แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 5 - 70% - ขอที่พักใจ
ตอนที่ 5 - 70% - ขอที่พักใจ
“ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” รวินท์รดาประกบมือ ก้มหัวผงก ๆ ให้ทั้งปราณนท์และปราชญ์ดา ปราณนท์ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำออกจากใบหน้าหลังจากไปล้างหน้ามาเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่ชายนั้นเอาแต่หัวเราะขำ ดนุวัศยิ้มเจื่อน ๆ ไม่อยากเอ็ดพนักงาน เพราะเห็นว่าวันนี้ดูป่วย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมคงทำคุณตกใจ ฮ่าๆ!!” อัศวชยภัทรคนน้องหัวเราะพร้อมหาเหตุผลให้อภัยอีกฝ่ายกลบเกลื่อนมุกจีบสาวของตัวเอง ซึ่งแป้กไม่เหลือดี แม้คนพี่จะถามว่าทำไมอยู่ ๆ ครีเอทีฟสาวถึงได้พ่นน้ำใส่หน้ากันแบบนี้
“ถ้ายังไงผมกับบัวกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ” ดนุวัศรีบร่ำลา พร้อมพาพนักงานของเขาออกจากสยาม อาร์ ที ที โดยไว
“ไม่สบายก็รีบกลับไปพักผ่อนเลยนะ ดูซิ ดีนะที่พวกเขาไม่โกรธเราน่ะ” ดนุวัศบ่น ทั้งห่วงงานและห่วงคนที่หน้าแดงก่ำในเวลานี้
“งั้นเดี๋ยวบัวแยกกลับเองล่ะกันค่ะ สวัสดีค่ะพี่นุ” พูดจบ รวินท์รดาก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปโบกแทกซี่ ดนุวัศส่ายหน้าตามไปช้า ๆ
หลังจากส่งบริษัทเอเจนซี่โฆษณาเรียบร้อย ปราชญ์ดาก็ได้รับข่าวน่าตกใจจากเชรี ญาติผู้น้อง ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณอาวธิดา
“พี่ปั้นคะ แย่แล้วค่ะ! พี่ธรรศหายไปค่ะ!!!” เชรีบอกมาทางโทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ตอนนี้เชรีอยู่กับพี่ช่อแก้วที่โรงพยาบาล พี่ธรรศไม่อยู่ในห้อง ตอนนี้คนก็หากันทั่วเลยค่ะ”
“เดี๋ยวพี่กับปิงจะรีบไป!” ปราชญ์ดาวางสายพร้อมหันบอกน้องชายหน้าตาตื่นตระหนก “เชรีบอกว่าธรรศหายตัวไปจากโรงพยาบาล”
“หา! เมื่อเช้าผมยังอยู่กับพี่ธรรศอยู่เลยนะครับ!” ปราณนท์เองก็ตกใจไปด้วย
“เอางี้ ปิงกลับบ้านไปนะ ไปดูว่าธรรศกลับไปหาคุณปู่หรือเปล่า ส่วนพี่จะไปดูที่โรงพยาบาล เชรีกับช่อแก้วรออยู่ที่นั่น”
“โอเคครับ ถ้าไงโทรหาผมด้วยนะพี่”
สองพี่น้องอัศวชยภัทรรีบแยกย้ายไปตามที่หมายทันที
รวินท์รดายื่นเงินให้คนขับแทกซี่ก่อนลงจากรถ เธอถอนหายใจ ใช้กำปั้นเล็ก ๆ ทุบหัวตัวเองเบา ๆ อย่างหงุดหงิด ทั้งเรื่องผีในห้องประชุมที่ติดตาเธอ และเธอยังสร้างเรื่องพ่นน้ำใส่หน้าปราณนท์อีก ไม่รู้บริษัทโฆษณาของดนุวัศจะชวดงานเพราะเธอหรือเปล่า
“แต่คนน้องนั่นก็ถามออกมาได้ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าพี่นุนี่จะข่วนหน้าให้” รวินท์รดาหงุดหงิดกับสายตาเจ้าชู้ของอัศวชยภัทรคนน้องมาก
แต่แล้วหญิงสาวก็ลืมทุกอย่างที่คิด เมื่อเห็นใครบางคนยืนก้มหน้าอยู่หน้าเสาต้นใหญ่ตรงทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เธอพักอาศัยอยู่ ร่างสูงของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีครามกับกางเกงยีนส์สีเข้มตัดกับผิวขาวจากข้อมือ ลำคอ ผิวหน้า ผมสั้นระต้นคอไม่ได้เซ็ททำให้ผมหน้าปรกหน้าผาก จมูกโด่งสันบนใบหน้าคมคายทำให้มองออกว่าไม่น่าเป็นคนไทยแท้ แม้มีแว่นตากันแดดคาดตาไว้ ก็ไม่สามารถปกปิดออร่าโดดเด่นบางอย่าง ชายหนุ่มคนนี้ดูภายนอกไกล ๆ แล้วหล่อขนาดที่ทำให้หัวใจของรวินท์รดาเต้นตึกตัก
หญิงสาวพยายามกำหนดลมหายใจให้ปกติขณะเดินเข้าไปใกล้เขา นี่ไม่รู้ว่าแก้มเธอแดงจนผิดปกติไปหรือไม่ แต่ก็เลี่ยงไปเข้าทางอื่นไม่ได้ ชายหนุ่มรูปงามยืนกอดอก ขาไขว้กันพิงเสาต้นใหญ่ริมประตูเลย
รวินท์รดาทำท่าไม่สนใจเต็มที่ แม้จะอยากหันไปมองอีกสักครั้ง นี่ขนาดเธอไม่ไว้ใจผู้ชายหล่อ ๆ ยังอดถูกใจหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ
ขณะนั้นเอง ที่เธอทนไม่ไหว ชำเลืองไปทางร่างสูง เขาก็ขยับริมฝีปากซีด ๆ พูดกับเธอ
“บัว ผมเอง”
รวินท์รดาไม่ชำเลืองอีกต่อไป หันมองทางเจ้าของเสียงทุ้มทั้งใบหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหู ชายหนุ่มลดแว่นตากันแดดลงพอให้เธอเห็นดวงตาของเขา
คุณธรรศ!!
รวินท์รดาตกใจจนแทบหลุดเรียกชื่อเขาออกมาดัง ๆ ดีนะที่ธรรศยื่นมือมาปิดปากเธอทันก่อน ไม่งั้นคนรอบ ๆ คงแห่มองกันหมด
“เบา ๆ” เขาเตือนพลางยกนิ้วชี้แตะปากตัวเอง พอหญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ เขาจึงยอมลดมือลงจากเรียวปากนุ่ม
“คุณมาได้ยังไง ทำไมไม่อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ หรือถามพี่นุมา พี่นุ!” รวินท์รดาตวัดตาดุไม่พอใจ อย่างลืมไปว่าดนุวัศไม่อยู่ให้เธอโวยใส่
“ไม่เกี่ยวกับนุหรอก”
ธรรศปฏิเสธ แต่บอกไปไม่ได้ว่าเขาเคยมาที่นี่ตอนเขาหลับ … เธอคงหาว่าเขาบ้า!
“บัวครับ ขอผมเข้าไปด้านในได้ไหม” ธรรศอ้อนหน้าตาน่าสงสาร ปากของชายหนุ่มซีดเพราะยังไม่หายดี แต่รวินท์รดาก็ส่ายหน้าหวือ
“คุณรีบกลับโรงพยาบาลไปเถอะ ฉันจะเรียกคนมารับคุณนะ”
“ผมจะเป็นลมแล้ว โอยยย”
ไม่ทันสิ้นเสียง นายแบบหนุ่มร่างสูงก็เซ แล้วโน้มใบหน้าลงมาซบไหล่เธอเฉยเลย!
ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกันใหญ่ ธรรศมาหายตัวไปอย่างปริศนา จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดต่าง ๆ ทำให้เห็นผู้ชายลักษณะเหมือนธรรศเดินออกทางประตูด้านข้าง ไม่ใช่ประตูหลักของโรงพยาบาล แถมไม่ขึ้นรถรับจ้างอีก นายแบบหนุ่มเดินหายไปจากมุมกล้อง ทำให้ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถรู้ได้ว่าธรรศขึ้นรถแบบไหน เลขทะเบียนอะไร แถมยังไม่สามารถถามใครได้อีกเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นข่าวใหญ่ ยังมีพวกนักข่าวบางส่วนมาถามไถ่อาการธรรศอยู่เรื่อย ๆ
ภายในห้องพักฟื้นยังแขวนชื่อ ธรรศ อัศวชยภัทร อยู่ แม้คนไข้ประจำห้องจะหายตัวไปอย่างปริศนา
เชรีนั่งคุยโทรศัพท์กับมารดาข้าง ๆ ช่อแก้ว น้องสาวบุญธรรมวัยยี่สิบสองปีของสามพี่น้องอัศวชยภัทร ซึ่งเป็นหลานอีกฝั่งของคุณย่าวัลภา ช่อแก้วเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีด้านศึกษาศาสตร์มาหมาด ๆ แต่ยังไม่ได้หางานทำ ด้วยคุณย่าหวงหลานที่รับมาเลี้ยงคนนี้มาก คุณย่าจึงจ้างให้ดูแลท่านอยู่บ้านมากกว่า
ช่อแก้วละสายตาจากเชรีมองหาปราชญ์ดาซึ่งอยู่ ๆ ก็หายออกจากห้องไปไหน เธอจึงเดินตามหาตามทางเดินโรงพยาบาล ก่อนจะได้ยินเสียงปราชญ์ดาคุยกับใครบางคนอยู่ตรงมุมเลี้ยวของทางเดิน
ช่อแก้วหยุดเดิม แล้วแอบฟังกับบทสนทนาของปราชญ์ดาอย่างอยากรู่
“ฉันบอกให้ตามดูธรรศไว้ใช่ไหม ทำไมถึงพลาดได้อีก เรื่องคนรักของธรรศก็เรื่องนึงแล้วนะ!” ปราชญ์ดากำลังดุใครบางคน ช่อแก้วไม่กล้ายื่นหน้าไปดู กลัวปราชญ์ดาจะรู้สึกตัวจึงได้แต่แอบฟัง
“ไปตามหามาให้เจอ!” ปราชญ์ดาสั่งเสียงเฉียบ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ช่อแก้วรีบเดินกลับไปหาเชรีก่อนจะถูกปราชญ์ดาจับได้ว่ามาแอบฟังเขา
“พี่ปั้น หายไปไหนมาหรือคะ น้องโทรหาแม่แล้ว แม่กำลังมา แต่น้องห้ามแม่มาค่ะกลัวนักข่าวสงสัย แม่เลยกลับบ้านไปรอฟังข่าวแทน เรื่องนี้คุณตายังไม่ทราบนะคะ กลัวท่านตกใจน่ะค่ะ” เชรีรีบรายงานทันทีที่เห็นปราชญ์ดาเดินมาด้วยหน้าตาเครียด ๆ
“พี่ไปโทรหาปิง และเพื่อนที่เป็นตำรวจมาน่ะ ปิงบอกว่าธรรศไม่ได้กลับไปหาคุณปู่ เลยให้ลองโทรหาเพื่อนสนิทธรรศแทน ไม่รู้หายไปไหนของเขานะ ยังไม่หายดีเลยแท้ ๆ” ปราชญ์ดาเท้าเอว ถอนหายใจ หน้าตาเครียดกับการหายไปของน้องชาย
“พี่ช่อเงียบเลยนะคะ คงเครียดเรื่องพี่ธรรศ บางทีเชรีว่าเดี๋ยวพี่ธรรศก็กลับมาเองก็ได้นะคะ พี่ธรรศอาจจะเบื่อก็ได้” เชรีจับมือพี่สาว ที่แม้เป็นพี่ไม่แท้ แต่เชรีก็สนิทกับช่อแก้วมาก คงเพราะเป็นผู้หญิงวัยใกล้เคียงกัน เชรีเป็นลูกคนเดียวแถมแม่ทำงานหนัก เธอจึงเอาแต่ตามติดพี่สาวบุญธรรมแจ
“ค่ะ น้องเชรี” ช่อแก้วพยายามยิ้ม ไม่แสดงออกว่าเธอได้ยินปราชญ์ดาคุยกับใคร
“เดี๋ยวค่ะ ออกไปไม่ได้นะคะ!” เสียงโวยวายของพยาบาลสาวคนหนึ่งดังมาจากห้องข้าง ๆ ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นของต้าหลิง ทำให้ปราชญ์ดารีบร้อนไปดู เห็นต้าหลิงพยายามหนีจากพยาบาลเพื่อออกจากห้อง
“ผมมีเรื่องต้องบอกพี่ธรรศครับ พี่ปั้น!” ต้าหลิงถามเสียงร้อนรน หน้าตาของต้าหลิงเวลานี้สดใสกว่าที่ปราชญ์ดาเห็นเมื่อวาน
“นี่นายหายเพ้อแล้วหรือ เอ้อ หมายถึงดีขึ้นแล้วหรือ” คนถามรีบแก้คำ เพราะกลัวจะเสียมารยาทต่ออีกฝ่าย
“ผมดีขึ้นแล้วครับ ผมรู้ว่าผมควบคุมสติไม่ได้ แต่หลังจากตำรวจกลับไป ก็มีคนเข้ามาเยี่ยมผมเป็นผู้ชายสวมชุดสีขาว เขาพูดอะไรบางอย่าง ผมก็เหมือนจะสงบลงได้เอง” ต้าหลิงหวนนึกถึงเรื่องเมื่อบ่าย ผู้ชายรูปร่างสง่างามในชุดสีขาวทั้งตัวผลักประตูเข้ามาหาเขา มายืนข้างเตียง กลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้จากกายสูงชวนให้ใจที่หวาดกลัวสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ต้าหลิงจำไมได้ว่าชายคนนั้นคือใคร พูดอะไร เขาผลอยหลับไปทั้งที่ยังเห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียง ต้าหลิงฟื้นอีกทีก็ไม่กลัวจนเหมือนคนเสียสติเหมือนเดิมแล้ว
“ใคร” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วถาม แต่ต้าหลิงไม่รู้จริง ๆ
“ไม่รู้ครับ พี่ปั้นก็รู้ว่าครอบครัวญาติผมอยู่ภูเก็ตหมด แล้วผมก็ไม่มีพี่ชายด้วย”
“ฝันหรือเปล่า” เชรีถามบ้าง คนถูกถามส่ายหน้า เขาแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป
“ผมตื่นอยู่จริง ๆ นะครับ น้องเชรี”
“ว่าแต่วันนี้ตำรวจมาหานายตอนกี่โมง มาถามเรื่องอุบัติเหตุใช่ไหม”
เมื่อปราชญ์ดาถาม ต้าหลิงก็พยักหน้าหงึก
“ใช่ครับ มาตอนประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ แต่ผมก็โวยวายจนตำรวจพากันกลับไป” ต้าหลิงตอบเสียงจ๋อย
“บ่ายโมงกว่า พี่ธรรศหายออกจากโรงพยาบาลก็บ่ายโมงกว่านี่คะ เราเห็นในกล้องวงจรปิดเหมือนพี่ธรรศจะมายืนหน้าห้องพี่ต้าหลิงก่อนจะเดินกลับห้อง แล้วหนีไป ใช่ไหมคะพี่ปั้น” ช่อแก้วนำเอาข้อมูลมาประกอบกัน ซึ่งต้าหลิงยังไม่รู้เรื่องธรรศหายตัวไป
“พี่ธรรศหายไปหรือครับ หรือพี่ธรรศจะได้ยิน โอ๊ย! คงไม่ใช่เพราะคำพูดไม่คิดของผมใช่ไหมเนี่ย!!” ต้าหลิงทรุดนั่งกับพื้น กุมหัวตัวเอง ทั้งเสียใจ ทั้งเครียด เหตุผลที่ธรรศหนีไปต้องเป็นคำพูดเขาแน่ ๆ เลย!!
“นายพูดอะไร” ปราชญ์ดาก้มมองผู้จัดการส่วนตัวของน้องชาย
ต้าหลิงมองหน้าปราชญ์ดาด้วยแววตาสลด ก่อนตอบเสียงเบาว่า “ผมคิดว่าผีที่ผมเห็นตัดหน้ารถ เป็นผีที่ติดตัวพี่ธรรศมา”
“ต้าหลิง!” ปราชญ์ดาตะโกนลั่น นี่เขาปิดเรื่องนี้จากธรรศได้แล้ว แต่ธรรศกลับได้ยินเองงั้นหรือ!!
“พี่ปั้น สงบอารมณ์ไว้นะคะ เวลานี้เรารีบตามหาพี่ธรรศก่อนดีกว่าค่ะ หายไปแบบไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์มือถือ คีย์การ์ดและกุญแจคอนโดก็ไม่เอาไป น่าห่วงมากกว่านะคะ” ช่อแก้วเตือนเรื่องสำคัญ ทำให้พี่ชายคนโตได้แต่หงุดหงิดฟึดฟัดใส่ต้าหลิงเท่านั้น
รวินท์รดามองร่างสูงที่ซบพนักพิงโซฟา หน้าตาอิดโรยอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งธรรศเป็นดารานักแสดงเจ้าบทบาท เธอก็ยิ่งไม่อยากเชื่อร้อยเปอร์เซนต์เลยว่าเขาป่วยจริง แล้วธรรศรู้จักที่พักเธอได้ยังไง
“นี่คุณ ดื่มน้ำสิ” เธอยื่นแก้วน้ำให้คนป่วยหน้าซีด ใจก็อดค่อนแคะใส่ไม่ได้ รู้ว่ายังไม่ดีขึ้นยังจะหนีออกจากโรงพยาบาลมาอีก!
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้คุณผมแย่แน่ ๆ เลย” คนเจ้าบทบาทยิ้มหวานให้ แต่คนรับสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ทำเอานายแบบหนุ่มยิ้มเก้อเลย
“แล้วดาร์ลิ้งไม่อยู่หรือ”
“หือ?” รวินท์รดาหันมองชายหนุ่มอย่างตกใจ “คุณถามหาใครนะ” เธอส่งเจ้าดาร์ลิ้งไปอาบน้ำตัดขนตั้งแต่ก่อนออกไปทำงาน ธรรศรู้ได้อย่างไรว่าเธอเลี้ยงแมวชื่อ ดาร์ลิ้ง เอาไว้?
“ดาร์ลิ้งไง” ธรรศตอบแล้วเพิ่งนึกออกว่า เธอยังไม่ได้แนะนำแมวให้เขารู้จักเลยนี่นา “ดาร์ลิ้งของคุณน่ะ อะ คราวนี้ไม่ทันมุกผมล่ะสิ นี่มุกหลอกถามว่า คุณยังโสดอยู่หรือเปล่า”
“คุณธรรศ!” รวินท์รดาตาวาวใส่ ริมฝีปากนุ่มยื่นใส่เขา แม้ธรรศจะเศร้าเรื่องอะไรมา น่าแปลกที่เวลานี้เขากลับหัวเราะได้
“หายดีแล้วใช่ไหมคะ งั้นคุณกลับได้แล้ว” รวินท์รดาลุกไปดึงแขนชายหนุ่ม ซึ่งพอถูกไล่ก็แกล้งสำออย บ่นว่าหน้ามืดอีกรอบ
“ฉันไม่เชื่อคุณแล้ว คุณธรรศ ฉันโทรหาพี่ชายคุณดีกว่า เพิ่งได้นามบัตรมาสด ๆ ร้อน ๆ เลย” รวินทร์ดาเดินไปหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าสะพายบนโต๊ะกินข้าว หญิงสาวยังไม่ทันได้อ่านเบอร์บนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ กายสูงของธรรศได้ประชิดด้านหลัง แถมยังยึดมือของเธอชูขึ้นสูงอีกต่างหาก
“คุณธรรศ ปล่อยฉันนะ!” เธอตกใจ ร้องโวยวาย แต่กลับดิ้นไปไหนไม่ได้เมื่อธรรศใช้มืออีกข้างจับโต๊ะไว้
รวินท์รดาพลาดท่า ถูกนายแบบหนุ่มขังไว้ในวงแขนเสียแล้ว!
“คุณธรรศ!” เธอทำตาโตใส่ แต่ธรรศกลับไม่สะทกสะท้าน ยึดทั้งข้อมือเล็ก และขังเธอไว้ด้วยร่างกายกับแขนของเขา
“ถ้าคุณสัญญาจะไม่โทรหาพี่ปั้น ผมจะปล่อยคุณ” ธรรศยื่นเงื่อนไข
“โอเค้ ฉันไม่โทรหาคุณปราชญ์ดา พี่ชายของคุณก็ได้ ปล่อยสิ” รวินท์รดารับปากง่ายจนชายหนุ่มแปลกใจ แต่พอเขาจับทางได้ก็อมยิ้ม
“ห้ามโทรบอกใครทั้งนั้นว่าผมอยู่ที่นี่”
“ฉันจะไม่โทรบอกใครทั้งนั้น ถ้าคุณกลับไปเอง ปล่อยได้หรือยัง” ครีเอทีฟโฆษณาสาวค่อย ๆ เอนหลบ รู้สึกธรรศจะก้มหน้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ
“อีกข้อหนึ่ง … คุณยังไม่ตอบผมเลย คุณมีดาร์ลิ้งแล้วหรือยัง” ธรรศอยากกำกับเพิ่มไปว่า ไม่ได้หมายถึงดาร์ลิ้ง เจ้าแมวเหมียวนะ “มีแฟนหรือยังครับ บัว”
ทำไมประโยคหลัง ชายหนุ่มจะต้องทอดเสียงนุ่มถามเธอด้วยนะ เล่นเอาใจคนฟังหวั่นไหวชอบกล!
“ถ้าฉันตอบคุณจะปล่อยฉันหรือเปล่า ฉันเมื่อยมือแล้วนะ” รวินท์รดาโอดครวญ
นายแบบหนุ่มจ้องมองเธอนิ่ง ราวกับจะสะกดลมหายใจของเธอไว้ รวินทร์รดาครวญในใจ ทำไมเธอต้องใจเต้นกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ
“บัวเมื่อยแล้วนะคุณธรรศ” รวินท์รดาเริ่มเสียงอ่อน ด้วยกลัวจะหัวใจวาย หยุดหายใจไปก่อน
“พูดด้วยเสียงน่ารัก ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก ผมก็ใจอ่อนปล่อยคุณแล้วล่ะบัว” ธรรศปล่อยมือทันที นอกจากแพ้เสียงอ้อนของเธอแล้ว เขาคงเสียใจถ้าได้ยินคำตอบชวนผิดหวัง แม้จะเห็นว่ารวินท์รดาอยู่คนเดียว แต่ก็อาจจะมีคนรักแล้วก็ได้
“ทั้งพี่ทั้งน้องเลย” หญิงสาวบ่นเบา ๆ แต่อีกคนก็ได้ยิน
“หมายถึงใคร พี่ปั้นเหรอ เขาจีบคุณหรือ” ธรรศนึกภาพไม่ออกว่าปราชญ์ดาจีบสาวอย่างไร ปราชญ์ดาเป็นผู้ชายนิสัยแข็ง ๆ ตั้งแต่เด็ก ทำอะไรก็จริงจังมาตลอด ไม่เคยเห็นหรือปราณนท์มาเล่าว่าพี่ชายคนโตมีแฟนสักคน
“คุณว่าไงนะ” รวินท์รดาถามเหมือนคนหูไม่ดี ทั้งที่ได้ยินชัดทุกถ้อยทุกคำ
“พี่ปั้นจีบคุณเหมือนกันเหรอ เหมือนผมอะ” ธรรศก็ขยายความซะคนฟังหน้าร้อน รวินท์รดาหาเสียงตัวเองไปพักใหญ่ ทำไมเขาช่างพูดทุกคำได้ง่ายดายขนาดนั้น
พูดบ่อยล่ะสิ จีบสาวบ่อยแน่นอนเลย!
“น้องชายคุณต่างหากล่ะ คุณปราณนท์ต่างหาก” รวินท์รดาตอบแล้วก็ถอนหายใจเฮือกยาว ความกลุ้มใจที่เธอลืมไปหมดเพราะมัวแต่โมโหธรรศเริ่มมากวนอารมณ์เธออีกแล้ว
“ปิงเขาชอบสไตล์แบบบัว ถึงจะเป็นน้อง ผมก็ไม่ยกบัวให้ใครหรอก” คนพูดหน้าตาเฉย แต่คนฟังอ้าปากค้าง ทำหน้าไม่ถูกไปแล้ว
“ฉันไม่ใช่ของใครที่จะยกให้ใครได้นะ” เธอแหวอย่างหงุดหงิด
“ก็แล้วแต่บัวจะคิด ผมยืนยันว่าผมจะไม่ยกคุณให้ใครทั้งนั้น ผมจะนอนล่ะ เดี๋ยวตื่นมาค่อยคุยกันต่อนะ”
ธรรศพูดจบ ร่างสูงก็เอนตัวนอนเหยียดยาวบนโซฟา แม้เจ้าของห้องจะโวยวายแต่ธรรศก็หันหน้าหนีไปด้านพนักพิง แกล้งทำเป็นหลับ
“คุณธรรศ!”
รวินท์รดาเรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ สุดท้ายก็เหนื่อยเปล่า แพ้ความดื้อของเขาจนได้ ธรรศเหลียวไปมองด้านหลัง รวินท์รดาเดินฟึดฟัดหายเข้าห้องนอนส่วนตัว พร้อมปิดประตูเสียงดังเหมือนจะระบายอารมณ์หงุดหงิด
นายแบบหนุ่มพลิกตัวนอนหงาย และก่ายหน้าผาก มองเพดานในความเงียบกริบ อยู่ ๆ ความเศร้าที่หายไปเมื่อครู่นั้นเริ่มผุดในใจเขาอีกครั้ง ธรรศหลับตา ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งในความเศร้าเพียงลำพัง
ตรงหน้าประตูห้องนั้น ปรากฏวิญญาณของหญิงสาวผิวขาวซีดในชุดเสื้อลูกไม้ กระโปรงผ้านุ่งสีชมพู เธอยืนมองประตูด้วยความกังวลใจ พลันสะดุ้งเพราะเสียงอันดังราวฟ้าผ่า
“นังบุษบา แกมาอยู่ที่นี่เอง!”
บุษบาเบิกตากว้าง ไม่มีความกลัวแม้ผีเงาดำทะมึนพุ่งเข้ามาหา
“ข้าจะไม่ปล่อยมันไป ข้าจะทำลายพวกมัน!” ผีเงาดำทะมึนประกาศก้อง ความอาฆาตแรงเกินกว่าบุษบาจะต้านรับได้ไหว เธอหงายหลัง เกือบต้องบาดเจ็บ โชคดีที่ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดขาวมายืนรับแรงอาฆาตจากผีร้ายได้ทัน
“หลบไป!” ผีร้ายตวาดลั่น แต่บุญบารมีของชายในชุดขาวมีมากจนผีร้ายทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายผีร้ายก็แพ้ทาง กรีดร้องโหยหวนก่อนจะหายตัวไป
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายหนุ่มชุดขาวยื่นมือมาตรงหน้า บุษบาค่อย ๆ วางมือยอมให้เขาช่วยฉุดเธอยืนขึ้น บุษบาไม่ตอบสิ่งใด มีเพียงแววตาเศร้าที่แสดงออกว่าเธอขอบคุณเขา ก่อนจะหายตัวไปบ้าง
ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจ แล้วจึงเดินผ่านกำแพงห้องไปทักทายสาวเจ้าของห้องซึ่งนั่งหน้าตูมอยู่บนเตียง
“เดี๋ยวนี้ริพาผู้ชายเข้าห้องหรือ หนูบัว”
เพียงได้ยินเสียงของเขา คนหน้าตูมก็ยิ้มออก มองเจ้าของเสียงละมุนแววตาเป็นประกาย
“หายไปนานเลย คุณเทวดา คุณรู้ไหมว่าบัวเจออะไรบ้าง!!”
ศตายุอมยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “งั้นบัวก็เล่าให้ผมฟังสิ”
จบตอนที่ 5 - 70%
มีเซอไพรส์ แอบมีตัวละครเก่าที่เคยแต่งไว้มาร่วมแสดงด้วย ฮ่าๆ
ใครเคยอ่าน ก็น่าจะจำได้
แต่ไม่เคยอ่าน ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้ต่อกัน ^^
คุณ แว่นใส - รู้จัก 1 ใน 2 ผีแล้วนะคะ ^^
คุณ kaelek - หอบใจไปให้บัวตบตีแล้วค่ะ ฮาาาา
คุณ Zephyr - ยังไม่ถึงคิวของดาร์ลิ้งค่ะ ^^ ให้บัวดูแลไปก่อนเน้ออ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า
“ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” รวินท์รดาประกบมือ ก้มหัวผงก ๆ ให้ทั้งปราณนท์และปราชญ์ดา ปราณนท์ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำออกจากใบหน้าหลังจากไปล้างหน้ามาเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่ชายนั้นเอาแต่หัวเราะขำ ดนุวัศยิ้มเจื่อน ๆ ไม่อยากเอ็ดพนักงาน เพราะเห็นว่าวันนี้ดูป่วย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมคงทำคุณตกใจ ฮ่าๆ!!” อัศวชยภัทรคนน้องหัวเราะพร้อมหาเหตุผลให้อภัยอีกฝ่ายกลบเกลื่อนมุกจีบสาวของตัวเอง ซึ่งแป้กไม่เหลือดี แม้คนพี่จะถามว่าทำไมอยู่ ๆ ครีเอทีฟสาวถึงได้พ่นน้ำใส่หน้ากันแบบนี้
“ถ้ายังไงผมกับบัวกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ” ดนุวัศรีบร่ำลา พร้อมพาพนักงานของเขาออกจากสยาม อาร์ ที ที โดยไว
“ไม่สบายก็รีบกลับไปพักผ่อนเลยนะ ดูซิ ดีนะที่พวกเขาไม่โกรธเราน่ะ” ดนุวัศบ่น ทั้งห่วงงานและห่วงคนที่หน้าแดงก่ำในเวลานี้
“งั้นเดี๋ยวบัวแยกกลับเองล่ะกันค่ะ สวัสดีค่ะพี่นุ” พูดจบ รวินท์รดาก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปโบกแทกซี่ ดนุวัศส่ายหน้าตามไปช้า ๆ
หลังจากส่งบริษัทเอเจนซี่โฆษณาเรียบร้อย ปราชญ์ดาก็ได้รับข่าวน่าตกใจจากเชรี ญาติผู้น้อง ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณอาวธิดา
“พี่ปั้นคะ แย่แล้วค่ะ! พี่ธรรศหายไปค่ะ!!!” เชรีบอกมาทางโทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ตอนนี้เชรีอยู่กับพี่ช่อแก้วที่โรงพยาบาล พี่ธรรศไม่อยู่ในห้อง ตอนนี้คนก็หากันทั่วเลยค่ะ”
“เดี๋ยวพี่กับปิงจะรีบไป!” ปราชญ์ดาวางสายพร้อมหันบอกน้องชายหน้าตาตื่นตระหนก “เชรีบอกว่าธรรศหายตัวไปจากโรงพยาบาล”
“หา! เมื่อเช้าผมยังอยู่กับพี่ธรรศอยู่เลยนะครับ!” ปราณนท์เองก็ตกใจไปด้วย
“เอางี้ ปิงกลับบ้านไปนะ ไปดูว่าธรรศกลับไปหาคุณปู่หรือเปล่า ส่วนพี่จะไปดูที่โรงพยาบาล เชรีกับช่อแก้วรออยู่ที่นั่น”
“โอเคครับ ถ้าไงโทรหาผมด้วยนะพี่”
สองพี่น้องอัศวชยภัทรรีบแยกย้ายไปตามที่หมายทันที
รวินท์รดายื่นเงินให้คนขับแทกซี่ก่อนลงจากรถ เธอถอนหายใจ ใช้กำปั้นเล็ก ๆ ทุบหัวตัวเองเบา ๆ อย่างหงุดหงิด ทั้งเรื่องผีในห้องประชุมที่ติดตาเธอ และเธอยังสร้างเรื่องพ่นน้ำใส่หน้าปราณนท์อีก ไม่รู้บริษัทโฆษณาของดนุวัศจะชวดงานเพราะเธอหรือเปล่า
“แต่คนน้องนั่นก็ถามออกมาได้ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าพี่นุนี่จะข่วนหน้าให้” รวินท์รดาหงุดหงิดกับสายตาเจ้าชู้ของอัศวชยภัทรคนน้องมาก
แต่แล้วหญิงสาวก็ลืมทุกอย่างที่คิด เมื่อเห็นใครบางคนยืนก้มหน้าอยู่หน้าเสาต้นใหญ่ตรงทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เธอพักอาศัยอยู่ ร่างสูงของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีครามกับกางเกงยีนส์สีเข้มตัดกับผิวขาวจากข้อมือ ลำคอ ผิวหน้า ผมสั้นระต้นคอไม่ได้เซ็ททำให้ผมหน้าปรกหน้าผาก จมูกโด่งสันบนใบหน้าคมคายทำให้มองออกว่าไม่น่าเป็นคนไทยแท้ แม้มีแว่นตากันแดดคาดตาไว้ ก็ไม่สามารถปกปิดออร่าโดดเด่นบางอย่าง ชายหนุ่มคนนี้ดูภายนอกไกล ๆ แล้วหล่อขนาดที่ทำให้หัวใจของรวินท์รดาเต้นตึกตัก
หญิงสาวพยายามกำหนดลมหายใจให้ปกติขณะเดินเข้าไปใกล้เขา นี่ไม่รู้ว่าแก้มเธอแดงจนผิดปกติไปหรือไม่ แต่ก็เลี่ยงไปเข้าทางอื่นไม่ได้ ชายหนุ่มรูปงามยืนกอดอก ขาไขว้กันพิงเสาต้นใหญ่ริมประตูเลย
รวินท์รดาทำท่าไม่สนใจเต็มที่ แม้จะอยากหันไปมองอีกสักครั้ง นี่ขนาดเธอไม่ไว้ใจผู้ชายหล่อ ๆ ยังอดถูกใจหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ
ขณะนั้นเอง ที่เธอทนไม่ไหว ชำเลืองไปทางร่างสูง เขาก็ขยับริมฝีปากซีด ๆ พูดกับเธอ
“บัว ผมเอง”
รวินท์รดาไม่ชำเลืองอีกต่อไป หันมองทางเจ้าของเสียงทุ้มทั้งใบหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหู ชายหนุ่มลดแว่นตากันแดดลงพอให้เธอเห็นดวงตาของเขา
คุณธรรศ!!
รวินท์รดาตกใจจนแทบหลุดเรียกชื่อเขาออกมาดัง ๆ ดีนะที่ธรรศยื่นมือมาปิดปากเธอทันก่อน ไม่งั้นคนรอบ ๆ คงแห่มองกันหมด
“เบา ๆ” เขาเตือนพลางยกนิ้วชี้แตะปากตัวเอง พอหญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ เขาจึงยอมลดมือลงจากเรียวปากนุ่ม
“คุณมาได้ยังไง ทำไมไม่อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ หรือถามพี่นุมา พี่นุ!” รวินท์รดาตวัดตาดุไม่พอใจ อย่างลืมไปว่าดนุวัศไม่อยู่ให้เธอโวยใส่
“ไม่เกี่ยวกับนุหรอก”
ธรรศปฏิเสธ แต่บอกไปไม่ได้ว่าเขาเคยมาที่นี่ตอนเขาหลับ … เธอคงหาว่าเขาบ้า!
“บัวครับ ขอผมเข้าไปด้านในได้ไหม” ธรรศอ้อนหน้าตาน่าสงสาร ปากของชายหนุ่มซีดเพราะยังไม่หายดี แต่รวินท์รดาก็ส่ายหน้าหวือ
“คุณรีบกลับโรงพยาบาลไปเถอะ ฉันจะเรียกคนมารับคุณนะ”
“ผมจะเป็นลมแล้ว โอยยย”
ไม่ทันสิ้นเสียง นายแบบหนุ่มร่างสูงก็เซ แล้วโน้มใบหน้าลงมาซบไหล่เธอเฉยเลย!
ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกันใหญ่ ธรรศมาหายตัวไปอย่างปริศนา จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดต่าง ๆ ทำให้เห็นผู้ชายลักษณะเหมือนธรรศเดินออกทางประตูด้านข้าง ไม่ใช่ประตูหลักของโรงพยาบาล แถมไม่ขึ้นรถรับจ้างอีก นายแบบหนุ่มเดินหายไปจากมุมกล้อง ทำให้ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถรู้ได้ว่าธรรศขึ้นรถแบบไหน เลขทะเบียนอะไร แถมยังไม่สามารถถามใครได้อีกเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นข่าวใหญ่ ยังมีพวกนักข่าวบางส่วนมาถามไถ่อาการธรรศอยู่เรื่อย ๆ
ภายในห้องพักฟื้นยังแขวนชื่อ ธรรศ อัศวชยภัทร อยู่ แม้คนไข้ประจำห้องจะหายตัวไปอย่างปริศนา
เชรีนั่งคุยโทรศัพท์กับมารดาข้าง ๆ ช่อแก้ว น้องสาวบุญธรรมวัยยี่สิบสองปีของสามพี่น้องอัศวชยภัทร ซึ่งเป็นหลานอีกฝั่งของคุณย่าวัลภา ช่อแก้วเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีด้านศึกษาศาสตร์มาหมาด ๆ แต่ยังไม่ได้หางานทำ ด้วยคุณย่าหวงหลานที่รับมาเลี้ยงคนนี้มาก คุณย่าจึงจ้างให้ดูแลท่านอยู่บ้านมากกว่า
ช่อแก้วละสายตาจากเชรีมองหาปราชญ์ดาซึ่งอยู่ ๆ ก็หายออกจากห้องไปไหน เธอจึงเดินตามหาตามทางเดินโรงพยาบาล ก่อนจะได้ยินเสียงปราชญ์ดาคุยกับใครบางคนอยู่ตรงมุมเลี้ยวของทางเดิน
ช่อแก้วหยุดเดิม แล้วแอบฟังกับบทสนทนาของปราชญ์ดาอย่างอยากรู่
“ฉันบอกให้ตามดูธรรศไว้ใช่ไหม ทำไมถึงพลาดได้อีก เรื่องคนรักของธรรศก็เรื่องนึงแล้วนะ!” ปราชญ์ดากำลังดุใครบางคน ช่อแก้วไม่กล้ายื่นหน้าไปดู กลัวปราชญ์ดาจะรู้สึกตัวจึงได้แต่แอบฟัง
“ไปตามหามาให้เจอ!” ปราชญ์ดาสั่งเสียงเฉียบ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ช่อแก้วรีบเดินกลับไปหาเชรีก่อนจะถูกปราชญ์ดาจับได้ว่ามาแอบฟังเขา
“พี่ปั้น หายไปไหนมาหรือคะ น้องโทรหาแม่แล้ว แม่กำลังมา แต่น้องห้ามแม่มาค่ะกลัวนักข่าวสงสัย แม่เลยกลับบ้านไปรอฟังข่าวแทน เรื่องนี้คุณตายังไม่ทราบนะคะ กลัวท่านตกใจน่ะค่ะ” เชรีรีบรายงานทันทีที่เห็นปราชญ์ดาเดินมาด้วยหน้าตาเครียด ๆ
“พี่ไปโทรหาปิง และเพื่อนที่เป็นตำรวจมาน่ะ ปิงบอกว่าธรรศไม่ได้กลับไปหาคุณปู่ เลยให้ลองโทรหาเพื่อนสนิทธรรศแทน ไม่รู้หายไปไหนของเขานะ ยังไม่หายดีเลยแท้ ๆ” ปราชญ์ดาเท้าเอว ถอนหายใจ หน้าตาเครียดกับการหายไปของน้องชาย
“พี่ช่อเงียบเลยนะคะ คงเครียดเรื่องพี่ธรรศ บางทีเชรีว่าเดี๋ยวพี่ธรรศก็กลับมาเองก็ได้นะคะ พี่ธรรศอาจจะเบื่อก็ได้” เชรีจับมือพี่สาว ที่แม้เป็นพี่ไม่แท้ แต่เชรีก็สนิทกับช่อแก้วมาก คงเพราะเป็นผู้หญิงวัยใกล้เคียงกัน เชรีเป็นลูกคนเดียวแถมแม่ทำงานหนัก เธอจึงเอาแต่ตามติดพี่สาวบุญธรรมแจ
“ค่ะ น้องเชรี” ช่อแก้วพยายามยิ้ม ไม่แสดงออกว่าเธอได้ยินปราชญ์ดาคุยกับใคร
“เดี๋ยวค่ะ ออกไปไม่ได้นะคะ!” เสียงโวยวายของพยาบาลสาวคนหนึ่งดังมาจากห้องข้าง ๆ ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นของต้าหลิง ทำให้ปราชญ์ดารีบร้อนไปดู เห็นต้าหลิงพยายามหนีจากพยาบาลเพื่อออกจากห้อง
“ผมมีเรื่องต้องบอกพี่ธรรศครับ พี่ปั้น!” ต้าหลิงถามเสียงร้อนรน หน้าตาของต้าหลิงเวลานี้สดใสกว่าที่ปราชญ์ดาเห็นเมื่อวาน
“นี่นายหายเพ้อแล้วหรือ เอ้อ หมายถึงดีขึ้นแล้วหรือ” คนถามรีบแก้คำ เพราะกลัวจะเสียมารยาทต่ออีกฝ่าย
“ผมดีขึ้นแล้วครับ ผมรู้ว่าผมควบคุมสติไม่ได้ แต่หลังจากตำรวจกลับไป ก็มีคนเข้ามาเยี่ยมผมเป็นผู้ชายสวมชุดสีขาว เขาพูดอะไรบางอย่าง ผมก็เหมือนจะสงบลงได้เอง” ต้าหลิงหวนนึกถึงเรื่องเมื่อบ่าย ผู้ชายรูปร่างสง่างามในชุดสีขาวทั้งตัวผลักประตูเข้ามาหาเขา มายืนข้างเตียง กลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้จากกายสูงชวนให้ใจที่หวาดกลัวสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ต้าหลิงจำไมได้ว่าชายคนนั้นคือใคร พูดอะไร เขาผลอยหลับไปทั้งที่ยังเห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียง ต้าหลิงฟื้นอีกทีก็ไม่กลัวจนเหมือนคนเสียสติเหมือนเดิมแล้ว
“ใคร” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วถาม แต่ต้าหลิงไม่รู้จริง ๆ
“ไม่รู้ครับ พี่ปั้นก็รู้ว่าครอบครัวญาติผมอยู่ภูเก็ตหมด แล้วผมก็ไม่มีพี่ชายด้วย”
“ฝันหรือเปล่า” เชรีถามบ้าง คนถูกถามส่ายหน้า เขาแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป
“ผมตื่นอยู่จริง ๆ นะครับ น้องเชรี”
“ว่าแต่วันนี้ตำรวจมาหานายตอนกี่โมง มาถามเรื่องอุบัติเหตุใช่ไหม”
เมื่อปราชญ์ดาถาม ต้าหลิงก็พยักหน้าหงึก
“ใช่ครับ มาตอนประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ แต่ผมก็โวยวายจนตำรวจพากันกลับไป” ต้าหลิงตอบเสียงจ๋อย
“บ่ายโมงกว่า พี่ธรรศหายออกจากโรงพยาบาลก็บ่ายโมงกว่านี่คะ เราเห็นในกล้องวงจรปิดเหมือนพี่ธรรศจะมายืนหน้าห้องพี่ต้าหลิงก่อนจะเดินกลับห้อง แล้วหนีไป ใช่ไหมคะพี่ปั้น” ช่อแก้วนำเอาข้อมูลมาประกอบกัน ซึ่งต้าหลิงยังไม่รู้เรื่องธรรศหายตัวไป
“พี่ธรรศหายไปหรือครับ หรือพี่ธรรศจะได้ยิน โอ๊ย! คงไม่ใช่เพราะคำพูดไม่คิดของผมใช่ไหมเนี่ย!!” ต้าหลิงทรุดนั่งกับพื้น กุมหัวตัวเอง ทั้งเสียใจ ทั้งเครียด เหตุผลที่ธรรศหนีไปต้องเป็นคำพูดเขาแน่ ๆ เลย!!
“นายพูดอะไร” ปราชญ์ดาก้มมองผู้จัดการส่วนตัวของน้องชาย
ต้าหลิงมองหน้าปราชญ์ดาด้วยแววตาสลด ก่อนตอบเสียงเบาว่า “ผมคิดว่าผีที่ผมเห็นตัดหน้ารถ เป็นผีที่ติดตัวพี่ธรรศมา”
“ต้าหลิง!” ปราชญ์ดาตะโกนลั่น นี่เขาปิดเรื่องนี้จากธรรศได้แล้ว แต่ธรรศกลับได้ยินเองงั้นหรือ!!
“พี่ปั้น สงบอารมณ์ไว้นะคะ เวลานี้เรารีบตามหาพี่ธรรศก่อนดีกว่าค่ะ หายไปแบบไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์มือถือ คีย์การ์ดและกุญแจคอนโดก็ไม่เอาไป น่าห่วงมากกว่านะคะ” ช่อแก้วเตือนเรื่องสำคัญ ทำให้พี่ชายคนโตได้แต่หงุดหงิดฟึดฟัดใส่ต้าหลิงเท่านั้น
รวินท์รดามองร่างสูงที่ซบพนักพิงโซฟา หน้าตาอิดโรยอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งธรรศเป็นดารานักแสดงเจ้าบทบาท เธอก็ยิ่งไม่อยากเชื่อร้อยเปอร์เซนต์เลยว่าเขาป่วยจริง แล้วธรรศรู้จักที่พักเธอได้ยังไง
“นี่คุณ ดื่มน้ำสิ” เธอยื่นแก้วน้ำให้คนป่วยหน้าซีด ใจก็อดค่อนแคะใส่ไม่ได้ รู้ว่ายังไม่ดีขึ้นยังจะหนีออกจากโรงพยาบาลมาอีก!
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้คุณผมแย่แน่ ๆ เลย” คนเจ้าบทบาทยิ้มหวานให้ แต่คนรับสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ทำเอานายแบบหนุ่มยิ้มเก้อเลย
“แล้วดาร์ลิ้งไม่อยู่หรือ”
“หือ?” รวินท์รดาหันมองชายหนุ่มอย่างตกใจ “คุณถามหาใครนะ” เธอส่งเจ้าดาร์ลิ้งไปอาบน้ำตัดขนตั้งแต่ก่อนออกไปทำงาน ธรรศรู้ได้อย่างไรว่าเธอเลี้ยงแมวชื่อ ดาร์ลิ้ง เอาไว้?
“ดาร์ลิ้งไง” ธรรศตอบแล้วเพิ่งนึกออกว่า เธอยังไม่ได้แนะนำแมวให้เขารู้จักเลยนี่นา “ดาร์ลิ้งของคุณน่ะ อะ คราวนี้ไม่ทันมุกผมล่ะสิ นี่มุกหลอกถามว่า คุณยังโสดอยู่หรือเปล่า”
“คุณธรรศ!” รวินท์รดาตาวาวใส่ ริมฝีปากนุ่มยื่นใส่เขา แม้ธรรศจะเศร้าเรื่องอะไรมา น่าแปลกที่เวลานี้เขากลับหัวเราะได้
“หายดีแล้วใช่ไหมคะ งั้นคุณกลับได้แล้ว” รวินท์รดาลุกไปดึงแขนชายหนุ่ม ซึ่งพอถูกไล่ก็แกล้งสำออย บ่นว่าหน้ามืดอีกรอบ
“ฉันไม่เชื่อคุณแล้ว คุณธรรศ ฉันโทรหาพี่ชายคุณดีกว่า เพิ่งได้นามบัตรมาสด ๆ ร้อน ๆ เลย” รวินทร์ดาเดินไปหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าสะพายบนโต๊ะกินข้าว หญิงสาวยังไม่ทันได้อ่านเบอร์บนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ กายสูงของธรรศได้ประชิดด้านหลัง แถมยังยึดมือของเธอชูขึ้นสูงอีกต่างหาก
“คุณธรรศ ปล่อยฉันนะ!” เธอตกใจ ร้องโวยวาย แต่กลับดิ้นไปไหนไม่ได้เมื่อธรรศใช้มืออีกข้างจับโต๊ะไว้
รวินท์รดาพลาดท่า ถูกนายแบบหนุ่มขังไว้ในวงแขนเสียแล้ว!
“คุณธรรศ!” เธอทำตาโตใส่ แต่ธรรศกลับไม่สะทกสะท้าน ยึดทั้งข้อมือเล็ก และขังเธอไว้ด้วยร่างกายกับแขนของเขา
“ถ้าคุณสัญญาจะไม่โทรหาพี่ปั้น ผมจะปล่อยคุณ” ธรรศยื่นเงื่อนไข
“โอเค้ ฉันไม่โทรหาคุณปราชญ์ดา พี่ชายของคุณก็ได้ ปล่อยสิ” รวินท์รดารับปากง่ายจนชายหนุ่มแปลกใจ แต่พอเขาจับทางได้ก็อมยิ้ม
“ห้ามโทรบอกใครทั้งนั้นว่าผมอยู่ที่นี่”
“ฉันจะไม่โทรบอกใครทั้งนั้น ถ้าคุณกลับไปเอง ปล่อยได้หรือยัง” ครีเอทีฟโฆษณาสาวค่อย ๆ เอนหลบ รู้สึกธรรศจะก้มหน้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ
“อีกข้อหนึ่ง … คุณยังไม่ตอบผมเลย คุณมีดาร์ลิ้งแล้วหรือยัง” ธรรศอยากกำกับเพิ่มไปว่า ไม่ได้หมายถึงดาร์ลิ้ง เจ้าแมวเหมียวนะ “มีแฟนหรือยังครับ บัว”
ทำไมประโยคหลัง ชายหนุ่มจะต้องทอดเสียงนุ่มถามเธอด้วยนะ เล่นเอาใจคนฟังหวั่นไหวชอบกล!
“ถ้าฉันตอบคุณจะปล่อยฉันหรือเปล่า ฉันเมื่อยมือแล้วนะ” รวินท์รดาโอดครวญ
นายแบบหนุ่มจ้องมองเธอนิ่ง ราวกับจะสะกดลมหายใจของเธอไว้ รวินทร์รดาครวญในใจ ทำไมเธอต้องใจเต้นกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ
“บัวเมื่อยแล้วนะคุณธรรศ” รวินท์รดาเริ่มเสียงอ่อน ด้วยกลัวจะหัวใจวาย หยุดหายใจไปก่อน
“พูดด้วยเสียงน่ารัก ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก ผมก็ใจอ่อนปล่อยคุณแล้วล่ะบัว” ธรรศปล่อยมือทันที นอกจากแพ้เสียงอ้อนของเธอแล้ว เขาคงเสียใจถ้าได้ยินคำตอบชวนผิดหวัง แม้จะเห็นว่ารวินท์รดาอยู่คนเดียว แต่ก็อาจจะมีคนรักแล้วก็ได้
“ทั้งพี่ทั้งน้องเลย” หญิงสาวบ่นเบา ๆ แต่อีกคนก็ได้ยิน
“หมายถึงใคร พี่ปั้นเหรอ เขาจีบคุณหรือ” ธรรศนึกภาพไม่ออกว่าปราชญ์ดาจีบสาวอย่างไร ปราชญ์ดาเป็นผู้ชายนิสัยแข็ง ๆ ตั้งแต่เด็ก ทำอะไรก็จริงจังมาตลอด ไม่เคยเห็นหรือปราณนท์มาเล่าว่าพี่ชายคนโตมีแฟนสักคน
“คุณว่าไงนะ” รวินท์รดาถามเหมือนคนหูไม่ดี ทั้งที่ได้ยินชัดทุกถ้อยทุกคำ
“พี่ปั้นจีบคุณเหมือนกันเหรอ เหมือนผมอะ” ธรรศก็ขยายความซะคนฟังหน้าร้อน รวินท์รดาหาเสียงตัวเองไปพักใหญ่ ทำไมเขาช่างพูดทุกคำได้ง่ายดายขนาดนั้น
พูดบ่อยล่ะสิ จีบสาวบ่อยแน่นอนเลย!
“น้องชายคุณต่างหากล่ะ คุณปราณนท์ต่างหาก” รวินท์รดาตอบแล้วก็ถอนหายใจเฮือกยาว ความกลุ้มใจที่เธอลืมไปหมดเพราะมัวแต่โมโหธรรศเริ่มมากวนอารมณ์เธออีกแล้ว
“ปิงเขาชอบสไตล์แบบบัว ถึงจะเป็นน้อง ผมก็ไม่ยกบัวให้ใครหรอก” คนพูดหน้าตาเฉย แต่คนฟังอ้าปากค้าง ทำหน้าไม่ถูกไปแล้ว
“ฉันไม่ใช่ของใครที่จะยกให้ใครได้นะ” เธอแหวอย่างหงุดหงิด
“ก็แล้วแต่บัวจะคิด ผมยืนยันว่าผมจะไม่ยกคุณให้ใครทั้งนั้น ผมจะนอนล่ะ เดี๋ยวตื่นมาค่อยคุยกันต่อนะ”
ธรรศพูดจบ ร่างสูงก็เอนตัวนอนเหยียดยาวบนโซฟา แม้เจ้าของห้องจะโวยวายแต่ธรรศก็หันหน้าหนีไปด้านพนักพิง แกล้งทำเป็นหลับ
“คุณธรรศ!”
รวินท์รดาเรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ สุดท้ายก็เหนื่อยเปล่า แพ้ความดื้อของเขาจนได้ ธรรศเหลียวไปมองด้านหลัง รวินท์รดาเดินฟึดฟัดหายเข้าห้องนอนส่วนตัว พร้อมปิดประตูเสียงดังเหมือนจะระบายอารมณ์หงุดหงิด
นายแบบหนุ่มพลิกตัวนอนหงาย และก่ายหน้าผาก มองเพดานในความเงียบกริบ อยู่ ๆ ความเศร้าที่หายไปเมื่อครู่นั้นเริ่มผุดในใจเขาอีกครั้ง ธรรศหลับตา ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งในความเศร้าเพียงลำพัง
ตรงหน้าประตูห้องนั้น ปรากฏวิญญาณของหญิงสาวผิวขาวซีดในชุดเสื้อลูกไม้ กระโปรงผ้านุ่งสีชมพู เธอยืนมองประตูด้วยความกังวลใจ พลันสะดุ้งเพราะเสียงอันดังราวฟ้าผ่า
“นังบุษบา แกมาอยู่ที่นี่เอง!”
บุษบาเบิกตากว้าง ไม่มีความกลัวแม้ผีเงาดำทะมึนพุ่งเข้ามาหา
“ข้าจะไม่ปล่อยมันไป ข้าจะทำลายพวกมัน!” ผีเงาดำทะมึนประกาศก้อง ความอาฆาตแรงเกินกว่าบุษบาจะต้านรับได้ไหว เธอหงายหลัง เกือบต้องบาดเจ็บ โชคดีที่ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดขาวมายืนรับแรงอาฆาตจากผีร้ายได้ทัน
“หลบไป!” ผีร้ายตวาดลั่น แต่บุญบารมีของชายในชุดขาวมีมากจนผีร้ายทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายผีร้ายก็แพ้ทาง กรีดร้องโหยหวนก่อนจะหายตัวไป
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายหนุ่มชุดขาวยื่นมือมาตรงหน้า บุษบาค่อย ๆ วางมือยอมให้เขาช่วยฉุดเธอยืนขึ้น บุษบาไม่ตอบสิ่งใด มีเพียงแววตาเศร้าที่แสดงออกว่าเธอขอบคุณเขา ก่อนจะหายตัวไปบ้าง
ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจ แล้วจึงเดินผ่านกำแพงห้องไปทักทายสาวเจ้าของห้องซึ่งนั่งหน้าตูมอยู่บนเตียง
“เดี๋ยวนี้ริพาผู้ชายเข้าห้องหรือ หนูบัว”
เพียงได้ยินเสียงของเขา คนหน้าตูมก็ยิ้มออก มองเจ้าของเสียงละมุนแววตาเป็นประกาย
“หายไปนานเลย คุณเทวดา คุณรู้ไหมว่าบัวเจออะไรบ้าง!!”
ศตายุอมยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “งั้นบัวก็เล่าให้ผมฟังสิ”
จบตอนที่ 5 - 70%
มีเซอไพรส์ แอบมีตัวละครเก่าที่เคยแต่งไว้มาร่วมแสดงด้วย ฮ่าๆ
ใครเคยอ่าน ก็น่าจะจำได้
แต่ไม่เคยอ่าน ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้ต่อกัน ^^
คุณ แว่นใส - รู้จัก 1 ใน 2 ผีแล้วนะคะ ^^
คุณ kaelek - หอบใจไปให้บัวตบตีแล้วค่ะ ฮาาาา
คุณ Zephyr - ยังไม่ถึงคิวของดาร์ลิ้งค่ะ ^^ ให้บัวดูแลไปก่อนเน้ออ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2559, 00:16:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2559, 00:18:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1199
<< ตอนที่ 4 – 100% | ตอนที่ 5 -100% - ขอที่พักใจ (3) >> |
Zephyr 25 ต.ค. 2559, 01:18:48 น.
เห้ยๆๆๆๆๆ พี่ยุขา พี่เทวดา
ฟื้นพลังละเหรอออออ อิกรี้ดๆๆๆๆ มามะ จุ้บที
ม้วฟๆๆๆๆๆ จุ้ฟฟฟฟฟฟฟฟ
เหม่ อ่านละสะดุด แต่แบบ เอ้ะใช่ป่าววะ
ชื่อคล้าย แต่เว้ย ชุดขาว เทวดาอีก 555
น่าร้ากกกกกอ่ะ
ทิ้งพี่ธรรศชั่วคราว ซบพี่ยุดีกว่าค่า
ขโมยซีนแรง....
เห้ยๆๆๆๆๆ พี่ยุขา พี่เทวดา
ฟื้นพลังละเหรอออออ อิกรี้ดๆๆๆๆ มามะ จุ้บที
ม้วฟๆๆๆๆๆ จุ้ฟฟฟฟฟฟฟฟ
เหม่ อ่านละสะดุด แต่แบบ เอ้ะใช่ป่าววะ
ชื่อคล้าย แต่เว้ย ชุดขาว เทวดาอีก 555
น่าร้ากกกกกอ่ะ
ทิ้งพี่ธรรศชั่วคราว ซบพี่ยุดีกว่าค่า
ขโมยซีนแรง....
แว่นใส 25 ต.ค. 2559, 07:09:05 น.
พี่ยุมาช่วย หรือมาป่วนคะ
พี่ยุมาช่วย หรือมาป่วนคะ
kaelek 25 ต.ค. 2559, 07:56:07 น.
เฮ้ยๆๆๆ พี่ยุ ไม่อยู่ที่บ้านดอกแก้ว มาอยู่คอนโดแทนแล้วหราาาา.. ธรรศเธอชอบเล่นกับแมวมากกว่าเค้าเหรอ? ถึงไปหาบัว หวงแม้กระทั่งกับพี่น้อง
เฮ้ยๆๆๆ พี่ยุ ไม่อยู่ที่บ้านดอกแก้ว มาอยู่คอนโดแทนแล้วหราาาา.. ธรรศเธอชอบเล่นกับแมวมากกว่าเค้าเหรอ? ถึงไปหาบัว หวงแม้กระทั่งกับพี่น้อง