมวดหมุนใบหน้าเคร่งเครียดจนคนที่ยืนคว้างอยู่กลางห้องนึกขยาดและหวาดหวั่น
“ค่ะ...ดิฉันยังโทรไปสอบถามความแน่ใจอีกรอบ และท่านก็ยืนยันให้เอาตามนั้น” ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ถึงแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่ก็พอจับความรู้สึกหงุดหงิดได้
“โอเค.ครับ...ผมถามแค่นี้” เขาบอกก่อนวางสาย แล้วหันมาจ้องความผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้คิดทีจะเลือกฉันเป็นเลขาฯ...” ไม่มีคำตอบของคนที่กำลังมองเธออย่างใช้ความคิด “ยังไงคุณก็มีหนังสือตอบรับให้ฉันเข้ามาทำงานที่นี่แล้ว” เขมขวัญเผลอขบริมฝีปากตัวเองจนแทบจะห่อเลือด เมื่อยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มตรงหน้า “ยังไงฉันก็ต้องได้งานที่นี่ จะเปลี่ยนฉันไปยังตำแหน่งพนักงานบัญชีแทนตำแหน่งเลขาฯ ฉันก็ไม่คัดค้านหรอกนะคะ เพราะฉันสมัครในตำแหน่งนั้น แต่ได้โปรดอย่ายกเลิกคำสั่ง ฉันจำเป็นต้องได้งาน” แม้เสนอความคิดเห็นไปฝ่ายนั้นก็ยังเงียบอยู่เช่นเดิม
เหมือนเวลาบนโลกบูดเบี้ยวใบนี้หยุดหมุนไปชั่วขณะ สายตาทั้งสองประสานกัน ต่างหยั่งความคิดของแต่ละฝ่ายด้วยหัวใจของอีกฝ่ายที่ยังเต้นระทึกราวกับว่ากำลังดูหนังแนวฆาตกรรมซ่อนเงื่อน...ระยะเวลาไม่กี่นาที แต่ดูเหมือนจะยาวนานกว่าชั่วโมง กระทั่งหญิงสาวหมดความอดทนที่จะรอจะลุ้นจนต้องบอกตัวเองอย่างปลงตกว่า เธอสมควรจะยอมรับความจริง
“โอเค...ในเมื่อนี่คือข้อผิดพลาด ถึงฉันจะทำงานให้คุณเพราะความจำใจที่คุณต้องรับ อีกไม่ช้าฉันก็คงต้องถูกบีบให้ลาออก เพราะฉะนั้น...ฉันไปก็ได้”
ร่างโปร่งบางหมุนตัวกลับด้วยความรู้สึกผิดหวัง จู่ๆน้ำตาก็เอ่อขึ้นกบตา ...ไหนคุณป้าบอกว่าหนูจะได้งานไง...โธ่เอ๋ย...มันก็แค่ความฝัน...
“ไม่นะตากริช...คนนี้ป้าเลือกแล้ว เธอจะช่วยกริชได้ ในทุกๆเรื่อง หยุดเธอไว้ อย่าเพิ่งให้เธอไป” เสียงกระซิบแผ่วๆ นั้นยากจะส่งสารไปสู่เครื่องรับสัญญาณคลื่นต่างระดับ พลังงานโปร่งแสงจึงได้แต่ลอยคว้างวนเวียนอยู่รอบร่างสูงที่ยังไม่แสดงการตัดสินใจอันชัดเจนออกมา
“เดี๋ยว...” น้ำเสียงแสดงถึงอำนาจที่มีมากล้น หยุดเธอไว้ก่อนจะเดินไปถึงประตู
“คะ?...” เขมขวัญหันมามองเจ้าของใบหน้าคมคายด้วยตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“คุณจบบัญชีมาใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ที่กองอยู่นั่น เอาออกไปหาสิ่งผิดปกติให้พบ นี่ถือว่าเป็นการทดลองงาน ถ้าคุณหาความผิดปกติในงบดุลบัญชีกองนี้ได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะผ่านการทดลองงานเร็วเท่านั้น...ที่เห็นอยู่หน้าห้องเป็นโต๊ะทำงานของคุณ มีอุปกรณ์ช่วยในการทำงานครบ แต่ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถขอเบิกได้ที่ฝ่ายพัสดุ” กริชนะเอ่ยยืดยาวดั่งช่วงเวลาที่นิ่งไปนั้นคือการสะสมคำพูดมาสั่งการ
เขมขวัญทำตาปริบๆ มองกองเอกสารสลับกับหน้าเคร่งๆของเจ้านาย...ในสมองเต็มไปด้วยคำถามที่มันคงมากมายจนแสดงออกมาทางสีหน้า
“สงสัยอะไร...”
“คือ...คุณรับฉันเข้าทำงานแล้วเหรอคะ”
“แค่ขั้นทดลองงาน”
“แล้วฉันจะได้เงินเดือนหรือเปล่า”
“ทางบริษัทไม่เคยเอาเปรียบใครโดยการใช้งานฟรี...คุณจะได้เงินเดือนตามตำแหน่ง”
คำกล่าวของกริชนะสร้างรอยยิ้มใสกระจ่าง จนคนที่กำลังวางมาดนิ่งขรึมต้องกระพริบตาปริบ ๆ หัวใจกระตุกวาบกับรอยยิ้มสวย ๆนั่น
“แล้ว...แล้วถ้าฉันหาในสิ่งที่คุณต้องการไม่เจอ คุณยังจะจ้างฉันทำงานต่อหรือเปล่า”
“อันนั้นมันก็แล้วแต่ว่าคุณจะทำให้ผมรู้และเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ผมให้หามันไม่มีข้อผิดพลาดจริงๆ หรือเพราะคุณหามันไม่เจอ...ชัดเจนใช่ไหม”
“ค่ะ”
“งั้นก็เชิญ” เขาผายมือไปยังแฟ้มงานบนโต๊ะ
เขมขวัญกุลีกุจอเข้ามาหอบแฟ้มเอกสารกอดมันไว้แนบอกดั่งของรักของหวง เดินผ่านประตูออกไปยังโต๊ะทำงานที่ระบุว่าเป็นของเธอด้วยท่าทีกระตือรือร้น ดั่งเกรงว่าฝ่ายนั้นจะเปลี่ยนใจไม่ให้เธอทำงาน เอาวะ...ลองดูสักตั้ง ใส่ใจหน่อย ก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้งานทำแล้วล่ะ...
ในเวลาเดียวกันนั้นพลังงานอีกรูปแบบ ม้วนหมุนหลบร่างบางที่เดินผ่านไปทางประตู ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างโปร่งใสคล้ายเงาในกระจก ลอยวนเวียนร่างสูงที่ยังยืนนิ่งมองประตูที่เพิ่งจะปิดลงอย่างคนกำลังใช้ความคิด ก่อเกิดเป็นความเย็นยะเยือกให้ขนลุกพอง เพียงไม่ถึงนาที ความเย็นนั้นก็จางหายไปพร้อมกับเงาโปร่งใสที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อม้วนตัวพวยพุงทะลุผ่านประตูออกไปเช่นกัน
เขมขวัญวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานหน้าห้อง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง เธอหยิบแต่ละแฟ้มมาเปิดดูสาระอย่างคร่าวๆ ทำให้พอทราบว่างานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมายก็คือการตรวจสอบงบดุลบัญชีการเงินทั้งรายรับและรายจ่ายของบริษัท ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เรียนจบมาทางด้านบัญชีอย่างเธอ
“เฮ้อ...โล่งอกไปที นึกว่าจะให้ไปร่างจดหมาย จดวาระการประชุม ติดต่อนัดหมายลูกค้า จิปาถะซะอีก”
“งานพวกนั้นคุณก็ต้องทำด้วย” เสียงหนึ่งดังมาจากประตูที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา
“ฮะ...”
“ฟังไม่ผิดหรอก...” เจ้านายหนุ่มยืนยัน “เอาล่ะ...ตอนนี้พักแฟ้มงานพวกนั้นเอาไว้ก่อน อ้อ...เอาแฟ้มงานพวกนั้นตามผมมา” กริชนะเอ่ย ก่อนจะออกเดินนำไปยังลิฟต์ที่ใช้สำหรับผู้บริหารเท่านั้น
เขมขวัญรวบรวมแฟ้มเอกสารที่เพิ่งจะเปิดดู หอบขึ้นแนบอก ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายแล้ววิ่งตามร่างสูงไปให้ทัน แม้จะสงสัยว่าเจ้านายจะรีบไปไหน ทำไมต้องให้เธอไปด้วย แต่เมื่อคิดถึงตำแหน่งที่เพิ่งได้รับ เธอก็พร้อมจะเข้าใจ
“วันนี้จะมีการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าต่างชาติ ผมต้องการให้คุณเล็กเชอร์ความคิดเห็นและความต้องการของลูกค้า เอาให้ละเอียดเลยนะ”
“ฮะ!” เขมขวัญเผลออุทานออกมาเหมือนตกใจกับคำสั่งที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายหมาดๆ
“มีปัญหาอะไร...เป็นเลขาฯ ต้องทำได้ทุกอย่าง อย่าทำตัวให้มีปัญหามากนัก เพราะผมจ้างคุณมาให้ช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่ให้มาสร้างปัญหา”
กริชนะถือโอกาสสั่งสอน ทั้งเหลือบตามองสีหน้าปั้นยากของคนข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองเลยไปยังชุดที่เธอสวมใส่ มันช่างดูล้าสมัย ขัดหูขัดตาเหลือเกินกับวัยไม่เกินยี่สิบห้าของหล่อน
“ค่ะ...คือ...ฉัน...เอ่อ...” ตายล่ะ...ลูกค้าต่างชาติก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนา ให้เล็กเชอร์อย่างละเอียดเหรอ แค่ฟังจะรู้เรื่องหรือเปล่ายังไม่มั่นใจตัวเองเลยจริง ๆ...
“อย่าบอกนะว่าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้” เจ้านายหนุ่มดักคอ
สีหน้าของเลขานุการคนใหม่เป็นคำตอบที่ชัดเจนจนเจ้านายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างระอา “ไม่อยากเชื่อระบบการศึกษาของประเทศเลยจริงๆ เรียนภาษามาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบปริญญาตรีแท้ ๆ แต่หาคนพูดได้ใช้คล่องแทบพลิกแผ่นดิน ก็อย่างว่าล่ะ การสอนภาษาต่างประเทศที่นี่ คงสอนไว้เพื่อทำข้อสอบให้ได้คะแนนอย่างเดียว”
บ่นเหมือนคนแก่...เขมขวัญนึก เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ “ก็คงเป็นอย่างที่เจ้านายว่าล่ะค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น และดูเหมือนแย่กว่าคนอื่นๆก็ตรงที่ เกรดที่ได้ไม่เคยมากกว่าซีบวกสักครั้ง แต่ฉันจะพยายามหาวิธีเก็บข้อมูลมาให้เจ้านายโดยละเอียดตามต้องการนะคะ ไม่ต้องห่วง...” ตอบกลับไปอย่างนั้น แต่ในใจสุดแสนจะกังวลเป็นที่สุด
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันจะช่วยหนูเอง”
“ฮะ!...อะไรนะ” เสียงเย็นยะเยือก แผ่วๆที่แว่วเข้าโสตประสาทเหมือนกระซิบอยู่ที่ริมหู ทำเอาเขมขวัญถึงกับขนลุกซู่ เธอหันซ้ายมองขวาหาที่มาของเสียงนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าภายในลิฟต์ไม่มีใครอื่นอีก นอกจากเธอและเจ้านายสุดเฮี้ยบ
“มีอะไร”
“ปะ...เปล่าค่ะ...” บอกตะกุกตะกักพลางลูบแขนที่ยังกอดแฟ้มงานไว้กับอกไปมา ดับความรู้สึกยะเยือกที่กำลังปลุกให้ขนลุกขนพอง
“แฟ้มบัญชีการเงินนั่น ผมต้องการให้คุณตรวจสอบอย่างลับ ๆ ห้ามบอกหรือให้ข้อมูลกับใคร งานนี้ถือเป็นงานนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำ เข้าใจไหม” กริชนะถือโอกาสชี้แจงในความต้องการที่แท้จริง
“ไม่เข้าใจค่ะ” เขมขวัญตอบไปตามรู้สึก
ชายหนุ่มมองเลขาฯคนใหม่ของเขาอย่างหนักใจ นอกจากหล่อนจะเป็นผู้หญิงเรื่องมาก จุ้นจ้านแล้ว หล่อนยังเป็นผู้หญิงประเภทเข้าใจอะไรได้ยากอีกด้วย
ลิฟต์พาคนทั้งคู่ลงมาจนถึงชั้นที่จอดรถ เขมขวัญยังคงหอบแฟ้มเดินแกมวิ่งตามเจ้านายขายาว ๆ ที่คงไม่มีความคิดที่จะหันมาช่วยแบ่งเบาภาระ หรือแม้แต่จะลดระดับความเร็วในการเดินลง เพื่อให้เธอตามไปได้ทัน
“มาครับผมช่วย” คนที่เข้ามารับแฟ้มในมือกลับเป็นลุงคนขับรถแสนจะสุภาพที่วิ่งเข้ามาหาอย่างรู้หน้าที่
“ขอบคุณค่ะลุง”
“ชูครับ ผมชื่อชู” คนขับรถถือโอกาสแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อขวัญนะคะ”
“สวัสดีครับคุณขวัญ ได้รู้จักกันเป็นทางการซะที” ลุงชูผู้ทำหน้าที่คนขับรถเอ่ย ทั้งส่งยิ้มให้อย่างใจดี
“รีบ ๆ หน่อยสายแล้ว เราควรไปให้ถึงที่นัดหมายก่อนลูกค้านะ”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น คนทั้งคู่จึงต้องรีบเดินไปให้ถึงรถโดยเร็ว ลุงชูวางแฟ้มงานกองใหญ่ไว้ที่เบาะข้างคนขับ
“หนูว่าหนูควรนั่งตรงนั้นนะลุง”
“แฟ้มงานมันเยอะครับ นั่งด้านหลังกับคุณกริชเถอะ จะได้นั่งสบายๆ” ว่า แล้วเดินแกมวิ่งอ้อมไปเปิดประตูรถให้เจ้านายที่เบาะหลัง
ส่วนเขมขวัญ เธอเปิดเข้าไปนั่งเอง ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาเปิดประตูให้เสียเวลา
“ไว้คราวหน้าดิฉันจะนั่งข้างลุงชูก็แล้วกันค่ะ” เขมขวัญเอ่ย เมื่อเหลือบมองสบตาเจ้านายเข้าอย่างจังทันทีที่เธอขยับให้นั่งในท่าสบาย
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” เขาเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ช่องประตู
เขมขวัญอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาดูหนังสือที่เจ้านายอ่าน...แต่...แค่เห็นรูปปกและชื่อเรื่องก็ทำเอาใบหน้าเนียนใสแดงระเรื่อจนต้องเบือนหน้าหนีออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างพลางนึกในใจ ยี๊...ไม่อยากจะเชื่อ...คนหน้าตาท่าทางอย่างท่านประธานจะสนใจอ่านหนังสือประเภทนี้ด้วย...รักร้อน ลมสวาท...ปรื๋อ...แค่ชื่อก็...อดหันมามองใบหน้าด้านข้างของเจ้านายอีกรอบไม่ได้ สีหน้าเขานิ่งราวกับว่ากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ หรือว่า เขาจะเป็นผู้ชายซ่อนบุคลิก...ตายล่ะ...เธอต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วล่ะเขมขวัญ ...คิดแล้วก็ร้อนวูบไปทั้งหน้าจนต้องยกมือขึ้นมาพัดให้คลายเมื่อภาพเหตุการณ์เสียจูบแรกของเธอผุดขึ้น...ปรื๋อ...เธอสลัดศีรษะรีบขับไล่ความฟุ้งซ่านทิ้งไป
“เป็นอะไร” คนถาม ถามทั้ง ๆ ที่สายตาเขาไม่ได้ละไปจากหน้าหนังสือ
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าเปล่าก็อยู่นิ่งๆ สิ ทำตัวหยุกหยิก รบกวนสมาธิคนอื่นอยู่ได้”
“ค่ะ”
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในรถที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ทว่าในความเย็นฉ่ำและว่างเปล่านั้นกลับมีพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งวนเวียนล่องลอยไปโดยรอบด้วยความเจิดจ้าเรืองรองใสละเอียด
“ดีใจเหลือเกิน...กริชอ่านหนังสือของป้าด้วย...คงไม่มีอะไรที่ป้าจะดีใจและภูมิใจเท่านี้อีกแล้ว...”
ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2559, 04:33:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2559, 16:01:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1182
<< ตอนที่ 5 คือคนนี้ที่ป้าเลือก | ตอนที่ 7 เมื่อช่วยแล้ว ต้องช่วยให้ตลอดรอดฝั่ง >> |
นกขมิ้น 23 ต.ค. 2559, 07:17:11 น.
เลขาคนใหม่สู้ๆนะ
เลขาคนใหม่สู้ๆนะ
Zephyr 23 ต.ค. 2559, 11:51:16 น.
นางยังดูโก๊ะๆนะ
นางยังดูโก๊ะๆนะ
แว่นใส 25 ต.ค. 2559, 07:24:54 น.
คุณป้า ดีใจ แต่นางเอกเราเข้าใจผิดไปไกลเลยนะ
คุณป้า ดีใจ แต่นางเอกเราเข้าใจผิดไปไกลเลยนะ
wane 27 ต.ค. 2559, 01:33:11 น.
สนุกค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
สนุกค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ