แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง

"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!

แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน

นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6



ธรรศถูกพาส่งโรงพยาบาล และหมอก็ตรวจอย่างละเอียด พบว่าเขาเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น

ปราชญ์ดามองธรรศซึ่งนอนอยู่บนเตียงครู่ใหญ่ด้วยแววตาเป็นกังวลแม้คุณหมอจะยืนยันว่าธรรศปลอดภัยดีแล้วก็ตาม ก่อนจะผละเดินมาหาหญิงสาวที่เป็นคนเรียกรถพยาบาลไปรับตัวธรรศ

“ขอบคุณนะครับคุณบัว คุณช่วยน้องชายผมอีกครั้งแล้ว” เขามองเธออย่างซาบซึ้งใจมาก

“ค่ะ” รวินท์รดาตอบรับ เธอนึกไม่ออกว่าควรพูดอะไรต่อดี แต่เธอเองก็รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไรร้ายแรงมาก ผีร้ายนั่นน่ากลัวจนเธออดใจหายไม่ได้เลยว่าถ้าเธอไปเจอธรรศช้ากว่านี้ เขาอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตก็ได้ ว่าแต่รวินท์รดาก็สงสัยว่าทำไมธรรศถึงโดนผีทำร้ายเอานะ

“ทำไมต้องเป็นคุณบัวด้วยนะ” ปราณนท์เพิ่งเดินมารวมกลุ่มด้วยนั้นเอ่ยถามอย่างสงสัย

“เดาได้ไม่ยาก” ปราชญ์ดาตอบทันที “ก็คุณบัวเป็นแฟนนายธรรศนี่”

“จริงหรือครับ” ปราณนท์ถามอย่างตกใจ

“ไม่ใช่นะคะ!” รวินท์รดารีบแก้ความเข้าใจผิด “บัวไม่ได้เป็นอะไรกับคุณธรรศค่ะ” เธอย้ำชัดเจนด้วยหน้าตาจริงจัง

“แต่ถ้าไม่ใช่คนสำคัญ ทำไมธรรศถึงเลือกไปหาคุณบัวล่ะครับ” ปราชญ์ดาทำหน้าสงสัย การที่ธรรศแอบหนีไป ก็น่าจะไปหาคนสำคัญต่อจิตใจ รองผู้บริหารหนุ่มของสยาม อาร์ทีที จึงคิดว่าครีเอทีฟสาวบริษัทโฆษณาต้องเป็นคนสำคัญกับธรรศมากทีเดียว

“นั่นสิ ดูพี่ธรรศกับคุณบัวก็สนิทกันด้วย” ปราณนท์หน้าจ๋อยหนักกว่าเดิม สาวที่ถูกใจดันเป็นแฟนพี่ชายเสียนี่

รวินท์รดาอยากเถียงและอธิบายไปนักว่า ‘สนิทอะไรกัน’ เธอกับธรรศเจอหน้ากันนับชั่วโมงได้เลย

“บัวไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมคุณธรรศถึงไปหาบัว แต่ที่แน่ ๆ ถ้าบัวเป็นแฟนเขา บัวคงบังคับให้เขากลับโรงพยาบาลตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วค่ะคุณปราชญ์ดา คุณปราณนท์”

สองพี่น้องอัศวชยภัทรต่างมองหน้ากัน แววตาและสีหน้าคล้อยตามเหตุผลจากหญิงสาวตรงหน้า

“ผมขอไปส่งคุณบัวที่พักนะครับ” ปราชญ์ดาบอก และไม่ยอมให้เธอปฏิเสธ ปราชญ์ดาก็ยื่นหน้าไปกระซิบเบา ๆ กับครีเอทีฟสาวโดยไว

“แล้วผมจะแกล้งทำเป็นลืมไปว่าคุณพ่นน้ำใส่หน้าน้องชายผม”

“คุณปราชญ์ดา!” รวินท์รดาตกใจ ไม่คิดว่าจะถูกอีกฝ่ายขู่กันด้วยเรื่องงาน

“พี่ปั้นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้ผมไปส่งคุณบัวแทนดีกว่านะครับ” ปราณนท์ขันอาสา แต่ก็โดนพี่ชายปฏิเสธ

“พี่ไม่เหนื่อยอะไรมากหรอก นายพาเชรีกับช่อแก้วกลับบ้านก่อนดีกว่า นี่หายออกมากันนานคุณอาธิดาคงห่วงเชรีมากแล้ว” ปราชญ์ดาบอกกับน้องชาย ก่อนจะผายมือไปทางประตู สายตากดดันจนรวินท์รดาต้องยอมเดินนำหน้าไปก่อน ปราชญ์ดาจึงรีบเดินตามหลังหญิงสาว ออกจากห้องพักฟื้นของธรรศกันไป

“ผู้หญิงคนนั้นใครหรือคะพี่ปิง” เชรีเดินมายืนข้าง ๆ เงยหน้าถามปราณนท์ที่เอาแต่มองตามพี่ชายด้วยสายตาของคนถูกขัดใจ

“ชื่อคุณบัว พี่ปั้นบอกว่าเป็นแฟนพี่ธรรศ แต่เธอปฏิเสธ สรุปแล้วพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ปราณนท์ยักไหล่ พร้อมเลิกสนใจพี่ชายคนโตแล้ว “กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพี่จะรีบไปเอาชุดกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ธรรศคืนนี้”

“แฟนพี่ธรรศหรือคะ” ช่อแก้วซึ่งยืนฟังอยู่เงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยถามออกมา หญิงสาวหน้าหวาน อุปนิสัยเรียบร้อย อยู่ในกรอบกว่าสามพี่ชายและน้องสาวของอัศวชยภัทร เพราะช่อแก้วถูกคุณย่าวัลภาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่แบเบาะ

“ก็บอกแล้วไงว่าพี่ไม่รู้” ปราณนท์ชักสีหน้าใส่ ทำเอาช่อแก้วถึงกับหน้าเสียแล้วรีบก้มหน้าหลบตาแดงก่ำ

“พี่ปิงใจร้ายกับพี่ช่ออีกแล้วนะคะ”

เชรีมองช่อแก้วอย่างเห็นใจที่อยู่ ๆ ก็ถูกพี่ชายหงุดหงิดใส่ หากปราณนท์กลับไม่สนใจ เขาเดินไปดูธรรศอีกรอบก่อนกลับ

ปราณนท์บอกสองสาวให้รีบตามเขากลับบ้านโดยแทบไม่มองหน้าช่อแก้วสักนิด ช่อแก้วเหลียวมองธรรศด้วยแววตาเศร้าก่อนเดินออกจากห้องไปพร้อมเชรี



ตั้งแต่รถแล่นออกจากโรงพยาบาลมาถึงครึ่งทางกลับคอนโดมิเนียม ปราชญ์ดาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ รวินท์รดาแอบรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่กับรองผู้บริหารหนุ่มเพียงลำพังเช่นนี้

“เอ่อ คุณปราชญ์ดาคะ” รวินท์รดาตัดสินใจเรียกชื่อชายหนุ่ม

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามกลับ ร่างสูงหันมองเธอครู่สั้น ๆ แล้วหันกลับไปสนใจภาพบนท้องถนนยามหนึ่งทุ่มกว่าเช่นเดิม

“คุณจะไม่เอาเรื่องที่บัว เอ่อ บัวพ่นน้ำใส่คุณปราณนท์ใช่ไหมคะ บัวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ”

ปราชญ์ดาละสายตาจากถนน มองหน้าเธอด้วยตาโต ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น รวินท์รดามองเขาอย่างแปลกใจ ทั้งเหตุของเสียงหัวเราะ รวมถึงอาการหัวเราะหลุดมาดขรึม เธอคิดว่าปราชญ์ดาน่าจะเป็นพวกยิ้มยากมากกว่า

“ผมขอโทษ ผมนึกหน้าตอนนายปิงโดนคุณพ่นน้ำใส่ก็อดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ” ชายหนุ่มพยายามหยุดหัวเราะ พร้อมเช็ดน้ำตาจากการหัวเราะไปด้วย

“มันไม่ตลกนะคะคุณปราชญ์ดา บัวเครียดจะแย่” หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ ถ้าหากบริษัทต้องเสียงานเพราะเธอ เธอคงเสียใจมากอย่างไม่รู้จะแก้ตัวได้อย่างไร

“ผมไม่เอาเรื่องนั้นมาคิดหรอกครับ ผมจะพิจารณาจากตัวงาน ไม่มีเรื่องส่วนตัวแน่นอน” ปราชญ์ดาตอบอย่างชัดเจน

“โล่งอกไปที” คราวนี้คนโล่งอกโล่งใจถอนหายใจเสียงดังเลย

ปราชญ์ดาเหลือบมองรอยยิ้มสบายใจบนวงหน้าหญิงสาว ก็พลอยยิ้มตาม

“ที่ผมเอาเรื่องนั้นมาขู่คุณให้ยอมมากับผม เพราะผมมีคำถามเรื่องของคุณบัวกับนายธรรศ” ปราชญ์ดาบอกเหตุผลที่อย่างไรก็จะต้องไปส่งหญิงสาวให้ได้ เขาอยากพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว

“คุณบอกผมว่าคุณไม่ได้คบกับธรรศหรือครับ”

“ค่ะ!” รวินท์รดาตอบชัด ๆ อดหน้ามุ่ยไม่ได้เลยที่ถูกถามด้วยคำถามนี้อีกครั้ง

“แล้วทำไมธรรศถึงไปหาคุณล่ะ”

“บัวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” รวินท์รดาตอบคำถามรองผู้บริหารหนุ่มไม่ได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธรรศหนีออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่หายดี ตอนแรกคิดว่าชายหนุ่มอาจจะได้รับอนุญาตพักฟื้นที่บ้าน แต่เขากลับดื้อออกมาเที่ยวเล่นทั้งที่ยังไม่หายดีเท่านั้น

“ก็แปลว่าต้องสนิทกันระดับหนึ่ง ถึงไปหาที่บ้าน ใช่ไหมครับ”

“คือ ก็ …” รวินท์รดากำลังจะตอบคำถามไปว่า ‘เธอยังสงสัยเลยว่าทำไมธรรศถึงรู้จักที่พักเธอ’ แต่เธอก็สะดุ้งกับไอเย็นวาบที่ด้านหลัง พอหันไปมองเบาะด้านหลังคนขับ หญิงสาวก็เบิกตาค้าง รวมทั้งมีอาการสั่นเทิ้มทั้งตัว

ผีตัวนั้น! ผีดำทะมึนทั้งตัวนั่นกำลังนั่งอยู่เบาะหลัง!!

อาการนิ่งไปผิดปกติของหญิงสาวทำให้ปราชญ์ดาแปลกใจ เขาหันมองตามก็เห็นรวินท์รดากำลังมองเบาะหลังด้วยใบหน้าซีด ๆ

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณบัว”

เสียงทุ้มของปราชญ์ดาปลุกให้คนตกใจได้สติกลับคืน รวินท์รดาละสายตามองหน้าหล่อเหลาของปราชญ์ดา พอกลับไปมองผีร้ายอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าผีร้ายตัวนั้นได้หายไปแล้ว!

“คุณบัวครับ” คราวนี้ปราชญ์ดาใช้ฝ่ามืออุ่น ๆ สัมผัสบนท้องแขนหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ทำให้คนตัวสั่นเริ่มได้สติ เธอรีบหันกลับมานั่งปกติแบบเดิม หากสีหน้าของเธอยังไม่ปกติจนเขาสังเกตได้

“คุณบัว คุณเป็นอะไรไปครับ หน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า” ปราชญ์ดาถามอย่างเป็นห่วง

“เปล่าหรอกค่ะ คือบัวเพิ่งนึกออกค่ะว่าบัวต้องไปรับแมวที่ร้านตัดขนก่อน คุณปราชญ์ดารบกวนส่งบัวตรงปากซอยซ้ายมือแทนดีกว่านะคะ” หญิงสาวชี้บอกตำแหน่ง หัวใจของเธอยังเต้นไม่เป็นปกติเลย

“ดูเหมือนคุณไม่สบาย ให้ผมไปส่งดีกว่านะครับ แวะไปรับแมวของคุณก่อนก็ได้” เขาคิดว่าถ้าเธอไปเป็นลมข้างถนนคงอันตรายแย่

“บัวโอเคค่ะคุณปราชญ์ดา ร้านก็ใกล้ที่พักบัวมาก รบกวนส่งบัวแค่นี้นะคะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”

เมื่อหญิงสาวยืนกราน น้ำเสียงจริงจัง ชายหนุ่มจึงไม่ตื๊อต่อ เขาส่งเธอตรงหน้าร้านตัดแต่งขนสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ รอจนเห็นรวินท์รดาหายเข้าร้านไป ไม่นานเธอก็หิ้วตะกร้าแบบมีฝาปิดสีชมพูออกมา เขาค่อย ๆ ขับรถตามกระทั่งเห็นหญิงสาวเดินหายเข้าไปในคอนโดมิเนียมแถวนั้น ปราชญ์ดาจึงยอมขับรถกลับบ้าน



ทันทีที่ถึงห้องพัก รวินท์รดาก็ปล่อยเจ้าดาร์ลิ้ง แมวเหมียวพันธ์เปอร์เซียขนฟูออกจากตะกร้า เจ้าแมวนอนเดินนวยนาดไปกินอาหารตรงมุมห้อง ส่วนเธอเองก็ล้มลงนั่งบนโซฟาด้วยอาการที่เหมือนคนละเมอ เพราะในหัวเอาแต่นึกถึงผีตัวดำทะมึนตัวนั้น

เธอรู้สึกปวดหนึบในหัวใจถึงกับต้องนิ่วหน้า ความเศร้าคละเคล้าความเจ็บปวดปริศนากำลังบีบความรู้สึกเธอจนแทบหายใจไม่ออก

“หนูบัว” ศตายุปรากฏตัวพร้อมเสียงดังปิ๊ง และเพียงเขาแตะไหล่ รวมกลิ่นหอมดอกแก้วจากกายสูงช่วยไล่ความเศร้าหน่วงที่ทรมานเธอมลายหายจนหมด

“คุณศตายุ ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มให้เทวดาหนุ่มอย่างอ่อนแรง

“ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม” ศตายุหย่อนกายนั่งเคียงข้างร่างบาง จ้องมองด้วยแววตาเป็นห่วงเธอมาก

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แต่ว่าน่ากลัวมาก ตอนบ่ายวันนี้บัวก็เจอผีตัวนั้นอีกแล้ว บัวเกือบโดนมันทำร้าย คุณธรรศก็ด้วย”

“ผมรู้แล้วล่ะครับ โชคดีที่ผมกังวลไว้ก่อนเลยช่วยหนูบัวได้ทัน อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้เธอคนนั้นทำร้ายใครอีก” ศตายุบอกเล่า

“แปลว่าที่ผีตัวนั้นทำร้ายบัวไม่ได้ ก็เพราะคุณช่วยบัวไว้หรือคะ”

“ใช่ครับ แต่ผมจะรู้ได้เพราะบัวเท่านั้น สำหรับคุณธรรศ ถ้าเขาไมได้อยู่กับหนูบัวแล้วผมไม่สามารถช่วยได้”

“อย่างนี้นี่เอง” รวินท์รดาเข้าใจเรื่องตอนบ่ายแล้ว ที่แท้เทวดาหนุ่มคอยปกป้องเธออยู่นี่เอง

“ถ้าได้สร้อยคืนได้ก็ดีนะคะ บัวจะได้ไม่เห็นผีตัวนั้นอีก” รวินท์รดาถอนหายใจอย่างกลุ้มใจ หากวูบหนึ่งเธอก็คิดค้านตัวเองว่า ถ้าเธอสวมสร้อยข้อมือของคุณยาย ก็แปลว่าเธออาจจะไม่รับรู้อันตรายที่จะเกิดกับธรรศน่ะสิ

แล้วคืนนี้ จะมีผีตัวไหนไปทำร้ายธรรศหรือเปล่า

ความลังเลของหญิงสาวสะดุด เมื่อรวินท์รดาเริ่มสังเกตตัวเองว่าทำไมเธอจะต้องไปห่วงเขาด้วยนะ!

“ถ้าหนูบัวห่วงเขามาก พรุ่งนี้ หนูบัวนำพระพุทธรูปที่คุณยายให้หนูบัวไว้ไปให้คุณธรรศยืมเถอะครับ”

รวินท์รดาสะดุ้งเบา ๆ เพราะอยู่ดี ๆ ศตายุก็ให้คำแนะนำเรื่องเดียวกับที่หญิงสาวกำลังกังวลอยู่ แม้อยากจะเถียงว่าเธอไม่ได้ห่วงธรรศขนาดนั้น หากเธอก็รู้ว่าเธอไม่ควรโกหกเทวดาผู้รอบรู้ผู้นี้เลย



ปราณนท์ตั้งใจจะไปนอนค้างเป็นเพื่อนธรรศ แม้มารดาจะไม่เห็นด้วย เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อย

“ปิง ก็จ้างพยาบาลพิเศษ หรือให้นายหมึกคนสวนไปเฝ้าแทนก็ได้นี่” ทิพวรรณไม่อยากให้ลูกชายไปเหนื่อยกับหลานสามีที่ไม่สำคัญ อีกอย่างก็เกรงว่าลูกชายจะอันตรายเพราะธรรศด้วย ต้าหลิงก็เจ็บไปคนหนึ่งแล้ว

“ผมอยากให้พี่ธรรศฟื้นแล้วอุ่นใจที่ได้เจอพี่น้องนะครับแม่ ผมไม่อยากให้พี่เขาหนีไปอีก” ปราณนท์ให้เหตุผล เขาไม่กลัวและไม่เชื่อเรื่องที่แม่กังวล

“แม่ไม่อยากให้ลูกไปนะ” ทิพวรรณยังดึงแขนลูกชายไม่ปล่อย “ถ้าคุณย่ารู้ ลูกจะโดนเพ่งเล็งไปด้วยนะ”

“แม่ ปิง มีอะไรกันหรือครับ” ปราชญ์ดาเพิ่งกลับถึงบ้าน มาเห็นแม่และน้องชายเถียงกันพอดี

“ปิงจะไปเฝ้าธรรศน่ะ แต่แม่ไม่เห็นด้วย แม่เกรงใจคุณย่านะปั้น” ทิพวรรณตอบลูกชายคนโต

“ให้ปิงไปก็ได้นี่ครับแม่ คุณย่าไม่ว่าอะไรหรอก”

เมื่อปราชญ์ดาพยักหน้า ปราณนท์ก็ยิ้มกว้าง รีบหนีไปทันที พอมารดาจะตาม ปราชญ์รีบเข้าไปรั้งตัวมารดาไว้ให้

“แม่อย่าห่วงไปเลยครับ”

“ไม่ห่วงได้ยังไง ดูต้าหลิงสิ ต้าหลิงเจ็บก็เพราะธรรศไม่ใช่หรือ” ทิพวรรณสะบัดตัว งอนใส่ลูกชายคนโตที่ข้ดขวางเธอ

“เพราะอุบัติเหตุนะครับ ไม่เกี่ยวกับผีของธรรศแน่ๆ” ปราชญ์ดาลอบถอนใจ แม่ของเขาเชื่อเรื่องงมงายเป็นตุเป็นตะ

“ไม่รู้ล่ะ ลูกจะประมาทแล้วถ้าเกิดปิงเจ็บตัวร้ายแรงขึ้นมาจริงๆ ลูกจะเสียใจนะปั้น” ทิพวรรณยังไม่หยุดบ่นลูกชาย “แล้วอีกเรื่อง ลูกควรรู้ไว้ว่าพอตาธรรศไปพบคุณปู่ คุณปู่ของลูกก็เรียกทนายมาแก้พินัยกรรมทันที ลูกควรระวังตาธรรศไว้บ้างนะ ขนาดไม่มีใครเลี้ยง ยังโตมาปีกกล้าขาแข็งแบบนี้ แสดงว่ามันต้องร้ายน่าดู”

“แม่ครับ” ปราชญ์ดาไม่อยากให้มารดามองธรรศในแง่ร้าย ทุกอย่างแม่ของเขาคิดไปเองทั้งนั้น

“ถ้าไม่รู้จักระวังตัวเอาไว้ อาจจะต้องเสียใจนะปั้น” มารดาเตือน แต่ปราชญ์ดาก็ไม่กังวลใจไปด้วยหรอก

“ก็ให้มันรู้ไปสิครับว่าระหว่างหลานชายที่ทำงานบริษัทมานาน กับหลานที่ไม่เคยแตะต้องงานบริหารเลย คุณปู่จะยกทุกอย่างให้ธรรศน่ะ ผมว่ายังไงคุณปู่ก็คงแบ่งเท่า ๆ กันแหละครับ”

“เท่า ๆ กัน! นี่เราไม่รู้เลยนะว่าก่อนจะพินัยกรรมจะถูกประกาศออกมา มันแอบมาขออะไรคุณปู่ไปบ้าง ถ้าคุณปู่แก้พินัยกรรมแบ่งให้เท่ากันหลังที่ให้ตาธรรศไปต่าง ๆ นานา ก็แปลว่าธรรศก็ได้เยอะกว่าลูกอยู่ดี”

“แม่ครับ ของพวกนั้นก็ของคุณปู่ ไม่ใช่ของของผมสักหน่อย คุณปู่จะยกให้ใครก็แล้วแต่คุณปู่เถอะครับ แต่แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อะไรที่เป็นของผมหรือเคยเป็นของผมมาก่อน ผมไม่ยกให้ใครง่าย ๆ หรอกครับ ผมง่วงแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับแม่”

ปราชญ์ดาพูดจบก็ขอตัวไปอาบน้ำนอน ทิพวรรณมองตามหลังก็อดหงุดหงิดใจไม่ได้ เธอจะต้องหาทางทำให้ธรรศหายไปให้พ้น ๆ ทางลูกของเธอให้ได้ รวมถึงน้องสาวสามีนั่นอีกคน ทิพวรรณรู้ว่าวธิดาเองก็จ้องจะฮุบบริษัทไปจากลูกชายเธออยู่เช่นกัน!



ทางด้านปราณนท์นั้น เขาหิ้วกระเป๋าเดินตรงไปยังรถซึ่งจอดใกล้ ๆ บ้าน เตรียมจะขับไปโรงพยาบาล แต่พอเห็นช่อแก้วยืนมองอ่างบัวอยู่ในสวนเพียงลำพัง เขาก็เปลี่ยนใจ เดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงริมอ่างบัวก่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของปราณนท์สะท้อนหญิงสาวร่างบางตัวสูงไม่เกินค่าเฉลี่ยนผู้หญิงไทย ช่อแก้วยังสวมเสื้อกับกระโปรงตัวเดิมกับตอนอยู่โรงพยาบาล และใบหน้าของสาวเรียบร้อยยังคงหม่นเศร้า

“ตกลงว่าเป็นห่วง กลัวพี่ธรรศตาย หรือเศร้าเพราะพี่ธรรศมีแฟนแล้วกันแน่”

“พี่ปิง” ช่อแก้วสะดุ้งจากอาการเหม่อลอย หันมองหน้าปราณนท์ ก่อนจะหลบตาหนีเขาอีกแล้ว

ปราณนท์หงุดหงิดกับอาการหวาดกลัวของช่อแก้ว เขาจะอารมณ์เสียก็เพราะช่อแก้วชอบทำเหมือนเขาเป็นเสือสิงห์จะฆ่าเธออย่างนี้ทุกที

“ว่าไง ถามไม่ตอบ!”

“ช่อเป็นห่วงพี่ธรรศแค่นั้นค่ะ” ช่อแก้วตอบเสียงสั่น

“แค่นั้นจริงอะ แค่นั้นก็ดี เพราะเธอไม่มีวันได้สมหวังกับพี่ธรรศหรอก พี่ธรรศเกลียดคุณย่า เขาก็คงเกลียดเธอด้วยนะช่อ”

“พี่ปิง ถ้าคุณยายมาได้ยินจะแย่นะคะ” ช่อแก้วเรียกคุณวัลภาว่าคุณยาย เพราะเป็นญาติคนล่ะฝั่งกัน ซึ่งเธอก็รีบหันซ้ายหัวขวาด้วยกลัวคุณวัลภาจะมาได้ยินเข้าจริง ๆ

“เธออยู่กับคุณย่าตลอด ย่อมรู้ว่าเวลานี้คุณย่าเข้าห้องพระสวดมนต์อยู่” ปราณนท์เตือนความจำหญิงสาว “แล้วไม่เสียใจหรือที่พี่ธรรศมีแฟนแล้ว พี่ปั้นบอกฉันว่าดูเขารักกันมากเลยนะ”

ความเจ็บปวดในแววตาของช่อแก้วเรียกรอยยิ้มมุมปากของร่างสูงได้ ช่อแก้วหมุนตัวหลบ หากคนตัวสูงก็ยังเดินตามไปมองหน้านองน้ำตาของช่อแก้วอยู่ดี

“ชอบพี่ธรรศขนาดนั้นเลย ทั้งที่รู้ว่าชอบไมได้เนี่ยอะนะ โง่หรือเปล่า”

“ช่อไม่อยากคุยกับพี่ปิงแล้วค่ะ” เธอเดินเบี่ยงร่างสูงไปเอง ทว่ายังไม่ทันจะไปไหน ร่างแบบบางของช่อแก้วราวกับจะปลิวเข้าไปในวงแขนของปราณนท์

“พี่ปิง! ปล่อยช่อนะคะ!” ช่อแก้วดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนที่รัดเอวเธอแน่น แต่ยิ่งดิ้น วงแขนหนาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอแน่นกว่าเดิม

เธอมัวแต่ตกใจจนหลบริมฝีปากจากคนตัวสูงที่โฉบลงมาหาไม่ทัน ถูกปราณนท์บดจูบอย่างรุนแรง ช่อแก้วตัวแข็งด้วยไม่คิดว่าจะถูกร่างสูงกระทำการอุกอาจกับเธอเช่นนี้

ช่อแก้วอึดอัด และเริ่มหายใจไม่ออก ถ้าหากเขาไม่ปล่อย เธออาจจะขาดใจตายก็ได้

แล้วไม่นานปราณนท์ก็ยอมผละริมฝีปากออก พร้อมอ้อมแขนก็คลายแรงเช่นกัน

“อยากยั่วให้ฉันโกรธก่อนทำไม” เขาทิ้งท้ายก่อนสะบัดตัวเดินจากไป ปล่อยให้ช่อแก้วร่วงลงนั่งกับพื้นสนามหญ้า ปราณนท์ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิก ๆ ตามหลัง แต่เขาก็ไม่เหลียวกลับไปมองเจ้าของเสียงร้องไห้แม้แต่น้อย!



ธรรศจำไม่ได้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่เขาก็เริ่มได้สติและลืมตาเมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ ภาพคุ้นตาเบื้องหน้าที่ปรากฏก็ทำให้เขาอมยิ้ม เขากำลังอยู่ในห้องพักของรวินท์ณดาอีกครั้งแล้ว!

“เมี้ยว” เสียงของดาร์ลิ้งดึงความสนใจของชายหนุ่มให้ก้มมอง เจ้าแมวขนฟูจ้องเขาตาแป๋วจนธรรศอยากลูบขนนุ่ม ๆ ของแมวน้อย น่าเสียดายที่เขาไม่อาจจะสัมผัสอะไรได้เลย

“ดาร์ลิ้ง ดูอะไรอีกแล้วน่ะ” รวินท์รดาเพิ่งกลับมาจากข้างนอกพร้อมถุงอาหารในมือเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นดาร์ลิ้งเอาแต่แหงนหน้าจ้องอะไรในอากาศ “นี่เธอคงไม่ได้เห็นอะไรใช่ไหม ไม่มีทาง ห้องนี้ไม่มีทางที่ผีจะเข้มาได้แน่นอน” ครีเอทีฟสาวมั่นใจ แต่ก็อดมองหาอะไรลึกลับรอบห้องไมได้

“ก็ผมไม่ใช่ผีนี่บัว” ธรรศขยับเท้าไปหาคนตัวเล็กซึ่งกำลังเทอาหารใส่ชาม รวินท์รดาเริ่มนั่งโต๊ะ เริ่มกินโจ๊กร้อน ๆ ธรรศจึงหย่อนตัวนั่งตรงข้าม มองหญิงสาวรับประทานอาหารด้วยรอยยิ้ม

นายแบบหนุ่มไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเวลาเขาหลับ เขาถึงโผล่มาหาหญิงสาวทุกที แต่เขาก็มีความสุขกับการแอบมองเธอเช่นนี้ไม่น้อยเลย

“กินโจ๊กแล้วร้อนจัง” เธอบ่นพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปปิดม่านตรงหน้าต่าง ก่อนจะค่อย ๆ รวบผมยาวขึ้นไปบนศีรษะแล้วหนีบด้วยกิ๊บติดผมตัวใหญ่ เผยให้เห็นลำคอขาวเนียน

หลังจากนั้นเธอก็เริ่มปลดกระดุมเสิ้อเชิ้ตที่สวมอยู่ทีละเม็ด ทีละเม็ด

แน่นอนว่ารวินท์รดาไม่รู้เลยว่า ขณะที่เธอกำลังจะถอดเสื้อออกเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ธรรศกำลังนั่งมองตาเธอตาค้างด้วยไม่คิดว่าเธอจะถอดเสื้อต่อหน้าเขา!

จบตอน



นำนิยายมาส่งแล้วค่ะ
^^

คุณ แว่นใส - คงต้องรออ่านอีกนิดนะคะ ^^

คุณ พอใจ - คุณศตายุช่วยแน่นอนค่า ^___^

คุณ Zephyr - เป็นบอดี้การ์ดให้นางเอก อิอิ

คุณ สเลเต - ยุ่งพอกันเลยค่ะ -__-''



พบกันใหม่ตอนหน้าค่า สวัสดีค่า



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2559, 22:40:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2559, 22:48:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1065





<< ตอนที่ 5 -100% - ขอที่พักใจ (3)   ตอนที่ 7-50% >>
พอใจ 31 ต.ค. 2559, 22:51:28 น.
ว๊ายยย ตายแล้ว หนูบัว มีชายหนุ่มแอบดูโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มก็เขินเลยสิ นิสัยไม่ดีนะคะคุณธรรศ แอบเข้าห้องสาวโดยที่สาวไม่รู้ตัว และไม่ได้รับอนุญาต
แต่เจ้าดาร์ลิ้งนี่ดูจะถูกอกถูกใจคุณธรรศนะคะ อิอิ


Zephyr 1 พ.ย. 2559, 00:29:42 น.
พี่ธรรศ มั่วนิ่มอยู่บ้านคนอื่นเลยนะ
แหมๆๆๆๆ


kaelek 1 พ.ย. 2559, 00:33:27 น.
นายปิงจอมเกเร รังแก ผญ ...พี่ธรรศจ้องตาไม่กระพริบเลยนะ จะได้เห็นจริงเร๊อ!!


แว่นใส 1 พ.ย. 2559, 07:23:48 น.
มาเจอช๊อตเด็ดเชียวนะ ตอนท้ายหน่ะ
นายปิงก็แกล้งสาวเพราะเขาไม่สนตัวเองใช่ไหมล่า


wane 3 พ.ย. 2559, 02:00:22 น.
สนุกมากค๊าาา ยังเดาทางไม่ออกเลยว่า ใครจะเป็นตัวร้ายบ้าง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account