รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 14. ผู้ชายทีไม่เคยรักใคร
กลับถึงที่พัก ผมบอกให้คุณอิงไปอาบน้ำ ในขณะที่ตนเองเอาเสื้อผ้าของเธอเข้าเครื่องซัก ทำความสะอาดที่พัก แล้วก็เตรียมไปจัดเตียงให้แขก เมื่อวานตอนที่เธอรู้ว่าผมทำเตียงให้เธอทุกวัน ดูเธอจะเดือดร้อนและรู้สึกผิดกับการบริการของผมจนน่าขัน คืนนี้ผมจึงตัดสินใจที่จะไม่บอกเธอก่อน แต่เธอก็ยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำมาเห็นเข้าจนได้
“บอกแล้วไงว่าฉันทำเองได้ งานแค่นี้” คนพูดทำหน้านิ่ว
“ผมเข้าใจว่า สมัยของคุณ ผู้หญิงต้องให้บริการผู้ชาย แต่ในโลกยุคของผม เราทำอะไรให้กัน โดยไม่ต้องนึกถึงเพศ เราแค่รู้สึกดีกับใคร ก็ทำดีกับคนนั้น” ผมบอกเธอ ไม่รู้ทำไม เธอหน้าแดง แล้วก็พยักหน้า
“จะทำอะไรก็ตามใจเถอะ” จากนั้นก็ผลุบหายไปในห้องน้ำ
ผมจัดห้องเงียบๆ ส่วนที่อิงลดาครอบครองอยู่ ให้ความรู้สักบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก มันมีความหอม...อุ่นๆ ในใจทุกครั้งที่เดินเข้ามา ผมไม่ได้บอกเธอว่านั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมหาเรื่องเข้ามาในห้องนี้บ่อยครั้ง
วันก่อนพ่อของผมเรียกไปคุย และตัดสินใจอย่างที่ผมคิดแล้วว่าท่านจะทำแบบนั้น
‘พ่อคิดว่าลูกทำผิดกฎที่เราคุยกันไว้’
‘ครับ’ ผมรับคำสั้นๆ
‘รู้ใช่ไหม ว่าพ่อจะทำอะไร’ ท่านถามก่อนที่ผมจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงานในโรงพยาบาลของท่านเสียอีก
ผมพยักหน้า รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว พ่อมีสีหน้าเครียด และไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ผมรู้ว่าท่านลำบากใจที่จะทำกับลูกคนเดียวของท่านแบบนั้น แต่เมื่อท่านตั้งกฎไว้แล้ว ก็ต้องทำ
กฎข้อหนึ่งที่ท่านสั่งกำชับ หลังจากรู้ว่าผมทำโปรเจคย้ายมวลสารก็คือผมจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตของใคร ไม่ทำให้อดีตหรืออนาคตเปลี่ยนไป
‘พ่อรู้สึกว่าสมองส่วนความรู้สึกนึกคิดของลูกมันเริ่มล้ำเส้นเกินไปแล้ว’
….
ฉันแต่งตัวเรียบร้อยและพร้อมที่จะนอน ไอแซคออกจากห้องไปแล้ว เอาเอาว่าเขาคงไปนอนเช่นกัน เวลากลางคืน เป็นเวลาชาร์ตพลังงานของไอแซค สิ่งที่เขากินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานเหมือนกับการที่มนุษย์กินอาหาร เพราะฉะนั้นตอนกลางคืน ไอแซคจะหลับเหมือนคน
พ่อของไอแซคคงเป็นอัฉริยะอีกคน เขาสร้างผลงานได้เหมือนคนมากๆ และการใช้ชีวิตของเขาก็กลมกลืนกับมนุษย์ปกติ สิ่งนี้เอง ที่ทำให้ไอแซคสามารถเก็บความลับของตัวเองมาได้กว่ายี่สิบปีแล้ว
ฉันหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ จมดิ่งกับเรื่องราวสมัยใหม่ที่มีอะไรน่าสนใจอยุ่มากมาย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนจึงย่องออกมานอกห้อง ไฟดวงหลังถูกปิดสนิท เหลือเพียงแสงสลัวที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดม่านออกทั้งสองด้าน เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไอแซคนอนนิ่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาปิดสนิท ฉันยืนมองร่างนั้นพักใหญ่ ลอบถอนใจ บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่
มันมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ลึกๆ ความเสียใจ ...หรืออะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือ จิตใจมันวนเวียนมาที่เขาเป็นระยะๆ
“ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือไง ตามสถิติ ผู้หญิงควรนอนไม่ต่ำกว่าเจ็ดชั่วโมงต่อวัน หน้าตาจะได้สดใส ไม่แก่รู้ไหม” เสียงเอ่ยเบาๆ จากร่างที่นอนเหยียดยาว
“อุ้ย ฉันนึกว่านายนอนหลับอยู่”
“ผมนอนไม่หลับ” ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง ไฟดวงหนึ่งที่อยู่กลางห้องเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“นอนไม่หลับ เป็นไปได้ยังไง ฉันคิดว่า…”
“ผมปิดโหมดปิดสวิทต์ตัวเองโดยอัตโนมัติของตัวเองออกไปนานแล้ว” เขาตอบ “แล้วคุณล่ะ นอนไม่หลับเหมือนกันใช่ไหม”
ฉันพยักหน้า “อ่านหนังสือเพลิน”
“อีกไม่เกินสองวันก็จะได้กลับแล้ว น่าจะดีใจ หลับสบาย”
เอิ่ม...หุ่นยนต์นี่มันประชดประชันได้หรือเปล่านะ ทำไมประโยคนั้นของเขามันเหมือนประชดกันยังไงก็ไม่รู้
“ช่างมันเถอะ แต่ว่านายสบายดีนะ ฉันเป็นห่วง”
“ห่วงผม?”
“ใช่...ฉันไปแล้วนายจะเป็นยังไงต่อ พ่อนายบอกหรือยัง”
ไอแซคเลื่อนสายตาไปทางอื่น เงียบไปหลายวินาที แล้วก็หันกลับมายิ้มที่มุมปาก โดยที่ดวงตาไม่ยิ้มสักนิด
“ครับ ผมรู้แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร เรื่องนั้นเล็กน้อย”
ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาที่แทบไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างจากดวงตาของมนุษย์ทั่วไป อย่างห้ามใจไม่อยู่ ฉันเอื้อมมือตัวเองออกไปดึงมือของเขามากุมไว้ มือของเขาเย็นนิดๆ ในตอนแรก จากนั้นก็ค่อยๆ อุ่นขึ้น
“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่าง ฉันมีเวลาคิด แล้วก็เข้าใจแล้วว่านายตั้งใจดีที่พาฉันมาที่นี่ ยอมเสี่ยงอะไรมากมายเพื่อให้ฉันมีชีวิตอยู่”
“ไม่ใช่คุณผมก็ทำแบบนี้ ชีวิต...เป็นสิ่งสำคัญ ผมไม่อยากเห็นใครสักคนทำลายมัน”
“จะบังเอิญว่าเป็นฉันหรือยังไงก็ตาม แต่ก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
ฉันตัดสินในเอามืออีกข้างวางทับมือหนาของเขาไว้ เพราะมันใหญ่เกินกว่าที่มือเดียวของฉันจะทำได้ ไอแซคก้มหน้า ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่ไม่มีชีวิตตรงหน้าฉันกำหลัง...เอิ่ม เขิน
“อีกวันสองวัน ถ้าคุณกลับไปได้ สัญญานะครับว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด แล้วก็จะ...เลิกเสียใจ”
ฉันถอนหายใจ “นายขอมากไปไหม เลิกเสียใจนี่นะ”
มือหนาอีกมือของเขาซ้อนทับมาบนมือเล็กๆ ของฉัน
“ไม่น้อยไป...ทุกคนมีค่าเสมอ ชีวิตมีค่ามาก”
“ฉันรู้ๆๆ โอเค เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ” ฉันดึงมือตัวเองออก ลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิครับ … พรุ่งนี้...” เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แล้วก็หยุดแค่น้น
“อะไร”
“ผมไม่ต้องไปแลป ให้นาธานทำต่อ ผม...อยากชวนคุณไปเที่ยวด้วยกันสักวัน ได้ไหม”
“เที่ยว?”
ฉันมองร่างที่ค่อยๆ ลุกขึ้น เขาไม่ได้หลบตา “ผมอยากพาคุณไปเที่ยว”
“...” คำปฏิเสธ เกือบจะหลุดออกมาจากปากของฉัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่รอความผิดหวัง ฉันจึงถามไปอีกครั้ง
“ทำไม”
“ผมแค่อยากพาคุณไปเที่ยว” เขายักไหล่ ไม่ผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไป
“นายโกหก...เหลืออีกไม่กี่วันฉันก็จะกลับแล้ว ช่วยพูดอะไรตรงๆ หน่อยได้ไหม ทำไมนายอยากพาฉันไปเที่ยว ทั้งๆ ที่นาธานบอกว่านายบ้างานยังกับอะไรดี ทำงานไม่ได้หยุดมาหลายปีแล้ว”
“...”
“โอกาสในชีวิตของแต่ละคนมีไม่มากนะ ถ้านายไม่พูด ไม่บอก นายอาจไม่มีโอกาสได้พูดอีก จะเก็บไว้ทำไมไอ้ความลับอะไรในใจของนายนั่นน่ะ” ฉันแกล้งขู่ “แต่เอาเถอะถ้ายังไม่อยากบอก ก็ตามใจ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันสักวันก็ได้ ฉันอยากใช้ชีวิตในโลกนี้ให้คุ้มเหมือนกัน แต่..มีข้อแม้ว่านายต้องตามใจฉันทุกอย่างนะ โอเคไหม”
ร่างสูงยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด ก่อนพยักหน้า “อย่าขออะไรที่เกินความสามารถของผมก็แล้วกัน”
“แน่นอน...ตอนนี้เราควรแยกย้ายกันไปนอน นอนให้หลับด้วยนะ”
“โหมดมนุษย์ของผมบอกว่า ผมจะหลับ” เขาตอบไล่หลังฉันมา
….
เช้าวันรุ่งขึ้น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นปลุกฉันขึ้นมาจากอาการหลับไหล เมื่อล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยก็พบว่าอาหารเช้าบางส่วนวางไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว ส่วนเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับการทอดอะไรสักอย่างที่กลิ่นหอมเสียจนน้ำลายไหลถัดไปไม่ไกลนัก ร่างสูง ไหล่กว้างที่มีเพียงเสื้อยืดเก่าๆ สวมทับอยู่ ทำให้บรรยากาศในครัวดู....อบอุ่นเป็นกันเองเหลือเกิน
“ผมทำของง่ายๆ ให้นะวันนี้ ไม่อยากเอาอาหารสำเร็จมาจากตู้ แล้วอุ่น เลยทำสลัดผักสด กับเบคอนทอด ขนมปังปิ้ง” ร่างสูงพูดโดยไม่ได้หันกลับมา
ฉันเดินไปไกล้เห็นเขากำลังพลิกเบคอนสีน้ำตาลอย่างชำนาญ เดาเอาว่ามันคงเป็นกระทะแบบเก่า (แต่เป็นแบบที่ใช้ในสมัยของฉัน) อย่างที่นาธานเล่าให้ฟัง ไอแซคเป็นคนชอบของก่า ของทำอะไรเองไม่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกถ้าไม่จำเป็น
“นายจะทำให้ฉัน...เคยตัว ทำให้ทุกอย่าง แถมปล่อยให้ฉันนอนตื่นสาย”
“วันเดียว คงไม่เป็นไร ผมแค่อยากทำให้” เขาตอบ
“...” ประโยคนั้นทำให้ฉันพูดไม่ออก
“กินอาหารเช้าเถอะ เดี๋ยวเราจะได้ไปกัน” เขาส่งจานเบคนอนให้ฉัน เดินไปยกกาแฟมาเสิรฟ ก่อนปลดผ้ากันเปื้อนวางไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้าม
ฉันวางจานอาหาร แล้วเดินไปหยิบกดน้ำเย็นจากตู้ใกล้ๆ มาส่งให้เขาแก้วหนึ่ง เราก็นั่งกินอาหารเช้าด้วยกันเงียบๆ
“ไอแซค นายเคยมีแฟนไหม” กินไปได้สักพัก ฉันก็เอ่ยขึ้นเหมือนกับถามเรื่องลมเรื่องฟ้า มากกว่าจะเป็นเรื่องความรักของอีกฝ่าย
คำถามนั้นทำให้ช้อนซ่อมของคนที่นั่งตรงข้ามฉันชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงไปตักอาหารของตัวเองซึ่งมีปริมาณเป็นสองเท่าของฉันต่อ
“ไหนบอกว่าจะตามใจฉันทุกอย่างไง...ตอบคำถามแค่นี้เอง”
“ผู้หญิงนี่สอดรู้ไปทุกเรื่องเลยหรือไง”
ฉันอ้าปากค้าง เอ่อ กำลังโดนด่าอยู่ใช่ไหม
“ฉันแค่อยากรู้ว่านายชอบผู้หญิงแบบไหน แล้วทำไมตอนนี้นายไม่มีแฟน ทั้งๆ ที่เอาใจผู้หญิงเก่งขนาดนี้ ถ้าเป็นสมัยที่ฉันอยู่ นายคงโดนผู้หญิงรุมทิ้ง ทั้งหน้าตาดี เอาใจเก่ง แถมทำงานเก่งอีก”
“ไม่มี ผมไม่เคยมีแฟน” เขาตอบ ปลายเสียงดูหงุดหงิด
“ทำไม บอกได้ไหม ไม่เชื่อหรอกนะถ้าบอกว่านายไม่มีใครสนใจน่ะ” ฉันถามต่อ ไหนๆ ก็โดนด่าตรงไปตรงมาแล้ว
“ก็ผมเป็นแบบนี้…” อีกฝ่ายตักอาหารเข้าปาก ตอบเสียงเรียบ
ฉันวางช้อน มองตรงไปยังมือหนาที่ตอนนี้ทำเป็นจิ้มอาหาร แต่ไม่ได้ตักเข้าปากเพิ่มสักคำ พักใหญ่ เขาคงสังเกตได้จึงได้เงยหน้าขึ้นมองตรงมา แววตาเบื้องหลังใบหน้าได้รูปดูเศร้าจนน่าใจหาย
“ผมรักใครไม่ได้หรอก...”
คำพูดตรงไปตรงมา กรีดเข้าไปในความรู้สึกของฉัน
คนตรงข้าม มีคุณสมบัติพร้อมที่จะรัก และถูกรัก แต่เขากลับไม่สามารถจะรักได้ ในขณะที่ผู้ชายคนอื่นๆ ในโลกนี้ มีความสามารถที่จะรัก แต่ไม่เคยใช้มันอย่างคุ้มค่า
“นายคิดไปเองรู้ไหม”
เขาส่ายหน้า “ความรักเป็นเรื่องจริงจังสำหรัับผม ความรักของผมคือการที่ผมรักโลกใบนี้ อยากทำให้มันน่าอยู่ สำหรับทุกคน แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว”
“เป็นคำตอบที่นางงามมาก” ฉันหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหน้าหงิก “นายไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลยหรือไง หรือหุ่นยนต์เห็นแก่ตัวไม่ได้”
“พ่อผมคงไม่ได้โปรแกรมผมมาแบบนั้นมั้ง”
“ทำไมก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกว่า สิ่งที่นายทำหลายอย่างเป็นเรื่องที่ไม่ได้โปรแกรมกันออกมาได้ นายคิดอะไรซับซ้อน ราวกับมนุษย์ มันแปลกมาก จริงๆ นะ”
คนฟังสายหัว “คิดไปทำไมให้ปวดหัว กินๆ ซะ เราจะได้ไปกันเสียที เวลามีน้อยเอาแต่คิดอะไรไม่รู้วุ่นวาย”
ดูเอาเถอะ ขนาดคำพูด ยังร้ายเหมือนคนซะขนาดนั้น ….จะให้ทำใจว่านายเป็นหุ่นได้ยังไงง่ายๆ ล่ะ
“บอกแล้วไงว่าฉันทำเองได้ งานแค่นี้” คนพูดทำหน้านิ่ว
“ผมเข้าใจว่า สมัยของคุณ ผู้หญิงต้องให้บริการผู้ชาย แต่ในโลกยุคของผม เราทำอะไรให้กัน โดยไม่ต้องนึกถึงเพศ เราแค่รู้สึกดีกับใคร ก็ทำดีกับคนนั้น” ผมบอกเธอ ไม่รู้ทำไม เธอหน้าแดง แล้วก็พยักหน้า
“จะทำอะไรก็ตามใจเถอะ” จากนั้นก็ผลุบหายไปในห้องน้ำ
ผมจัดห้องเงียบๆ ส่วนที่อิงลดาครอบครองอยู่ ให้ความรู้สักบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก มันมีความหอม...อุ่นๆ ในใจทุกครั้งที่เดินเข้ามา ผมไม่ได้บอกเธอว่านั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมหาเรื่องเข้ามาในห้องนี้บ่อยครั้ง
วันก่อนพ่อของผมเรียกไปคุย และตัดสินใจอย่างที่ผมคิดแล้วว่าท่านจะทำแบบนั้น
‘พ่อคิดว่าลูกทำผิดกฎที่เราคุยกันไว้’
‘ครับ’ ผมรับคำสั้นๆ
‘รู้ใช่ไหม ว่าพ่อจะทำอะไร’ ท่านถามก่อนที่ผมจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงานในโรงพยาบาลของท่านเสียอีก
ผมพยักหน้า รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว พ่อมีสีหน้าเครียด และไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ผมรู้ว่าท่านลำบากใจที่จะทำกับลูกคนเดียวของท่านแบบนั้น แต่เมื่อท่านตั้งกฎไว้แล้ว ก็ต้องทำ
กฎข้อหนึ่งที่ท่านสั่งกำชับ หลังจากรู้ว่าผมทำโปรเจคย้ายมวลสารก็คือผมจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตของใคร ไม่ทำให้อดีตหรืออนาคตเปลี่ยนไป
‘พ่อรู้สึกว่าสมองส่วนความรู้สึกนึกคิดของลูกมันเริ่มล้ำเส้นเกินไปแล้ว’
….
ฉันแต่งตัวเรียบร้อยและพร้อมที่จะนอน ไอแซคออกจากห้องไปแล้ว เอาเอาว่าเขาคงไปนอนเช่นกัน เวลากลางคืน เป็นเวลาชาร์ตพลังงานของไอแซค สิ่งที่เขากินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานเหมือนกับการที่มนุษย์กินอาหาร เพราะฉะนั้นตอนกลางคืน ไอแซคจะหลับเหมือนคน
พ่อของไอแซคคงเป็นอัฉริยะอีกคน เขาสร้างผลงานได้เหมือนคนมากๆ และการใช้ชีวิตของเขาก็กลมกลืนกับมนุษย์ปกติ สิ่งนี้เอง ที่ทำให้ไอแซคสามารถเก็บความลับของตัวเองมาได้กว่ายี่สิบปีแล้ว
ฉันหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ จมดิ่งกับเรื่องราวสมัยใหม่ที่มีอะไรน่าสนใจอยุ่มากมาย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนจึงย่องออกมานอกห้อง ไฟดวงหลังถูกปิดสนิท เหลือเพียงแสงสลัวที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดม่านออกทั้งสองด้าน เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไอแซคนอนนิ่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาปิดสนิท ฉันยืนมองร่างนั้นพักใหญ่ ลอบถอนใจ บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่
มันมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ลึกๆ ความเสียใจ ...หรืออะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ระหว่างที่กำลังอ่านหนังสือ จิตใจมันวนเวียนมาที่เขาเป็นระยะๆ
“ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือไง ตามสถิติ ผู้หญิงควรนอนไม่ต่ำกว่าเจ็ดชั่วโมงต่อวัน หน้าตาจะได้สดใส ไม่แก่รู้ไหม” เสียงเอ่ยเบาๆ จากร่างที่นอนเหยียดยาว
“อุ้ย ฉันนึกว่านายนอนหลับอยู่”
“ผมนอนไม่หลับ” ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง ไฟดวงหนึ่งที่อยู่กลางห้องเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“นอนไม่หลับ เป็นไปได้ยังไง ฉันคิดว่า…”
“ผมปิดโหมดปิดสวิทต์ตัวเองโดยอัตโนมัติของตัวเองออกไปนานแล้ว” เขาตอบ “แล้วคุณล่ะ นอนไม่หลับเหมือนกันใช่ไหม”
ฉันพยักหน้า “อ่านหนังสือเพลิน”
“อีกไม่เกินสองวันก็จะได้กลับแล้ว น่าจะดีใจ หลับสบาย”
เอิ่ม...หุ่นยนต์นี่มันประชดประชันได้หรือเปล่านะ ทำไมประโยคนั้นของเขามันเหมือนประชดกันยังไงก็ไม่รู้
“ช่างมันเถอะ แต่ว่านายสบายดีนะ ฉันเป็นห่วง”
“ห่วงผม?”
“ใช่...ฉันไปแล้วนายจะเป็นยังไงต่อ พ่อนายบอกหรือยัง”
ไอแซคเลื่อนสายตาไปทางอื่น เงียบไปหลายวินาที แล้วก็หันกลับมายิ้มที่มุมปาก โดยที่ดวงตาไม่ยิ้มสักนิด
“ครับ ผมรู้แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร เรื่องนั้นเล็กน้อย”
ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาที่แทบไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างจากดวงตาของมนุษย์ทั่วไป อย่างห้ามใจไม่อยู่ ฉันเอื้อมมือตัวเองออกไปดึงมือของเขามากุมไว้ มือของเขาเย็นนิดๆ ในตอนแรก จากนั้นก็ค่อยๆ อุ่นขึ้น
“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่าง ฉันมีเวลาคิด แล้วก็เข้าใจแล้วว่านายตั้งใจดีที่พาฉันมาที่นี่ ยอมเสี่ยงอะไรมากมายเพื่อให้ฉันมีชีวิตอยู่”
“ไม่ใช่คุณผมก็ทำแบบนี้ ชีวิต...เป็นสิ่งสำคัญ ผมไม่อยากเห็นใครสักคนทำลายมัน”
“จะบังเอิญว่าเป็นฉันหรือยังไงก็ตาม แต่ก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
ฉันตัดสินในเอามืออีกข้างวางทับมือหนาของเขาไว้ เพราะมันใหญ่เกินกว่าที่มือเดียวของฉันจะทำได้ ไอแซคก้มหน้า ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่ไม่มีชีวิตตรงหน้าฉันกำหลัง...เอิ่ม เขิน
“อีกวันสองวัน ถ้าคุณกลับไปได้ สัญญานะครับว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด แล้วก็จะ...เลิกเสียใจ”
ฉันถอนหายใจ “นายขอมากไปไหม เลิกเสียใจนี่นะ”
มือหนาอีกมือของเขาซ้อนทับมาบนมือเล็กๆ ของฉัน
“ไม่น้อยไป...ทุกคนมีค่าเสมอ ชีวิตมีค่ามาก”
“ฉันรู้ๆๆ โอเค เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ” ฉันดึงมือตัวเองออก ลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิครับ … พรุ่งนี้...” เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แล้วก็หยุดแค่น้น
“อะไร”
“ผมไม่ต้องไปแลป ให้นาธานทำต่อ ผม...อยากชวนคุณไปเที่ยวด้วยกันสักวัน ได้ไหม”
“เที่ยว?”
ฉันมองร่างที่ค่อยๆ ลุกขึ้น เขาไม่ได้หลบตา “ผมอยากพาคุณไปเที่ยว”
“...” คำปฏิเสธ เกือบจะหลุดออกมาจากปากของฉัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่รอความผิดหวัง ฉันจึงถามไปอีกครั้ง
“ทำไม”
“ผมแค่อยากพาคุณไปเที่ยว” เขายักไหล่ ไม่ผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไป
“นายโกหก...เหลืออีกไม่กี่วันฉันก็จะกลับแล้ว ช่วยพูดอะไรตรงๆ หน่อยได้ไหม ทำไมนายอยากพาฉันไปเที่ยว ทั้งๆ ที่นาธานบอกว่านายบ้างานยังกับอะไรดี ทำงานไม่ได้หยุดมาหลายปีแล้ว”
“...”
“โอกาสในชีวิตของแต่ละคนมีไม่มากนะ ถ้านายไม่พูด ไม่บอก นายอาจไม่มีโอกาสได้พูดอีก จะเก็บไว้ทำไมไอ้ความลับอะไรในใจของนายนั่นน่ะ” ฉันแกล้งขู่ “แต่เอาเถอะถ้ายังไม่อยากบอก ก็ตามใจ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันสักวันก็ได้ ฉันอยากใช้ชีวิตในโลกนี้ให้คุ้มเหมือนกัน แต่..มีข้อแม้ว่านายต้องตามใจฉันทุกอย่างนะ โอเคไหม”
ร่างสูงยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด ก่อนพยักหน้า “อย่าขออะไรที่เกินความสามารถของผมก็แล้วกัน”
“แน่นอน...ตอนนี้เราควรแยกย้ายกันไปนอน นอนให้หลับด้วยนะ”
“โหมดมนุษย์ของผมบอกว่า ผมจะหลับ” เขาตอบไล่หลังฉันมา
….
เช้าวันรุ่งขึ้น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นปลุกฉันขึ้นมาจากอาการหลับไหล เมื่อล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยก็พบว่าอาหารเช้าบางส่วนวางไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว ส่วนเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับการทอดอะไรสักอย่างที่กลิ่นหอมเสียจนน้ำลายไหลถัดไปไม่ไกลนัก ร่างสูง ไหล่กว้างที่มีเพียงเสื้อยืดเก่าๆ สวมทับอยู่ ทำให้บรรยากาศในครัวดู....อบอุ่นเป็นกันเองเหลือเกิน
“ผมทำของง่ายๆ ให้นะวันนี้ ไม่อยากเอาอาหารสำเร็จมาจากตู้ แล้วอุ่น เลยทำสลัดผักสด กับเบคอนทอด ขนมปังปิ้ง” ร่างสูงพูดโดยไม่ได้หันกลับมา
ฉันเดินไปไกล้เห็นเขากำลังพลิกเบคอนสีน้ำตาลอย่างชำนาญ เดาเอาว่ามันคงเป็นกระทะแบบเก่า (แต่เป็นแบบที่ใช้ในสมัยของฉัน) อย่างที่นาธานเล่าให้ฟัง ไอแซคเป็นคนชอบของก่า ของทำอะไรเองไม่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกถ้าไม่จำเป็น
“นายจะทำให้ฉัน...เคยตัว ทำให้ทุกอย่าง แถมปล่อยให้ฉันนอนตื่นสาย”
“วันเดียว คงไม่เป็นไร ผมแค่อยากทำให้” เขาตอบ
“...” ประโยคนั้นทำให้ฉันพูดไม่ออก
“กินอาหารเช้าเถอะ เดี๋ยวเราจะได้ไปกัน” เขาส่งจานเบคนอนให้ฉัน เดินไปยกกาแฟมาเสิรฟ ก่อนปลดผ้ากันเปื้อนวางไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้าม
ฉันวางจานอาหาร แล้วเดินไปหยิบกดน้ำเย็นจากตู้ใกล้ๆ มาส่งให้เขาแก้วหนึ่ง เราก็นั่งกินอาหารเช้าด้วยกันเงียบๆ
“ไอแซค นายเคยมีแฟนไหม” กินไปได้สักพัก ฉันก็เอ่ยขึ้นเหมือนกับถามเรื่องลมเรื่องฟ้า มากกว่าจะเป็นเรื่องความรักของอีกฝ่าย
คำถามนั้นทำให้ช้อนซ่อมของคนที่นั่งตรงข้ามฉันชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงไปตักอาหารของตัวเองซึ่งมีปริมาณเป็นสองเท่าของฉันต่อ
“ไหนบอกว่าจะตามใจฉันทุกอย่างไง...ตอบคำถามแค่นี้เอง”
“ผู้หญิงนี่สอดรู้ไปทุกเรื่องเลยหรือไง”
ฉันอ้าปากค้าง เอ่อ กำลังโดนด่าอยู่ใช่ไหม
“ฉันแค่อยากรู้ว่านายชอบผู้หญิงแบบไหน แล้วทำไมตอนนี้นายไม่มีแฟน ทั้งๆ ที่เอาใจผู้หญิงเก่งขนาดนี้ ถ้าเป็นสมัยที่ฉันอยู่ นายคงโดนผู้หญิงรุมทิ้ง ทั้งหน้าตาดี เอาใจเก่ง แถมทำงานเก่งอีก”
“ไม่มี ผมไม่เคยมีแฟน” เขาตอบ ปลายเสียงดูหงุดหงิด
“ทำไม บอกได้ไหม ไม่เชื่อหรอกนะถ้าบอกว่านายไม่มีใครสนใจน่ะ” ฉันถามต่อ ไหนๆ ก็โดนด่าตรงไปตรงมาแล้ว
“ก็ผมเป็นแบบนี้…” อีกฝ่ายตักอาหารเข้าปาก ตอบเสียงเรียบ
ฉันวางช้อน มองตรงไปยังมือหนาที่ตอนนี้ทำเป็นจิ้มอาหาร แต่ไม่ได้ตักเข้าปากเพิ่มสักคำ พักใหญ่ เขาคงสังเกตได้จึงได้เงยหน้าขึ้นมองตรงมา แววตาเบื้องหลังใบหน้าได้รูปดูเศร้าจนน่าใจหาย
“ผมรักใครไม่ได้หรอก...”
คำพูดตรงไปตรงมา กรีดเข้าไปในความรู้สึกของฉัน
คนตรงข้าม มีคุณสมบัติพร้อมที่จะรัก และถูกรัก แต่เขากลับไม่สามารถจะรักได้ ในขณะที่ผู้ชายคนอื่นๆ ในโลกนี้ มีความสามารถที่จะรัก แต่ไม่เคยใช้มันอย่างคุ้มค่า
“นายคิดไปเองรู้ไหม”
เขาส่ายหน้า “ความรักเป็นเรื่องจริงจังสำหรัับผม ความรักของผมคือการที่ผมรักโลกใบนี้ อยากทำให้มันน่าอยู่ สำหรับทุกคน แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว”
“เป็นคำตอบที่นางงามมาก” ฉันหัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหน้าหงิก “นายไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลยหรือไง หรือหุ่นยนต์เห็นแก่ตัวไม่ได้”
“พ่อผมคงไม่ได้โปรแกรมผมมาแบบนั้นมั้ง”
“ทำไมก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกว่า สิ่งที่นายทำหลายอย่างเป็นเรื่องที่ไม่ได้โปรแกรมกันออกมาได้ นายคิดอะไรซับซ้อน ราวกับมนุษย์ มันแปลกมาก จริงๆ นะ”
คนฟังสายหัว “คิดไปทำไมให้ปวดหัว กินๆ ซะ เราจะได้ไปกันเสียที เวลามีน้อยเอาแต่คิดอะไรไม่รู้วุ่นวาย”
ดูเอาเถอะ ขนาดคำพูด ยังร้ายเหมือนคนซะขนาดนั้น ….จะให้ทำใจว่านายเป็นหุ่นได้ยังไงง่ายๆ ล่ะ
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2559, 20:48:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2559, 20:56:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1829
<< 13: การเริ่มต้น ของการลาจาก | 15: ความหวังดี >> |
Zephyr 6 พ.ย. 2559, 09:59:37 น.
นายด่าเป็นด้วยอ่ะ
นายด่าเป็นด้วยอ่ะ
คิมหันตุ์ 6 พ.ย. 2559, 15:57:27 น.
หน่วงไปอี้กกกก
หน่วงไปอี้กกกก