แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 24 ...ของเล่น

เช้าวันใหม่มาถึงเร็วโดยที่ธราไม่ปรารถนาเลยแม้แต่น้อย เธออาบน้ำแต่งตัวอย่างเลื่อนลอย ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นผู้ชายจิตวิปริต แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอยังต้องอยู่ร่วมกับเขา ยังเป็นลูกหนี้เขา

‘ถ้าการที่ฉันอยู่ที่นี่ จะทำให้คุณมองฉันต้อยต่ำขนาดนั้น คุณจะไล่ฉันออกอีกก็ได้นะ แล้วคราวนี้ก็ไม่ต้องไปตามด้วย เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนวิปริตอย่างคุณอีกแล้ว!”

‘จะออกตอนนี้? หนีปัญหาหรือไง หนี้ผมตั้งเท่าไหร่ ถ้าคุณเบี้ยวก็ถือว่าไม่มีศักดิ์ศรีแล้วล่ะ’

...หึ! เอาศักดิ์ศรีมาอ้าง บังคับให้เราไปไหนมาไหนด้วยโดยที่ไม่เต็มใจนี่มีศักดิ์ศรีมากมั้ง

หญิงสาวเปิดประตูห้องออกมาเพื่อจะหันมาพบกับใครบางคนที่ยืนกอดอกด้วยท่าทีเรียบเฉยอยู่ผนังอีกฝั่งตรงข้ามห้องเธอ มองตากันเนิ่นนานเพียงใดก็สุดรู้ กว่าที่ชายหนุ่มจะเอ่ยออกมา

“เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นไปกัน” ทินกรถือวิสาสะมากระชากแขนเธออย่างแรงจนร่างบางเซถลา แต่หญิงสาวสะบัดออกรุนแรง

“ไม่ไป! ถ้าเห็นว่าฉันไร้ค่าก็อย่ามายุ่งเลยดีกว่า”

“แล้วไง จะไปกับใคร ไปกับผู้ชายที่แอบเข้ามาในห้องคุณตอนคุณไม่อยู่น่ะเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มยวนอย่างมีเลศนัยเมื่อมองใบหน้าที่ยืนกัดฟันอย่างโกรธจัด

“แน่นอน เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่บีบบังคับฉันโดยที่ฉันไม่เต็มใจ” พูดจบ หญิงสาวก็เดินผ่านเขาไปทันที ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เพราะคำพูดและการกระทำของเขาเมื่อคืน ยังไม่เห็นใส่ใจความรู้สึกของเธอสักนิด

“ถ้าเป็นเขา คุณคงยินยอมพร้อมใจพลีกายให้เต็มที่เลยสินะ” คำพูดกล่าวหานั้นเองที่ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมามอง

“ทำไมคุณต้องคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นด้วย คุณมองฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นมาตลอดเลยหรือไง”

ทินกรยักไหล่มอง ก่อนจะอุ้มร่างบางนั้นพาดบ่าแล้วออกเดินโดยไม่สนใจเสียงวี้ดว้าดโวยวายของคนตัวเล็กบนไหล่กว้าง

“คุณเพลิง! ทำบ้าอะไร ปล่อย!” ไม่พูดเปล่า มือเล็กยังทุบกำปั้นน้อยๆ รัวใส่แผ่นหลังเขาไม่ยั้ง

“ก็จะไปกับผมดีๆ ไหมล่ะ”

“ไม่ไปโว้ย ไอ้บ้าเอ๊ย!”

“ถ้าไม่ไปผมจะ...” ชายหนุ่มยักพูดไม่ทันจบประโยค เสียงโวยวายจากหญิงสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ทำไม จะไปบอกคืนห้องใช่ไหม เอาสิ อยากทำก็ทำเลย ยังไงคุณก็เห็นฉันเป็นแค่ของเล่น เป็นตัวตลก ไม่มีชีวิตจิตใจอะไรอยู่แล้วนี่ เวลาอยากให้ไปไหนก็ลากไป ไม่เคยถามความสมัครใจ แต่วันไหนที่ไม่ต้องการฉัน ก็ผลักไสไล่ส่งอย่างกับฉันไม่มีค่า ถามตัวเองดูสิว่าในเวลาที่คุณไม่สบายใจอะไร ฉันเคยไปจากคุณไหม ฉันเคยไล่คุณหรือเปล่า ถ้าครั้งนี้คุณไม่พอใจ อยากจะไล่ฉันอีกก็เอาเลย ฉันจะไม่ตื๊อไม่วุ่นวายกับคุณอีกแล้ว ต่อให้จากเพลิงต้องร่วงลงมาเป็นไอ้ดินคนนั้น ฉันก็จะไม่มีวันสนใจคุณ!”

ทินกรชะงักเท้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คำพูดทุกคำจากคนตัวเล็กเข้ามากระแทกใจให้เจ็บแสบยิ่งกว่ากำปั้นน้อยๆ ที่ทุบหลังเขาอยู่เสียอีก และเมื่อหญิงสาวรับรู้ได้ว่าเขาหยุดเดิน เธอก็ยิ่งดิ้นขลุกขลักสะบัดตัวไปมาจนร่างสูงต้องเหวี่ยงเธอลง

“ก็รู้ตัวนี่ว่าเป็นอะไร ของเล่น ตัวตลก ในเมื่อคุณเข้ามาสร้างความวุ่นวายทำให้ชีวิตผมปั่นป่วนไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ห้ามปฏิเสธผมทุกกรณี ต่อให้ผมสั่งให้คุณไปตาย คุณก็ต้องไป!” ชายหนุ่มกำหมัดเอ่ยเสียงกร้าว เขาไม่ควรอ่อนข้อหรือสงสารใครหน้าไหนทั้งนั้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะดีกับเขาจริงๆ หรอก ขนาดคนที่เขารักแสนรักยังทรยศหักหลังกันได้ลง

“ฉันคิดว่าคุณจะเป็นคนดีขึ้นมาแล้วซะอีก แต่คุณมันก็เป็นคนเดิม เป็นทินกร พระเอกดังผู้เย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองเป็นไฟ จะเผาใครก็ได้ เห็นคนอื่นไม่มีหัวใจ ฉันเสียดายเวลาที่มาทำตัวดีกับคุณจริงๆ เสียดายที่ความเป็นเพื่อนระหว่างเรามันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย”

“ใช่สิ ผมคือทินกร ผมเป็นดารา เป็นพระเอกคนดัง และไม่เคยอยากเป็นเพื่อนกับทีมงานหรอกนะ” ทินกรหัวเราะเสียงหยัน จ้องคนตัวเล็กไม่วางตา “อย่างมากก็เป็นได้แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น”

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น กล้ำกลืนทุกความรู้สึก ทุกห้วงอารมณ์เก็บไว้ให้ลึกสุดใจ ช่วงเวลาดีๆ ตั้งแต่ที่เธอและเขาได้เรียนรู้กันในความสัมพันธ์ทางบวก มันทำให้เธอคิดไปว่าความอดทนและความพยายามของเธอจะสำเร็จ เธอจะทำให้เขากลับมาเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้

แต่ทำไปเพื่ออะไรล่ะ เพื่ออะไรกัน ในเมื่อเจ้าตัวเขายังไม่ต้องการเลยนี่

“และครั้งนี้คุณไม่มีสิทธิตัดสินใจ เพราะผมจะให้คุณไปด้วย” ไม่ทันขาดคำ มือหนาก็กระชากท่อนแขนกลมกลึงของหญิงสาวออกเดินไปทันที โดยที่เธอไม่คิดจะขัดขืนอะไรอีก เพียงแค่กล้ำกลืนความเสียใจเอาไว้มันก็มากเกินพอแล้ว




“อ้าว! ทำไมวันนี้มากับคุณทินกรได้ล่ะชล” ดาวเอ่ยทักเป็นคนแรกเช่นเคยเมื่อเห็นว่าทีมงานกับพระเอกมาด้วยกันอย่างน่าแปลกใจ และคำถามของดาวก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนสงสัยเช่นกัน

“หึ! จะอะไรล่ะยายดาว คนมันคิดจะจับทั้งผู้กำกับทั้งพระเอกน่ะสิ” ไม่ต้องบอก ทุกคนก็รู้ว่าถ้อยคำหยามหยันเช่นนี้ไม่มีใครนอกจากอ้อยใจ

ธราเดินออกไปจากบริเวณนั้น ไม่ปรารถนาที่จะต่อกรอะไรกับใครทั้งสิ้น เป้าหมายเด่นชัดขึ้นมาในใจเมื่อเห็นว่าปารวัตรเพิ่งจอดรถเข้ามาพอดี แต่ยังทันได้ยินสิ่งที่พระเอกหนุ่มตอบ

“รู้ดีจังนะทีมงาน แต่คนอย่างผมน่ะ ไม่มีใครจับเอาได้หรอก” ชายหนุ่มขำในลำคอ ก่อนปรายตามองแผ่นหลังหญิงสาว “ยิ่งพวกกรวดดินไร้ค่าด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีสิทธิ”

คนตัวเล็กสะบัดหน้ากลับมาทันทีที่เขาพูดจบ “ค่ะ ฉันก็ไม่อยากจะแตะต้องคุณนักหรอกค่ะ สกปรก!”

“นี่คุณ!” พระเอกหนุ่มเอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยวจนคนรอบข้างสะดุ้งโหยง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเอ่ยทักซื่อๆ ของปารวัตรก็ดังขึ้นเสียก่อน

“เอ่อ...มีอะไรกันหรือเปล่าครับ แล้วนี่น้องฟ้ายังไม่มาอีกเหรอ”

บรรยากาศรอบข้างยังคงคุกรุ่น ไม่มีใครตอบคำถามของปารวัตรทั้งนั้น ธรากับทินกรยังจ้องหน้ากันด้วยความเกลียดชังชัดเจน
แต่ฝ่ายที่ขยับเขยื้อนขึ้นมาก่อนคือผู้กำกับหนุ่ม “ทุกคนครับ ผมจะแจ้งเรื่องรายละเอียดงานก่อตั้งช่องในอาทิตย์หน้านะครับ ทุกกองละครจะไปรวมกันหมดเลย เพราะฉะนั้นแต่งตัวสวยๆ กันได้เต็มที่ อย่าให้อายกองอื่นนะครับ อย่างน้อยกองเราก็เด่นสุดเพราะมีทั้งคุณทินกรและน้องฟ้า ในงานมีเกมส์ให้เล่นสนุกๆ และเต้นรำกันด้วยครับ ใครไม่มีคู่ก็หาคู่กันได้เลยเนอะ”

เสียงเฮดังลั่นกองละครทันทีที่ปารวัตรพูดจบ บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่หายไปในพริบตา แต่คนสองคนที่เป็นตัวปัญหาก็ยังคงยืนถลึงตาใส่กันอยู่

“แล้วทีมงานต้องแต่งทุกคนหรือเปล่าคะพี่ปุ่น” ธราเอ่ยถามขึ้น แต่ท่าทางไม่ได้สนใจคำตอบสักนิด เมื่อสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม

“ใช่เลย เอาให้สวยเลยนะชล เดี๋ยวไว้ว่างๆ พี่จะพาไปเลือกชุด” ปารวัตรตอบยิ้มๆ ยิ่งเรียกเสียงโห่แซวแก่ทุกคนในกองได้
และคนที่คอยจะจับผิดคนอื่นอย่างอ้อยใจก็ไม่วายจะกระแนะกระแหน “ทำงานให้มันตั้งใจเท่าที่อ่อยผู้ชายแล้วกันนะ เห็นตั้งแต่เข้ามาก็คิดจะจับคนอื่นอย่างเดียว”

ธราเหยียดยิ้มใส่หญิงร่างท้วม “มีปัญญาจับก็ควรจะจับไว้สิคะ ปล่อยตัวจนแก่หนังเหี่ยว ก็คงหาผู้ชายไม่ได้สักคน”

ยังไม่ทันที่อ้อยใจจะถกเถียงอะไรกลับมา คนที่เอ่ยเสียงหยันนั้นก็ไม่พ้นผู้ชายปากเสียคนหนึ่ง “คิดจะจับแต่ละคน รวยๆ ทั้งนั้น ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะ”

“รวยๆ ทั้งนั้นนี่หมายถึงใครอีกเหรอคะคุณเพลิง ได้ข่าวว่าตั้งแต่เข้ามาในกอง ฉันก็สนิทกับพี่ปุ่นอยู่คนเดียว” ธรากอดอกเอียงคอมองอย่างไม่ยอมแพ้

บรรยากาศที่ดูดีขึ้นมาเมื่อครู่ กลับอึมครึมขึ้นมาอีกคราจากบทสนทนาถกเถียงกันของคนทั้งสามจนปารวัตรต้องเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เอ่อ...ผมว่าเราเริ่มถ่ายกันเลยดีกว่า ถ่ายฉากอื่นที่ยังไม่มีน้องฟ้าไปก่อนก็ได้เนอะ”

นั่นแหละทุกคนถึงได้พากันแยกย้ายไปตามหน้าที่ตัวเอง ปารวัตรเองก็เหลือบมองธราสักพัก อยากจะเอ่ยถามออกไปเหลือเกินว่าทำไมเมื่อเช้าเธอถึงมาไม่รอเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเธอ เขาก็ไม่อยากจะถามให้รู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม



“คัต! คุณทินกรครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมต้องการให้คุณดูรักน้องฟ้ามากกว่านี้อีกนิดหนึ่ง” ปารวัตรสั่งคัตเป็นรอบที่แปดสำหรับการถ่ายช่วงหลัง ซึ่งเป็นฉากบอกรักของพระเอก คำถามเกิดขึ้นในใจทุกคนเป็นแน่เมื่อเห็นว่าทินกรไม่สามารถเล่นบทนี้ได้เทคเดียวผ่านเหมือนที่ผ่านมา

พระเอกหนุ่มมองอัจฉราด้วยความปวดร้าว ถ้อยคำที่ได้ยินเธอพูดถึงเขาอย่างหยามหยันนั้นยังคงติดในหู เขาต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องไปอีกนานแค่ไหนกัน

“พี่เพลิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้เล่นไม่ได้เลย เครียดอะไรหรือเปล่า หรือว่าไปตากฝนไม่สบายมาอีก” อัจฉราอังมือนุ่มเข้ากับหน้าผากชายหนุ่ม แต่ร่างสูงกลับขยับออกห่างพลางเสมองไปทางอื่น

...เจ็บ เจ็บจริงๆ

“โกรธอะไรฟ้าหรือเปล่าคะ” นางเอกสาวถามเสียงนุ่มเมื่อแลเห็นท่าทีเปลี่ยนไปของทินกร แต่เขาขยับเดินหนีตลอดเวลา
“เปล่า” นั่นปะไร บอกว่าเปล่า แต่ไม่มองมาทางเธอเลยด้วยซ้ำ

“พี่เพลิง เป็นอะไรก็บอกฟ้าสิ”

“ก็บอกว่าเปล่าไง พี่ไม่เป็นไรหรอก”

“แล้วพี่จำได้หรือเปล่าว่าวันนี้วันอะไร” นั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้หันกลับมาสบดวงตาคู่งามที่มองมาอย่างตัดพ้อ

“จำได้สิ ไม่เคยลืม และจะไม่มีวันลืม” ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าสวยใสของผู้หญิงที่เขารักยิ่งอยู่เนิ่นนาน คำถามที่เขาอยากถามกลับไปก็คือแล้วเธอล่ะ จำได้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนพูดอะไรเอาไว้ และยังจำได้ไหมว่าความรักความผูกพันที่เราเคยมีให้กันก่อนหน้านี้มันมากมายเพียงใด มากกว่าที่ใครจะคิดด้วยซ้ำ

แต่เขาคงผิดเอง ที่คิดว่าความรู้สึกดีๆ นั้นจะยังคงอยู่ในหัวใจของคนตรงหน้า แท้ที่จริงแล้วมันกลับเป็นเขาคนเดียวที่ระลึกถึง
ธรามองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ในฉากด้วยความมึนงงสับสนเป็นที่สุด ก็ทินกรเป็นคนชวนเธอไปเลือกของขวัญให้อัจฉราเอง แต่ทำไมพอกลับมาก็เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ความปากเสีย นิสัยแย่กลับมาอีกครั้งจากที่คิดว่าดีขึ้นแล้ว หรืออาจจะแย่กว่าตอนแรกด้วยซ้ำไป

...มันต้องมีอะไรสักอย่างตอนที่เขาไปเจอกับแม่นางเอกนั่น

“ชล พี่ว่าคุณทินกรกับน้องฟ้าวันนี้นี่แปลกๆ นะ” ปารวัตรหันมาเอ่ยถามเธอที่ยืนอยู่เคียง ครุ่นคิดสักพักจึงเอ่ยตอบ

“วันนี้วันเกิดคุณฟ้าน่ะค่ะ คุณเพลิงเขาอาจจะเตรียมตัว เซอร์ไพรส์อยู่มั้งคะ”

“อ้าว วันนี้วันเกิดน้องฟ้าเหรอ” ชายหนุ่มเบิกตาโตก่อนยิ้มกว้างอย่างปิติยินดี “ไม่ได้ละ งั้นต้องมีเซอร์ไพรส์บ้าง”
เขาพึมพำบางอย่างกับอ้อยใจก่อนตะโกนแจ้งนักแสดงทั้งสองที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ในฉาก “คุณทินกร น้องฟ้าครับ เดี๋ยวผมขออีกครั้งหนึ่งนะ คราวนี้ขอฟีลเต็มๆ นะครับ”

“ครับ” ทินกรเอ่ยตอบเสียงเรียบ

สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีในเทคที่เก้า ทินกรหงุดหงิดตัวเองเป็นที่สุดเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่มีเรื่องไหนที่เขาเล่นบทง่ายๆ แค่นี้ไม่ผ่านในเทคเดียว

พระเอกหนุ่มชะงักความคิดทุกอย่างไว้เมื่อได้ยินเสียงเฮลั่นจากคนหมู่มากในกอง

“สุขสันต์วันเกิดนะน้องฟ้า” ปารวัตรรวมถึงทีมงานนับสิบคนถือเค้กวันเกิดเซอร์ไพรส์อัจฉรากลางกองละคร ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยกเว้นธราที่ออกไปยืนหลบอยู่อีกด้าน เพราะไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ในใจรับรู้ตัวตนของอัจฉราทุกอย่าง

ทินกรเหลือบมองภาพคนที่เขาแสนรักเป่าเค้กอย่างมีความสุขสักพัก ก่อนจะเดินหลบไปอยู่ในส่วนที่ไม่มีใครมองเห็น เขาซื้อให้อัจฉรามากกว่าเค้กด้วยซ้ำ แต่มันกลับถูกย่ำยีเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำจากเธอเองนั่นแหละ

ธราแอบลอบมองแผ่นหลังกว้างของพระเอกหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก แม้จะชังนิสัยเสียๆ ของเขาเหลือเกิน แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เมื่อต้องย้ำอยู่แก่ใจว่าอย่างไรก็ตาม เขามีพระคุณกับเธอ และเธอก็ต้องช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเขาให้ได้

หญิงสาวย่างเท้าเข้าไปใกล้หวังจะไถ่ถาม แต่ยิ่งเห็นหมัดที่กำแน่นของชายหนุ่ม เธอก็ชะงักเท้า เหตุการณ์เมื่อคืนแล่นปราดเข้ามาในสมอง หากโดนทำแบบเมื่อคืนอีก เธอคงรู้สึกแย่กับเขามากไปกว่านี้

แต่ยังไม่ทันจะหันหลังกลับ คนที่นั่งหันหลังให้ก็เอ่ยถาม “เขาเซอร์ไพรส์กันเสร็จหรือยัง”

คนตัวเล็กยืนอ้าปากค้าง ก่อนเรียกสติเพื่อตอบคำถามนั้น “เอ่อ...ไม่รู้สิ ฉันไม่อยากยุ่งกับแฟนคุณนักหรอก”

“คุณไม่ชอบเขา?”

“ใช่ ฉันไม่ชอบคุณฟ้า แต่ฉันก็มีเหตุผลของฉัน ไม่เหมือนคุณหรอก คุณเกลียดฉัน โดยที่ไม่มีแหตุผลด้วยซ้ำ” แม้บังคับจิตใจไม่ให้พูดถ้อยคำประชดเช่นนี้ แต่ใจเจ้ากรรมมันกลับทำไม่ได้อีกแล้ว

ทินกรยังคงนั่งหันหลังให้ธรานิ่ง จะตอบออกไปอย่างไรว่าไม่ได้เกลียด แต่เกลียด...เวลาที่เห็นเธออยู่กับคนอื่น

...ความรู้สึกบ้าๆ แบบนี้มันคืออะไรกันนะ

“แล้วคุณน่ะเป็นแฟนเขา ทำไมไม่ไปอยู่ตรงนั้น มานั่งเงียบๆ ตรงนี้ทำไม”

“ไม่ต้องมายุ่ง!” ทันทีที่เสียงห้วนสั้นนั้นผ่านหู หญิงสาวก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ไปก็ได้ คนวิปริต!” ธราหมุนตัวกลับโดยเร็ว แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักเท้าเพราะเสียงเข้มดุนั้นดังขึ้นอีกรอบ

“เดี๋ยว!” ไม่เพียงเสียงเข้มที่อยู่ไม่ห่างนี้ แต่ยังมีมือหนาเอื้อมมาคว้าต้นแขนกลมกลึงเธอไว้ในครอบครอง “ผมบอกว่าอย่ามายุ่ง ไม่ได้บอกให้ไป”

“ก็ฉันจะไป คุณมีปัญหาอะไร”

ชายหนุ่มส่งเสียงฮึในลำคอ “อ๋อ อยากจะไปหาผู้กำกับที่คุณคิดจะจับอยู่ใช่ไหมล่ะ”

“ใช่น่ะสิคะ ห่างจากเขามานาน ชักคิดถึงขึ้นมาซะแล้ว” ร่างบางยิ้มเยาะก่อนจะปลดมือที่เกาะกุมต้นแขนเธอไว้ เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ แรงกระชากจากด้านหลังก็ทำให้เธอเซถลาไปกระแทกร่างสูงอย่างแรง

“โอ๊ย! อะไรของคุณอีกเนี่ย”

“แหม ห่างมานาน คิดถึงงั้นคิดถึงงี้ แล้วรสจูบผมล่ะ คิดถึงหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้น่ะ ผมย้อนความทรงจำให้ได้นะ” มือหนาจับคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมองเขา แรงบีบที่ต้นแขนไร้ซึ่งความทะนุถนอมที่ควรมีต่อสตรี

“จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ มันน่าเกลียดมากที่สุดสำหรับฉันเลยล่ะ” ราวกับว่าคำพูดนั้นของธราเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทินกรขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ในขณะที่คนตัวเล็กพยายามผลักออกเป็นพัลวันจนเล็บจากนิ้วเรียวกรีดลงไปที่ซอกคอชายหนุ่มเป็นแนวยาว

“เฮ้ย ยายบ้า” เขาผลักร่างบางออกห่างทันที มือหนาลูบคลำบริเวณที่รู้สึกแสบ มีเลือดติดมาเล็กน้อย ดวงตาคมดุจ้องคนตรงหน้าเขม็ง

“รู้ไว้ด้วยนะ ไม่ว่าคุณจะตีราคาฉันไว้ต่ำแค่ไหน แต่ฉันก็เป็นคนเหมือนคุณ มีศักดิ์ศรีมีหัวใจ ไม่ใช่จะให้ใครทำอะไรก็ได้ และคนอย่างคุณ มันไม่ได้สูงส่งมาจากสวรรค์ชั้นไหนทั้งนั้น คุณมันโรคจิต ประสาท!” ธราก้าวถอยออกห่างอย่างหวาดหวั่น และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มขยับตัว ขาเรียวก็ออกแรงเตรียมวิ่งทันทีแต่ไม่ทันการ เมื่อมือหนาคว้าเอวเธอไว้ได้จากด้านหลัง ดึงกันไปดึงกันมาจนคนตัวเล็กเริ่มหมดแรง

“ทำอะไรไว้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือไง หน้าตาผมมันสำคัญแค่ไหนคุณรู้ไหม” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนใช้นิ้วชี้ไล้เบาๆ ไปตามแก้มนวลอย่างอ้อยอิ่ง

“ก็คุณคิดจะทำอะไรฉันล่ะ” หญิงสาวคงไม่รู้ตัวว่าเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นสั่นเครือเพียงใด ไหนจะร่างกายที่สั่นเป็นลูกนกอยู่ในอ้อมแขนของเขานั่นอีก ทินกรมองมาอย่างขบขัน

...คนที่เคยปากเก่ง อวดดี โดนตัวผู้ชายโดยไม่คิดอะไร แต่พอผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่ม กลับกลัวขนาดนี้เชียวเหรอ

“ไม่ได้คิดหรอก แต่อยากจะทำเลยต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดจนจมูกโด่งเป็นสันใกล้จะสัมผัสแก้มนุ่ม หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างสุดกำลัง ลมหายใจร้อนผะผ่าวรินรดแผงอกกว้าง

“ยะ...อย่า คุณเพลิง ฉันจะไม่เถียงคุณแล้ว อย่าทำแบบนี้เลยนะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”

“คุณเป็นลูกหนี้ผมนะ นี่เป็นวิธีคิดดอกเบี้ยของผม กล้าขัดคำสั่งหรือไง ถ้าจะไม่เถียงก็ต้องทำตามคำสั่งด้วยสิ”

“ไม่ๆ ไม่เอา ฉันไม่เล่นนะคุณเพลิง” เมื่อหญิงสาวเห็นว่าการดิ้นรนไม่ช่วยอะไร จึงตัดสินใจซบดวงหน้านั้นเข้ากับแผงอกล่ำเพื่อหลบหนีการรุกล้ำจากชายหนุ่ม

ทินกรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อเก็บเสียงกลั้วหัวเราะไว้ให้ลึกที่สุด แขนอันแข็งแกร่งที่โอบเอวบางไว้เมื่อครู่เลื่อนขึ้นมาโอบบริเวณหัวไหล่หญิงสาว เรียกขวัญให้คนตัวเล็กที่ยังคงสั่นเป็นเจ้าเข้า เขาเชยคางมนนั้นให้เงยขึ้น หมายสบดวงตากลมโตสั่นระริก แก้มนวลสีเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรนักหนา ทำไมต้องสั่นขนาดนี้ เคยเก่งนักไม่ใช่เหรอ” ไร้คำตอบจากริมฝีปากอิ่ม เขาก็ไม่ซักไซ้ต่อให้เสียเวลา เขาผลักร่างบางนั้นออกเบาๆ แต่ร่างนั้นกลับทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อ่อนว่ะ”

เขาเดินออกจากตรงนั้นมาไม่ได้ไม่ไกล ร่างสูงก็หันไปมองหญิงสาวที่นั่งทรุดเอามือจับแก้มอยู่ที่พื้น มีความขบขันฉายชัดอยู่ในแววตา

และคงเป็นเพราะทินกรมัวแต่สนใจหญิงสาวที่เขาแหย่เล่นอย่างสนุกสนานนั่นกระมัง จนทำให้ไม่ได้สังเกตว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่อยู่ในสายตาของอัจฉรา มือบางกำหมัดแน่น ยิ่งเห็นสิ่งที่ทินกรกระทำต่อทีมงานผู้ต่ำต้อยคนนั้น คนที่เขาเคยบอกเองว่าไร้ค่าไร้ราคา นี่สินะสาเหตุที่ทำให้เขาลืมวันเกิดเธอไปซะสนิท แม้กระทั่งทีมงานทุกคนถือเค้กมา เซอร์ไพรส์เธอ แต่ทินกรกลับไม่สนใจสักนิด แต่ดูสิ มากกกอดกันไว้อย่างรักใคร่

...หึ คิดจะผิดสัญญางั้นเหรอ ไม่มีทาง!

____________________________________________________________________________________

ฝากอีบุคด้วยนะคะ ขายแล้วที่ www.mebmarket.com และ www.ookbee.com ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" ค่ะ ฝากด้วยน้าาา อย่างน้อยไปโหวตให้กันสักนิดก็ยังดี 5555

แล้วก็ ฝากเพจด้วยค่ะ ชื่อเพจว่า "เอวาลิน - นักเขียน" เนาะะะ จุ๊บบ

อ๋ออ ละก็อีกเรื่องนึงคือ นิยายที่อัพในนี้จะอัพไม่จบนะคะ แต่จะอัพถึงบทที่เท่าไหร่ก็ตามอารมณ์ไรท์เตอร์ 5555 แต่ตอนนี้ยังอัพอยู่ค่ะ ^^



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2559, 17:55:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2559, 17:55:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 967





<< ตอนที่ 23 ...ที่ระบายความเจ็บปวด   ตอนที่ 25 ...นิทรรศการในห้องของเรา >>
สิรินดา 28 ต.ค. 2559, 04:24:25 น.
(^__^)


Zephyr 29 ต.ค. 2559, 16:12:33 น.
เมื่อไรเธอจะได้ผลตอบแทนที่สาสม
อัจฉรา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account