แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง

"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!

แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน

นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา

ตอน: ตอนที่ 4 -50%


ตอนที่ 4 -50%



ทันทีที่ ปราชญ์ดา อัศวชยภัทร กลับถึงบ้าน

วธิดา อาสาววัยห้าสิบสองปีของปราชญ์ดา ปราณนท์ และธรรศ ก็รีบเดินออกมาหาพร้อมเอ่ยถาม

“ได้ข่าวว่าธรรศประสบอุบัติเหตุรถคว่ำหรือปั้น”

ปราชญ์ดายกมือไหว้อาสาวก่อนตอบคำถาม

“ครับคุณอาธิดา”

“แล้วตาธรรศเป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะ”

แม้เป็นคำถามปกติที่คนเป็นญาติสนิทควรถามไถ่เป็นห่วงกัน แต่คนฟังรู้ดีว่าวธิดาไม่ได้รักหรือเอ็นดูธรรศเท่าไรนัก ความอคติกับความเชื่อเรื่องงมงายเพราะคำพูดหมอดูที่ว่าธรรศมีผีตามสิงนั้นทำให้ทั้งคุณย่าและคุณอาต่างรังเกียจธรรศ คุณย่าทำดั่งว่าธรรศไม่ใช่หลาน ความเมตตาก็ต่างกับที่มอบให้เขา ปราณนท์ และเชรี ลูกสาวคนเดียวของวธิดา ปราชญ์ดาจึงอดมองใบหน้าสวยไม่สร่างตามวัยของคุณอาสาวอย่างประหลาดใจไม่ได้

แต่ปราชญ์ดาก็ไม่ได้ถามข้อสงสัยออกไป คิดเอาเองว่าอย่างไรธรรศก็เป็นหลานแท้ ๆ เป็นลูกชายคนเดียวของพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน ธรรศไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อน คุณอาอาจจะเริ่มห่วงธรรศขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ

“ตอนแรกก็น่าห่วงครับ แต่พอฟื้นขึ้นมาก็ดีขึ้นมาก พูดได้ กินข้าวได้ ไม่เจ็บหนักส่วนไหนเป็นพิเศษ”

“แล้วสาเหตุล่ะ ทำไมอยู่ ๆ รถถึงได้คว่ำได้” สีหน้าของวธิดาจริงจังเป็นพิเศษ

“ธรรศไม่ทันสังเกตว่าอะไรที่ทำให้รถคว่ำ เพราะพอต้าหลิงร้องโวยวาย รถก็เสียหลักแล้ว” ปราชญ์ดามุ่นคิ้ว ไม่มีใครหรือหลักฐานอะไรบอกได้เลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ มีเพียงต้าหลิงที่รู้เท่านั้น

“แต่ต้าหลิงยังงง ๆ เบลอ ๆ ยังตอบอะไรมากไม่ได้เลยครับ พูดไม่รู้เรื่องด้วย ตำรวจจะมาสอบถามต้าหลิงในอีกสองวัน”

‘มีผีตัดหน้ารถผมครับ! พี่ปั้น!! จริง ๆ นะครับ! ผมเห็นจริง ๆ ผีผู้หญิงน่ากลัวมากเลย’

ต้าหลิงเอาแต่โวยวายไม่รู้เรื่อง ตำรวจยังหนักใจเลย เพราะต้าหลิงเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อาการเพ้อของต้าหลิงนั้นปราชญ์ดาไม่อยากให้ธรรศได้เห็นได้ยิน น้องชายมีปมจากคุณย่าเรื่องผีติดตัวมาตั้งแต่เกิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่อยากเพิ่มเรื่องให้ธรรศกังวลมากขึ้นอีก เวลาธรรศถามหาต้าหลิง ปราชญ์ดาได้แต่พาธรรศไปเยี่ยมในจังหวะต้าหลิงหลับเท่านั้น

เรื่องผีอะไรนั่น ปราชญ์ดาไม่คิดจะเล่าให้อาสาวฟังด้วย กลัวเรื่องผีจะบานปลายไปใหญ่

พอปราชญ์ดาเล่าอาการต้าหลิงจบพลันสังเกตเห็นท่าทางอาสาวเครียด ๆ ท่าทางจะเป็นห่วงน้องชายมากจึงแกล้งหยอกไปว่า

“ธรรศคงจะดีใจถ้าธรรศรู้ว่าคุณอาห่วงเขามาก ขนาดที่คุณอาธิดามารอถามข่าวจากผมอย่างนี้”

ปกติแล้วคุณอาวธิดาไม่เคยสนใจเรื่องธรรศ เมื่อก่อนสมัยเด็ก ๆ คุณอากับคุณย่าไม่คุยกับธรรศเลย พอธรรศย้ายออกจากบ้านไป พวกท่านก็ไม่มีพูดถึงอะไรอีก ราวกับไม่เคยมีหลานชื่อ ธรรศ มาก่อน

กระทั่งธรรศเริ่มโด่งดังและทำประโยชน์ให้บริษัทได้บ้าง คุณอาจึงยอมติดต่อธรรศบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ใช่กับคุณย่า คุณย่ายังคงปักใจเชื่อว่าธรรศเป็นตัวซวยที่ทำให้ท่านเสียลูกชายคนกลางที่รักมากที่สุดไป

ทุกวันนี้ คุณอาสาวผู้เป็นหม้ายลูกติดก็เอาแต่ห่วงเรื่องงาน กับเรื่องของ เชรี ลูกสาววัยยี่สิบปีคนเดียวซึ่งยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย

แต่วันนี้คือการมารอถามเรื่องธรรศกับเขาเป็นเรื่องประหลาด วันรุ่งขึ้นก็ต้องเจอเขาที่บริษัทก็ได้ถามไถ่อยู่ดี ถ้าแค่อยากรู้ข่าวเฉย ๆ คุณอาคงไม่รีบร้อนมาดักถามกันแบบนี้หรอก

“แหม อาก็ยังเห็นตาธรรศเป็นหลานคนนึงอยู่นะ” วธิดาค้อนปะหลับประเหลือกใส่หลานชายที่ยิ้มล้อเธออยู่ “แล้วนี่ที่โรงพยาบาลมีนักข่าวไปเยอะไหม อาว่าจะเยี่ยมเสียหน่อย อาว่าจะพาเชรีไปด้วย”

“คุณอาอยากไปก็ไปเถอะครับ ธรรศจะได้มีกำลังใจหายไวขึ้น”

“หายไว ๆ ก็ดี ปั้นคงไม่ลืมนะว่าปลายเดือนจะมีงานเลี้ยงของบริษัท อาคิดจะให้ธรรศช่วยงานนี้ด้วย”

ปราชญ์ดาได้ยินแล้วยิ้มอ่อนพลางถอนหายใจ เมื่อได้คำตอบแล้วว่าทำไมคุณอาถึงได้สนใจอาการของธรรศนัก

ตั้งแต่ธรรศเป็นดาราโด่งดังระดับประเทศ คุณอาก็มักจะใช้ชื่อเสียงน้องชายมาโปรโมทกิจการครอบครัวอยู่บ่อย ๆ บ่อยครั้งท่านมักจะทำดีกับธรรศแค่ยามอยากเรียกใช้งาน พอไม่มีเรื่องอะไรก็วางตัวห่างเหินกับธรรศราวเป็นคนไม่รู้จักกัน

“มองอาแบบนั้นทำไม จะว่าอะไรอาอีกหรือ อาทำไปก็เพื่อสยาม อาร์ ที ที ของพวกเรานะ ยังไงธรรศก็โตมาได้เพราะข้าวบ้านนี้ ก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันบ้าง” วธิดาร้อนตัวกับสายตาระอาของหลานชายคนโต

“เราน่ะเป็นว่าที่ผู้บริหารต่อจากพี่ดล ก็ต้องหัดใช้สื่อสร้างแบรนด์บ้าง” เธอสอนงานหลานไปในตัว

ปราชญ์ดาในฐานะรองผู้บริหารต่อจากบิดาก็เห็นด้วยว่าควรสร้างชื่อให้คนเห็นและจำได้ การใช้สื่อโฆษณาก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เขาเชื่อมั่นในคุณภาพยางรถผลิตภัณฑ์ตัวเอง คนใช้ยางพึงพอใจต่างบอกต่อปากต่อปาก แต่เขาไม่อยากให้คุณอาคิดแบบนั้นกับน้องชายเลย ธรรศเองก็เต็มใจจะช่วยเหลืองานบริษัทอยู่แล้ว

แต่เขาก็ไม่อยากต่อความยาวกับคุณอาสาว เลือกจะตอบรับเพียงสั้น ๆ แล้วขอตัวไปอาบน้ำในห้องนอน

ลับหลังปราชญ์ดาเดินหายไปตรงบันไดบ้านแล้ว วธิดาก็ขมวดคิ้วเครียดกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินจากพี่สะใภ้หลังจากธรรศเข้ามาเยี่ยมบิดาของเธอเพียงหนึ่งวัน

วธิดาไปพบทิพวรรณโดยบังเอิญที่ร้านตัดเสื้อเจ้าประจำของครอบครัว เดี๋ยวปลายเดือนจะมีงานใหญ่ของสยาม อาร์ ที ที เพื่อเลี้ยงตอบแทนลูกค้าและผู้จัดจำหน่ายยางรถรายใหญ่ ๆ วธิดาจึงมาตัดชุดใหม่ไว้ใส่ในงาน ส่วนทิพวรรณเอาชุดมาแก้ขนาด เมื่อได้พบกันทิพวรรณไม่ลืมเล่าเรื่องธรรศให้เธอฟัง ทั้งคู่เลือกร้านกาแฟแถวร้านตัดเสื้อเป็นที่นั่งสนทนากัน

‘น้องธิดารู้ไหมคะเมื่อวานตาธรรศมาหาคุณพ่อ ไม่รู้คุยอะไรกันนานสองนาน’

‘ตาธรรศกลับมาจากฝรั่งเศสแล้วหรือคะ’ วธิดาไม่ค่อยสนใจหลานชายคนนี้สักเท่าไหร่อยู่แล้ว จะมาจะไปก็ไม่ได้จดจำ แต่ก็แปลกใจเพราะเคยนึกว่าธรรศจะไปใช้ชีวิตที่นู่นแล้วเสียอีก

‘ใช่ค่ะ นี่กลับมาปุ๊บก็มาหาคุณพ่อทันที แล้วก็มาหาคุณดลด้วยนะคะ คุณดลก็โน้มน้าวให้ตาธรรศไปช่วยงานที่สยาม อาร์ ที ที แต่ตาธรรศก็ไม่ยอมท่าเดียว’ ทิพวรรณถอนหายใจ

‘ปล่อยตาธรรศไปเถอะค่ะพี่ทิพย์ เห็นกันอยู่แล้วว่าชอบทำตัวแปลกแยกเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อและพี่ดลมาตลอด เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไป เดี๋ยวไปไหนไม่รอดก็คงปีกหักซมซานกลับมาของานทำล่ะมั้งคะ’

วธิดาจิบชาร้อนด้วยท่าทีสบายใจ ไม่ได้คิดร้อนใจว่าหลานคนไม่โปรดจะทำงานบริษัทครอบครัวหรือไม่ เพราะอย่างไรว่าที่ผู้บริหารก็ต้องเป็นของปราชญ์ดา หลานชายคนโตคนเก่งเท่านั้น ธรรศก็คงเป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้น ไม่มีความสำคัญอะไรเลย

‘พี่ว่าบางทีธรรศอาจจะกำลังปีกหักอยู่ก็ได้นะคะ’ การคาดคะเนของทิพวรรณทำให้คนฟังเงยหน้าจากถ้วยชาอย่างสงสัย ทิพวรรณไม่รอให้ถูกถามก็เล่าออกมาเอง ‘ก็หลังจากตาธรรศกลับไป คุณแม่ก็เดินมาเล่าให้พี่ฟังว่าคุณพ่อก็ตามทนายสุพจน์มาพบทันที ไม่รู้ว่าธรรศไปขออะไรคุณพ่อหรือเปล่าท่านถึงจะแก้พินัยกรรม’

‘แก้พินัยกรรมหรือคะ’ วธิดาขมวดคิ้วพร้อมทวนคำที่ได้ยิน และเห็นพี่สะใภ้พยักหน้าเครียดๆ

‘ปกติคุณพ่อก็ห่วงธรรศมากกว่าหลานคนอื่นอยู่แล้ว พี่บอกตรง ๆ นะพี่ก็สงสารธรรศมาตั้งแต่รู้จักกัน แต่ธรรศไม่เคยเข้ามาเรียนรู้งานเลย ไม่เคยสร้างผลงานอย่างน้องธิดา หรือตาปั้น ตาปิง นี่ขนาดคุณดลขอร้องให้ธรรศไปช่วยงานบ้าง ธรรศก็ไม่เอา แต่อย่างว่านะงานวงการบันเทิง ถ่ายแบบ แค่ยืนแป๊บ ๆ ก็ได้เงินมากมายคงทำให้ธรรศเหลิง พอปีกหักตกอับ เงินคงขาดมือล่ะมั้ง … นี่ไม่รู้ไปขออะไรคุณพ่อ พี่ว่าคงไม่พ้นเงินทอง …’

วธิดาแทบไม่ได้ฟังว่าพี่สะใภ้พล่ามยาวอะไรบ้าง ใจของเธอเอาแต่คิดถึงคำพูดมารดา ความกลัวที่ได้ยินจากหมอดูว่าหลานชายเกิดมาพร้อมผีสิง ย่อมนำพาความหายนะมาสู่ครอบครัว วธิดาอาจเคยสงสัยว่าเธองมงายไปเองหรือเปล่า จนแม่ของเธอ หรือคุณย่าของธรรศเล่าว่าช่วงธรรศเกิด บริษัทยางของครอบครัวพบวิกฤติหนัก มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นจนเสียลูกค้ารายใหญ่ โรงงานก็ไฟไหม้วอดวาย

ยิ่งรวมกับเรื่องวธิดาเป็นน้องสาวที่รักและหวงพี่ชายคนกลางมาก เธอทำใจแทบแย่ตอนรู้ว่าพี่ชายมีคนรัก ปันความรักน้องไปให้ผู้หญิงอื่น ตั้งแต่ธนวิทย์แต่งงานก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เธออย่างเคย แล้วพี่สะใภ้คนกลางยังให้กำเนิดลูกที่มีผีสิงมาอีก จนสุดท้ายก็พรากพี่ชายที่รักไปตลอดกาล วธิดาจึงเชื่อว่าธรรศเป็นตัวนำความฉิบหายมาให้ครอบครัว

หนึ่งในคณะผู้บริหารบริษัทอย่างเธอจะไม่ยอมให้ธรรศเข้ามาสร้างความซวยให้ครอบครัวและธุรกิจอีก

ความคิดชั่วร้าย ที่คนเป็นอาไม่ควรมีต่อหลานร่วมสายเลือดผุดขึ้นในใจ

“ทำไมไม่ออกไปจากชีวิตฉันสักทีนะ!” วธิดากัดฟันกรอด ๆ ก่อนจะตวัดตาโกรธเกรี้ยวไปมองภาพครอบครัวบนผนัง ในภาพนั้นยังมี ธนวิทย์ พี่ชายคนกลางซึ่งอุ้มธรรศวัยสองขวบไว้ด้วย



เกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่รวินท์รดายังทำงานอยู่ในออฟฟิศเพียงคนเดียว ดนุวัศขับรถพาเธอกลับมาส่งที่บริษัทตอนเย็น ๆ แม้บอสจะบอกให้กลับบ้านเลยหากงานของเธอยังไม่เสร็จ จึงขอเคลียร์งานก่อน

ครีเอทีฟโฆษณาสาวทำงานไปใจก็คิดไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสร้อยทับทิมที่หายไป เพราะคิดวนหลายรอบยังมั่นใจว่าไม่ได้ทำหล่นข้างนอกแน่ ๆ หลังประชุมบ่ายวันนั้นเธอยังจับเล่นอยู่เลย พอชนกับธรรศ สร้อยข้อมือก็หายไปแล้ว แต่ทำไมถึงหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอนะ รวินท์รดาไม่อยากตัดใจจึงปิดคอมพิวเตอร์ เก็บกระเป๋า ลุกเดินไปยังแถวจุดเกิดเหตุอีกครั้งก่อนกลับบ้าน

ท่ามกลางไฟสลัว ๆ ที่เปิดทิ้งไว้ตามทางเดินเป็นระยะ พอให้ออฟฟิศไม่มืด

รวินท์รดาคุกเข่าตรงทางเดินจุดที่ชนกับธรรศหลายวันก่อน ริมทางเดินด้านหนึ่งเป็นผนังกระจกขุ่นของห้องประชุม ส่วนอีกด้านนั้นเป็นผนังทางเดินยาว ๆ มีตู้หนังสือไม้สูงจรดเพดาน วางหนังสือแมกกาซีน และหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบโฆษณาต่าง ๆ ให้พนักงานมาหยิบไปอ่านได้ตลอด

ถัดจากขอบตู้หนังสือก็ถูกปล่อยให้ผนังว่าง ๆ แขวนกรอบรูปสวย ๆ ประดับ ถัดไปอีกก่อนถึงทางเลี้ยวออกไปหน้าบริทนั้นห้องเก็บของ ประตูห้องน้ำชาย และห้องน้ำหญิง ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำคือประตูห้องแพนทรี่เล็ก ๆ สำหรับแม่บ้านเตรียมเครื่องดื่มรับรองลูกค้า

หญิงสาวลองมองตามพื้น ริมทางเดินไม่มีร่อง หรือหลืบที่สร้อยข้อมือจะไปซุกแอบได้เลย เธอสงสัยว่าหลังจากชนกับธรรศอาจจะมีคนเดินเข้ามาจากทางหน้าบริษัทแล้วเก็บสร้อยเธอไปหรือเปล่า เหตุการณ์คงรวดเร็วมากเพราะเธอรู้สึกตัวไวมาก รีบวิ่งกลับมาหา สร้อยก็หายไปแล้ว รวินท์รดาไม่อยากสงสัยคนในบริษัทเธอเลย!




หลังจากหาอยู่พักใหญ่ เธอจำต้องตัดใจเลิกหา หากเสียงกดชักโครกในห้องน้ำหญิงทำให้รวินท์รดาชะงัก เธอหันไปมองประตูห้องน้ำหญิงที่ปิดสนิท ในใจก็สงสัยว่ายังมีคนทำงานดึกดื่นไม่กลับบ้านอีกหรือ รวินท์รดาทำใจกล้าเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู ก่อนจะหลับตาแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพราะประตูห้องน้ำสี่ห้องเปิดค้างไว้ทุกบาน และในห้องน้ำก็เงียบสนิท

รวินท์รดาอยากมั่นใจจึงเดินส่องทุกห้อง จริงดังคาด เธอไม่พบใครสักคนอยู่เลย เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเธอเจอผีหลอกเข้าให้แล้ว

แต่รวินท์รดาก็ไม่ได้กลัวผี เธออาจจะไม่ชินบ้าง ตั้งแต่สวมสร้อยข้อมือล้อมทับทิมโบราณลงอาคมจากหลวงลุง เธอก็ไม่ค่อยได้เจอภูติผีวิญญาณเท่าไหร่ กระทั่งสร้อยข้อมือหล่นหายไปนี่ล่ะ เธอก็เจออะไรแปลก ๆ เรื่อยมา

รวินท์รดาเดินออกจากห้องน้ำอย่างไม่สนใจแล้วว่าจะมีผีหรือไม่ หญิงสาวเดินผ่านผนังกระจกฝ้าห้องประชุมช้า ๆ พลันปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดสื้อลูกไม้กับกระโปรงผ้านุ่งสีชมพูอ่อน ที่มองตามร่างรวินท์รดาไปด้วยแววตาเศร้าหมอง รวินท์รดารู้สึกแปลก ๆ เลยหันไปมองกระจกแต่ก็ไม่พบอะไร เพราะร่างของหญิงสาวปริศนาก็หายไปแล้ว

เมื่อไม่มีอะไร รวินท์รดาก็เลิกสนใจ เดินออกจากออฟฟิศ ขี่เวสป้าสีแดงคู่ใจกลับคอนโด และเมื่อเธอถึงห้องพักก็ต้องแปลกใจกับเจ้าดาร์ลิ้ง แมวเปอร์เซียสีขาวที่นั่งนิ่ง ๆ กับพื้น เอาแต่เงยหน้าจ้องโซฟาเปล่า ๆ รวินท์รดาอุ้มเจ้าดาร์ลิ้งก่อนทิ้งตัวนั่งบนโซฟา เอาแต่ถามเจ้าเหมียวว่าเป็นอะไร

โดยไม่เห็นว่าบนโซฟาข้าง ๆ เธอนั้น ธรรศกำลังนั่งมองเธออยู่



ธรรศมองเจ้าของห้องสาวเกาคอแมวขนฟู เธอไม่ได้รับรู้เลยว่าเขาบุกมาหาเธออีกแล้ว

เขาไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงมาหาหญิงสาวอีกแล้ว ท่าทางจะมาแบบไร้กายหยาบด้วยสิ นายแบบหนุ่มจำได้ว่า หลังจากกินยาจากพยาบาลเสร็จ ความง่วงเริ่มทำงานจนธรรศผลอยหลับไป พอรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตัวเองมายืนอยู่ในห้องพักของรวินท์รดา … เป็นครั้งที่สอง

ธรรศสงสัยแต่ไม่รู้คำตอบอะไรเลย กระทั่งเจ้าแมวขนฟูมาร้องเหมียว ๆ เรียกเขา เป็นจังหวะเดียวกับรวินท์รดากลับมาพอดี พอได้มองเธอนั่งข้าง ๆ เล่นกับแมวด้วยรอยยิ้มสดใส เขาเผลอมองจนลืมไปเลยว่า … ตัวเองไม่ควรสบายใจนั่งยิ้มให้หญิงสาวอยู่แบบนี้!


โปรดติดตามตอนต่อไป





นำนิยายมาส่งต่อค่า

พี่ธรรศแอบเข้าห้องสาวอีกแล้ว เมื่อไหร่บัวจะรู้ตัวน้า ^^



คุณแว่นใส - ทำไมพี่ปั้นถึงตามติดชีวิตน้องชายนี่ต้องอ่านต่อไปก่อนนะคะ ^^

คุ๕ณ Zephyr - เฮียยังแปลกได้อีกค่ะ ยังมีอะไรแปลก ๆ อีกเยอะ ฮ่า ๆ



ขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกคนค่า
แล้วพบกันใหม่นะคะ
^^



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2559, 23:14:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2559, 23:18:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1144





<< ตอนที่ 3 -100%    ตอนที่ 4 – 100% >>
Zephyr 23 ต.ค. 2559, 00:11:09 น.
ทำไมหลับละวิญญาณหลุดอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account