คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: บทที่ 12 The Chariot

The Chariot

ในความรักคือการต่อสู้
บางครั้งเราต่อสู้กับคนรัก บางครั้งเรา...ต่อสู้กับหัวใจตัวเอง

...Kiss me in the blue moon...
Till the sun light for the noon
Hug me like I belong to you...
Coz I still love you...in the blue moon...

ชนิศาปิดสมุดเล่มเล็กเก็บใส่กระเป๋าพลางถอนใจเบา ๆ เมื่อเดินไปตามทางเดินที่เคยคุ้น

ผู้คนยังคงพลุกพล่าน เสียงประกาศเรียกผู้ป่วยดังเป็นระยะจากห้องยาที่เธอเคยเดินผ่านจนคุ้นชิน เสียงอื้ออึงของผู้คนรอบด้านฟังไม่ได้ศัพท์บอกความวุ่นวายในยามเช้าของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี

ชนิศามองรอบตัวเพื่อซึมซับบรรยากาศที่เลือนหายไปกว่าปีเต็ม เมื่อเธอไปเรียนต่อจึงไม่ได้เดินทางมาที่นี่ค่อนข้างนาน การได้ลากลับมาเพื่อเซ็นสัญญาต่อทุนเรียนต่อจึงนำความคิดถึงบางอย่างให้หวนกลับมาในความรู้สึก

"หมอเชรี..." เสียงทักทายจากพยาบาลสาวที่เดินผ่านทำให้เธอชะงักมองก่อนคลี่ยิ้มตอบ "กลับมาเมื่อไรคะ"

"เพิ่งมาวันนี้ล่ะค่ะ...มาเซ็นสัญญาต่อทุน"

พยาบาลสาวมองอย่างเสียดาย "อ้าว...นึกว่าเรียนจบแล้ว"

"อีก 4 ปีเลยค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ

"โหย...นานจัง คิดถึงแย่เลย"

"คิดถึงก็แวะไปเยี่ยมกันได้ค่ะ ถ้าไปแถวนั้นก็โทร.หาเชรีนะคะ" เธอคลี่ยิ้มหวาน ก่อนเอ่ยลาแล้วเดินจากมา

จุดหมายของวันนี้คือห้องฝ่ายนิติกรของโรงพยาบาล ที่นี่ทำสัญญาให้ทุนเรียนต่อเป็นรายปี เธอจึงต้องกลับมาเซ็นสัญญาทุกปี

หญิงสาวเซ็นชื่อต่อหน้านิติกร ก่อนส่งเอกสารให้เขาตรวจสอบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ร่างบางจึงเดินออกจากห้อง

ทางเดินกว้างในส่วนของเส้นทางที่ไปห้องนิติกรเป็นส่วนของภาควิชาพยาธิวิทยาและธนาคารเลือด ชนิศาก้าวเท้าไปอย่างเชื่องช้า อดไม่ได้ที่จะทอดสายตามองโซฟาหนังหน้าห้องตรวจชิ้นเนื้อที่เธอเคยนั่งรอใครบางคนเมื่อปีก่อน

เธอไม่ได้ตั้งใจจะรอ ไม่ได้คิดว่าเขาจะเปิดประตูออกมาด้วยซ้ำ

ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกับกางเกงสีเข้มเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจชิ้นเนื้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อหันมาเห็นเธอ

ดวงตาใต้แว่นกรอบใหญ่สบตาเธอนิ่ง แววตาบางอย่างที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์ทำให้เธอยากจะแปลความหมาย มีเพียงอาการชะงักไปของลมหายใจเธอ และความรู้สึกหัวหมุนคว้างราวโลกหยุดหมุนเท่านั้นที่ชนิศารับรู้

นานเท่าไรไม่รู้ กว่าเธอจะพบลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวจึงละสายตาจากชายหนุ่ม โคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งทักทายก่อนจะเดินออกมาเงียบ ๆ

เสี้ยวหนึ่งของวินาที สายตาเธอตวัดผ่านมือซ้ายของคนที่ยังแตะลูกบิดประตู เพื่อจะสะท้านใจกับประกายของแหวนวงหนึ่งบนนิ้วนาง

หญิงสาวขบริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงความเจ็บบาง ๆ ที่เรียกสติเธอคืนกลับมา

ประโยชน์อะไรที่เขายังคงใส่แหวนวงนั้น เมื่อเขาไม่คิดจะดูแลเจ้าของแหวนอย่างเธอแม้แต่น้อย

"อา...เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วเชรี" หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ในคอ เมื่อยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเพื่อปลอบโยน "แน่ใจได้ยังไงว่านั่นแหวนเธอ"

ร่างบอบบางก้าวไปตามสะพานที่ข้ามจากโรงพยาบาลไปยังร้านกาแฟที่อยู่อีกฝั่งถนน ท่าทางเหม่อลอยราวจะลอยได้ของเธอทำให้คนที่เดินผ่านอดมองอย่างประหลาดใจไม่ได้

หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ มุมร้านที่เธอคุ้นเคย ก่อนหยิบโทรศัพท์มากดเล่น

Taechit : ไง...
Che'rie : คะ

Taechit : คิดถึง

หญิงสาวอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะนิ่งงันไปเมื่อเขาส่งภาพตัวเองกลับมาให้ เพราะชายหนุ่มอยู่ในชุดคนป่วย ยกมือชูสองนิ้วแล้วยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนเพลีย

Che'rie : เป็นอะไรคะ
Che'rie : โดนผู้หญิงตบแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลเลยเหรอ

Taechit : มันใช่ไหม...นิสัยไม่ดี
Taechit : ผ่าถุงน้ำดี

Che'rie : เมื่อไรคะ

Taechit : อาทิตย์ก่อน

ชนิศานิ่งไปนาน เธอมัวแต่วุ่นวายกับงานและเรื่องมากมายในใจจนไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

เขาไป ๆ มา ๆ ติดต่อบ้าง หายไปบ้างเป็นเรื่องปกติจนเธอไม่เคยสนใจใคร่รู้ความเป็นไป

แต่เมื่อไรที่เขาเดินมา ชนิศาไม่เคยหายไปไหน

Che'rie : นี่ยังอยู่โรงพยาบาลป่ะคะ

Taechit : กลับแล้ว ไม่ต้องมาเยี่ยมนะ เดี๋ยวพยาบาลพิเศษของพี่จะเข้าใจผิด

ชนิศากลอกตาอย่างอ่อนใจ

Che'rie : พยาบาลพิเศษที่ไหนคะ

Taechit : เดนท์รังสีที่ทำอัลตราซาวด์ให้

Che'rie : นี่คือ...ขนาดป่วยก็ยังล่อลวงสาวได้

Taechit : ไม่ได้ล่อลวง...คุย ๆ กันแล้วถูกคอเฉย ๆ
Taechit : เพิ่งได้ผลพาโถ

เขาส่งภาพรายงานผลชิ้นเนื้อมาให้
Chronic cholecystitis with intestinal metaplasia

Taechit : นี่มันแปลว่าอะไรน่ะ

ชนิศาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ คนเป็นศัลยแพทย์ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอ่านชิ้นเนื้ออย่างเธอจะให้คำตอบใดได้

Che'rie : แล้วอาจารย์ว่าไงล่ะคะ

Taechit : ไม่รู้ บอกแต่ว่าไม่มีอะไร ไปเชคกับพาโถให้หน่อยสิ

นี่ไม่ใช่การอ้อน แต่เตชิตตั้งใจบีบให้เธอไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น

ฐานะอย่างเตชิต เพียงโทร.ไปสอบถามอาจารย์ภาคพยาธิวิทยาย่อมได้คำตอบที่กระจ่างกว่าให้เธอหาให้ แต่เขากลับให้เธอหาคำตอบ

นั้นไม่ใช่การบีบให้เธอต้องติดต่อพยาธิแพทย์เพียงคนเดียวที่เธอเคยคุ้นหรอกหรือ

Taechit : แต่ถ้าลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะ

ชนิศากัดริมฝีปากนิ่ง นาน ก่อนถอนใจเบา ๆ

Che'rie : เฮียกลายเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ

Taechit : เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอ ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องเผชิญหน้าและเข้าใจมันเสียก่อน ไม่ใช่วิ่งหนี

นี่คงเป็นการล้างแค้นที่เธอเป็นแม่มดใจร้ายกับเขามาตลอด ทุกครั้งที่เตชิตเดินเข้ามาบอกเธอว่าเหนื่อย หรือมีปัญหาวุ่นวายเรื่องชีวิตรักและงาน ชนิศาจะรับฟัง แล้วผลักเขาไปเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขปัญหานั้นเสมอ

วันนี้เขาเดิมพันความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา ผลักเธอให้เดินกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยวิ่งหนีอีกครั้ง

Che'rie : นิสัยไม่ดี
Che'rie : โทรไปถามพาโถที่นั่นเองเถอะค่ะ

เธอปิดหน้าจอสนทนา แล้วเปิดเว็บเบราเซอร์เพื่อหาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอ่านมากแค่ไหนก็ไม่เข้าใจง่ายเท่าคำยืนยันจากปากผู้เชี่ยวชาญ

ชนิศานั่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ เมื่อประตูร้านกาแฟถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามา

เงาร่างสูงที่ทอดลงบนโต๊ะทำให้เธอเงยหน้ามอง สายตาคู่คมที่สบประสานกันช่วงชิงลมหายใจของเธอไปอีกครั้ง

เขาวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะข้าง ๆ เธอ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งเยื้องกับเธอ

ความเงียบโรยตัวอยู่นาน ชนิศาไม่กล้าลุกทั้งที่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอรังเกียจจนไม่สามารถจะมองหน้าเขาได้

การจากลาที่เปลี่ยนเป็นคนไม่รู้จักเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไป โดยเฉพาะเมื่อปีก่อนเธอยังเดินจับมือเขาอย่างใกล้ชิด

หญิงสาวกัดริมฝีปากบางอย่างอึดอัดใจ แล้วตัดสินใจเอ่ยเสียงเบา

"Intestinal metaplasia of gallbladder นี่...ไม่ใช่มาลิกแนนซี่ใช่ไหมคะ" เธอถามถึงผลชิ้นเนื้อของเตชิต เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เนื้อร้าย

ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เมื่อเธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่พยายามควบคุมให้ดูสงบ

"ไม่ใช่..." เขาเอ่ยตอบแล้วอธิบายต่อช้า ๆ เพื่อให้เธอเข้าใจลักษณะที่เห็นจากกล้องตรวจชิ้นเนื้อ

ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ นั่งฟังอย่างตั้งใจเหมือนวันที่เธอเคยนั่งตรงข้ามเขา ห้มหน้ามองกล้องที่เขาค่อย ๆ ชี้ภาพการเรียงตัวของเซลล์และสอนเธออ่านอย่างใจเย็น

เมื่อเขาอธิบายจบ ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มยกถ้วยกาแฟมากุมไว้ในสองมือ เธอจึงได้เห็นว่าแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาเป็นสีเงินของทองคำขาวที่สลักตัวอักษรหวัดสวยว่า My Witch

ขณะที่แหวนในกล่องที่หัวเตียงเธอสลักคำ Your Wizard

"มาทำอะไรที่นี่" เขาเอ่ยถามขึ้นในที่สุด

"เซ็นสัญญาต่อทุนค่ะ"

"ขึ้นปีสองแล้วสิ...เหนื่อยไหม" เสียงเรียบนั้นราวไร้ความรู้สึก

ชนิศาถอนใจเบา ๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า "ถ้าเชรีบอกว่าเหนื่อยมาก...พี่จะกอดแล้วปลอบเชรีเหรอคะ"

"ถ้าไม่...ก็ปล่อยเชรีไว้ในที่ของเชรีเถอะค่ะ"

แววตาที่มองเธอปรากฏเงาวูบของอารมณ์ที่ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มกึ่งหยัน

หญิงสาวลุกขึ้นยืนช้า ๆ โคลงศีรษะให้เขาเบา ๆ "ขอบคุณมากนะคะ...ลาก่อนค่ะ"

เธอคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้านมาเงียบ ๆ น่าเสียดายที่วันนี้เธอไม่ได้พกแหวนวงนั้นมาจึงไม่มีโอกาสได้คืนเขา

วูบหนึ่งในหัวใจหญิงสาวยังคงไม่มั่นใจ บางทีที่เธอรีบร้อนจากมา อาจเพราะกลัวว่าเขาจะถอดแหวนวงนั้นคืนให้เธอ

...Hug me like I belong to you...
I wanna kiss you...in the blue moon.


ในห้วงความคิดของหญิงสาวย้อนกลับไปในวันเก่าอีกครั้ง ในวันที่เธอมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจราวตรงหน้าคือคนไม่รู้จัก
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาส่งเอกสารตอบรับทุนวิจัยจากศูนย์วิจัยในออสเตรียให้เธอดู แล้วบอกว่า

'พี่ไปออสเตรียดีไหม'

เธออ่านคร่าว ๆ ก่อนคลี่ยิ้มบาง รู้ดีว่านี่คือความฝันของเขา

'ดีค่ะ...เชรีดีใจด้วยนะคะ'

รอยยิ้มของพ่อมดตรงหน้าเธอกลับจางลงอย่างรวดเร็ว แววตาอ่อนโยนของเขาเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด

'เธอไม่เคยเข้าใจพี่เลยสินะ'

ชนิศากระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง เมื่อเขาดึงเอกสารในมือเธอกลับคืน ลุกจากที่นั่งแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เหตุเกิดจากวันนั้น ก่อนจะกลายเป็นสงครามเย็นที่เขาเย็นชาต่อเธอ

ชนิศาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งตามใคร เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่เคยบอกรักและให้สัญญาจะเคียงข้างเธอเย็นชาและเมินเฉยราวคนแปลกหน้า

'พี่จะไปไหน หรือทำอะไร เชรีก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วนี่' เขาเหยียดยิ้มเอ่ยอย่างเย็นชาเมื่อเธอเอ่ยถามถึงเรื่องทุนวิจัยอีกครั้ง

หญิงสาวเอียงคออย่างงุนงง 'เชรีไม่เข้าใจค่ะ พี่โกรธอะไรเชรีก็พูดมาตรง ๆ ดีกว่า เชรีไม่ชอบนั่งเดาใจใคร'

'คนรักกันก็ควรจะเข้าใจกันได้แม้ไม่ต้องพูดนะ' เขาแค่นเสียงในคออย่างไม่พอใจ

ชนิศาส่ายหน้าช้า ๆ 'ไม่มีใครอ่านใจใครออกหรอกค่ะ ถ้าพี่ไม่พูด เชรีก็ไม่มีวันรู้'

'เพราะแบบนี้ไง...พี่ถึงสงสัยนักว่าเธอรักพี่จริงหรือเปล่า'

'นี่พี่ไม่รู้จริง ๆ หรือแค่ประชดเชรีคะ' เธอมองหน้าเขานิ่ง ผู้หญิงร้ายกาจที่ไม่เคยใส่ใจใครอย่างเธอกลับมานั่งใจเย็นและพยายามเข้าใจเขา หากไม่ใช่เพราะรักแล้วเธอเป็นบ้าอะไรล่ะ

'พี่จะไปเป็นปี เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง'

ชนิศานิ่งไปราวใครมาชกหน้า ก่อนจะถอนใจเบา ๆ 'รู้สึกสิคะ...แต่ถ้ามันเป็นความฝันของพี่ เป็นอนาคตของพี่ เชรีย่อมต้องสนับสนุน'

เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรั้งคนรักไว้อย่างเห็นแก่ตัว เมื่อเธอไม่เคยยอมให้เขาเข้ามายับยั้งความฝันในการเป็นศัลยแพทย์ของเธอ เธอก็ไม่ยอมเป็นตัวถ่วงความฝันของเขาเช่นกัน

ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ ก่อนมองหน้าเธออย่างเย็นชา

'หยุดพูดให้ดูดีเถอะเชรี พี่เหนื่อยจะคุยกับเธอแล้ว'

เธอและเขาเมินเฉยต่อกันนานจนชนิศามาเรียนต่อ แล้ววันหนึ่งคำว่าคนรักที่ไม่ใช่คนรักก็ทำให้เธอหมดความอดทน

หญิงสาวนัดพบเขาในเย็นวันหนึ่ง เพื่อจะส่งแหวนคืนให้พร้อมคำพูดสั้น ๆ

'เชรีว่า...เราจบกันเท่านี้เถอะค่ะ'

เขานิ่งมองเพียงครู่ ก็เลื่อนแหวนบนโต๊ะมาตรงหน้าเธอ คลี่ยิ้มเย็นชามองแล้วบอกเสียงเรียบ

'ถ้าพี่ยอมรับมัน เธอก็จะหายไปจากชีวิตพี่ทันทีใช่ไหม'

เธอไม่ได้ตอบ และเขาก็ไม่คิดรอฟัง

ร่างสูงลุกขึ้นยืน วางมือเท้าโต๊ะกึ่งคร่อมอยู่เหนือตัวเธอ เอ่ยคำอย่างร้ายกาจ 'เลิกทำตัวบั่นทอนกันเสียทีเถอะเชรี...ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน'

แล้วเขาก็หายไปจากชีวิตเธอ ตัดทุกการติดต่อ ขณะที่ชนิศาเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินไปสมัครเรียนเปียโน

ยิ่งเขาต่อว่าเธอร้ายกาจเท่าไร เธอจะทำตัวเองให้ดีงามเท่านั้น

ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะคิดอย่างไร เธอสนใจแค่ว่าเธอจะต้องดีงามและมีความสุขแม้วันที่ไม่มีเขา

เธอเหนื่อยมาพอแล้วกับการพยายามเข้าใจผู้ชายที่ต้องการความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ไม่เคยคิดจะมอบความรักเช่นนั้นตอบกลับมาให้เธอ


ชนิศากัดริมฝีปากบาง เหยียดยิ้มบางอย่างเย็นชา

เถอะ...เขาจะไม่ปล่อยเธอก็ไม่เป็นไร

รอก่อนนะ...จนกว่าวันที่เธอจะบินเองได้

"เชรีจะเป็นผู้หญิงที่ดีงาม...จนพี่ไม่คู่ควรต่อการได้สัญญานั้นเอง..."

----
เชรีของเรา นอกจากจะนิสัยเสียแล้ว ยังร้ายกาจ เจ้าคิดเจ้าแค้นอีกด้วยนะคะ
บางทีไอซ์ก็ไม่แน่ใจ ว่าจะเป็นห่วงใครดี ระหว่างพี่กานต์ เขาคนนั้น หรือเชรี

คุณคิมหันตุ์ เชรีนางร้ายขี้นทุกวันเลยค่ะ

คุณ sai พี่ชายไม่ยั่งยืนหรอกค่ะ นางแค่อยากมีอะไรยึดเหนี่ยว

คุณ Zephyr เชรีเป็นพวกหัวดื้อค่ะ แถมย้ำคิดย้ำทำอีกต่างหาก



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2559, 18:41:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2559, 18:41:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1012





<< บทที่ 11 High Priestess   The Temperance >>
sunflower 24 ต.ค. 2559, 21:00:44 น.
ไม่เข้าใจพี่คนนี้ ยิ่งอ่านยิ่งสับสน . สงสารเชรีนะ


sunflower 24 ต.ค. 2559, 21:01:49 น.
ยังไงก็รักเฮียเตชิตเหมือนเดิม


Zephyr 24 ต.ค. 2559, 22:01:05 น.
ยื้อแบบนี้ยิ่งเจ็บปวดอ่ะ


คิมหันตุ์ 25 ต.ค. 2559, 02:31:25 น.
จริงๆชอบเคมีของพี่กานต์กับเชรีมากๆเลย ติดที่ว่ามีคนอื่นอยุ่ในใจพี่กานต์เสียแล้ว สงสารเชรี


sai 25 ต.ค. 2559, 12:36:49 น.
อ่านตอนนี้สงสารเชรีนะ เป็นตรุคงงงตรุผิดไรว่ะ


SaranyaW 25 ต.ค. 2559, 13:20:11 น.
ถ้าไม่เข้าใจกัน จะเรียกว่ารักได้เหรอ เราหมายถึงทั้งสองฝ่ายเลยนะคะ


goszy 29 ต.ค. 2559, 09:44:05 น.
ตอนแรกก็รอดูทีท่าใครจะเป็นพระเอก คงไม่ใช่พี่กานต์มั้ง รอดูเขาก่อน พอเขามาปุ๊บ เชียร์พี่กานต์ดีกว่า เดี๋ยวถ้าเขาทำคะแนนตีตื้นมาเมื่ไหร่ค่อยเปลี่ยนทีม 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account