แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 23 ...ที่ระบายความเจ็บปวด

หลังจากที่พระเอกหนุ่มมาส่งเธอและขับรถออกไปแล้ว ธรายืนมองรถยนต์คันนั้นไปจนลับตา ดวงตากลมโตก็เลื่อนลงมามองสมุดบันทึกสีน้ำเงินในมือ สมุดบันทึกที่มีดินกับตะวันอยู่ในนั้น เธอยิ้มออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลย

แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวก็บอกตัวเองด้วยถ้อยคำเดิมๆ ว่า มันคงเป็นไปได้แค่ในสมุดเนี่ยแหละ ในความเป็นจริงนั้น กรวดดินอย่างเธอ คงไม่อาจเอื้อมหวังอยู่ร่วมเคียงกับดวงตะวันบนฟากฟ้าได้หรอก

เถอะ...แค่คิด ไม่ผิดหรอกน่า

ร่างบางเดินเข้าคอนโดอย่างเชื่องช้าด้วยใจเปี่ยมสุข รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมจ่อมอยู่กับอะไรบางอย่าง เมื่อถึงห้องแต่หลังจากที่ปิดประตูบานนั้นลงแล้ว เธอก็พบกับ ‘ใครบางคน’ ที่เข้ามารอเธออยู่ในห้อง เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขานั่งอยู่ตรงนั้น บนเตียงของเธอนั่นเอง

“พี่ปุ่น” ธราหันกลับไปมองกลอนประตูอีกครั้ง

ตายจริง...เธอลืมล็อคห้องไปซะสนิทเลย

“ไปไหนมา” แม้ถ้อยคำจะห้วนไปนิด แต่น้ำเสียงก็ยังคงความอ่อนโยน เขาลุกขึ้นมาหาเธอช้าๆ หญิงสาวก็ยิ้มแย้มส่งไปให้เขาดังเดิม

“ไปซื้อของข้างนอกมาค่ะ พี่ปุ่นมีอะไรหรือเปล่าคะ”

ปารวัตรหรี่ตามอง ‘ของ’ ที่เธอเกาะกุมไว้อย่างหวงแหน “ออกไปตั้งนาน เพื่อจะซื้อแค่สมุดบันทึกเนี่ยเหรอครับ”

นั่นจึงทำให้หญิงสาวรีบบอก “เอ่อ...ก็ตอนแรกตั้งใจจะไปซื้ออย่างอื่นค่ะ แต่ได้มาแค่นี้ ตกลงพี่ปุ่นมีอะไรเหรอคะ”

ความน้อยอกน้อยใจทำให้ชายหนุ่มนึกอยากจะถามกลับไปว่าต้องมีธุระเท่านั้นเหรอถึงจะมาได้ แต่พลันที่เห็นดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองมาอย่างสดใส ก็ทำให้เขาพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม แม้ว่านั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักในการทำให้เขามาที่นี่ก็ตาม

“ชลคงลืมไปแล้วล่ะ แต่พี่เอาเสื้อมาคืนน่ะ” หญิงสาวจ้องมองเสื้อสีเทาที่เธอให้เขายืมในวันที่เจอกันครั้งแรก จริงสิ เธอลืมมันไปแล้วจริงๆ แต่เสียงเข้มดุที่ดังอยู่ในโสตประสาทนี่น่ะสิที่ไม่ลืม

‘ผมไม่ชอบใช้อะไรต่อจากใคร เพราะฉะนั้นถ้าคุณเอาเสื้อผมไปให้คนอื่นใส่แล้ว ผมไม่รับคืนอีก และผมจะคิดหนี้คุณเพิ่มตามราคาเสื้อทั้งสามตัวนั้นที่อยู่กับคุณ’

คนตัวเล็กส่ายหน้าช้าๆ “พี่ปุ่นเก็บไว้เถอะค่ะ ชลไม่เอาคืนหรอก”

คล้ายว่านั่นจะเป็นคำตอบที่เขาอยากได้กระมัง เขาจึงวางมันลงบนเตียงดังเดิม “พี่อยากเจอพี่ชายของชลจัง”

“ทำไมหรือคะ พี่ปุ่นมีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า” ปารวัตรยิ้มออกมาบางๆ “แค่อยากรู้จักกันไว้น่ะ”

หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร พลันที่นึกถึง ‘พี่ชาย’ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดหัวเสียก็ผุดพรายขึ้นมาทันที

“พี่ชายชลชอบเก็บตัวน่ะค่ะ ชอบทำหน้าบึ้ง อารมณ์ไม่ดี เขาตรงข้ามกับชลทุกอย่างเลย อย่าไปยุ่งกับเขาเลยเนอะ ชลยังอยากอยู่ห่างๆ เลยค่ะ” เสียงหัวเราะกังวานของหญิงสาวกระมังที่ทำให้บรรยากาศแปลกๆ ในห้องเมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลง

“แล้วทำไมวันนี้ชลนอนดึกจังล่ะ”

“ปกติชลก็นอนดึกอยู่แล้วค่ะ ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย”

“ทำอะไรบ้างล่ะ”

“พี่ปุ่นคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนหวาน สบตาเขา “ชลรู้ว่าพี่มีอย่างอื่นที่อยากจะถาม ไม่ใช่แค่เรื่องกิจวัตรของชลแน่ๆ ถามมาเถอะค่ะ ยินดีตอบ”

ชายหนุ่มครุ่นคิดว่าจะถามออกไปดีไหม แต่เมื่อแลเห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสนั้น คำถามที่อยู่ในใจจึงพุ่งออกไปทันที “พี่อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของชลกับคุณทินกรเป็นยังไง”

“เป็นยังไง? หมายถึงอะไรคะ”

“มันเป็นยังไง คือเอ่อ...หมายถึงว่ามันมากกว่าคนที่ทำงานร่วมกันหรือเปล่า” ปารวัตรเริ่มรู้สึกเหมือนเดินอ้อมโลกอยู่ก็ไม่ปาน
ธราไม่รู้ว่าตัวเองแสดงท่าทีพิรุธอะไรออกไปบ้างหรือเปล่า เพราะร่างกายตอนนี้ชาวาบไปหมดกับคำถามนั้น “ทำไมพี่ปุ่นถึงถามแบบนี้ล่ะคะ”

“ก็คืนนั้น...ที่ทะเล พี่เห็นว่าชลคุยกับเขาท่าทางสนิทสนมและยังมีจับไม้จับมือกันอีก”

หญิงสาวสะดุ้งเฮือก คำถามปรากฏขึ้นทางสายตาทันทีว่าเขาได้ยินอะไรบ้างไหม แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยถามอะไรออกไป เขาก็ตอบมาเสียก่อน “ถึงจะไม่ได้ยินประโยคที่คุย แต่ท่าทางที่ชลแสดงออก ดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่าอยู่กับพี่ซะอีก”

“ไม่มีอะไรเลยค่ะ พี่ก็รู้ว่าคุณทินกรเขาขี้วีนขี้เหวี่ยง แค่เขาเห็นว่าคุณฟ้าสุดที่รักของเขามานั่งคุยกับชล เขาก็เลยเข้ามาโวยวาย ไม่อยากให้ไปยุ่งกับแฟนเขาน่ะค่ะ” เธอมั่นใจว่าตอบด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้โกหกเลยสักนิดเพราะจุดประสงค์ที่ทินกรเข้ามาคุยด้วยในคืนนั้นก็เป็นอย่างที่เธอตอบไป ในขณะที่คนตรงหน้าหรี่ตามองกันอย่างไม่เชื่อถือ

“แต่สิ่งที่พี่เห็น มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ ชลจับมือเขาและพูดอะไรสักอย่าง มันดูไม่เหมือนคนทะเลาะกัน”

คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ และเดินเข้าไปกุมมือเขาไว้บ้าง “ชลก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบไงคะ ไม่เห็นแปลกเลย แค่จับมือเอง ไม่ได้ทำอย่างอื่นซะหน่อย นี่ไง ชลก็จับมือพี่ปุ่นได้เหมือนกัน”

หญิงสาวได้ยินเสียงตัวเองตะโกนลั่นในอกว่า การกระทำน่ะเหมือน แต่ความรู้สึกน่ะสิที่ไม่เหมือน

ชายหนุ่มก้มมองมือเล็กที่กุมมือเขาเอาไว้ ก่อนจะดึงร่างเธอมาแนบชิดกับอก

“ช่วยตอบหน่อยได้ไหมว่าพี่มีหวังอยู่หรือเปล่า” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่า เขาปรารถนาอย่างสุดซึ้งว่าจะได้รับคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้ แค่เพียงเธอพูดอะไรออกมาสักคำ หรือได้รับสัมผัสอบอุ่นตอบกลับมาบ้างก็ยังดี

คำตอบจากธราคือการเงียบและปล่อยให้เขากอดเธอได้นานตามที่เขาต้องการ เธอไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี ในเมื่อเธอยังตอบตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าที่รู้สึกกับทินกรคืออะไร สิ่งที่รู้อย่างหนึ่งคือความอบอุ่นแบบที่ปารวัตรมีให้ ก็ทำให้เธออุ่นใจ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่กับทินกรคือความร้อนรุ่มจนใจสะท้าน อะไรคือคำนิยามของความชอบกันแน่

ไม่นานนัก มือเล็กก็กอดตอบเขาอย่างอ่อนโยนเช่นกัน

“ขอบคุณครับ ขอบคุณ”



ธราออกมาส่งผู้กำกับหนุ่มตามเดิม เขาเดินจากไปแล้วแต่สัมผัสที่อบอุ่นเมื่อครู่ยังคงเกาะกุมอยู่ในร่างกายของคนตัวเล็ก สมองเธอมึนงงไปหมดว่าความรู้สึกไหนกันแน่ที่เธอต้องการ นิ้วเรียวลูบแขนทั้งสองอย่างโหยหาสัมผัสที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน

หญิงสาวปิดประตูลงได้นานนัก เสียงเคาะประตูแบบสนั่นรุนแรงก็ดังขึ้น

ปัง ปัง ปัง!

ธรารีบเปิดประตูออกทันทีเพราะแน่ใจว่าผู้มาใหม่คือทินกรแน่ๆ คนหัวรุนแรงแบบนี้มีแต่เขาเท่านั้นแหละ

“อ้าว! คุณเพลิง ทำไมรีบกลับล่ะคะ เซอร์ไพรส์คุณฟ้าเสร็จแล้วเหรอ เร็วเกินไปหรือเปล่า”

แต่ผู้มาใหม่กลับเอ่ยเสียงกร้าว “นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ ทำไมปล่อยให้ผู้ชายเข้ามาในห้องดึกๆ ดื่นๆ”

ทินกรยืนกำหมัดขบฟันแน่น จุดประสงค์ที่จะมาหาธราหมดสิ้นลงไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงปารวัตรอยู่ในห้องของเธอ เขาต้องอดทนอดกลั้นอยู่นานกว่าที่ชายคนนั้นจะออกไปเสียที

หญิงสาวยืนอึ้งมองเขาอย่างงุนงง “เอ่อ..ฉันลืมล็อคประตูตอนออกไปกับคุณน่ะค่ะ กลับมาพี่ปุ่นก็อยู่ในห้องแล้ว”

“ลืมล็อคหรือว่าตั้งใจไม่ล็อค” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงหยัน “ใจจริงอยากจะเปิดอ้าไว้รอใครบางคนเข้ามาหรือเปล่า”

หญิงสาวเบิกตาโพลง มองเขาอย่างไม่เชื่อหู “อ้าว ทำไมมาหาเรื่องกันแบบนี้ล่ะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า ไหนเล่าให้ฉันฟังสิ”

ธราเดินเข้าไปแตะไหล่ร่างสูงที่ยืนขบฟันแน่น แต่มือหนากลับปัดออกอย่างไม่ใยดี

“แล้วคุณเป็นผู้หญิงแบบไหนล่ะ ใช่ผู้หญิงแบบที่คิดจะคบใครเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า ถ้าใช่ คุณปารวัตรคงเป็นคำตอบที่ดีให้คุณได้ เขาทั้งรวย ทั้งหล่อ ชอบนักใช่ไหมถึงได้ชวนกันมาห้องยามวิกาลแบบนี้” ถ้อยคำครหาเสียงแข็ง บาดใจคนฟังนัก

“คุณเพลิง!” หญิงสาวแผดเสียงลั่น “เป็นบ้าอะไรของคุณ อย่ามากล่าวหาฉันนะ ฉันกับพี่ปุ่นไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย เขาแค่เข้ามาคุยด้วยเฉยๆ”

“คุยด้วยเฉยๆ งั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องกันกลางค่ำกลางคืนจะไม่มีอะไรได้ไง ต่อให้คุณปารวัตรจะเป็นคนดีขนาดไหน เขาก็คงไม่ปล่อยชิ้นเนื้อหลุดมือไปหรอก” ไม่พูดเปล่า มือหนายังผลักร่างนั้นเข้าชิดผนังอย่างรุนแรง ครั้งนี้พรั่นพรึงยิ่งกว่าทุกครั้งที่เขาเคยทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพราะดวงตาดุของคนตรงหน้า ร่างกายแข็งแกร่งกำยำ หรือเพราะเสียงหัวใจที่เต้นแรงโครมครามอยู่ขณะนี้กันแน่

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ขนาดคุณยังอยู่กับฉันได้โดยที่คุณไม่ทำอะไรเลย ไม่จำเป็นที่อยู่ด้วยกันต้องมีอะไรกันสักหน่อย แล้วคุณน่ะโกรธอะไรมา เมื่อกี้คุณยังดีๆ อยู่ นี่ฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ อย่ามาหาเรื่องกันสิ” หญิงสาวแหวใส่ พยายามไม่ให้ขึ้นเสียงมากเกินไปนักเพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้าเวลานี้ช่างน่าหวาดหวั่นเสียเหลือเกิน

“ก็เคยไม่ทำ แต่ตอนนี้ผมจะทำ” ทินกรสะบัดเสียงกร้าว ก่อนจะเข้าประชิดคนตัวเล็กมากกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว

ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็กระชากใบหน้านวลเข้ามาใกล้ แล้วจรดริมฝีปากบางเฉียบไปที่ปากอวบอิ่มของเธอทันที สัมผัสรุกล้ำนั้นรุนแรงจนเกินต้านทาน มือเล็กของหญิงสาวปัดป้องเป็นพัลวัน ก่อนจะถูกทิ้งไว้ข้างตัวอย่างหมดเรี่ยวแรงกำลังจะต่อต้าน ขาเรียวเริ่มทรงตัวไม่ไหว เธอคงทรุดลงไปเบื้องล่างแน่ๆ หากทินกรไม่เลื่อนมือมาโอบประคองรอบเอวไว้แน่น สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือการเบี่ยงหน้าหลบ แต่นั่นยิ่งทำให้ริมฝีปากเขาฝังลงไปเต็มรักที่แก้มนุ่มและซอกคอ เธอสะบัดหน้าหนีไปอย่างสุดจะทานทน ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา

ไม่รู้ว่าโกรธ เกลียด หรือเสียใจ ที่ทำให้เธออยากร้องไห้เหลือเกินแล้ว

ทินกรจับคางหญิงสาวให้หันหน้ากลับมาเผชิญตามเดิม ก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอีกคราด้วยหัวใจอันปวดร้าว ไม่สนสักนิดว่าหัวใจของอีกคนกำลังร่ำไห้อย่างไร เมื่อความโกรธแล่นเข้าควบคุมสมอง

หากเป็นคนดีแล้วต้องเสียทุกอย่างไป เขาไม่มีทางยอมหรอก อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็ต้องอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น จะปารวัตรหรือใคร ก็ไม่มีสิทธิเข้ามาแย่ง!

ในขณะที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่กับร่างในอ้อมแขนที่เขาโอบรัดไว้แน่น ภาพคนตัวเล็กยิ้มแย้มร่าเริงแจ่มใสก็ผุดพรายขึ้นมาครอบงำความคิดแทนความโกรธ

ชายหนุ่มผงะออกจากดวงหน้าหวานราวกับเพิ่งเรียกสติได้ เขามองใบหน้าที่อยู่ในห้วงคำนึงขณะนี้ ใบหน้าเดิมที่เคยยิ้มให้เขา พูดจากวนประสาทเขา ทั้งที่มันไม่มีน้ำตาสักหยดแต่เขากลับเห็นความปวดร้าวฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น

...หึ! จูบกับเรา มันรู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยหรือไงนะ

“รู้ไว้นะ ไม่ว่าผมจะต้องการอะไร คุณไม่มีสิทธิขัดใจ”

หญิงสาวผลักร่างเขาออกเต็มแรง ดวงตาฉายแววชิงชังอย่างเห็นได้ชัด “พอใจแล้วก็ไปสิ”

พลันที่ได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นจากคนตัวเล็ก หัวใจก็วูบไหวขึ้นมาอย่างประหลาด ชายหนุ่มก็ก้าวเข้าไปใกล้อีกโดยไม่สนความพยายามของมือนุ่มที่ดันเขาออกเลยสักนิด

“จะทำอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พอใจอีกหรือไง ออกไปนะ”

ทินกรรั้งร่างบางนั้นเข้ามากอดไว้แนบแน่น กดศีรษะเธอเข้ากับอกกว้าง ให้น้ำตานั้นไหลรินลงมาโดยที่เขาไม่เห็น ไม่อยากรู้สึกผิดใดๆ กับการกระทำอย่างเอาแต่ใจเมื่อครู่นี้ แต่คนตัวเล็กที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมอกกลับทำให้เขายิ่งหงุดหงิด

ยายนี่รังเกียจแม้กระทั่งอ้อมกอดเขาอย่างนั้นเหรอ

ชายหนุ่มดันร่างนั้นออกเบาๆ สุดท้ายเขาก็ต้องฝืนทนเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า ตัวเขาเองก็ต้องกลั้นความรู้สึกผิดเอาไว้ทุกด้าน ไม่ให้แสดงออกมาทั้งทางแววตาหรือท่าทาง

“ขี้แงน่ารำคาญ! ทำไมเหรอ กะอีแค่จูบ จะหวงอะไรกันนักหนา เอาเป็นว่าสัญญาเช่านี่เป็นของผม ถ้าหากคุณพาผู้ชายที่ไหนเข้ามาในห้องผมกลางค่ำกลางคืนแบบนี้อีก ผมยึดคืนแน่บอกไว้ก่อน”

“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณฮะ เมื่อกี้คุณยังดีๆ อยู่เลย ทะเลาะกับใครมาแล้วเอามาลงที่ฉัน ฉันก็เป็นคนเหมือนคุณนะ” มือเล็กพยายามปาดน้ำตาให้ออกไปอย่างยากลำบาก

ชายหนุ่มมองธราด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาอยากตะโกนออกไปเหลือเกินว่าเพราะเธอเป็นคนของเขาไง ฉะนั้นต้องห้ามยุ่งกับผู้ชายคนอื่นอีกเข้าใจไหม แต่เสียงนั้นมันกลับดังอยู่ได้แค่ในใจ เพราะสิ่งที่เอ่ยออกไปมันช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน

“ก็แค่คนไร้ค่าที่มาขออยู่ด้วย ต้องรองรับอารมณ์เจ้าของห้องน่ะถูกแล้ว อย่ามาเรื่องมาก”

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขายอีบุคแล้วน้าาาาาา ที่ www.mebmarket.com และ www.ookbee.com ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" นะคะ ลองเข้าไปดูได้ค่ะ

และก็ ฝากติดตามเพจด้วยน้าาา ชื่อเพจว่า "เอวาลิน - นักเขียน" ค่าา



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2559, 22:07:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2559, 22:07:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 824





<< ตอนที่ 22 ความจริงที่เจ็บปวด   ตอนที่ 24 ...ของเล่น >>
Zephyr 23 ต.ค. 2559, 00:21:19 น.
ขอตบพี่เพลิงทีนึง
พูดออกมาได้
อย่ามาซบอกทีหบังนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account