รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก

ตอน: 13: การเริ่มต้น ของการลาจาก

ฉันเดินอออกจากห้องสมุดกลับไปยังห้องวิจัยด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนออกมามากมาย ไม่มีแก่ใจจะมองดูแปลงดอกไม้ที่มีดอกทิวลิปสีสดกำลังชูก้านดอกอวดความสวยงามแข่งกันเป็นระยะๆ ตลอดทางเดิน ไม่ได้สนใจกลีบดอกฟูจิ ที่ลอยมาตามลม แสะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ได้สนใจอากาศสดชื่นรอบตัว ที่แทบจะหาไม่ได้ในยุคของฉันหากเดินอยู่กลางกรุงเช่นนี้


ความคิดของฉันวนเวียนอยู่กับบทสนทนาของฉันกับพ่อของไอแซค แม้จะไม่ได้ร้องให้ออกมาอีก แต่น้ำตาก็เอ่อล้นขอบตาขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้


อยากจะคิดว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงแค่สิ่งของ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เขาน่าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อตายจากไป มันก็แค่การปิดสวิทต์เครื่่องยนต์ หรือแยกชิ้นส่วนออกเพื่อให้มันทำงานไม่ได้อีก หรืออาจจะ…


ให้ตายเถอะ...แต่เขาเหมือน เหมือนคนมาก แม้กระทั่งลักษณะผิว การกินอาหาร การเดิน หน้าตา แถมความรู้สึก…เขามีความรู้สึก


และเขาอยากมีชีวิต เขาจึงได้พยายามที่จะกอบกู้ ดูแล รักษาชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้


สำหรับฉัน รู้สึกว่าเขามีความรู้สึก เขาคิดได้เอง จะเป็นแค่การโปรแกรมขึ้นมา หรือมันเกิดขึ้นเองก็ไม่รู้ ที่รู้สึกก็คือ ถ้าเขาไม่บอก หรือฉันไม่บังเอิญไปเจอข้อมูลเข้า จะไม่มีทางรู้สึกได้เลยว่าเขาไม่ใช่คน


เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ มีความรู้สึก คิดมากและมีมุมความคิดที่ลึก ละเอียดอ่อนกว่าเอกวัตร ผู้ชายแท้ๆ ที่เป็นคนรักของฉันเสียอีก


“อ้าวคุณอิง” นาธานเปิดประตูออกมา เห็นฉันยืนนิ่งอยู่หน้าห้องแลป “กลับมาแล้วเหรอครับ กะว่าจะไปดูอยู่เชียว”


“กลับมาแล้ว” ฉันปาดน้ำตาทิ้ง นาธานขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาอาจจะคิดว่าฉันร้องให้คิดถึงบ้าน หรือไม่ก็คิดถึงคนรัก ก็เป็นได้ ฉันจะปล่อยให้นาธานคิดแบบนั้นต่อไป


“หิวไหมครับ ผมกำลังจะออกไปตามคุณมากินข้าว ไปกันเลยไหมครับ”


ฉันมองข้ามไหล่เข้าไปในห้องแลป


“เจ้าไอแซคไปเอาอะไหล่คร้บ มันบอกว่าไปกินกันก่อนเลย กลับมามันจะรีบแก้เครื่องให้เสร็จ ไม่ต้องรอครับ” นาธานตอบ “ไม่ต้องห่วงครับ อีกวันสองวันเครื่องแก้เสร็จแน่ๆ ลองมันเอาจริงแบบนี้”


ฉันลอบถอนหายใจ เดินตามนาธานไปเงียบๆ


“ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหมครับ” นาธานถาม “กว่าเจ้าไอซ์จะกลับมาคงอีกหลายชั่วโมง วันนี้ผมว่าง”


ฉันหันไปมองหน้าคนถาม แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่หิว กินเสร็จจะขอกลับไปอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุด”


“คุณชอบอ่านหนังสือประเภทไหนครับ”


“ทุกประเภท ชอบมากที่สุดก็ท่องเที่ยว หนังสือในห้องสมุดที่นี่มีเรื่องน่าสนใจเยอะเชียว”


“มั้งครับ” นาธานหัวเราะ “ผมเลิกเข้าห้องสมุดไปสองสามปีแล้ว หลังๆ ยุ่งๆ กับงานวิจัย แล้วอยากอ่านอะไรก็สั่งออนดีมานด์ได้หมด” เขาตอบ


“แต่มันไมไ่ด้อารมณ์เหมือนตอนที่เปิดหนังสือจริงๆ น่ะสิ” ฉันยิ้ม “ดีจังที่สมัยนี้คิดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แล้วก็ทำเหมือนหนังสือจริงๆ มากเลย”


“ครับ เทคโนโลยีมีเพื่อความกลมกลืนกับชีวิตประจำวันครับ” คนฟังตอบ ระหว่างพาฉันเดินตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากห้องแลปนัก


อาหารอร่อย แต่ฉันกินมันได้ไม่มากนัก จนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับเอ่ยทัก


“คุณกินน้อยทุกมื้อเลยนะครับ”


“ฉันกลัวอ้วน” โกหกหน้าตาเฉย “เดี๋ยวนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปไม่ได้”


“โหย คุณยาย คุณตัวเล็ก กินได้อีกเยอะครับ แบบผมสิคงยาก ถ้าจะให้นั่งเครื่องเล็กๆ นั่น” เขามองตัวเอง “สมัยนี้อวบๆ หน่อยแบบผม เป็นที่ต้องการของตลาดนะครับ หน้าตาแบบไอซ์นี่เป็นพวกธรรมดา”


ฉันฝืนยิ้ม “โลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”


“มันก็แบบนี้แหละครับ เหมือนแฟชั่น เดี๋ยวสั้น เดี๋ยวยาว ผมก็ไม่เข้าใจผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมใส่เสื้อผ้าแบบเดิมทุกวันไมได้”


ฉันอดหัวเราะกับวาจาค่อนแคะของคนตัวอวบตรงหน้าไม่ได้ “ตอนแรกฉันคิดว่าไอแซคปากร้าย ขอเปลี่ยนใจเป็นผู้ชายยุคนี้ ปากร้ายทุกคนดีกว่า”


คราวนี้เป็นนาธานที่ปล่อยเสียงหัวเราะอันดังออกมา


หลังจากทานกลางวันเสร็จ ฉันเดินกลับไปห้องสมุด เพราะยังไงไอแซคก็ยังไม่กลับ … ฉันอยากคุยกับเขา อยากทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ผู้ชาย...เอ้ย หุ่นตัวนั้นรู้สึกดีขึ้้น


ถ้าฉันกำลังเสียใจ กังวล เดาเอาว่า เขาจะต้องหนักกว่าฉันหลายเท่านัก


จนเย็น ฉันกลับมาห้องแลป ไอแซคกลับมาแล้ว ทุกคนแทบจะเอาหัวชนกันอยู่หน้าอุปกรณ์ที่พาฉันมาโลกอันไกลแสนไกลนี่ ไอแซคหันมามองตามเสียงประตู เราสบตากันชั่วครู่ เขายิ้มมุมปากพยักหน้าให้ แล้วก็กลับไปทำงานต่อ ...ฉันมองเห็นร่องรอยความเศร้าลึกๆ ในดวงตาคู่นั่น ดวงตาที่เหมือนของมนุษย์เหลือเกิน


ฉันหาที่นั่งแล้วหยิบหนังสือที่ขอยืมมาจากห้องสมุดด้วยรหัสของนาธานมาเปิดอ่าน รอจังหวะจนทุกคนกลับมานั่งทำงาน จึงได้วางหนังสือ เดินไปหาไอแซค


“มีอะไร” เขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าดูเครียดๆ อย่างเห็นได้ชัด “หิวข้าว? หรือเบื่อ”


“เปล่าค่ะ แต่...มีอะไรจะคุยด้วย”


“สำคัญไหม” คนพูดมองข้ามไหล่ไปยังเพื่อนๆ ของตนเองที่กำลังง่วนอยู่กับงานส่วนของตัวเอง “ถ้าไงคุยกันค่ำๆ ได้ไหม”


“เอิ่ม...คือว่า”


“ผมขอทำนี่อีกนิด นะครับ”


ฉันพยักหน้า ถอยกลับมานั่งรอที่เดิมแต่โดยดี


…..


งานส่วนของไอแซคเสร็จแล้ว เมื่อเกือบสี่ทุ่มของคืนนั้น นาธานกับเพื่อนของเขากลับบ้านไปนานแล้ว ขณะที่ฉันกับไอแซคออกจากห้องแลป


“นาธานบอกว่าพรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาห้องแลปก็ได้หรือคะ”


คนขับรถพยักหน้า “ส่วนของผมเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะมีอะไรเพิ่มเติม ก็ต้องหลังจากนาธานแก้ไขของตัวเองแล้ว ส่วนของนาธานก็เยอะอยู่พอสมควร มีอะไรหรือเปล่า แต่ผมคงมาช่วยๆ กันแหละ เผื่อมีอะไรช่วยพวกมันได้ คุณจะได้...กลับไปเร็วๆ”
คนพูดมองถนน ฉันจึงไม่เห็นว่าเขามีสีหน้าเช่นไร


“วันนี้อยากกินอะไร”


“ดึกแล้ว อะไรง่ายๆ ก็ได้ค่ะ ในห้องคุณเหลืออะไรก็เอาแบบนั้นแหละ”


“มีร้านเปิดดึกๆ นะ ไม่มีพนักงาน เป็นร้านแบบอัตโนมัติทั้งหมด ไปลองกันไหม”


ฉันมองไหล่ของคนพูด “ไม่เหนื่อยเหรอ”


“ผมเหนื่อยไม่เป็น” เขาตอบ หัวเราะเบาๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกดีใจนักกับความเก่งกาจของตัวเองแบบนั้น “อยากเหนื่อยเหมือนกัน แต่….”


ไม่น่าพูดเข้าเรื่องเลย ฉันคิด บอกตัวเองว่าไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ลงไปกว่านี้


“ถ้างั้นหาร้านที่บรรยากาศดีๆ คุยกันดีกว่า ถ้าคุณอยากคุยนะ เอาอาหารง่ายๆ ร้านที่ว่าก็ได้”


คนฟังพยักหน้า ขับรถพาไปยังร้านอาหารเล็กๆ ข้างทางใกล้ที่พัก ซึ่งเปิดตลอดคืน ในร้านมีลูกค้าอยู่สองสามราย ทำให้บรรยากาศไม่ถึงกับวังเวงเกินไปนัก เราเลือกที่นั่งด้านนอก ไอแซคบอกว่า มันเป็นมุมที่เห็นพระจันทร์สวยที่สุด


ที่นี่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีเครื่องดื่มอัดกาซ มีอาหารสดเพื่อสุขภาพ เช่น สลัดไก่ทอด ซุป คุ๊กกี้ธัญพืช ที่ทำจากผัก ผลไม้ และธัญพืชที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์


“สมัยนี้อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารที่สร้างขึ้นจากห้องแลป มันอร่อย แต่ก็ไม่ให้ความรู้สึกดีเท่าของแท้จากธรรมชาติ” ไอแซคเอ่ย หลังจากเราต่างยกอาหารจานเล็กของตัวเองมานั่งที่โต๊ะ


ฉันมองหน้าคนพูด เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร


“ดวงจันทร์สมัยนี้ กับในโลกของคุณต่างกันไหม”


ฉันเงยหน้างขึ้นมองตามคนพูด “ไม่ต่างกัน แต่ฉันเชื่อว่าตอนนี้มนุษย์ขึ้นลงดวงจันทร์เป็นว่าเล่น”


ไอแซคพยักหน้า “ครับ มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว เสียดายคุณจะกลับแล้ว ไม่เช่นนั้นผมจะพาคุณไป”


คำว่า...จะกลับแล้ว… ทำให้ฉันชะงักซ่อมที่กำลังเขี่ยสลัด


“คุณคิดว่า นาธานจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนในการแก้ไขส่วนของเขาคะ”


“ไม่เกินหนึ่งวัน มันอัฉจริยะ” คนตรงข้ามตอบ ไม่ได้มองหน้า “อยากกลับแย่แล้วสิ”


ฉันส่ายหน้า แต่คนตรงหน้าคงไม่เห็น อยากบอกเขาว่า ถึงตอนนี้ ทำไมความรู้สึกร้อนรนอยากกลับมันถึงลดลงมากมายนักก็ไม่รู้


ฉันยังอยากกลับอยู่...แต่ ไม่ได้อยากกลับไปเพราะเอกวัตร


ฉันอยากกลับไป เพราะอยากแก้ไขอะไรหลายๆ อย่างที่ตัวเองเพิ่งรู้สึกว่าได้ทำผิดพลาดไป


การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองหนึ่งวันเต็มๆ เมื่อวันนี้ ได้คิด ได้ใตร่ตรองหลายๆ เรื่อง พร้อมทั้งได้อ่านหนังสือที่ให้แง่คิดในการใช้ชีวิต มันทำให้ฉันกลับมามองชีวิตของตัวเอง และรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมา ตัวเองใช้ “ชีวิต” ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย


ฉันมัวแต่เอาเวลาทั้งหมด ไปทุ่มให้กับคนคนเดียว เพื่อหวังว่าเขาจะรัก และจะอยู่ดูแลฉันตลอดไป ฉันไม่เคยได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อบอกตัวเองว่าฉันเองก็รักตัวเองมากเช่นกัน


ฉันควรจะรักชีวิต และใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากว่านี้ ยังมีอีกหลายชีวิตที่...มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตยิ่งกว่าฉัน ความทุกข์ของเขาอาจจะสาหัสกว่าของฉันมากนัก


ฉันมองแต่ตัวเอง มองแต่ความทุกข์ และมัวแต่สงสารตัวเอง ทุ่มทุกอย่างเพื่อให้คนรอบตัวรัก


เพื่อท้ายที่สุด ...เพื่อที่ทุกๆ คนจะได้รักฉัน


“อยู่ที่นี่ นายได้ไปเที่ยวไหนบ้างไหม เมื่อวานคุยกับนาธาน เขาบอกว่านายเอาแต่ทำงานอย่างเดียว”


คนตรงข้ามฉันขมวดคิ้ว “เที่ยวเหรอ”


“ใช่ เที่ยว พักผ่อน นั่งนิ่งๆ ไม่คิดว่าจะต้องทำอะไร”


คนฟังเม้มปาก แล้วก็ส่ายหน้า


“ทำไมล่ะ”


“ผมแค่ชอบทำงาน”


ฉันส่ายหน้าบ้าง “เอาเหตุผลที่แท้จริงดีกว่า”


เขาเลิกคิ้ว “ถามตัวเองจริงๆ หน่อยได้ไหม ทำไมนายไม่เคยไปไหนเลย” ฉันมองเข้าไปในดวงตาของไอแซค “คิดดีๆ ทำไม?”


ตาสบตา ในที่สุด ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันหลบตา เบือนหน้าออกไปมองการจราจรที่อยู่บนถนน ซึ่งอยู่อยู่ห่างจากร้านไปราวห้าสิบเมตร ถนนโล่ง มีเพียงแสงไฟริมถนน และสายลมอ่อนๆ พัดใบไม้ไหวเท่านั้น


ในที่สุดไอแซคก็ถอนหายใจ เอ่ยปาก “เพราะผมกลัว” น้ำเสียงของคนพูดเบาหวิว “ผมกลัวว่าเวลาจะไม่พอที่จะ...ทำอะไรอีกหลายอย่าง อย่างเช่นทำเครื่องย้อนเวลานี่”


“ทำไมคะ ทำไมการทำเครื่องย้อนเวลา หรือคิดค้นอะไรสารพัดถึงคุณมันถึงสำคัญกับคุณมาก เคยถามตัวเองหรือเปล่า ถามจริงๆ น่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณแค่อยากจะทำสนุกๆ แน่”


คนฟังยักไหล่


“กินเถอะ เดี๋ยวอาหารจะชืดเสียหมด อย่ามามัวเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้เลย”


“แต่…”


คนฟังโบกมือ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารของตัวเอง ปิดบทสนทนาของเราเพียงแค่นั้น



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2559, 12:27:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2559, 12:36:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1940





<< 12 : การตัดสินใจ   14. ผู้ชายทีไม่เคยรักใคร >>
titirat 27 ต.ค. 2559, 13:09:40 น.
หายไปนานเลย คิดถึงค่ะ


สิรินดา 27 ต.ค. 2559, 13:10:51 น.
ค่าาา กลับมาแล้ววว น่าจะจบเรื่องนี้ได้เร็วๆ นี้ค่ะ


Zephyr 27 ต.ค. 2559, 15:50:38 น.
ไอซ์จะทำอะไรหนอ


ปิ่นนลิน 27 ต.ค. 2559, 21:43:39 น.
สงสารไอแซคจังค่ะ


สิรินดา 28 ต.ค. 2559, 04:22:37 น.
(^__^)


คิมหันตุ์ 28 ต.ค. 2559, 12:56:55 น.
สงสารไอซ์จัง รีบทำไปช่วย คุณยายใช่ไหม.


สิรินดา 29 ต.ค. 2559, 20:52:24 น.
ตอนใหม่ เร้วๆ นี้จ้าาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account