เล่ห์บุพเพ
พันธนาการที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก ทำให้มนต์พระจันทร์ต้องการอิสรภาพคืน ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อการพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเขามีกฏเกณฑ์ทางหน้าที่กำหนดไว้ว่าระหว่างคอนซัลและวิศวกรห้ามมีความสัมพันธ์กันนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา มนต์พระจันทร์จึงไม่อาจทวงถามถึงอิสรภาพที่รอคอยได้เสียที ในขณะที่วิณรุจน์เองก็ทำราวกับไม่รู้จักเธอ..ซ้ำยังกลายมาเป็นชู้ เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น

ตัวอย่างจ้า

"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง

"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ

Tags: มนต์พระจันทร์/วิณรุจน์/คอนซัล/โปรเจ็คแมนเนเจอร์

ตอน: บทที่7----------เล่ห์บุพเพ--------100%

แจ้งข่าวก่อนอ่านค่ะ

บทต่อไปจะโพสต์อีกครั้งวันที่ 5 พ.ย.ค่ะ เพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัย ไรท์ไม่มีกะจิตกะใจเขียน และจะเดินทางเข้ากรุงเทพไปเกาะกำแพงพระราชวังค่ะ แต่สัญญา..จะไม่หายเหมือนคราวก่อนแน่นอน


ขอบพระคุณนักอ่านและคอมเม้นท์นะคะ มีความสุขกับการอ่านค่ะ

หวังว่านิยายเรื่องนี้จะบรรเทาความทุกข์ที่ปวงชนชาวไทยอย่างเราๆได้รับ

รจนาไฉน

............................................................................................................................

เย็นวันเดียวกัน สนามหญ้าหน้าบ้านพักแฝดหลังสุดท้ายก็กลายเป็นลานปาร์ตี้ขนาดย่อม เตาบาร์บีคิวที่เต็มไปด้วยสารพัดที่จะปิ้งได้ไม่รู้ว่าศุภางค์ไปหามาจากไหน แก๊งวิศวกรมารวมตัวเร็วกว่าที่คิด ต่างช่วยกันคนละไม้ละมือ ทั้งปูเสื่อหั่นผักย่างหมึกย่างกุ้ง ไม่นานก็ได้ทาน

“แหม ไอ้พวกนี้จมูกไว้จริงๆ ได้กลิ่นของกินไม่ได้เชียวตามมาถึงที่” ศุภางค์เอ่ยเย้าเหล่าวิศวกรทโมนอย่างเคยชิน

“พระจันทร์บอกเองค่ะ” เธอหันมาแจ้งกับศุภางค์ ขณะที่กำลังย่างบาร์บีคิวบนเตาโดยที่มีภาวิทย์คอยช่วยไม่ห่าง

“ไม่ต้องเชิญพวกนี้ก็มา พี่รู้สันดานหมดทุกตัวแหละพระจันทร์” ศุภางค์ตอบขันๆ

“อ้าว!ป้าศุ คนนะครับเรียกเป็นตัวเหมือนหมาเลย เสียชื่อวิศวกรบริษัทดังหมด” ทินกรโวยจากนั้นก็หันไปยกแก้วน้ำสีอำพันจางๆขึ้นดื่มต่อก่อนที่น้ำฝนจะเอ่ยแบบขลาดๆขึ้นมา

“ว่าแต่..เจ้าของห้องพักติดกันไม่ว่าแน่นะพระจันทร์”

“นั่นสิ..วันนี้กลับรึเปล่าพระจันทร์” ศุภางค์ถาม นึกเกรงใจอยู่เหมือนกันที่ใช้ลานหน้าบ้านพักแฝดซึ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามจัดปาร์ตี้คนกันเองแถมยังพ่วงพวกวิศวกรทโมนมาด้วยคงจะยาวไปๆไม่เลิกราง่ายๆแน่

“คง..ไม่กลับมั้งคะ” เธอตอบ ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ปกติแล้วเขาก็จะนอนที่ไซต์งานประจำ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะมาจะไปตอนไหน เพราะไม่ได้สังเกต ยกเว้นเมื่อวานที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้องข้างๆเป็นครั้งแรก ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจ

“อย่ากลัวเลยครับ ไอ้รุจน์มันไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก แกล้งตีหน้าดุไปงั้น เพราะปกติแล้วพวกผมก็มากินเหล้าที่ห้องมันบ่อยๆ แต่ช่วงนี้ไม่ได้มาเพราะไอ้รุจน์ค้างที่ไซต์งาน” ทินกรบอก

“ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมสาวๆชอบกลัวไอ้รุจน์กันจัง ทั้งที่ความจริงแล้ว มันไม่ได้น่ากลัวซักนิด” วาโยนึกสงสัย

“แต่จะว่าไป ขนาดกลัวนะครับ ยังมีของฝากมาให้ไม่ได้ขาด นี่ถ้าไอ้รุจน์มันเล่นด้วยซักหน่อย ขี้คร้านจะได้สาวๆไปนอนกอดไม่ซ้ำหน้า” ศักดิ์สิทธิ์เล่าต่ออย่างสนุกปาก

“ก็เป็นผลดีของพวกเรานะที่ไอ้รุจน์มันเป็นแบบนี้ แค่นี้สาวๆก็ไม่เหลือถึงพวกเราแล้ว” ทินกรกล่าวปิดท้าย

“ก็แน่ล่ะ อย่างนายต่อให้เอาทองมากองเท่าภูเขา สาวๆก็เอาแค่ทองเท่านั้นแหละ” ศุภางค์แขวะทำให้ทุกคนหัวเราะครืน

“โธ่!ป้า นี่ถ้าป้าไม่แต่งงานแล้วนะ ผมจะเสียสละจีบป้าเองเลย” ทินกรเย้าขันๆ

“อย่ามาลามปามฉันไอ้ทิน” ศุภางค์แวดขึ้นมาทันควัน

เป็นไปได้เหรอที่วิณรุจน์จะยังไม่ถูกใจใคร มนต์พระจันทร์คิดขณะที่มือก็พลิกไม้บาร์บีคิวไปด้วย ส่วนภาวิทย์ก็คอยถือจานรออยู่ใกล้ๆจนได้รับเสียงแซวจากทินกร

“คุณภาวิทย์คร้าบ เหล้าจืดหมดแล้วนะครับ จะเฝ้าอีกนานมั้ยครับ บาร์บีคิวน่ะ” ทินกรปากกล้าเอ่ยเย้าทั้งที่ก็รู้ว่าความจริงแล้วภาวิทย์ไม่ได้ต้องการเฝ้าบาร์บีคิว แต่เฝ้าคนย่างบาร์บีคิวต่างหาก พลอยทำให้ทุกคนขัน เขาหันมายิ้มเขินๆ

“พระจันทร์มากินบ้างเถอะ เดี๋ยวทางนั้นเราดูให้เอง” น้ำฝนรีบลุกไปเปลี่ยนให้มนต์พระจันทร์ได้มานั่งบ้าง พอมนต์พระจันทร์ขยับ ภาวิทย์ก็ขยับตามทำให้ทินกรแซวขึ้นมาอีก

“ไม่ย่างต่อแล้วเหรอครับ..บาร์บีคิว”

“ก็คุณเรียกผม” เขาตอบพร้อมยิ้มเขินๆทำให้ทุกคนนึกขัน

ความมืดเริ่มโรยตัวเข้าปกคลุม อาหารในจานก็พร่องไปหลายรอบ หมดก็ทำเพิ่ม..เติมกินกันไม่ขาด วงดนตรีขนาดเล็กก็เริ่มบรรเลงโดยมีทินกรเป็นนักร้องนำก่อนที่สองหนุ่มจะประสานเสียงตามมา ทั้งเสียงหัวเราะเสียงพูดคุยเริ่มดังอึงไปทั่วบริเวณ ศุภางค์เองก็เป็นไปกับเขาด้วย มนต์พระจันทร์และน้ำฝนได้แต่นั่งยิ้มนั่งหัวเราะ กระทั่งร่างสูงของวิณรุจน์เดินกลับเข้าบ้านพัก วงดนตรีจึงสงบลง

“ไอ้รุจน์ กินเหล้ากัน” ทินกรปรี่ไปกอดคอเพื่อนรักพาเข้ามาร่วมวง

วิณรุจน์เหลือบสายตามองสองหนุ่มสาวที่กำลังช่วยกันย่างบาร์บีคิวหัวเราะร่าอยู่ไม่ห่างนิดโดยมีน้ำฝนถือจานรออยู่ข้างๆด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาเช่นเคย

“เพิ่งเสร็จงานเหรอรุจน์ ทานอะไรมารึยัง” ศุภางค์ถามด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณครับพี่ศุ ผมเรียบร้อยมาแล้วเมื่อตอนเย็น” เขาบอกราบเรียบ เหลือบมองวิศวกรโซนเอนิดที่ไม่ว่ามนต์พระจันทร์จะไปทางไหนเขาก็ขยับตามเสมอ

“งั้นทานบาร์บีคิวก็ได้ค่ะ ฝีมือพระจันทร์ อร่อยนะคะโปรเจ็ค กำลังร้อนๆทีเดียว” น้ำฝนนำเสนอ แม้เธอจะเกรงเขา ทว่าก็ไม่ใช่ความกลัวเสียทีเดียว หลังจากที่ได้ร่วมงานกันมาพักหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ดุอย่างที่เล่าลือ แค่เป็นคนจริงจังกับงานแล้วก็ยิ้มยากเท่านั้นเอง กับเธอ..วิณรุจน์ก็เป็นกันเองดี

“พวกคุณตามสบายเถอะครับ ผมขอตัว” เขาเอ่ยอย่างสุภาพ น้ำเสียงเรียบนิ่ง

แววตาชาเย็นเหลือบมองมาที่มนต์พระจันทร์กับภาวิทย์แวบนึง เธอสบตาเขาพอดี จู่ๆก็นึกถึงทะเบียนสมรสขึ้นมา ภาวิทย์ก็ป้วนเปี้ยวไม่ห่าง ไม่รู้เขาจะคิดยังไง คงไม่สนหรอกเพราะถ้าจะว่าไป มันก็แค่กระดาษใบเดียว ถ้าไม่นับกระดาษแผ่นนั้น เธอกับเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างมีอิสระ..คิดว่านะ

“งั้นกินเหล้ากับพวกข้าก็ได้” วาโยบอก ทว่าวิณรุจน์ก็ปฏิเสธอีก

“ไม่เอา วันนี้เพลีย ไว้วันหลัง” เขาบอก

“อะไรวะ ผิดปกตินะเนี่ยที่นายปฏิเสธ” ศักดิ์สิทธิ์นึกแปลกใจ เพราะปกติแล้ววิณรุจน์ถึงไหนถึงกันแม้จะไม่ร้องรำทำเพลงเหมือนพวกเขาแต่ก็ไม่เคยลุกหนี มิหนำซ้ำยังคอแข็งอีกต่างหาก

“อยากนอน เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” เขาบอก รู้สึกอยากพักผ่อนจริงๆ เพราะสองสามเดือนมานี่หลับไม่เต็มอิ่มซักวัน นี่ก็เพิ่งจะได้ขึ้นกะเช้า ยังปรับเวลานอนไม่ได้จึงรู้สึกเพลียอยู่มาก อีกอย่างเพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงไม่อยากอยู่ตรงนี้

“เออๆตามกฎ ใครเบี้ยวรอบหน้าเลี้ยงเหล้านะเว้ย” ทินกรอ้างกฎบ้าบอที่พวกตนตั้งขึ้นมาในกลุ่มซึ่งรู้กันดี

“อืม” วิณรุจน์รับคำให้เรื่องจบ เขาเหนื่อยแล้วก็เหนียวตัวเอามากๆเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน

วิณรุจน์เดินขึ้นบ้านพักไปแล้ว น้ำฝนจึงถือจานบาร์บีคิวที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆมาหามนต์พระจันทร์

“พระจันทร์เอาบาร์บีคิวไปให้โปรเจ็คทานหน่อยสิ นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว คงมีหิวบ้างแหละ”

“จริงด้วยผูกมิตรไว้ บ้านใกล้เรือนเคียง” ศุภางค์เสริม

“ทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ” เธอตีสีหน้ายุ่งยากใจนิด

“สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรู พระจันทร์ร่วมงานกับโปรเจ็คมากกว่าใคร หน้างานมีแต่เรื่องเครียดๆ เบื้องหลังก็อยากให้เป็นมิตรกันไว้” น้ำฝนชี้แจง เปล่ามีแผนอื่น

ภาวิทย์ชักสีหน้าไม่ชอบใจนัก เขาไม่ได้เกลียดขี้หน้าวิณรุจน์ แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกเขาถึงบอกว่าไม่อยากให้มนต์พระจันทร์ไปวุ่นวายกับวิณรุจน์

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน” ภาวิทย์เสนอตัวช่วยด้วยความเป็นห่วง

“อย่าดีกว่าค่ะ ให้พระจันทร์ไปคนเดียวน่ะดีแล้ว” น้ำฝนแย้ง

ปกติมนต์พระจันทร์กับวิณรุจน์ก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้วด้วยหน้าที่ เพราะมนต์พระจันทร์ต้องคอยตรวจสอบการทำงานของเขาอยู่ ขืนให้ภาวิทย์ขึ้นไปส่งบาร์บีคิวด้วยจะยิ่งเขม่นกันไปใหญ่ แค่นี้เขาก็ลือกันทั้งไซต์งานแล้วว่าภาวิทย์ชอบทำตัวเป็นเงาของมนต์พระจันทร์

“ใช่ ผู้หญิงก็ยังดีกว่าผู้ชายค่ะ คุณภาวิทย์” ศุภางค์เอ่ยย้ำเป็นนัยๆให้เขาเข้าใจ

ภาวิทย์ตีสีหน้ายุ่งยากนิด เขาเข้าใจที่น้ำฝนและศุภางค์พูดดี แค่ไม่ชอบใจแล้วก็ไม่เห็นด้วยเท่านั้น ลำพังคุยกันเรื่องงาน เขาก็เห็นแววตาแปลกๆของมนต์พระจันทร์ยามที่มองวิณรุจน์ คล้ายกับซุกซ่อนอะไรบางอย่าง วิณรุจน์เองก็เช่นกัน บ่อยครั้งที่คอยชำเลืองมองร่างบาง

“ไปเถอะครับคุณพระจันทร์ ไอ้รุจน์มันไม่กัดหรอก” ทินกรยุขำๆ

“ใช่ ได้เห็นหน้าสวยๆตาโตๆของคุณพระจันทร์ก็ดุไม่ลงแล้ว เชื่อผมสิ” วาโยเสริม

น้ำฝนยัดจานบาร์บีคิวใส่มือมนต์พระจันทร์ จากนั้นก็ดุนหลังให้เธอเดินขึ้นบ้านพักของวิณรุจน์ มนต์พระจันทร์หันมามองเพื่อนๆอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกปอดแหก ก่อนที่ทุกคนจะโบกมือไล่ให้เธอขึ้นไป เธอก้มมองจานบาร์บีคิวในมือนิดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วบ่นอุบ

“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”

ผ่านมาสองเดือน นอกจากวันนั้นแล้วที่คุยกันนอกเรื่อง หลังๆก็ต่างคนต่างทำงาน เจอกันบ้างก็ตอนที่ต้องไปตรวจงานแล้วก็คุยแค่เรื่องงานอย่างเดียว ยังไม่มีบทสนทนานอกรอบอีก จู่ๆเพื่อนตัวดีก็อยากให้ผูกมิตรไว้ คอนซัลกับวิศวกรก็คล้ายแมวกับหนู ถ้าเจอกันเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งไล่จับ แล้วแบบนี้จะเป็นมิตรได้ยังไง

มือบางเคาะประตูสองครั้งให้สัญญาณผู้ที่อยู่ด้านใน ใจก็เต้นตุบตับ นึกหวั่นอย่างไรบอกไม่ถูก นี่จะเป็นครั้งที่สองที่เธอจะคุยกับเขานอกจากเรื่องงาน รอครู่ใหญ่ประตูจึงเปิดอ้าออก

ร่างสูงอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เขาสวมกางเกงขายาวผ้าเนื้อนิ่มกับเสื้อยืดสีขาวในมือถือผ้าขนหนูเพื่อซับหยดน้ำซึ่งเกาะพราวเต็มใบหน้า อีกทั้งผมก็เปียกโชกคงเพิ่งออกจากห้องน้ำหมาดๆ นี่คงเป็นสาเหตุที่เธอต้องรอนาน

“มีไร” วิณรุจน์ถามห้วนๆหน้าตึง ไม่ทันมองว่ามนต์พระจันทร์ถืออะไรมาด้วย

“พี่ศุให้เอาบาร์บีคิวมาให้” เธอยืมชื่อศุภางค์มาอ้างเพื่อให้ดูน่าเกรงนิด ถ้าเขาจะตะเพิดเธอลงจากบ้าน
วิณรุจน์มองบาร์บีคิวในจานสลับกับคนนำมาให้แล้วเฉย

“คุณควรจะรับนะคะ..ถ้ารู้จักคำว่ามารยาท” มนต์พระจันทร์อดไม่ได้ที่จะแขวะเพราะเห็นอยู่ว่าท่าทางของเขาไม่อยากจะเป็นมิตรด้วยนัก

“ขอบใจ”

วิณรุจน์ดึงจานบาร์บีคิวจากมือบางเหลือบเห็นภาวิทย์ที่คอยชะเง้อคอมองมาตลอดเวลาแล้วหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ เฝ้าราวกับหมาหวงเจ้าของ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้ามนต์พระจันทร์แทบเป็นกระแทก

มนต์พระจันทร์ขมวดคิ้วยุ่งแล้วบ่นอุบและมันก็ดังพอให้คนข้างในที่ยังไม่ขยับออกจากประตูได้ยินพอดี

“นิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน”

ปาร์ตี้เล็กๆในวันสุดท้ายของการทำงานในรอบสัปดาห์สิ้นสุดลงราวสี่ทุ่มเมื่อคอเหล้าเริ่มคอพับ เธอเองก็เหนื่อยล้าเต็มทีอยากอาบน้ำเข้านอน ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันโดยไม่ลืมที่จะช่วยเธอเก็บกวาดทำความสะอาดพื้นที่ ก่อนที่น้ำฝนจะหิ้วปีกศุภางค์ที่จิบเหล้าไปเพียงอึกเดียวก็น็อคซะแล้วกลับห้องหลังจากช่วยกันล้างถ้วยชามเสร็จ มนต์พระจันทร์ได้แต่ส่ายหน้าขันๆ

“พรุ่งนี้วันหยุด ผมว่าจะกลับบ้าน คุณอยากเข้าเมืองไปเที่ยวรึเปล่า” เขาลองชวน

“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันอยากพักชาร์ตแบตอยู่ที่ห้องมากกว่า ขอบคุณนะคะ เอาไว้โอกาสหลัง” เธอตอบ อีกอย่างก็ไม่อยากให้ภาวิทย์มีความหวังในตัวเธอมากนัก

“ตามใจ นึกว่าคุณอยากได้อะไรเพิ่มเติม” เขาบอกน้ำเสียงผิดหวังนิด

“ฉันซื้อมาครบแล้วค่ะ ถ้าอยากได้ คงเป็นขนมอร่อยๆซักถุง” เธอพูดติดตลกไม่อยากเห็นเขาเศร้านัก

“ได้ครับ ขากลับผมจะแวะซื้อมาฝาก รับรองอร่อยไม่แพ้ขนมที่กรุงเทพฯแน่นอน” ภาวิทย์เอ่ยนัยน์ตาเป็นประกายยินดี มนต์พระจันทร์ยิ้มให้เขานิดก่อนจะขอตัวเข้าห้องพัก

“ฝันดีนะครับ”

“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆแล้วปิดประตูลง โดยไม่รู้ว่าบทสนทนาเมื่อครู่ขัดหูวิณรุจน์ไม่น้อย แม่หลานสาวสุดที่รัก..คนดีของคุณนายภาวินีเสน่ห์แรงใช่ย่อย
.......................................................................จบตอนที่ 7ค่ะ...................................................................




รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2559, 19:34:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2559, 19:51:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1028





<< บทที่7----------เล่ห์บุพเพ--------70%   บทที่8----------เล่ห์บุพเพ--------40% >>
Kim 18 ต.ค. 2559, 22:59:41 น.
เข้าใจค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account