คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์
ตอน: บทที่ 12 The Chariot
The Chariot
ในความรักคือการต่อสู้
บางครั้งเราต่อสู้กับคนรัก บางครั้งเรา...ต่อสู้กับหัวใจตัวเอง
...Kiss me in the blue moon...
Till the sun light for the noon
Hug me like I belong to you...
Coz I still love you...in the blue moon...
ชนิศาปิดสมุดเล่มเล็กเก็บใส่กระเป๋าพลางถอนใจเบา ๆ เมื่อเดินไปตามทางเดินที่เคยคุ้น
ผู้คนยังคงพลุกพล่าน เสียงประกาศเรียกผู้ป่วยดังเป็นระยะจากห้องยาที่เธอเคยเดินผ่านจนคุ้นชิน เสียงอื้ออึงของผู้คนรอบด้านฟังไม่ได้ศัพท์บอกความวุ่นวายในยามเช้าของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
ชนิศามองรอบตัวเพื่อซึมซับบรรยากาศที่เลือนหายไปกว่าปีเต็ม เมื่อเธอไปเรียนต่อจึงไม่ได้เดินทางมาที่นี่ค่อนข้างนาน การได้ลากลับมาเพื่อเซ็นสัญญาต่อทุนเรียนต่อจึงนำความคิดถึงบางอย่างให้หวนกลับมาในความรู้สึก
"หมอเชรี..." เสียงทักทายจากพยาบาลสาวที่เดินผ่านทำให้เธอชะงักมองก่อนคลี่ยิ้มตอบ "กลับมาเมื่อไรคะ"
"เพิ่งมาวันนี้ล่ะค่ะ...มาเซ็นสัญญาต่อทุน"
พยาบาลสาวมองอย่างเสียดาย "อ้าว...นึกว่าเรียนจบแล้ว"
"อีก 4 ปีเลยค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ
"โหย...นานจัง คิดถึงแย่เลย"
"คิดถึงก็แวะไปเยี่ยมกันได้ค่ะ ถ้าไปแถวนั้นก็โทร.หาเชรีนะคะ" เธอคลี่ยิ้มหวาน ก่อนเอ่ยลาแล้วเดินจากมา
จุดหมายของวันนี้คือห้องฝ่ายนิติกรของโรงพยาบาล ที่นี่ทำสัญญาให้ทุนเรียนต่อเป็นรายปี เธอจึงต้องกลับมาเซ็นสัญญาทุกปี
หญิงสาวเซ็นชื่อต่อหน้านิติกร ก่อนส่งเอกสารให้เขาตรวจสอบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ร่างบางจึงเดินออกจากห้อง
ทางเดินกว้างในส่วนของเส้นทางที่ไปห้องนิติกรเป็นส่วนของภาควิชาพยาธิวิทยาและธนาคารเลือด ชนิศาก้าวเท้าไปอย่างเชื่องช้า อดไม่ได้ที่จะทอดสายตามองโซฟาหนังหน้าห้องตรวจชิ้นเนื้อที่เธอเคยนั่งรอใครบางคนเมื่อปีก่อน
เธอไม่ได้ตั้งใจจะรอ ไม่ได้คิดว่าเขาจะเปิดประตูออกมาด้วยซ้ำ
ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกับกางเกงสีเข้มเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจชิ้นเนื้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อหันมาเห็นเธอ
ดวงตาใต้แว่นกรอบใหญ่สบตาเธอนิ่ง แววตาบางอย่างที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์ทำให้เธอยากจะแปลความหมาย มีเพียงอาการชะงักไปของลมหายใจเธอ และความรู้สึกหัวหมุนคว้างราวโลกหยุดหมุนเท่านั้นที่ชนิศารับรู้
นานเท่าไรไม่รู้ กว่าเธอจะพบลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวจึงละสายตาจากชายหนุ่ม โคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งทักทายก่อนจะเดินออกมาเงียบ ๆ
เสี้ยวหนึ่งของวินาที สายตาเธอตวัดผ่านมือซ้ายของคนที่ยังแตะลูกบิดประตู เพื่อจะสะท้านใจกับประกายของแหวนวงหนึ่งบนนิ้วนาง
หญิงสาวขบริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงความเจ็บบาง ๆ ที่เรียกสติเธอคืนกลับมา
ประโยชน์อะไรที่เขายังคงใส่แหวนวงนั้น เมื่อเขาไม่คิดจะดูแลเจ้าของแหวนอย่างเธอแม้แต่น้อย
"อา...เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วเชรี" หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ในคอ เมื่อยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเพื่อปลอบโยน "แน่ใจได้ยังไงว่านั่นแหวนเธอ"
ร่างบอบบางก้าวไปตามสะพานที่ข้ามจากโรงพยาบาลไปยังร้านกาแฟที่อยู่อีกฝั่งถนน ท่าทางเหม่อลอยราวจะลอยได้ของเธอทำให้คนที่เดินผ่านอดมองอย่างประหลาดใจไม่ได้
หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ มุมร้านที่เธอคุ้นเคย ก่อนหยิบโทรศัพท์มากดเล่น
Taechit : ไง...
Che'rie : คะ
Taechit : คิดถึง
หญิงสาวอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะนิ่งงันไปเมื่อเขาส่งภาพตัวเองกลับมาให้ เพราะชายหนุ่มอยู่ในชุดคนป่วย ยกมือชูสองนิ้วแล้วยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนเพลีย
Che'rie : เป็นอะไรคะ
Che'rie : โดนผู้หญิงตบแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยเหรอ
Taechit : มันใช่ไหม...นิสัยไม่ดี
Taechit : ผ่าถุงน้ำดี
Che'rie : เมื่อไรคะ
Taechit : อาทิตย์ก่อน
ชนิศานิ่งไปนาน เธอมัวแต่วุ่นวายกับงานและเรื่องมากมายในใจจนไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
เขาไป ๆ มา ๆ ติดต่อบ้าง หายไปบ้างเป็นเรื่องปกติจนเธอไม่เคยสนใจใคร่รู้ความเป็นไป
แต่เมื่อไรที่เขาเดินมา ชนิศาไม่เคยหายไปไหน
Che'rie : นี่ยังอยู่โรงพยาบาลป่ะคะ
Taechit : กลับแล้ว ไม่ต้องมาเยี่ยมนะ เดี๋ยวพยาบาลพิเศษของพี่จะเข้าใจผิด
ชนิศากลอกตาอย่างอ่อนใจ
Che'rie : พยาบาลพิเศษที่ไหนคะ
Taechit : เดนท์รังสีที่ทำอัลตราซาวด์ให้
Che'rie : นี่คือ...ขนาดป่วยก็ยังล่อลวงสาวได้
Taechit : ไม่ได้ล่อลวง...คุย ๆ กันแล้วถูกคอเฉย ๆ
Taechit : เพิ่งได้ผลพาโถ
เขาส่งภาพรายงานผลชิ้นเนื้อมาให้
Chronic cholecystitis with intestinal metaplasia
Taechit : นี่มันแปลว่าอะไรน่ะ
ชนิศาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ คนเป็นศัลยแพทย์ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอ่านชิ้นเนื้ออย่างเธอจะให้คำตอบใดได้
Che'rie : แล้วอาจารย์ว่าไงล่ะคะ
Taechit : ไม่รู้ บอกแต่ว่าไม่มีอะไร ไปเชคกับพาโถให้หน่อยสิ
นี่ไม่ใช่การอ้อน แต่เตชิตตั้งใจบีบให้เธอไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น
ฐานะอย่างเตชิต เพียงโทร.ไปสอบถามอาจารย์ภาคพยาธิวิทยาย่อมได้คำตอบที่กระจ่างกว่าให้เธอหาให้ แต่เขากลับให้เธอหาคำตอบ
นั้นไม่ใช่การบีบให้เธอต้องติดต่อพยาธิแพทย์เพียงคนเดียวที่เธอเคยคุ้นหรอกหรือ
Taechit : แต่ถ้าลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะ
ชนิศากัดริมฝีปากนิ่ง นาน ก่อนถอนใจเบา ๆ
Che'rie : เฮียกลายเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ
Taechit : เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอ ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องเผชิญหน้าและเข้าใจมันเสียก่อน ไม่ใช่วิ่งหนี
นี่คงเป็นการล้างแค้นที่เธอเป็นแม่มดใจร้ายกับเขามาตลอด ทุกครั้งที่เตชิตเดินเข้ามาบอกเธอว่าเหนื่อย หรือมีปัญหาวุ่นวายเรื่องชีวิตรักและงาน ชนิศาจะรับฟัง แล้วผลักเขาไปเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขปัญหานั้นเสมอ
วันนี้เขาเดิมพันความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา ผลักเธอให้เดินกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยวิ่งหนีอีกครั้ง
Che'rie : นิสัยไม่ดี
Che'rie : โทรไปถามพาโถที่นั่นเองเถอะค่ะ
เธอปิดหน้าจอสนทนา แล้วเปิดเว็บเบราเซอร์เพื่อหาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอ่านมากแค่ไหนก็ไม่เข้าใจง่ายเท่าคำยืนยันจากปากผู้เชี่ยวชาญ
ชนิศานั่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ เมื่อประตูร้านกาแฟถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามา
เงาร่างสูงที่ทอดลงบนโต๊ะทำให้เธอเงยหน้ามอง สายตาคู่คมที่สบประสานกันช่วงชิงลมหายใจของเธอไปอีกครั้ง
เขาวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะข้าง ๆ เธอ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งเยื้องกับเธอ
ความเงียบโรยตัวอยู่นาน ชนิศาไม่กล้าลุกทั้งที่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอรังเกียจจนไม่สามารถจะมองหน้าเขาได้
การจากลาที่เปลี่ยนเป็นคนไม่รู้จักเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไป โดยเฉพาะเมื่อปีก่อนเธอยังเดินจับมือเขาอย่างใกล้ชิด
หญิงสาวกัดริมฝีปากบางอย่างอึดอัดใจ แล้วตัดสินใจเอ่ยเสียงเบา
"Intestinal metaplasia of gallbladder นี่...ไม่ใช่มาลิกแนนซี่ใช่ไหมคะ" เธอถามถึงผลชิ้นเนื้อของเตชิต เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เนื้อร้าย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เมื่อเธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่พยายามควบคุมให้ดูสงบ
"ไม่ใช่..." เขาเอ่ยตอบแล้วอธิบายต่อช้า ๆ เพื่อให้เธอเข้าใจลักษณะที่เห็นจากกล้องตรวจชิ้นเนื้อ
ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ นั่งฟังอย่างตั้งใจเหมือนวันที่เธอเคยนั่งตรงข้ามเขา ห้มหน้ามองกล้องที่เขาค่อย ๆ ชี้ภาพการเรียงตัวของเซลล์และสอนเธออ่านอย่างใจเย็น
เมื่อเขาอธิบายจบ ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มยกถ้วยกาแฟมากุมไว้ในสองมือ เธอจึงได้เห็นว่าแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาเป็นสีเงินของทองคำขาวที่สลักตัวอักษรหวัดสวยว่า My Witch
ขณะที่แหวนในกล่องที่หัวเตียงเธอสลักคำ Your Wizard
"มาทำอะไรที่นี่" เขาเอ่ยถามขึ้นในที่สุด
"เซ็นสัญญาต่อทุนค่ะ"
"ขึ้นปีสองแล้วสิ...เหนื่อยไหม" เสียงเรียบนั้นราวไร้ความรู้สึก
ชนิศาถอนใจเบา ๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า "ถ้าเชรีบอกว่าเหนื่อยมาก...พี่จะกอดแล้วปลอบเชรีเหรอคะ"
"ถ้าไม่...ก็ปล่อยเชรีไว้ในที่ของเชรีเถอะค่ะ"
แววตาที่มองเธอปรากฏเงาวูบของอารมณ์ที่ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มกึ่งหยัน
หญิงสาวลุกขึ้นยืนช้า ๆ โคลงศีรษะให้เขาเบา ๆ "ขอบคุณมากนะคะ...ลาก่อนค่ะ"
เธอคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้านมาเงียบ ๆ น่าเสียดายที่วันนี้เธอไม่ได้พกแหวนวงนั้นมาจึงไม่มีโอกาสได้คืนเขา
วูบหนึ่งในหัวใจหญิงสาวยังคงไม่มั่นใจ บางทีที่เธอรีบร้อนจากมา อาจเพราะกลัวว่าเขาจะถอดแหวนวงนั้นคืนให้เธอ
...Hug me like I belong to you...
I wanna kiss you...in the blue moon.
ในห้วงความคิดของหญิงสาวย้อนกลับไปในวันเก่าอีกครั้ง ในวันที่เธอมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจราวตรงหน้าคือคนไม่รู้จัก
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาส่งเอกสารตอบรับทุนวิจัยจากศูนย์วิจัยในออสเตรียให้เธอดู แล้วบอกว่า
'พี่ไปออสเตรียดีไหม'
เธออ่านคร่าว ๆ ก่อนคลี่ยิ้มบาง รู้ดีว่านี่คือความฝันของเขา
'ดีค่ะ...เชรีดีใจด้วยนะคะ'
รอยยิ้มของพ่อมดตรงหน้าเธอกลับจางลงอย่างรวดเร็ว แววตาอ่อนโยนของเขาเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
'เธอไม่เคยเข้าใจพี่เลยสินะ'
ชนิศากระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง เมื่อเขาดึงเอกสารในมือเธอกลับคืน ลุกจากที่นั่งแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เหตุเกิดจากวันนั้น ก่อนจะกลายเป็นสงครามเย็นที่เขาเย็นชาต่อเธอ
ชนิศาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งตามใคร เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่เคยบอกรักและให้สัญญาจะเคียงข้างเธอเย็นชาและเมินเฉยราวคนแปลกหน้า
'พี่จะไปไหน หรือทำอะไร เชรีก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วนี่' เขาเหยียดยิ้มเอ่ยอย่างเย็นชาเมื่อเธอเอ่ยถามถึงเรื่องทุนวิจัยอีกครั้ง
หญิงสาวเอียงคออย่างงุนงง 'เชรีไม่เข้าใจค่ะ พี่โกรธอะไรเชรีก็พูดมาตรง ๆ ดีกว่า เชรีไม่ชอบนั่งเดาใจใคร'
'คนรักกันก็ควรจะเข้าใจกันได้แม้ไม่ต้องพูดนะ' เขาแค่นเสียงในคออย่างไม่พอใจ
ชนิศาส่ายหน้าช้า ๆ 'ไม่มีใครอ่านใจใครออกหรอกค่ะ ถ้าพี่ไม่พูด เชรีก็ไม่มีวันรู้'
'เพราะแบบนี้ไง...พี่ถึงสงสัยนักว่าเธอรักพี่จริงหรือเปล่า'
'นี่พี่ไม่รู้จริง ๆ หรือแค่ประชดเชรีคะ' เธอมองหน้าเขานิ่ง ผู้หญิงร้ายกาจที่ไม่เคยใส่ใจใครอย่างเธอกลับมานั่งใจเย็นและพยายามเข้าใจเขา หากไม่ใช่เพราะรักแล้วเธอเป็นบ้าอะไรล่ะ
'พี่จะไปเป็นปี เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง'
ชนิศานิ่งไปราวใครมาชกหน้า ก่อนจะถอนใจเบา ๆ 'รู้สึกสิคะ...แต่ถ้ามันเป็นความฝันของพี่ เป็นอนาคตของพี่ เชรีย่อมต้องสนับสนุน'
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรั้งคนรักไว้อย่างเห็นแก่ตัว เมื่อเธอไม่เคยยอมให้เขาเข้ามายับยั้งความฝันในการเป็นศัลยแพทย์ของเธอ เธอก็ไม่ยอมเป็นตัวถ่วงความฝันของเขาเช่นกัน
ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ ก่อนมองหน้าเธออย่างเย็นชา
'หยุดพูดให้ดูดีเถอะเชรี พี่เหนื่อยจะคุยกับเธอแล้ว'
เธอและเขาเมินเฉยต่อกันนานจนชนิศามาเรียนต่อ แล้ววันหนึ่งคำว่าคนรักที่ไม่ใช่คนรักก็ทำให้เธอหมดความอดทน
หญิงสาวนัดพบเขาในเย็นวันหนึ่ง เพื่อจะส่งแหวนคืนให้พร้อมคำพูดสั้น ๆ
'เชรีว่า...เราจบกันเท่านี้เถอะค่ะ'
เขานิ่งมองเพียงครู่ ก็เลื่อนแหวนบนโต๊ะมาตรงหน้าเธอ คลี่ยิ้มเย็นชามองแล้วบอกเสียงเรียบ
'ถ้าพี่ยอมรับมัน เธอก็จะหายไปจากชีวิตพี่ทันทีใช่ไหม'
เธอไม่ได้ตอบ และเขาก็ไม่คิดรอฟัง
ร่างสูงลุกขึ้นยืน วางมือเท้าโต๊ะกึ่งคร่อมอยู่เหนือตัวเธอ เอ่ยคำอย่างร้ายกาจ 'เลิกทำตัวบั่นทอนกันเสียทีเถอะเชรี...ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน'
แล้วเขาก็หายไปจากชีวิตเธอ ตัดทุกการติดต่อ ขณะที่ชนิศาเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินไปสมัครเรียนเปียโน
ยิ่งเขาต่อว่าเธอร้ายกาจเท่าไร เธอจะทำตัวเองให้ดีงามเท่านั้น
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะคิดอย่างไร เธอสนใจแค่ว่าเธอจะต้องดีงามและมีความสุขแม้วันที่ไม่มีเขา
เธอเหนื่อยมาพอแล้วกับการพยายามเข้าใจผู้ชายที่ต้องการความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ไม่เคยคิดจะมอบความรักเช่นนั้นตอบกลับมาให้เธอ
ชนิศากัดริมฝีปากบาง เหยียดยิ้มบางอย่างเย็นชา
เถอะ...เขาจะไม่ปล่อยเธอก็ไม่เป็นไร
รอก่อนนะ...จนกว่าวันที่เธอจะบินเองได้
"เชรีจะเป็นผู้หญิงที่ดีงาม...จนพี่ไม่คู่ควรต่อการได้สัญญานั้นเอง..."
----
เชรีของเรา นอกจากจะนิสัยเสียแล้ว ยังร้ายกาจ เจ้าคิดเจ้าแค้นอีกด้วยนะคะ
บางทีไอซ์ก็ไม่แน่ใจ ว่าจะเป็นห่วงใครดี ระหว่างพี่กานต์ เขาคนนั้น หรือเชรี
คุณคิมหันตุ์ เชรีนางร้ายขี้นทุกวันเลยค่ะ
คุณ sai พี่ชายไม่ยั่งยืนหรอกค่ะ นางแค่อยากมีอะไรยึดเหนี่ยว
คุณ Zephyr เชรีเป็นพวกหัวดื้อค่ะ แถมย้ำคิดย้ำทำอีกต่างหาก
ในความรักคือการต่อสู้
บางครั้งเราต่อสู้กับคนรัก บางครั้งเรา...ต่อสู้กับหัวใจตัวเอง
...Kiss me in the blue moon...
Till the sun light for the noon
Hug me like I belong to you...
Coz I still love you...in the blue moon...
ชนิศาปิดสมุดเล่มเล็กเก็บใส่กระเป๋าพลางถอนใจเบา ๆ เมื่อเดินไปตามทางเดินที่เคยคุ้น
ผู้คนยังคงพลุกพล่าน เสียงประกาศเรียกผู้ป่วยดังเป็นระยะจากห้องยาที่เธอเคยเดินผ่านจนคุ้นชิน เสียงอื้ออึงของผู้คนรอบด้านฟังไม่ได้ศัพท์บอกความวุ่นวายในยามเช้าของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
ชนิศามองรอบตัวเพื่อซึมซับบรรยากาศที่เลือนหายไปกว่าปีเต็ม เมื่อเธอไปเรียนต่อจึงไม่ได้เดินทางมาที่นี่ค่อนข้างนาน การได้ลากลับมาเพื่อเซ็นสัญญาต่อทุนเรียนต่อจึงนำความคิดถึงบางอย่างให้หวนกลับมาในความรู้สึก
"หมอเชรี..." เสียงทักทายจากพยาบาลสาวที่เดินผ่านทำให้เธอชะงักมองก่อนคลี่ยิ้มตอบ "กลับมาเมื่อไรคะ"
"เพิ่งมาวันนี้ล่ะค่ะ...มาเซ็นสัญญาต่อทุน"
พยาบาลสาวมองอย่างเสียดาย "อ้าว...นึกว่าเรียนจบแล้ว"
"อีก 4 ปีเลยค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ
"โหย...นานจัง คิดถึงแย่เลย"
"คิดถึงก็แวะไปเยี่ยมกันได้ค่ะ ถ้าไปแถวนั้นก็โทร.หาเชรีนะคะ" เธอคลี่ยิ้มหวาน ก่อนเอ่ยลาแล้วเดินจากมา
จุดหมายของวันนี้คือห้องฝ่ายนิติกรของโรงพยาบาล ที่นี่ทำสัญญาให้ทุนเรียนต่อเป็นรายปี เธอจึงต้องกลับมาเซ็นสัญญาทุกปี
หญิงสาวเซ็นชื่อต่อหน้านิติกร ก่อนส่งเอกสารให้เขาตรวจสอบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ร่างบางจึงเดินออกจากห้อง
ทางเดินกว้างในส่วนของเส้นทางที่ไปห้องนิติกรเป็นส่วนของภาควิชาพยาธิวิทยาและธนาคารเลือด ชนิศาก้าวเท้าไปอย่างเชื่องช้า อดไม่ได้ที่จะทอดสายตามองโซฟาหนังหน้าห้องตรวจชิ้นเนื้อที่เธอเคยนั่งรอใครบางคนเมื่อปีก่อน
เธอไม่ได้ตั้งใจจะรอ ไม่ได้คิดว่าเขาจะเปิดประตูออกมาด้วยซ้ำ
ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกับกางเกงสีเข้มเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจชิ้นเนื้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อหันมาเห็นเธอ
ดวงตาใต้แว่นกรอบใหญ่สบตาเธอนิ่ง แววตาบางอย่างที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์ทำให้เธอยากจะแปลความหมาย มีเพียงอาการชะงักไปของลมหายใจเธอ และความรู้สึกหัวหมุนคว้างราวโลกหยุดหมุนเท่านั้นที่ชนิศารับรู้
นานเท่าไรไม่รู้ กว่าเธอจะพบลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวจึงละสายตาจากชายหนุ่ม โคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งทักทายก่อนจะเดินออกมาเงียบ ๆ
เสี้ยวหนึ่งของวินาที สายตาเธอตวัดผ่านมือซ้ายของคนที่ยังแตะลูกบิดประตู เพื่อจะสะท้านใจกับประกายของแหวนวงหนึ่งบนนิ้วนาง
หญิงสาวขบริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงความเจ็บบาง ๆ ที่เรียกสติเธอคืนกลับมา
ประโยชน์อะไรที่เขายังคงใส่แหวนวงนั้น เมื่อเขาไม่คิดจะดูแลเจ้าของแหวนอย่างเธอแม้แต่น้อย
"อา...เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วเชรี" หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ในคอ เมื่อยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเพื่อปลอบโยน "แน่ใจได้ยังไงว่านั่นแหวนเธอ"
ร่างบอบบางก้าวไปตามสะพานที่ข้ามจากโรงพยาบาลไปยังร้านกาแฟที่อยู่อีกฝั่งถนน ท่าทางเหม่อลอยราวจะลอยได้ของเธอทำให้คนที่เดินผ่านอดมองอย่างประหลาดใจไม่ได้
หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ มุมร้านที่เธอคุ้นเคย ก่อนหยิบโทรศัพท์มากดเล่น
Taechit : ไง...
Che'rie : คะ
Taechit : คิดถึง
หญิงสาวอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะนิ่งงันไปเมื่อเขาส่งภาพตัวเองกลับมาให้ เพราะชายหนุ่มอยู่ในชุดคนป่วย ยกมือชูสองนิ้วแล้วยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนเพลีย
Che'rie : เป็นอะไรคะ
Che'rie : โดนผู้หญิงตบแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยเหรอ
Taechit : มันใช่ไหม...นิสัยไม่ดี
Taechit : ผ่าถุงน้ำดี
Che'rie : เมื่อไรคะ
Taechit : อาทิตย์ก่อน
ชนิศานิ่งไปนาน เธอมัวแต่วุ่นวายกับงานและเรื่องมากมายในใจจนไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
เขาไป ๆ มา ๆ ติดต่อบ้าง หายไปบ้างเป็นเรื่องปกติจนเธอไม่เคยสนใจใคร่รู้ความเป็นไป
แต่เมื่อไรที่เขาเดินมา ชนิศาไม่เคยหายไปไหน
Che'rie : นี่ยังอยู่โรงพยาบาลป่ะคะ
Taechit : กลับแล้ว ไม่ต้องมาเยี่ยมนะ เดี๋ยวพยาบาลพิเศษของพี่จะเข้าใจผิด
ชนิศากลอกตาอย่างอ่อนใจ
Che'rie : พยาบาลพิเศษที่ไหนคะ
Taechit : เดนท์รังสีที่ทำอัลตราซาวด์ให้
Che'rie : นี่คือ...ขนาดป่วยก็ยังล่อลวงสาวได้
Taechit : ไม่ได้ล่อลวง...คุย ๆ กันแล้วถูกคอเฉย ๆ
Taechit : เพิ่งได้ผลพาโถ
เขาส่งภาพรายงานผลชิ้นเนื้อมาให้
Chronic cholecystitis with intestinal metaplasia
Taechit : นี่มันแปลว่าอะไรน่ะ
ชนิศาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ คนเป็นศัลยแพทย์ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอ่านชิ้นเนื้ออย่างเธอจะให้คำตอบใดได้
Che'rie : แล้วอาจารย์ว่าไงล่ะคะ
Taechit : ไม่รู้ บอกแต่ว่าไม่มีอะไร ไปเชคกับพาโถให้หน่อยสิ
นี่ไม่ใช่การอ้อน แต่เตชิตตั้งใจบีบให้เธอไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น
ฐานะอย่างเตชิต เพียงโทร.ไปสอบถามอาจารย์ภาคพยาธิวิทยาย่อมได้คำตอบที่กระจ่างกว่าให้เธอหาให้ แต่เขากลับให้เธอหาคำตอบ
นั้นไม่ใช่การบีบให้เธอต้องติดต่อพยาธิแพทย์เพียงคนเดียวที่เธอเคยคุ้นหรอกหรือ
Taechit : แต่ถ้าลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะ
ชนิศากัดริมฝีปากนิ่ง นาน ก่อนถอนใจเบา ๆ
Che'rie : เฮียกลายเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ
Taechit : เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอ ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องเผชิญหน้าและเข้าใจมันเสียก่อน ไม่ใช่วิ่งหนี
นี่คงเป็นการล้างแค้นที่เธอเป็นแม่มดใจร้ายกับเขามาตลอด ทุกครั้งที่เตชิตเดินเข้ามาบอกเธอว่าเหนื่อย หรือมีปัญหาวุ่นวายเรื่องชีวิตรักและงาน ชนิศาจะรับฟัง แล้วผลักเขาไปเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขปัญหานั้นเสมอ
วันนี้เขาเดิมพันความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา ผลักเธอให้เดินกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยวิ่งหนีอีกครั้ง
Che'rie : นิสัยไม่ดี
Che'rie : โทรไปถามพาโถที่นั่นเองเถอะค่ะ
เธอปิดหน้าจอสนทนา แล้วเปิดเว็บเบราเซอร์เพื่อหาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอ่านมากแค่ไหนก็ไม่เข้าใจง่ายเท่าคำยืนยันจากปากผู้เชี่ยวชาญ
ชนิศานั่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ เมื่อประตูร้านกาแฟถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามา
เงาร่างสูงที่ทอดลงบนโต๊ะทำให้เธอเงยหน้ามอง สายตาคู่คมที่สบประสานกันช่วงชิงลมหายใจของเธอไปอีกครั้ง
เขาวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะข้าง ๆ เธอ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งเยื้องกับเธอ
ความเงียบโรยตัวอยู่นาน ชนิศาไม่กล้าลุกทั้งที่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอรังเกียจจนไม่สามารถจะมองหน้าเขาได้
การจากลาที่เปลี่ยนเป็นคนไม่รู้จักเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไป โดยเฉพาะเมื่อปีก่อนเธอยังเดินจับมือเขาอย่างใกล้ชิด
หญิงสาวกัดริมฝีปากบางอย่างอึดอัดใจ แล้วตัดสินใจเอ่ยเสียงเบา
"Intestinal metaplasia of gallbladder นี่...ไม่ใช่มาลิกแนนซี่ใช่ไหมคะ" เธอถามถึงผลชิ้นเนื้อของเตชิต เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เนื้อร้าย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เมื่อเธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่พยายามควบคุมให้ดูสงบ
"ไม่ใช่..." เขาเอ่ยตอบแล้วอธิบายต่อช้า ๆ เพื่อให้เธอเข้าใจลักษณะที่เห็นจากกล้องตรวจชิ้นเนื้อ
ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ นั่งฟังอย่างตั้งใจเหมือนวันที่เธอเคยนั่งตรงข้ามเขา ห้มหน้ามองกล้องที่เขาค่อย ๆ ชี้ภาพการเรียงตัวของเซลล์และสอนเธออ่านอย่างใจเย็น
เมื่อเขาอธิบายจบ ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มยกถ้วยกาแฟมากุมไว้ในสองมือ เธอจึงได้เห็นว่าแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาเป็นสีเงินของทองคำขาวที่สลักตัวอักษรหวัดสวยว่า My Witch
ขณะที่แหวนในกล่องที่หัวเตียงเธอสลักคำ Your Wizard
"มาทำอะไรที่นี่" เขาเอ่ยถามขึ้นในที่สุด
"เซ็นสัญญาต่อทุนค่ะ"
"ขึ้นปีสองแล้วสิ...เหนื่อยไหม" เสียงเรียบนั้นราวไร้ความรู้สึก
ชนิศาถอนใจเบา ๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า "ถ้าเชรีบอกว่าเหนื่อยมาก...พี่จะกอดแล้วปลอบเชรีเหรอคะ"
"ถ้าไม่...ก็ปล่อยเชรีไว้ในที่ของเชรีเถอะค่ะ"
แววตาที่มองเธอปรากฏเงาวูบของอารมณ์ที่ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มกึ่งหยัน
หญิงสาวลุกขึ้นยืนช้า ๆ โคลงศีรษะให้เขาเบา ๆ "ขอบคุณมากนะคะ...ลาก่อนค่ะ"
เธอคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้านมาเงียบ ๆ น่าเสียดายที่วันนี้เธอไม่ได้พกแหวนวงนั้นมาจึงไม่มีโอกาสได้คืนเขา
วูบหนึ่งในหัวใจหญิงสาวยังคงไม่มั่นใจ บางทีที่เธอรีบร้อนจากมา อาจเพราะกลัวว่าเขาจะถอดแหวนวงนั้นคืนให้เธอ
...Hug me like I belong to you...
I wanna kiss you...in the blue moon.
ในห้วงความคิดของหญิงสาวย้อนกลับไปในวันเก่าอีกครั้ง ในวันที่เธอมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจราวตรงหน้าคือคนไม่รู้จัก
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาส่งเอกสารตอบรับทุนวิจัยจากศูนย์วิจัยในออสเตรียให้เธอดู แล้วบอกว่า
'พี่ไปออสเตรียดีไหม'
เธออ่านคร่าว ๆ ก่อนคลี่ยิ้มบาง รู้ดีว่านี่คือความฝันของเขา
'ดีค่ะ...เชรีดีใจด้วยนะคะ'
รอยยิ้มของพ่อมดตรงหน้าเธอกลับจางลงอย่างรวดเร็ว แววตาอ่อนโยนของเขาเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
'เธอไม่เคยเข้าใจพี่เลยสินะ'
ชนิศากระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง เมื่อเขาดึงเอกสารในมือเธอกลับคืน ลุกจากที่นั่งแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เหตุเกิดจากวันนั้น ก่อนจะกลายเป็นสงครามเย็นที่เขาเย็นชาต่อเธอ
ชนิศาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งตามใคร เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่เคยบอกรักและให้สัญญาจะเคียงข้างเธอเย็นชาและเมินเฉยราวคนแปลกหน้า
'พี่จะไปไหน หรือทำอะไร เชรีก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วนี่' เขาเหยียดยิ้มเอ่ยอย่างเย็นชาเมื่อเธอเอ่ยถามถึงเรื่องทุนวิจัยอีกครั้ง
หญิงสาวเอียงคออย่างงุนงง 'เชรีไม่เข้าใจค่ะ พี่โกรธอะไรเชรีก็พูดมาตรง ๆ ดีกว่า เชรีไม่ชอบนั่งเดาใจใคร'
'คนรักกันก็ควรจะเข้าใจกันได้แม้ไม่ต้องพูดนะ' เขาแค่นเสียงในคออย่างไม่พอใจ
ชนิศาส่ายหน้าช้า ๆ 'ไม่มีใครอ่านใจใครออกหรอกค่ะ ถ้าพี่ไม่พูด เชรีก็ไม่มีวันรู้'
'เพราะแบบนี้ไง...พี่ถึงสงสัยนักว่าเธอรักพี่จริงหรือเปล่า'
'นี่พี่ไม่รู้จริง ๆ หรือแค่ประชดเชรีคะ' เธอมองหน้าเขานิ่ง ผู้หญิงร้ายกาจที่ไม่เคยใส่ใจใครอย่างเธอกลับมานั่งใจเย็นและพยายามเข้าใจเขา หากไม่ใช่เพราะรักแล้วเธอเป็นบ้าอะไรล่ะ
'พี่จะไปเป็นปี เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง'
ชนิศานิ่งไปราวใครมาชกหน้า ก่อนจะถอนใจเบา ๆ 'รู้สึกสิคะ...แต่ถ้ามันเป็นความฝันของพี่ เป็นอนาคตของพี่ เชรีย่อมต้องสนับสนุน'
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรั้งคนรักไว้อย่างเห็นแก่ตัว เมื่อเธอไม่เคยยอมให้เขาเข้ามายับยั้งความฝันในการเป็นศัลยแพทย์ของเธอ เธอก็ไม่ยอมเป็นตัวถ่วงความฝันของเขาเช่นกัน
ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ ก่อนมองหน้าเธออย่างเย็นชา
'หยุดพูดให้ดูดีเถอะเชรี พี่เหนื่อยจะคุยกับเธอแล้ว'
เธอและเขาเมินเฉยต่อกันนานจนชนิศามาเรียนต่อ แล้ววันหนึ่งคำว่าคนรักที่ไม่ใช่คนรักก็ทำให้เธอหมดความอดทน
หญิงสาวนัดพบเขาในเย็นวันหนึ่ง เพื่อจะส่งแหวนคืนให้พร้อมคำพูดสั้น ๆ
'เชรีว่า...เราจบกันเท่านี้เถอะค่ะ'
เขานิ่งมองเพียงครู่ ก็เลื่อนแหวนบนโต๊ะมาตรงหน้าเธอ คลี่ยิ้มเย็นชามองแล้วบอกเสียงเรียบ
'ถ้าพี่ยอมรับมัน เธอก็จะหายไปจากชีวิตพี่ทันทีใช่ไหม'
เธอไม่ได้ตอบ และเขาก็ไม่คิดรอฟัง
ร่างสูงลุกขึ้นยืน วางมือเท้าโต๊ะกึ่งคร่อมอยู่เหนือตัวเธอ เอ่ยคำอย่างร้ายกาจ 'เลิกทำตัวบั่นทอนกันเสียทีเถอะเชรี...ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน'
แล้วเขาก็หายไปจากชีวิตเธอ ตัดทุกการติดต่อ ขณะที่ชนิศาเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินไปสมัครเรียนเปียโน
ยิ่งเขาต่อว่าเธอร้ายกาจเท่าไร เธอจะทำตัวเองให้ดีงามเท่านั้น
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะคิดอย่างไร เธอสนใจแค่ว่าเธอจะต้องดีงามและมีความสุขแม้วันที่ไม่มีเขา
เธอเหนื่อยมาพอแล้วกับการพยายามเข้าใจผู้ชายที่ต้องการความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ไม่เคยคิดจะมอบความรักเช่นนั้นตอบกลับมาให้เธอ
ชนิศากัดริมฝีปากบาง เหยียดยิ้มบางอย่างเย็นชา
เถอะ...เขาจะไม่ปล่อยเธอก็ไม่เป็นไร
รอก่อนนะ...จนกว่าวันที่เธอจะบินเองได้
"เชรีจะเป็นผู้หญิงที่ดีงาม...จนพี่ไม่คู่ควรต่อการได้สัญญานั้นเอง..."
----
เชรีของเรา นอกจากจะนิสัยเสียแล้ว ยังร้ายกาจ เจ้าคิดเจ้าแค้นอีกด้วยนะคะ
บางทีไอซ์ก็ไม่แน่ใจ ว่าจะเป็นห่วงใครดี ระหว่างพี่กานต์ เขาคนนั้น หรือเชรี
คุณคิมหันตุ์ เชรีนางร้ายขี้นทุกวันเลยค่ะ
คุณ sai พี่ชายไม่ยั่งยืนหรอกค่ะ นางแค่อยากมีอะไรยึดเหนี่ยว
คุณ Zephyr เชรีเป็นพวกหัวดื้อค่ะ แถมย้ำคิดย้ำทำอีกต่างหาก
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2559, 18:41:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2559, 18:41:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1012
<< บทที่ 11 High Priestess | The Temperance >> |
sunflower 24 ต.ค. 2559, 21:00:44 น.
ไม่เข้าใจพี่คนนี้ ยิ่งอ่านยิ่งสับสน . สงสารเชรีนะ
ไม่เข้าใจพี่คนนี้ ยิ่งอ่านยิ่งสับสน . สงสารเชรีนะ
sunflower 24 ต.ค. 2559, 21:01:49 น.
ยังไงก็รักเฮียเตชิตเหมือนเดิม
ยังไงก็รักเฮียเตชิตเหมือนเดิม
Zephyr 24 ต.ค. 2559, 22:01:05 น.
ยื้อแบบนี้ยิ่งเจ็บปวดอ่ะ
ยื้อแบบนี้ยิ่งเจ็บปวดอ่ะ
คิมหันตุ์ 25 ต.ค. 2559, 02:31:25 น.
จริงๆชอบเคมีของพี่กานต์กับเชรีมากๆเลย ติดที่ว่ามีคนอื่นอยุ่ในใจพี่กานต์เสียแล้ว สงสารเชรี
จริงๆชอบเคมีของพี่กานต์กับเชรีมากๆเลย ติดที่ว่ามีคนอื่นอยุ่ในใจพี่กานต์เสียแล้ว สงสารเชรี
sai 25 ต.ค. 2559, 12:36:49 น.
อ่านตอนนี้สงสารเชรีนะ เป็นตรุคงงงตรุผิดไรว่ะ
อ่านตอนนี้สงสารเชรีนะ เป็นตรุคงงงตรุผิดไรว่ะ
SaranyaW 25 ต.ค. 2559, 13:20:11 น.
ถ้าไม่เข้าใจกัน จะเรียกว่ารักได้เหรอ เราหมายถึงทั้งสองฝ่ายเลยนะคะ
ถ้าไม่เข้าใจกัน จะเรียกว่ารักได้เหรอ เราหมายถึงทั้งสองฝ่ายเลยนะคะ
goszy 29 ต.ค. 2559, 09:44:05 น.
ตอนแรกก็รอดูทีท่าใครจะเป็นพระเอก คงไม่ใช่พี่กานต์มั้ง รอดูเขาก่อน พอเขามาปุ๊บ เชียร์พี่กานต์ดีกว่า เดี๋ยวถ้าเขาทำคะแนนตีตื้นมาเมื่ไหร่ค่อยเปลี่ยนทีม 555
ตอนแรกก็รอดูทีท่าใครจะเป็นพระเอก คงไม่ใช่พี่กานต์มั้ง รอดูเขาก่อน พอเขามาปุ๊บ เชียร์พี่กานต์ดีกว่า เดี๋ยวถ้าเขาทำคะแนนตีตื้นมาเมื่ไหร่ค่อยเปลี่ยนทีม 555