แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง

"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!

แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน

นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา

ตอน: ตอนที่ 3 -100%

* เปลี่ยนชื่อเรื่องหน่อยนะคะ ^^


ตอนที่ 3 -100%



ธรรศยืนนิ่งคล้ายร่างถูกสาปกลายเป็นหิน ได้แต่มองร่างกายของตัวเองกำลังถูกเหล่านายแพทย์และพยาบาลรุมร่างกายของเขาอยู่ ความตระหนกตกใจไม่ทันได้คลายลงจากใจ เขาก็ตกใจเป็นครั้งที่สอง พลันเบิกตากว้างเพราะหญิงสาวในความฝันได้ปรากฏกายให้เขาเห็นอีกครั้งเวลานี้!

นางในความฝันยังคงสวมเสื้อลูกไม้สีขาว แขนพอง ๆ ห่มสไบสีชมพูอ่อน กับโจงกระเบนสีชมพูกลีบบัวเช่นเดิม ผมสีดำขลับตัดสั้นตัดกับผิวขาวซีดไร้สีเลือด ดวงตาเรียวโตรับกับปากนิดจมูกหน่อย จะว่าสวยก็สวย แต่สำหรับธรรศแล้ว เขารู้สึกเธอน่าขนลุกมากกว่า น่าแปลกที่สุดก็คือเธอคนนี้มีใบหน้าเหมือนรวินท์รดาราวกับฝาแฝด มีจุดแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคงเป็นนัยน์ตาอมเศร้า และดูลึกลับน่ากลัว

ตอนนี้หญิงสาวปริศนากำลังยืนมองร่างของเขาบนเตียงผ่าตัดด้วยแววตาเศร้าหมอง ดูคล้ายเธอจะไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ใกล้เธอแค่เอื้อม

“คุณคือใคร” ธรรศถามอย่างสงสัย แต่เธอกลับเอาแต่มองร่างของธรรศ ราวกับไม่ได้ยินคำถามของเขา ก่อนเธอจะค่อย ๆ หันหลังเดินจากไป ร่างหญิงสาวทะลุผ่านกำแพงห้องผ่าตัดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ธรรศได้ยินเสียงหนึ่งแว่วดัง

“อย่าเป็นอะไรนะคุณธรรศ”

ธรรศขมวดคิ้วกับเสียงที่ได้ยิน เสียงใสช่างคุ้นหู เขานึกไม่นานก็จำได้ว่าเป็นเสียงของรวินท์รดาที่ช่วยชีวิตเขาไว้นั่นเอง

“ถ้าคุณปลอดภัย ฉันจะยอมหาละครเก่าของคุณมาดูทุกเรื่องเลยก็ได้”

คราวนี้ธรรศเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วสูงกับเงื่อนไขของรวินท์รดา พลางกวาดตามองหาต้นเสียงที่ไม่รู้ดังมาจากไหน เขาสะดุดตากับแสงเรืองรองตรงประตูกระจกอีกมุมของห้อง สามารถดึงดูดให้ธรรศเดินเข้าไปหา

“เพราะฉะนั้นคุณต้องปลอดภัยนะ รู้มั้ย”

ยิ่งขยับเท้าไปใกล้ นายแบบหนุ่มหรืออดีตพระเอกละครก็ยิ่งมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินดังมาจากอีกด้านของประตูเรืองรองนี้แน่นอน

ธรรศทำใจกล้าฝ่าแสงสว่างไปตามเสียงใสที่ได้ยิน ก่อนจะพบว่าเขาย้ายตัวเองมาอยู่ในห้องห้องหนึ่งภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งแทนห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล

ในห้องนี้ตกแต่งโทนอบอุ่น ผนังสีขาวสะอาดตา พื้นไม้สีเบส โซฟาโครงไม้สีน้ำตาลอ่อนมีเบาะผ้าสีขาวครีมขนาดสองคนนั่งวางชิดกำแพง ผนังฝั่งตรงข้ามมีโทรทัศน์จอแบนติดอยู่ และเบื้องหน้าของโซฟามีโต๊ะไม้ลักษณะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมเตี้ย ๆ แมกกาซีนถูกวางใต้โต๊ะไม้อย่างเรียบร้อย

ธรรศหยุดสายตาที่รูปถ่ายของรวินท์รดาในกรอบไม้บนกำแพงเหนือโซฟา เขาอดจะอมยิ้มตามเธอในรูปถ่ายไม่ได้จริง ๆ เธอเล่นฉีกยิ้มกว้างอวดฟันแทบจะเห็นฟันหมดปากได้

ธรรศคาดเดาว่าห้องพักห้องนี้คงเป็นของรวินท์รดา ว่าแต่เจ้าของห้องอยู่ไหน ธรรศไม่สงสัยเฉย ๆ เขาเลือกจะเดินผ่านส่วนพักผ่อนดูทีวีซึ่งใกล้ประตูเข้าห้อง ตรงไปยังโต๊ะกินข้าวหน้าครัวเล็ก ๆ ชายหนุ่มเห็นว่าบนโต๊ะกินข้าวนั้นเต็มไปด้วยกระดาษสเก็ตงาน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คก็เปิดหน้าจอไว้อยู่ในตำแหน่งพร้อมใช้งาน

ส่วนประตูห้องนอนเพียงห้องเดียวนั้นปิดสนิท ชายหนุ่มเหลียวไปยังส่วนห้องครัวก็ไม่เห็นเจ้าของห้อง เขาสงสัยว่ารวินท์รดาอาจจะอยู่ในห้องน้ำก็ได้ แต่ธรรศกลับชะงักอีกครั้งกับเจ้าแมวเปอร์เซียขนปุยสีขาวตากลมโตที่เดินมาเงยหน้ามองเขาอยู่

“เห็นฉันด้วยเหรอ” ธรรศย่อตัวลงถามเจ้าแมวน้อย เขาเห็นผ้าพันคอสีชมพูแสนหวานก็เดาว่าน่าจะเป็นตัวเมีย

“เมี้ยว” เจ้าแมวน้อยร้องตอบคำถามเขา ถ้าสัมผัสได้ เขาก็คงจะลูบขนปุยตอบแทนความน่ารักแสนรู้ของเจ้าเหมียว

แต่แล้วประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ร่างระหงสมส่วนในเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวเดินออกมานั่งตรงโต๊ะกินข้าวที่นอกจากกระดาษงานของเธอแล้วก็ไม่มีจานข้าวสักจาน

“ร้องอะไรน่ะ ดาร์ลิ้ง” รวินท์รดาถามแมวของเธอ

ดาร์ลิ้งทำเพียงหันหัวมามองเจ้าของ แต่ไม่ยอมขยับตัว ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กตรงหน้าธรรศอยู่อย่างนั้น

ชื่อดาร์ลิ้งของเจ้าแมวเปอร์เซียพ้องกับต้าหลิง ทำให้ธรรศนึกถึงผู้จัดการหนุ่มส่วนตัวขึ้นมา ป่านนี้ไม่รู้ว่าต้าหลิงจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้?

ปริศนามากมายของธรรศถูกขัดจังหวะ เพราะอยู่ ๆ รวินท์รดาก็ร้องออกมาพร้อมทำตาโตเป็นไข่ห่าน

“โอ้โห หล่อเหมือนกันนะเนี่ย”

ธรรศอยากรู้อยากเห็นจึงเดินไปยืนด้านหลังร่างบาง ภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำให้ธรรศหลุดยิ้ม ก็รวินท์รดากำลังใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวของเขาอยู่

“หล่อกว่าตัวจริงอีกนะ หรือเพราะถ่ายรูปไว้หลายปีแล้ว หล่อน้อยลงหรือไงนะ” ครีเอทีฟสาวออกความเห็นไปเรื่อย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนถูกวิจารณ์นั้นยืนใกล้เธอนิดเดียว ธรรศส่ายหน้าไปมา ถ้าทำได้ก็อยากถามเธอว่าแค่เวลาผ่านมาไม่กี่ปี เขาหล่อน้อยลงมากเลยหรือ ใคร ๆ ก็ชมว่าธรรศตอนนี้ดูภูมิฐานขึ้นตั้งเยอะ!

“ฉันหวังว่าคุณจะปลอดภัยนะ คุณธรรศ ถ้าคุณหายแล้วมาเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา ฉันจะไม่บ่นไม่ทะเลาะกับคุณเลย” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเศร้า ๆ ธรรศเองก็ไม่รู้ว่าการที่เขาออกมาจากร่างแบบนี้นั้นเป็นเพราะเขาตายแล้วหรือไม่

แต่ถ้าเขายังมีโอกาสได้กลับไป …

ธรรศโน้มลำตัวลงไปจนใบหน้าอยู่ข้าง ๆ ศีรษะของรวินท์รดา เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนข้างใบหูเธออีกว่า

“ถ้าผมหาย ผมก็อยากจะทำงานกับคุณ คุณบัว … อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมก็แล้วกัน”

ก่อนธรรศจะรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่นานนัก ธรรศก็เลือนลางหายไปจากที่ข้าง ๆ ของรวินท์รดา

พอลับหลังธรรศหายไปจากห้องพักหญิงสาวแล้ว อยู่ ๆ ขนแขน ขนคอของเจ้าของห้องสาวพากันลุกชัน รวินท์ดาสะดุ้งโหยง หันมองไปด้านที่เธอรู้สึกถึงลมบางอย่างหวิว ๆ แปลก ๆ ข้างใบหู มองหาจนแน่ใจว่าไม่มีวิญญาณดวงไหนอยู่ในห้องพักของเธอ เพราะถ้ามีสิ่งลี้ลับ รวินท์รดาที่มีความสามารถพิเศษสามารถมองเห็นวิญญาณได้จะต้องมองเห็น แล้วอีกอย่างในห้องห้องนี้มีเครื่องลางของขลังจากหลวงลุง ไม่มีดวงวิญญาณดวงไหนกล้ากล้ำกรายเข้ามาหรอก

“คิดไปเองหรือไงนะเรา” รวินท์รดาขมวดคิ้วสงสัย กวาดตามองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะเลิกตั้งคำถาม เธออาจจะเหนื่อยจนเบลอไปเองก็ได้ แล้วกลับไปสนใจภาพถ่ายของธรรศบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดิมแทน จะว่าไปก็มีภาพธรรศหลายภาพที่หล่อจนรวินท์รดาจ้องมองอยู่นานสองนาน



เรื่องที่ธรรศประสบอุบัติเหตุรถคว่ำกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ แม้จะเป็นเพียงกรอบเล็ก ๆ รวินท์รดาแวะซื้อกาแฟเย็นตรงร้านกาแฟเจ้าประจำแถว ๆ ออฟฟิศจึงได้เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวของธรรศ รวมถึงมีคนสนใจข่าวอดีตพระเอกหนุ่มรถคว่ำกันด้วย รวินท์รดายอมรับแล้วว่าช่วงหนึ่งในอดีต ธรรศคงโด่งดังไม่น้อยเลย

ครีเอทีฟสาวพร้อมแก้วกาแฟเย็นในมือเดินเข้าบริษัทฯ อย่างทุกเช้า วันนี้เธอสวมเสื้อยืดลายขวางขาวดำ กางเกงเดฟสีดำ รองเท้าผ้าใบ ผมยาวสีน้ำตาลประกายทองถูกรวบเป็นหางม้าสบาย ๆ ใบหน้าขาวแต่งหน้าเล็กน้อยพอมีสีสัน เธอทักทายแม่บ้านซึ่งยืนคุยกับพนักงานต้อนรับตรงโถงหน้าประตูทางเข้าบริษัทน้ำเสียงแจ่มใส

“สวัสดีค่ะพี่อร สวัสดีค่ะน้องปู”

“สวัสดีค่ะพี่บัว เช้านี้มีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋อยู่ในแพนทรี่นะคะ” น้องปู พนักงานต้อนรับสาวหน้าตาน่ารักวัยยี่สิบสี่ปีทักทายเสียงสดใส น้องปูทำงานเข้าปีที่สอง เป็นขวัญใจพวกพนักงานหนุ่ม ๆ หลายคนเลยทีเดียว

“ดีจังเลย เดี๋ยวไปเอามากินกับกาแฟดีกว่า” รวินท์รดาตอบ ก่อนจะหันไปทักแม่บ้านประจำออฟฟิศ “พี่อรเจอสร้อยข้อมือของบัวบ้างไหมคะ”

“ไม่เจอเลยค่ะ พี่กวาดถูกจนทั่วออฟฟิศก็ไม่เจอเลยค่ะคุณบัว” พี่อรส่ายหน้าตอบครีเอทีฟโฆษณาสาว

“ไม่เป็นไรค่ะ คงหายไปแล้วจริง ๆ” คนผิดหวังเลยหน้าจ๋อย เดินคอตกเข้าไปด้านใน

“น่าสงสารจังนะคะ” น้องปูมองตามร่างของพนักงานรุ่นพี่ไปอย่างเห็นใจ ก่อนจะชวนพี่อรคุยเรื่องที่ค้างไว้ต่อ

วันทั้งวันไม่มีข่าวอัพเดทอาการของธรรศเลย ดนุวัศเข้าออฟฟิศตอนบ่ายก็บอกเธอว่าธรรศปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่ฟื้น รวมถึงผู้จัดการส่วนตัวอย่างต้าหลิงก็เช่นกัน ยังไม่ได้สติกันทั้งคู่

กระทั่งเช้าวันที่สอง รวินท์รดาไปถึงบริษัทตอนแปดโมงครึ่งเป็นประจำ หากวันนี้พิเศษกว่าวันอื่น ๆ ตรงที่เธอได้พบกับดนุวัศแถวแพนทรี่ของบริษัท

“บัวๆ” ดนุวัศรีบเดินออกจากแพนทรี่ทันทีที่รวินท์รดาเดินผ่านทั้งที่ยังชงกาแฟไม่เสร็จ ดนุวัศไม่ชอบให้ใครนอกจากภรรยาชงกาแฟให้ เขาชินกับรสชาติที่ตัวเองชงเท่านั้น จึงไม่มีใครในเลมอนพายแปลกใจที่เจอเจ้าของบริษัทมาชงกาแฟในห้องแพนทรี่บ่อย ๆ

รวินท์รดาประหลาดใจเมื่อเจ้านายเธอมาบริษัทเช้ากว่าทุกวัน

“พี่นุมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“นายธรรศฟื้นแล้วนะ เจ้านั่นปลอดภัยแล้ว รวมทั้งต้าหลิง ผู้จัดการส่วนตัวด้วย” ดนุวัศบอกข่าวดี คนฟังยิ้มกว้างทันที

“จริงหรือคะ! โล่งอกไปทีนะคะ” รวินท์รดาถอนหายใจอย่างโล่งอก บัวเป็นคนไปเจอคุณธรรศและคุณต้าหลิงในสภาพที่เลือดเต็มตัว บัวไม่อยากให้เขาเป็นอะไรร้ายแรงค่ะ ไม่อย่างนั้นบัวมีหวังเสียใจไปอีกนานแน่เลย” เธอบอกเหตุผล พร้อมเอ่ยถามบอสหนุ่มเพิ่มว่า

“แล้วพี่นุรู้ได้ยังไงคะ ญาติของคุณธรรศโทรมาบอกหรือคะ”

“พี่แอดไลน์ของปิง น้องชายนายธรรศไว้เมื่อคืนก่อน เขาอัพเดทพี่ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้วล่ะ บอกว่านายธรรศฟื้นแล้ว”

“แล้ว … พี่นุจะบอกบัวเรื่องนี้หรือคะ” รวินท์รดารู้สึกว่าหัวข้อสนทนาคงไม่ได้มีแค่เรื่องธรรศปลอดภัยแล้วแน่ ๆ เพราะสายตาของดนุวัศนั้นกำลังมองเธอแปลก ๆ

ดนุวัศจึงก้มหน้ากระซิบบอกเธอใกล้ ๆ

“ปิงบอกพี่ว่า ตอนที่ธรรศเริ่มได้สติ ธรรศเอาแต่เพ้อถึงบัว … พี่เริ่มสงสัยละนะว่าบัวแค่บังเอิญไปเจอธรรศจริง ๆ หรือเปล่า”

“พี่นุ! บัวไม่เคยโกหกพี่นุนะคะ” รวินท์รดาไม่ตลกกับการแซวของบอสหนุ่มเลย

“โอ๋ ๆ พี่ล้อเล่น แต่พี่ก็สงสัยจริง ๆ นี่นา ทำไมนายธรรศถึงเพ้อหาบัว” ดนุวัศกอดอกครุ่นคิด

“อาจจะคนละบัวก็ได้นะคะ ชื่อนี้โหลออก … ถ้าไม่มีอะไรแล้ว บัวไปทำงานดีกว่านะคะ” ครีเอทีฟสาวหาทางหนีสายตาแปลก ๆ ของเจ้านาย หากดนุวัศก็ยังไม่ยอมจบง่าย ๆ

“นายธรรศบอกอีกนะว่าให้พี่พาบัวไปเยี่ยม”

“ไว้บัวจะไปเยี่ยมเขานะคะ” รวินท์รดารับปากเจ้านาย แต่พอคำพูดต่อมาก็ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง

“ไปวันนี้”

และดนุวัศไม่ปล่อยให้พนักงานปฏิเสธได้เลย

“เดี๋ยวตอนบ่ายเราไปเยี่ยมนายธรรศกัน”

รวินท์รดาได้แต่ถอนหายใจ ตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะดนุวัศยังอยากได้ธรรศมาร่วมงานในโอกาสหน้าอยู่



ห้องพักฟื้นพิเศษของธรรศตั้งอยู่ชั้นแปด ห้องริมขวาสุด มีป้ายชื่อ ‘ธรรศ อัศวชยภัทร’ แขวนไว้ แม้ด้านล่างจะมีคนลักษณะนักข่าวปนอยู่บ้าง แต่ไม่มีนักข่าวสำนักไหนสามารถผ่านมาถึงชั้นนี้ได้ รวินท์รดาเดาว่าคงเป็นมาตรการจากทางครอบครัวของธรรศ

รวินท์รดาเดินตามดนุวัศเข้าไปในห้อง เห็นคนเจ็บบนเตียงกำลังนอนคุยกับชายหนุ่มอีกคนซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ กัน

“สวัสดีครับพี่ปั้น” ดนุวัศทักทายชายหนุ่มข้าง ๆ ด้วยการยกมือไหว้

ปราชญ์ดารับไหว้เพื่อนน้องชายด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “สบายดีใช่ไหมนุ”

“สบายดีครับ อย่างน้อยก็ดีกว่านายธรรศล่ะครับ” คำตอบของดนุวัศเรียกเสียงหัวเราะจากสองหนุ่มที่เหลือได้ชุดใหญ่ แม้ธรรศจะยังเจ็บและมีสภาพอิดโรย หากก็ยังยิ้มขำไปกับเพื่อนได้

“ธรรศ นายเป็นยังไงบ้าง” ดนุวัศถามเพื่อนซี้

“ดีขึ้นมากแล้ว” คนเจ็บตอบแล้วเบนสายตาไปทางสาวครีเอทีฟข้าง ๆ เอาแต่จ้องมองจนคนถูกมองทำหน้าไม่ถูก

“เราพาบัวมาด้วย มีอะไรอยากคุยกันเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า” ดนุวัศมองทั้งคู่สลับกันไปมา รวินท์รดาทำตาโตวาวใส่เจ้านายที่ถามอะไรแปลก ๆ ส่วนธรรศไม่ได้แสดงท่าทางอะไรผิดปกติ

“นี่คือคนที่ช่วยธรรศไว้ใช่ไหม” ปราชญ์ดาถามขึ้นมา หลังจากได้ยินที่พ่อของเขาเล่าให้ฟังตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว วันนั้นปราชญ์ดาไม่ทันสังเกตคนแปลกหน้า เพราะใจเอาแต่ห่วงน้องชายที่เจ็บหนัก

“ใช่ครับพี่ปั้น บัวเป็นพนักงานของผมเองครับ เธอทำงานอยู่ฝ่ายครีเอทีฟออกแบบโฆษณาครับ” ดนุวัศรีบแนะนำให้คนแก่กว่าได้รู้จัก

“ขอบคุณนะที่ช่วยน้องชายผมไว้ … ขอผมแทนตัวเองว่าพี่ล่ะกันนะ พี่ได้ยินว่าพอธรรศฟื้นก็เพ้อหา ได้ยินที่นุพูดเมื่อกี้พี่ก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” รวินท์รดาครางปฏิเสธ อดถลึงตากดดันคนเจ็บไม่ได้ อยากให้ธรรศช่วยพูดอะไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คนเข้าใจกันผิดไปหมดแบบนี้!

“พี่ปั้นครับ ผมอยากคุยกับบัวสองคนได้ไหมครับ” ธรรศยอมพูดแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย ยิ่งชวนน่าสงสัยมากไปใหญ่ ทั้งดนุวัศและปราชญ์ดาต่างอมยิ้มกรุ้มกริ่มกันหมด

“ได้แน่นอน” ปราชญ์ดาตอบก่อนจะชักชวนดนุวัศไปนั่งอีกมุมหนึ่งของห้อง เว้นระยะห่างให้น้องชายกับหญิงสาวได้คุยกันเป็นส่วนตัว

รวินท์รดามองตามเจ้านาย แววตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือปนอ้อนวอนอย่าเข้าใจเธอผิด แต่ดูเหมือนเจ้านายเธอจะไม่ยอมสังเกตอะไรเลย!

“บัวครับ สนใจผมก่อนได้ไหม” เสียงอ้อน ๆ ของธรรศดึงสายตาคนฟังได้ดีนัก รวินท์รดาตวัดค้อนใส่คนเจ็บวงโต

“บัว? คุณเรียกกันแบบนี้นี่เราสนิทกันตอนไหนคะ! คุณกำลังทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนะคุณธรรศ” รวินท์รดาเตือนชายหนุ่ม หากเขาไม่สนใจจะฟัง เอาแต่อมยิ้มน้อย ๆ มองเธอด้วยแววตาละมุนที่ชวนเธอใจสั่น!

“ผมเคยเล่นละครเป็นพระเอกเป็นสิบยี่สิบเรื่อง กว่าจะดูครบทุกเรื่องคุณคงต้องดูตาแฉะหน่อยนะ”

คำพูดของธรรศทำให้รวินท์รดาหยุดคิดเรื่องความเข้าใจผิด มองธรรศอย่างสงสัย เขารู้ได้ยังไงว่าเธอพูดอะไรไว้ตอนที่เขายังไม่พ้นขีดอันตราย

“ตอนนี้ยังไม่สนิทก็จริง ถ้าคุณอยากรู้จักผม ก็คงต้องดูทั้งละครและรายการเยอะแยะไปหมด ตาคงแฉะแย่เลย” ธรรศพูดราวกับจะขยายความคำพูดแปลก ๆ ก่อนหน้า

“แต่ถ้าถามว่าผมสนิทกับคุณหรือเปล่า ผมว่า เราเคยเจอกันมาก่อนแน่ ๆ ผมจึงคิดว่าผมสนิทกับคุณนะ บัว”

อย่างน้อยธรรศก็เคยเข้าที่พักของหญิงสาว รู้จักชื่อแมวเหมียวขนฟูของเธอ

“นี่ไม่ใช่มุกจีบสาวเชย ๆ ด้วยนะ” เขาไม่ลืมป้องกันตัวเองจากคำต่อว่าเก่า ๆ ของหญิงสาว

“ฉันว่าคุณกำลังเพ้อนะ” รวินท์รดาทำหน้ามุ่ย จะหันหนีหน้าธรรศก็ดันไปสบตาพี่ชายเขา เลยต้องค้อนใส่ธรรศอยู่อย่างนี้

“ขอร้องล่ะ คุณอย่าทำให้คนอื่น ๆ เข้าใจผิดได้ไหมคะ บอกพวกเขาไปว่าฉันแค่ผ่านไปเจอคุณเท่านั้น ฉันอึดอัดนะคุณ” เธอบอกเขาตรง ๆ

“ผมหล่อไม่พอที่จะเป็นแฟนคุณหรือไง” ธรรศท้วงถาม คนฟังเผลอสะดุ้ง วันก่อนเธอแอบวิจารณ์ว่าเขาหล่อน้อยลงนี่นา นี่แค่เรื่องบังเอิญหรือไงนะ!

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” รวินท์รดาแย้ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ผมล้อเล่นน่ะ” ธรรศหัวเราะเบา ๆ เป็นเรื่องน่าแปลกที่ธรรศรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้หยอกล้อรวินท์รดา อาจจะเป็นเพราะตอนเขาเจ็บหนัก เขาได้รับรู้คำอธิษฐานของหญิงสาวก็เป็นได้

ภาพน้องชายอมยิ้ม คุย หัวเราะกับผู้หญิงเป็นภาพแปลกตาสำหรับปราชญ์ดามาก ธรรศอาจจะเป็นคนอ่อนโยน ยิ้มให้คนอื่นตลอด แต่ก็ไม่เคยหัวเราะกับใครด้วยแววตาผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อนเลย

“สองคนนั่นสนิทกันมากเลยหรือ”

เขาเกิดคำถาม แต่ดนุวัศก็จนในคำตอบ

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ ผมเองยังแปลกใจเลยที่เห็นสองคนนั่นสนิทกัน บัวทำงานกับผมมาสองปี เป็นช่วงเวลาหลังจากธรรศไปเซ็นสัญญาเดินแบบต่างประเทศ พวกเขาไม่น่าจะเคยเจอกันมาก่อน”

“งั้นหรือ” ปราชญ์ดาแปลกใจจนเอาแต่เพ่งมองหญิงสาว แววตาของพี่ชายยิ่งดุดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าสามารถมองทะลุจิตใจได้ ปราชญ์ดาคงทำไปแล้ว เพราะไม่มีเรื่องไหนของธรรศหลุดรอดสายตาของปราชญ์มาก่อนเลย ยิ่งเรื่องความรัก ปราชญ์ดาสงสัยว่าคนของเขาพลาดไปได้อย่างไร!





โปรดติดตามตอนต่อไป




นำนิยายมาส่งค่ะ
เวลาแบบนี้ เศร้าเหลือเกินนะคะ เลยหายไปช่วงหนึ่งเลย ><


คุณแว่นใส - แนววิญญาณพระเอกไปอยู่กับนางเอกเยอะแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้นค่า นางเอกไม่เห็นวิญญาณพระเอกด้วยซ้ำ ฮ่าๆ

คุณ Zephyr - พระเอกจะป่วนนางเอกไปอีกนานเลยค่ะ เรื่องนี้พระเอกจะออกแนวป่วน ๆ หน่อยนะคะ ^^


พบกันใหม่ตอนน้านะคะ ><
สวัสดีค่า



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2559, 02:30:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2559, 02:32:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1053





<< ตอนที่ 3 – 50%    ตอนที่ 4 -50% >>
แว่นใส 21 ต.ค. 2559, 07:25:24 น.
ทำไมต้องให้คนตามสืบเรื่องน้องขนาดนั้นนายปั้น รักน้องจริงไหมนะ


Zephyr 22 ต.ค. 2559, 18:30:37 น.
พี่ปั้น สืบเรื่องน้องทำไมคะ
หวงมากเหรอ เป็นโบรคอมเพลกซ์รึไง
แปลกๆนะเฮียยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account