แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 5 -100% - ขอที่พักใจ (3)
ตอนที่ 5 -100% - ขอที่พักใจ (3)
กว่ารวินท์รดาเล่าเรื่องที่ทำให้เธอปวดหัวจบ ไม่ว่าจะเรื่องสร้อยข้อมือหาย เรื่องธรรศ หรือจะเรื่องเธอเจอผีน่ากลัว เล่าครบทุกอย่างก็นานจนลืมไปเลยว่ายังมีผู้ชายอีกคนนอนอยู่ตรงโซฟารับแขก
หญิงสาวถอนหายใจ
“บัวไม่รู้ว่าจะได้สร้อยข้อมือคืนไหม บัวไม่ชอบผีดำ ๆ ตัวนั้นเลยค่ะ” เธอเพิ่งเคยกลัวผีจนตัวสั่นเป็นครั้งแรก กลัวจนไม่กล้ามอง ไม่กล้าสบตา
“สักวันหนึ่งหนูบัวจะต้องได้สร้อยข้อมือคืนครับ” ศตายุ เทวดาผู้มีกลิ่นหอมของดอกแก้วยังคงยิ้มให้เธอเสมอ รอยยิ้มของเขาทำให้รวินท์รดาสบายใจ
“ส่วนเรื่องผีตัวนั้น มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรม ถ้าเห็นกันแล้วเขาไม่ได้ทำร้ายหนูบัว หนูบัวก็ทำใจให้สงบเอาไว้ เขาทำร้ายหนูบัวไม่ได้หรอกครับ”
รวินท์รดาทำหน้าเหมือนยังไม่วางใจ ทั้งที่เธอควรจะเชื่อเทวดาหนุ่มซึ่งคอยสอนเธอหลาย ๆ เรื่องมาตั้งแต่เด็ก ๆ
รวินท์รดาเจอคุณเทวดาตอนที่เธอไปกราบหลวงลุงครั้งแรก หลวงลุงบวชตั้งแต่ก่อนเธอเกิดอีก ตอนนั้นพ่อแม่ของเธอยังไม่ได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่พอขึ้นมัธยมพ่อของรวินท์รดาเป็นวิศวกร ส่วนแม่ก็ย้ายตามไปอยู่กับพ่อ รวินท์รดาจึงอยู่กับคุณยาย คุณน้ามาตั้งแต่ชั้นมัธยม
ตอนเธอเด็ก ๆ เธอแยกไม่ออกหรอกว่าไหนคือคน ไหนคือผี โชคดีที่คุณยายเธอใจดีและเข้าใจเธอ จึงไปปรึกษาหลวงลุง หลวงลุงจึงเดินทางมายังบ้านที่ยายและเธออาศัยพร้อมต้นกล้าของต้นแก้วหนึ่งต้น หลังจากนั้นเธอก็ได้เจอเทวดาดอกแก้วมาคอยช่วยเหลือดูแลเธออยู่ห่าง ๆ
“ผู้ชายคนนั้นน่าสงสารนะครับ” ศตายุมองไปยังประตูห้องนอน หญิงสาวมองตามก็เข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นที่เทวดาหนุ่มพูดถึงคือคนไหน
“คุณธรรศน่ะหรือคะ ตรงไหนหรือคะ” รวินท์รดาเห็นว่านอกจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ภายนอกของพระเอกตกรุ่นคนนั้นก็ดูสบายดี แถมยังน่าหมั่นไส้มาก ๆ อีกด้วย
“ถึงผมบอกหนูบัวตอนนี้ หนูบัวก็ไม่เห็นอยู่ดี หนูบัวต้องปิดอคติในหัวใจก่อนนะครับ”
“บัวยอมรับว่าบัวอคติ ก็เขาไม่น่าไว้ใจนี่คะ แล้วก็กวนโมโหบัวมากด้วย” รวินท์รดาเถียงหน้าง้ำ
“ไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมให้เขาเข้ามาพักในห้อง” ศตายุยิ่งยิ้มกว้าง ขำเมื่อต้อนหญิงสาวจนมุม แม้เธอพยายามบอกเหตุผล
“บัวไม่มีทางเลือกต่างหากค่ะ เขาเป็นลม บัวก็เลยช่วยเขาแค่นั้น”
บทสนทนาระหว่างคนเห็นผีกับเทวดาใจดีถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู รวินท์รดามองหน้าเทวดาหนุ่ม ศตายุเลิกคิ้วพร้อมยักไหล่ก่อนจะค่อย ๆ หายตัวไป หญิงสาวจึงลุกไปเปิดประตูห้องนอน ธรรศยื่นโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงร้องมาให้
“โทรศัพท์คุณดังรอบที่สามแล้ว บางทีเจ้านุอาจจะมีเรื่องสำคัญนะ”
ธรรศเห็นชื่อดนุวัศบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือหญิงสาว เขาคิดว่าดนุวัศคงมีธุระด่วนมากถึงโทรมาไม่หยุด
“ขอบคุณค่ะ” รวินท์รดารับโทรศัพท์มือถือมาจากมือหนา กดรับสายดนุวัศทันที
“พี่นุมีอะไรหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวคุยกับเจ้านายผ่านโทรศัพท์มือถือ ขณะดวงตากลมมองตามร่างสูงของธรรศ เขาเดินกลับไปนั่งบนโซฟาแล้วเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว อีกไม่นานตะวันก็จะลับฟ้า
ไม่รู้เป็นเพราะเทวดาหนุ่มพูดขึ้นมาว่า ‘ธรรศน่าสงสาร’ หรือเปล่า อยู่ ๆ รวินท์รดาก็สังเกตเห็นแววตาชายหนุ่มเศร้าและหม่น ยิ่งประกอบกับเวลานี้ ดวงอาทิตย์จวนจะตก ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวพระเอกตกรุ่นอึมครึมไปหมด
รวินท์รดาวางสายจากดนุวัศ เธอยืนมองธรรศครู่หนึ่งก่อนจะตามไปนั่งบนเบาะนั่งเตี้ย ๆ ข้างโซฟาที่ชายหนุ่มยึดครองไว้
“เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับใครในห้องหรือเปล่า” ธรรศถามทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ฉันก็บ่นอะไรไปเรื่อยแหละ” รวินท์รดาโป้ปดอย่างแนบเนียน พลางเสมองอย่างอื่น ด้วยความคาดหวังว่าเขาคงไม่สงสัยอะไรมากไปกว่านี้
“บ่นเรื่องผมหรือไง” ธรรศถามต่อ
น้ำเสียงชายหนุ่มทั้งเศร้าและเหมือนคนไม่เหลือกำลังใจ ทำให้คนฟังยอมมองหน้าเขา แต่ไม่ทันที่เธอจะถามอะไร เธอก็มีสายเข้าจากเบอร์ไม่คุ้น
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเลือกจะรับสาย บางทีอาจจะเป็นลูกค้า หรือเพื่อนเปลี่ยนเบอร์ก็ได้
“คุณบัว ผมเอง ปราณนท์”
เพียงได้ยินว่าเป็นใคร เธอก็ถึงกลับกลอกตามองไปด้านบน แอบถอนหายใจเบา ๆ ทันที คนพี่ยังนั่งกวนใจเธออยู่ นี่คนน้องจะตามมาป่วนต่ออีกหรือ
“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณปราณนท์”
รวินท์รดาเห็นธรรศจ้องเธอเขม็ง เธอเลิกคิ้วมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจว่าธรรศกังวลอะไร กระทั่งปราณนท์พูดประโยคต่อมา
“พี่ธรรศหายตัวไปจากโรงพยาบาลครับ ผมโทรหาพี่นุไม่ติด ไม่รู้ว่าพี่ธรรศไปหาพี่นุที่บริษัทหรือเปล่า”
น้ำเสียงของปราณนท์ดูร้อนรน รวินท์รดาถึงกับทำตาโต ขณะตัวต้นเหตุกำลังโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณขอร้องให้เธอไม่บอกน้องชายว่าเขาอยู่กับเธอ
“บัวเพิ่งวางสายจากพี่นุเองค่ะ ตอนนี้บัวกลับบ้านแล้ว คืออย่างที่บอกไปน่ะค่ะบัวไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” รวินท์รดาขมวดคิ้ว เมื่อต้องทำเนียนไปกว่าเธอไม่รู้เรื่องธรรศเลย
“นี่คุณธรรศหนีออกจากโรงพยาบาลหรือคะ”
“ใช่ครับ ไม่ได้กลับบ้านด้วย มือถือ กุญแจคอนโดก็ไม่ได้เอาไป ผมและพี่ปั้นร้อนใจมากเลย ไม่รู้ว่าพี่ธรรศหายไปไหน”
ปราณนท์เล่าอีกสองสามประโยค มีความหมายขอกำลังใจจากเธอด้วย รวินท์รดาจึงให้แรงใจไปตามมารยาท ก่อนจะวางสายจากกัน
“คุณหนีออกจากโรงพยาบาลมาโดยไม่บอกใครเลยหรือคะ” เธอหันไปถามชายหนุ่มเสียงเข้ม
“หิวข้าวจัง” ธรรศลุกแล้วตรงไปยังตู้เย็น ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมตอบคำถามหญิงสาวเจ้าของห้อง
“คุณธรรศ! คุณควรรีบกลับไปนะคะ ทุกคนเขาห่วงคุณมากนะ”
เธอเดินตามเขาไปติด ๆ นายแบบหนุ่มหยุดเดินก่อนจะถึงตู้เย็น หันมาประจัญหน้าครีเอทีฟโฆษณาสาวกะทันหัน ทำเอาเธอเกือบชนกับอกกว้าง ดีนะที่หยุดทัน แม้จะแบบฉิวเฉียดก็เถอะ!
“มีอะไรให้ผมกินไหม”
“คุณธรรศ นี่ไม่ใช่เวลามากินนะคะ บัวจะโทรกลับไปบอกคุณปราณนท์ว่าคุณอยู่ที่นี่” รวินท์รดาเอาจริงทั้งแววตาและน้ำเสียง แม้ธรรศจะส่งสายตาอ้อนเธอ หากเธอก็จะพยายามใจแข็ง
“คุณยังไม่หายดีไม่ใช่หรือคะ ทำไมต้องหนีมาด้วยคะ”
“ผมหิวนี่บัว” ธรรศเอามือกุมท้อง ออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยตัวใหญ่ “คุณทำอะไรให้ผมกินก่อนสิ แล้วผมจะยอมกลับโรงพยาบาล” ก่อนจะยื่นเงื่อนไข คนฟังรู้สึกเหนื่อยใจ คิดว่าทุกอย่างคงจะจบถ้าหากเธอทำตามความต้องการของเขา
“คุณไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวบัวทำอะไรง่าย ๆ ให้กินก็แล้วกัน แต่ห้ามผิดสัญญานะคุณธรรศ”
รวินท์รดาเห็นร่างสูงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วยอมไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างว่าง่าย พลันถอนหายใจออกมาเฮือกยาว อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าการที่ต้องมาวุ่นวายกับพระเอกตกรุ่น มันคือเวรกรรมอะไรของเธอกันเนี่ย!!
ข้าวผัดไข่ดาวง่าย ๆ หมดอย่างรวดเร็ว ขนาดแม่ครัวจำเป็นยังอดมองตาค้างไม่ได้ ธรรศกินข้าวเหมือนคนหิวโซมาจากไหน
“อร่อยมากเลยครับ ขอบคุณนะ” ธรรศยกน้ำขึ้นดื่มปิดท้ายมื้ออาหาร
“คุณหิวมากกว่ามั้งคะ มันก็แค่ข้าวผัดธรรมดา ๆ หรืออาหารโรงพยาบาลอาจจะรสชาติอ่อนมากกว่า”
รวินท์รดาดีใจนิด ๆ ปกติแล้วเธอไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือการทำอาหารเท่าไรหรอก
“ไม่นะ ผมว่าอร่อยมากเลย เพราะคุณตั้งใจทำให้ผมกินไง” ธรรศยิ้มให้เธอตาวิบวับ
รวินท์รดาพยายามเก็บอาการแปลก ๆ ไม่ให้เขารู้ เธอเผลอใจเต้นแรงไปกับเขาหลังจากเจอเขาส่งสายตาเป็นประกาย รีบเปลี่ยนเรื่องทวงคำสัญญาที่ให้ไว้โดยไว
“คุณไม่ลืมสัญญานะคะ ฉันจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลให้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
หญิงสาวลุกจากโต๊ะ ชะงักกับการกำลังเตรียมหยิบกระเป๋าสะพายพร้อมกุญแจรถจักรยานยนต์เพราะคำปฏิเสธ เธอหันมองชายหนุ่มอย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันไปส่งคุณดีกว่านะ หรือจะให้ฉันโทรหาพี่ชายน้องชายคุณดีคะ”
ธรรศไม่ตอบคำถามในทันที เขาหยุดนิ่ง และทำท่าคิดครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบคำถามด้วยสีหน้าอมทุกข์อย่างที่สุด
“ผมกลับเองได้ กลับแทกซี่ง่าย ๆ สบายมาก” แม้ธรรศยิ้มให้ แต่รวินท์รดาก็มองออกว่าเขาฝืนยิ้มอยู่
ธรรศยืนกรานคำเดิมซ้ำอีกครั้ง เธอจึงเดินลงไปยังลอบบี้คอนโดชั้นล่างเพื่อจะให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเรียกรถแทกซี่ให้
“ผมรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่งได้ไหมบัว” ธรรศเอ่ยถามขณะลงลิฟท์มากับหญิงสาว
“เรื่องอะไรหรือคะ” รวินท์รดาเงยหน้าถามกลับ เธอเริ่มจะชินกับการถูกเรียกชื่อเล่นแล้วสิ
“ผมยืมค่ารถคุณหน่อยนะ ผมไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา” ธรรศบอกหญิงสาวตามตรง
“อ้าว แล้วคุณมายังไงคะ”
“ก็มีเงินติดในกระเป๋ากางเกงอยู่ร้อยกว่าบาท พอค่าแทกซี่ตอนมาแต่คงไม่พอตอนกลับ แล้วผมก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วย จะให้พี่หรือน้องรอก็ไม่อยากให้เขารอนานน่ะ” นายแบบหนุ่มเล่าพร้อมล้วงเงินจำนวนยี่สิบกว่าบาทจากกระเป๋ากางเกงโชว์ให้เธอดูด้วย
“ฉันไม่ได้เอาเงินลงมาด้วยสิคะ งั้นคุณไปนั่งรอฉันตรงโซฟาด้านหน้าก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปหยิบลงมาให้”
เมื่อเธอลงลิฟท์มาส่งชายหนุ่มที่ชั้นล่างแล้ว เธอก็ต้องกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนใหม่อีกครั้ง แต่พอลงมาหาชายหนุ่ม ก็ไม่พบใครนั่งรอเธอเลยสักคน นอกจากพนักงานรักษาความปลอดภัยสองนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงล้อบบี้หน้าประตูกระจกของคอนโดมิเนียมเงียบและไม่มีใครอยู่เลย
รวินท์รดามองหาธรรศอย่างร้อนใจ เขาไม่มีเงิน และเขาก็ยังไม่หายดี นี่เขาหายไปไหนของเขากันเนี่ย!
“ขอโทษนะคะ เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ตัวสูงประมาณนี้ สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ๆ บ้างไหมคะ” เธอรี่เข้าไปถามพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มซึ่งนั่งประจำการอยู่ตรงประตูทางเข้าออก แม้จะมีสองประตูหลัก แต่รวินท์รดาเดาว่าธรรศคงไม่เดินไปออกทางที่จอดรถแน่นอน
หากเธอก็คิดผิด พนักงานรักษาความปลอดภัยชี้ไปทางประตูอีกฝั่ง ซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ
“เห็นเดินออกไปแล้วนะครับ ทางนู้นน่ะครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบคำถาม
รวินท์รดาเก็บความสงสัยที่เกิดขึ้นเอาไว้ก่อน เธอรีบเดินออกไปตามหาธรรศในทิศทางตามคำตอบที่ได้ยินมา ก่อนเธอจะเบิกตากว้างกับธรรศซึ่งนอนแน่นิ่งบนพื้นถนนตรงที่จอดรถ
“คุณธรรศ!”
รวินท์รดายิ่งช็อคตาค้างกว่าเดิม เมื่อเธอมองเห็นวิญญาณผีดำทะมึน เป็นผีตัวเดียวกับที่เธอเห็นในบริษัทของปราณนท์ และผีดำทะมึนก็กำลังใช้เท้าเหยียบลงไปบนอกของธรรศ ใบหน้าธรรศบิดเบี้ยว เขากำลังทรมานอย่างที่สุด แต่เขาก็ขยับตัวหนีแรงกดที่หน้าอกไม่ได้เลย หญิงสาวรู้ว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ ธรรศอาจจะตายก็ได้!!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เธอตะโกนสั่งพร้อมวิ่งไปช่วยชายหนุ่ม ดวงวิญญาณร้ายตวัดตาดุใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเล่นงานเธอแทน
“แก! แกอีกแล้ว แกอีกแล้ว!!”
มันกรีดเสียงใส่ รวินท์รดาไม่รู้ว่ามันพูดเรื่องอะไร ถูกมันพุ่งใส่จนเธอหงายหลังล้มลงไปบนพื้น
“ตายซะเถอะ!” ผีร้ายเอ่ยเหมือนแค้นเคืองเธอมาก่อน มันยกเท้าสูงเตรียมจะกระแทกน้ำหนักใส่ รวินท์รดารู้ดีว่าเธอตะกายหลบผีร้ายไม่ทันแน่นอน ได้แต่หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว
แต่อยู่ ๆ ผีร้ายกลับกรีดร้องเจ็บปวดขึ้นมา รวินท์รดาลืมตามองเห็นมันกำลังกอดตัวเอง แม้แววตาที่ผีร้ายมองเธอจะอาฆาตแค้นจนน่าขนลุก แต่มันก็ไม่กล้าทำร้ายเธอ
ดวงตาของมันตวัดกลับไปทางธรรศอีกครั้ง หญิงสาวรู้ทันทีว่ามันคงกลับไปเล่นงานธรรศต่อ
ถ้าความคิดของรวินท์รดาถูก เธอคงจะช่วยธรรศได้
ไวเท่าความคิด เธอรีบพุ่งตัวไปหาธรรศพร้อมโน้มตัวลงไปโอบกอดเขาอย่างรวดเร็ว ยอมเอาร่างกายของเธอเป็นเกราะกำบังไม่ให้ผีร้ายทำอันตรายอะไรชายหนุ่มได้
เธอไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทำไมเธอถึงยอมเสี่ยงปกป้องเขาขนาดนี้ ดั่งว่าเรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เขาก็เคยใช้ชีวิตปกป้องเธอมาเช่นกัน
และโชคดีที่เธอคิดถูก ผีร้ายไม่สามารถฝ่าเธอไปทำร้ายธรรศได้อย่างที่มันต้องการ
ผีร้ายกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนเสียงโหยหวนจะค่อย ๆ เบาลง จนในที่สุดก็เงียบสนิท
รวินทร์รดาคลายอ้อมกอดจากชายหนุ่ม เมื่อกวาดตามองรอบ ๆ แล้วไม่พบวิญญาณร้ายแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้จะมีหลายอย่างน่าสงสัย ทว่าเธอไม่มีเวลาจะมานั่งนึกหาเหตุผล สิ่งที่เธอต้องทำเวลานี้ก็คือรีบพาธรรศกลับโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด!
“คุณธรรศ คุณอย่าเป็นอะไรนะ”
ระหว่างอยู่ในรถพยาบาล เธอได้แต่กุมมือเขาแน่น ด้วยหัวใจที่ห่วงใยเขาอย่างไม่รู้เหตุผล!
จบตอนที่ 5
พี่ธรรศโดนผีทำร้ายอีกแล้ว หนูบัวก็มาช่วยได้ทันอีกรอบ >_<
หนูบัวกันผีได้
เพราะงั้นพระเอกต้องมีหนูบัวอยู่ข้าง ๆ แล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
คุณZephyr - มาแว่บ ๆ แล้วก็ไปนะคะ ฮ่าๆ คิดถึงกันม้ายยย
คุณ แว่นใส - มาเป็นกำลังใจให้นางเอก และช่วยในบางเรื่องค้าบบ
คุณ kaelek - พี่ศตายุหมดห่วงบ้านนู้นแล้ว ก็เลยไปไหนมาไหนได้ แต่ยังเป็นเทวดาปกป้องสาว ๆ อยู่นะคะ ฮ่าๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า
กว่ารวินท์รดาเล่าเรื่องที่ทำให้เธอปวดหัวจบ ไม่ว่าจะเรื่องสร้อยข้อมือหาย เรื่องธรรศ หรือจะเรื่องเธอเจอผีน่ากลัว เล่าครบทุกอย่างก็นานจนลืมไปเลยว่ายังมีผู้ชายอีกคนนอนอยู่ตรงโซฟารับแขก
หญิงสาวถอนหายใจ
“บัวไม่รู้ว่าจะได้สร้อยข้อมือคืนไหม บัวไม่ชอบผีดำ ๆ ตัวนั้นเลยค่ะ” เธอเพิ่งเคยกลัวผีจนตัวสั่นเป็นครั้งแรก กลัวจนไม่กล้ามอง ไม่กล้าสบตา
“สักวันหนึ่งหนูบัวจะต้องได้สร้อยข้อมือคืนครับ” ศตายุ เทวดาผู้มีกลิ่นหอมของดอกแก้วยังคงยิ้มให้เธอเสมอ รอยยิ้มของเขาทำให้รวินท์รดาสบายใจ
“ส่วนเรื่องผีตัวนั้น มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรม ถ้าเห็นกันแล้วเขาไม่ได้ทำร้ายหนูบัว หนูบัวก็ทำใจให้สงบเอาไว้ เขาทำร้ายหนูบัวไม่ได้หรอกครับ”
รวินท์รดาทำหน้าเหมือนยังไม่วางใจ ทั้งที่เธอควรจะเชื่อเทวดาหนุ่มซึ่งคอยสอนเธอหลาย ๆ เรื่องมาตั้งแต่เด็ก ๆ
รวินท์รดาเจอคุณเทวดาตอนที่เธอไปกราบหลวงลุงครั้งแรก หลวงลุงบวชตั้งแต่ก่อนเธอเกิดอีก ตอนนั้นพ่อแม่ของเธอยังไม่ได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่พอขึ้นมัธยมพ่อของรวินท์รดาเป็นวิศวกร ส่วนแม่ก็ย้ายตามไปอยู่กับพ่อ รวินท์รดาจึงอยู่กับคุณยาย คุณน้ามาตั้งแต่ชั้นมัธยม
ตอนเธอเด็ก ๆ เธอแยกไม่ออกหรอกว่าไหนคือคน ไหนคือผี โชคดีที่คุณยายเธอใจดีและเข้าใจเธอ จึงไปปรึกษาหลวงลุง หลวงลุงจึงเดินทางมายังบ้านที่ยายและเธออาศัยพร้อมต้นกล้าของต้นแก้วหนึ่งต้น หลังจากนั้นเธอก็ได้เจอเทวดาดอกแก้วมาคอยช่วยเหลือดูแลเธออยู่ห่าง ๆ
“ผู้ชายคนนั้นน่าสงสารนะครับ” ศตายุมองไปยังประตูห้องนอน หญิงสาวมองตามก็เข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นที่เทวดาหนุ่มพูดถึงคือคนไหน
“คุณธรรศน่ะหรือคะ ตรงไหนหรือคะ” รวินท์รดาเห็นว่านอกจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ภายนอกของพระเอกตกรุ่นคนนั้นก็ดูสบายดี แถมยังน่าหมั่นไส้มาก ๆ อีกด้วย
“ถึงผมบอกหนูบัวตอนนี้ หนูบัวก็ไม่เห็นอยู่ดี หนูบัวต้องปิดอคติในหัวใจก่อนนะครับ”
“บัวยอมรับว่าบัวอคติ ก็เขาไม่น่าไว้ใจนี่คะ แล้วก็กวนโมโหบัวมากด้วย” รวินท์รดาเถียงหน้าง้ำ
“ไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมให้เขาเข้ามาพักในห้อง” ศตายุยิ่งยิ้มกว้าง ขำเมื่อต้อนหญิงสาวจนมุม แม้เธอพยายามบอกเหตุผล
“บัวไม่มีทางเลือกต่างหากค่ะ เขาเป็นลม บัวก็เลยช่วยเขาแค่นั้น”
บทสนทนาระหว่างคนเห็นผีกับเทวดาใจดีถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู รวินท์รดามองหน้าเทวดาหนุ่ม ศตายุเลิกคิ้วพร้อมยักไหล่ก่อนจะค่อย ๆ หายตัวไป หญิงสาวจึงลุกไปเปิดประตูห้องนอน ธรรศยื่นโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงร้องมาให้
“โทรศัพท์คุณดังรอบที่สามแล้ว บางทีเจ้านุอาจจะมีเรื่องสำคัญนะ”
ธรรศเห็นชื่อดนุวัศบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือหญิงสาว เขาคิดว่าดนุวัศคงมีธุระด่วนมากถึงโทรมาไม่หยุด
“ขอบคุณค่ะ” รวินท์รดารับโทรศัพท์มือถือมาจากมือหนา กดรับสายดนุวัศทันที
“พี่นุมีอะไรหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวคุยกับเจ้านายผ่านโทรศัพท์มือถือ ขณะดวงตากลมมองตามร่างสูงของธรรศ เขาเดินกลับไปนั่งบนโซฟาแล้วเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว อีกไม่นานตะวันก็จะลับฟ้า
ไม่รู้เป็นเพราะเทวดาหนุ่มพูดขึ้นมาว่า ‘ธรรศน่าสงสาร’ หรือเปล่า อยู่ ๆ รวินท์รดาก็สังเกตเห็นแววตาชายหนุ่มเศร้าและหม่น ยิ่งประกอบกับเวลานี้ ดวงอาทิตย์จวนจะตก ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวพระเอกตกรุ่นอึมครึมไปหมด
รวินท์รดาวางสายจากดนุวัศ เธอยืนมองธรรศครู่หนึ่งก่อนจะตามไปนั่งบนเบาะนั่งเตี้ย ๆ ข้างโซฟาที่ชายหนุ่มยึดครองไว้
“เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับใครในห้องหรือเปล่า” ธรรศถามทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ฉันก็บ่นอะไรไปเรื่อยแหละ” รวินท์รดาโป้ปดอย่างแนบเนียน พลางเสมองอย่างอื่น ด้วยความคาดหวังว่าเขาคงไม่สงสัยอะไรมากไปกว่านี้
“บ่นเรื่องผมหรือไง” ธรรศถามต่อ
น้ำเสียงชายหนุ่มทั้งเศร้าและเหมือนคนไม่เหลือกำลังใจ ทำให้คนฟังยอมมองหน้าเขา แต่ไม่ทันที่เธอจะถามอะไร เธอก็มีสายเข้าจากเบอร์ไม่คุ้น
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเลือกจะรับสาย บางทีอาจจะเป็นลูกค้า หรือเพื่อนเปลี่ยนเบอร์ก็ได้
“คุณบัว ผมเอง ปราณนท์”
เพียงได้ยินว่าเป็นใคร เธอก็ถึงกลับกลอกตามองไปด้านบน แอบถอนหายใจเบา ๆ ทันที คนพี่ยังนั่งกวนใจเธออยู่ นี่คนน้องจะตามมาป่วนต่ออีกหรือ
“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณปราณนท์”
รวินท์รดาเห็นธรรศจ้องเธอเขม็ง เธอเลิกคิ้วมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจว่าธรรศกังวลอะไร กระทั่งปราณนท์พูดประโยคต่อมา
“พี่ธรรศหายตัวไปจากโรงพยาบาลครับ ผมโทรหาพี่นุไม่ติด ไม่รู้ว่าพี่ธรรศไปหาพี่นุที่บริษัทหรือเปล่า”
น้ำเสียงของปราณนท์ดูร้อนรน รวินท์รดาถึงกับทำตาโต ขณะตัวต้นเหตุกำลังโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณขอร้องให้เธอไม่บอกน้องชายว่าเขาอยู่กับเธอ
“บัวเพิ่งวางสายจากพี่นุเองค่ะ ตอนนี้บัวกลับบ้านแล้ว คืออย่างที่บอกไปน่ะค่ะบัวไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” รวินท์รดาขมวดคิ้ว เมื่อต้องทำเนียนไปกว่าเธอไม่รู้เรื่องธรรศเลย
“นี่คุณธรรศหนีออกจากโรงพยาบาลหรือคะ”
“ใช่ครับ ไม่ได้กลับบ้านด้วย มือถือ กุญแจคอนโดก็ไม่ได้เอาไป ผมและพี่ปั้นร้อนใจมากเลย ไม่รู้ว่าพี่ธรรศหายไปไหน”
ปราณนท์เล่าอีกสองสามประโยค มีความหมายขอกำลังใจจากเธอด้วย รวินท์รดาจึงให้แรงใจไปตามมารยาท ก่อนจะวางสายจากกัน
“คุณหนีออกจากโรงพยาบาลมาโดยไม่บอกใครเลยหรือคะ” เธอหันไปถามชายหนุ่มเสียงเข้ม
“หิวข้าวจัง” ธรรศลุกแล้วตรงไปยังตู้เย็น ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมตอบคำถามหญิงสาวเจ้าของห้อง
“คุณธรรศ! คุณควรรีบกลับไปนะคะ ทุกคนเขาห่วงคุณมากนะ”
เธอเดินตามเขาไปติด ๆ นายแบบหนุ่มหยุดเดินก่อนจะถึงตู้เย็น หันมาประจัญหน้าครีเอทีฟโฆษณาสาวกะทันหัน ทำเอาเธอเกือบชนกับอกกว้าง ดีนะที่หยุดทัน แม้จะแบบฉิวเฉียดก็เถอะ!
“มีอะไรให้ผมกินไหม”
“คุณธรรศ นี่ไม่ใช่เวลามากินนะคะ บัวจะโทรกลับไปบอกคุณปราณนท์ว่าคุณอยู่ที่นี่” รวินท์รดาเอาจริงทั้งแววตาและน้ำเสียง แม้ธรรศจะส่งสายตาอ้อนเธอ หากเธอก็จะพยายามใจแข็ง
“คุณยังไม่หายดีไม่ใช่หรือคะ ทำไมต้องหนีมาด้วยคะ”
“ผมหิวนี่บัว” ธรรศเอามือกุมท้อง ออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยตัวใหญ่ “คุณทำอะไรให้ผมกินก่อนสิ แล้วผมจะยอมกลับโรงพยาบาล” ก่อนจะยื่นเงื่อนไข คนฟังรู้สึกเหนื่อยใจ คิดว่าทุกอย่างคงจะจบถ้าหากเธอทำตามความต้องการของเขา
“คุณไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวบัวทำอะไรง่าย ๆ ให้กินก็แล้วกัน แต่ห้ามผิดสัญญานะคุณธรรศ”
รวินท์รดาเห็นร่างสูงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วยอมไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างว่าง่าย พลันถอนหายใจออกมาเฮือกยาว อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าการที่ต้องมาวุ่นวายกับพระเอกตกรุ่น มันคือเวรกรรมอะไรของเธอกันเนี่ย!!
ข้าวผัดไข่ดาวง่าย ๆ หมดอย่างรวดเร็ว ขนาดแม่ครัวจำเป็นยังอดมองตาค้างไม่ได้ ธรรศกินข้าวเหมือนคนหิวโซมาจากไหน
“อร่อยมากเลยครับ ขอบคุณนะ” ธรรศยกน้ำขึ้นดื่มปิดท้ายมื้ออาหาร
“คุณหิวมากกว่ามั้งคะ มันก็แค่ข้าวผัดธรรมดา ๆ หรืออาหารโรงพยาบาลอาจจะรสชาติอ่อนมากกว่า”
รวินท์รดาดีใจนิด ๆ ปกติแล้วเธอไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือการทำอาหารเท่าไรหรอก
“ไม่นะ ผมว่าอร่อยมากเลย เพราะคุณตั้งใจทำให้ผมกินไง” ธรรศยิ้มให้เธอตาวิบวับ
รวินท์รดาพยายามเก็บอาการแปลก ๆ ไม่ให้เขารู้ เธอเผลอใจเต้นแรงไปกับเขาหลังจากเจอเขาส่งสายตาเป็นประกาย รีบเปลี่ยนเรื่องทวงคำสัญญาที่ให้ไว้โดยไว
“คุณไม่ลืมสัญญานะคะ ฉันจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลให้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
หญิงสาวลุกจากโต๊ะ ชะงักกับการกำลังเตรียมหยิบกระเป๋าสะพายพร้อมกุญแจรถจักรยานยนต์เพราะคำปฏิเสธ เธอหันมองชายหนุ่มอย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันไปส่งคุณดีกว่านะ หรือจะให้ฉันโทรหาพี่ชายน้องชายคุณดีคะ”
ธรรศไม่ตอบคำถามในทันที เขาหยุดนิ่ง และทำท่าคิดครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบคำถามด้วยสีหน้าอมทุกข์อย่างที่สุด
“ผมกลับเองได้ กลับแทกซี่ง่าย ๆ สบายมาก” แม้ธรรศยิ้มให้ แต่รวินท์รดาก็มองออกว่าเขาฝืนยิ้มอยู่
ธรรศยืนกรานคำเดิมซ้ำอีกครั้ง เธอจึงเดินลงไปยังลอบบี้คอนโดชั้นล่างเพื่อจะให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเรียกรถแทกซี่ให้
“ผมรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่งได้ไหมบัว” ธรรศเอ่ยถามขณะลงลิฟท์มากับหญิงสาว
“เรื่องอะไรหรือคะ” รวินท์รดาเงยหน้าถามกลับ เธอเริ่มจะชินกับการถูกเรียกชื่อเล่นแล้วสิ
“ผมยืมค่ารถคุณหน่อยนะ ผมไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา” ธรรศบอกหญิงสาวตามตรง
“อ้าว แล้วคุณมายังไงคะ”
“ก็มีเงินติดในกระเป๋ากางเกงอยู่ร้อยกว่าบาท พอค่าแทกซี่ตอนมาแต่คงไม่พอตอนกลับ แล้วผมก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วย จะให้พี่หรือน้องรอก็ไม่อยากให้เขารอนานน่ะ” นายแบบหนุ่มเล่าพร้อมล้วงเงินจำนวนยี่สิบกว่าบาทจากกระเป๋ากางเกงโชว์ให้เธอดูด้วย
“ฉันไม่ได้เอาเงินลงมาด้วยสิคะ งั้นคุณไปนั่งรอฉันตรงโซฟาด้านหน้าก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปหยิบลงมาให้”
เมื่อเธอลงลิฟท์มาส่งชายหนุ่มที่ชั้นล่างแล้ว เธอก็ต้องกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนใหม่อีกครั้ง แต่พอลงมาหาชายหนุ่ม ก็ไม่พบใครนั่งรอเธอเลยสักคน นอกจากพนักงานรักษาความปลอดภัยสองนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงล้อบบี้หน้าประตูกระจกของคอนโดมิเนียมเงียบและไม่มีใครอยู่เลย
รวินท์รดามองหาธรรศอย่างร้อนใจ เขาไม่มีเงิน และเขาก็ยังไม่หายดี นี่เขาหายไปไหนของเขากันเนี่ย!
“ขอโทษนะคะ เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ตัวสูงประมาณนี้ สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ๆ บ้างไหมคะ” เธอรี่เข้าไปถามพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มซึ่งนั่งประจำการอยู่ตรงประตูทางเข้าออก แม้จะมีสองประตูหลัก แต่รวินท์รดาเดาว่าธรรศคงไม่เดินไปออกทางที่จอดรถแน่นอน
หากเธอก็คิดผิด พนักงานรักษาความปลอดภัยชี้ไปทางประตูอีกฝั่ง ซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ
“เห็นเดินออกไปแล้วนะครับ ทางนู้นน่ะครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบคำถาม
รวินท์รดาเก็บความสงสัยที่เกิดขึ้นเอาไว้ก่อน เธอรีบเดินออกไปตามหาธรรศในทิศทางตามคำตอบที่ได้ยินมา ก่อนเธอจะเบิกตากว้างกับธรรศซึ่งนอนแน่นิ่งบนพื้นถนนตรงที่จอดรถ
“คุณธรรศ!”
รวินท์รดายิ่งช็อคตาค้างกว่าเดิม เมื่อเธอมองเห็นวิญญาณผีดำทะมึน เป็นผีตัวเดียวกับที่เธอเห็นในบริษัทของปราณนท์ และผีดำทะมึนก็กำลังใช้เท้าเหยียบลงไปบนอกของธรรศ ใบหน้าธรรศบิดเบี้ยว เขากำลังทรมานอย่างที่สุด แต่เขาก็ขยับตัวหนีแรงกดที่หน้าอกไม่ได้เลย หญิงสาวรู้ว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ ธรรศอาจจะตายก็ได้!!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เธอตะโกนสั่งพร้อมวิ่งไปช่วยชายหนุ่ม ดวงวิญญาณร้ายตวัดตาดุใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเล่นงานเธอแทน
“แก! แกอีกแล้ว แกอีกแล้ว!!”
มันกรีดเสียงใส่ รวินท์รดาไม่รู้ว่ามันพูดเรื่องอะไร ถูกมันพุ่งใส่จนเธอหงายหลังล้มลงไปบนพื้น
“ตายซะเถอะ!” ผีร้ายเอ่ยเหมือนแค้นเคืองเธอมาก่อน มันยกเท้าสูงเตรียมจะกระแทกน้ำหนักใส่ รวินท์รดารู้ดีว่าเธอตะกายหลบผีร้ายไม่ทันแน่นอน ได้แต่หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว
แต่อยู่ ๆ ผีร้ายกลับกรีดร้องเจ็บปวดขึ้นมา รวินท์รดาลืมตามองเห็นมันกำลังกอดตัวเอง แม้แววตาที่ผีร้ายมองเธอจะอาฆาตแค้นจนน่าขนลุก แต่มันก็ไม่กล้าทำร้ายเธอ
ดวงตาของมันตวัดกลับไปทางธรรศอีกครั้ง หญิงสาวรู้ทันทีว่ามันคงกลับไปเล่นงานธรรศต่อ
ถ้าความคิดของรวินท์รดาถูก เธอคงจะช่วยธรรศได้
ไวเท่าความคิด เธอรีบพุ่งตัวไปหาธรรศพร้อมโน้มตัวลงไปโอบกอดเขาอย่างรวดเร็ว ยอมเอาร่างกายของเธอเป็นเกราะกำบังไม่ให้ผีร้ายทำอันตรายอะไรชายหนุ่มได้
เธอไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทำไมเธอถึงยอมเสี่ยงปกป้องเขาขนาดนี้ ดั่งว่าเรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เขาก็เคยใช้ชีวิตปกป้องเธอมาเช่นกัน
และโชคดีที่เธอคิดถูก ผีร้ายไม่สามารถฝ่าเธอไปทำร้ายธรรศได้อย่างที่มันต้องการ
ผีร้ายกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนเสียงโหยหวนจะค่อย ๆ เบาลง จนในที่สุดก็เงียบสนิท
รวินทร์รดาคลายอ้อมกอดจากชายหนุ่ม เมื่อกวาดตามองรอบ ๆ แล้วไม่พบวิญญาณร้ายแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้จะมีหลายอย่างน่าสงสัย ทว่าเธอไม่มีเวลาจะมานั่งนึกหาเหตุผล สิ่งที่เธอต้องทำเวลานี้ก็คือรีบพาธรรศกลับโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด!
“คุณธรรศ คุณอย่าเป็นอะไรนะ”
ระหว่างอยู่ในรถพยาบาล เธอได้แต่กุมมือเขาแน่น ด้วยหัวใจที่ห่วงใยเขาอย่างไม่รู้เหตุผล!
จบตอนที่ 5
พี่ธรรศโดนผีทำร้ายอีกแล้ว หนูบัวก็มาช่วยได้ทันอีกรอบ >_<
หนูบัวกันผีได้
เพราะงั้นพระเอกต้องมีหนูบัวอยู่ข้าง ๆ แล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
คุณZephyr - มาแว่บ ๆ แล้วก็ไปนะคะ ฮ่าๆ คิดถึงกันม้ายยย
คุณ แว่นใส - มาเป็นกำลังใจให้นางเอก และช่วยในบางเรื่องค้าบบ
คุณ kaelek - พี่ศตายุหมดห่วงบ้านนู้นแล้ว ก็เลยไปไหนมาไหนได้ แต่ยังเป็นเทวดาปกป้องสาว ๆ อยู่นะคะ ฮ่าๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ต.ค. 2559, 01:38:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ต.ค. 2559, 01:43:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1184
<< ตอนที่ 5 - 70% - ขอที่พักใจ | ตอนที่ 6 >> |
แว่นใส 28 ต.ค. 2559, 07:13:24 น.
ทำไมผีถึงเพิ่งตามมาทำร้ายทรรศช่วงนี้นะ แต่ก่อนไม่มีเหรอ
ทำไมผีถึงเพิ่งตามมาทำร้ายทรรศช่วงนี้นะ แต่ก่อนไม่มีเหรอ
พอใจ 28 ต.ค. 2559, 23:22:28 น.
น่าสงสารคุณธรรศสุดๆ คุณศตายุ ต้องคอยช่วยหนูบัวกับคุณธรรศน๊าาา
น่าสงสารคุณธรรศสุดๆ คุณศตายุ ต้องคอยช่วยหนูบัวกับคุณธรรศน๊าาา
Zephyr 29 ต.ค. 2559, 16:31:20 น.
ถ้าบัวกันผีได้
ตอนแรกโดนผีชนบัวไม่น่าจะล้มนา
เอ รึเพราะพี่ยุมาช่วย หุหุ
ถ้าบัวกันผีได้
ตอนแรกโดนผีชนบัวไม่น่าจะล้มนา
เอ รึเพราะพี่ยุมาช่วย หุหุ
สเลเต 29 ต.ค. 2559, 18:15:06 น.
มาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ ยังไม่มีเวลาอ่านแบบละเอียดเลย
มาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ ยังไม่มีเวลาอ่านแบบละเอียดเลย