อัมฮารา...สุดปลายทางที่ความรัก (สนพ.ที่รัก)
เพราะคู่หมั้นหายตัวลึกลับในระหว่างปฏิบัติหน้าที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดน ธารวารีจึงต้องออกตามหา โดยไม่รู้ว่านายพีคนจรที่คอยตามติด คือน้องชายของคู่หมั้นที่จากกันไปนานกว่าสิบปี สองหนุ่มสาวกับการเดินทางในดินแดนอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก...อัมฮารา
Tags: ตามรักสุดแดนตะวัน อัมฮารา รักดราม่า ผจญภัย
ตอน: บทที่ 2/1 เฉียด
ธารวารี รู้สึกตัวตื่นบนเตียงพยาบาล ภาพแผงหลอดไฟสีขาวนับสิบดวงบนฝ้าเพดาน สะท้อนผ่านม่านตา สมองยังสั่งการไม่ถนัดเพราะกำลังสะลึมสะลือ ดวงตาสีสนิมภายใต้คอนแทคเลนส์กะพริบปริบสู้แสงจ้า ภาพเบื้องหน้าคือม่านยาวสีขาวล้อมรอบเตียง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือห้องพยาบาลใน ‘สถานเสาวภา’ ที่หล่อนตั้งใจมาตั้งแต่เช้าเพื่อฉีดวัคซีนและรอเวลาเพื่อพบใครบางคน
หญิงสาวชันตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเมื่อยขบ เมื่อครู่หล่อนเป็นลมคงล้มไปโดนอะไรเข้าทำให้รู้สึกเจ็บที่สะโพกเป็นระยะ มือเรียวบางเอื้อมไปแง้มผ้าม่านสีขาวทันทีที่ได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อน แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อต้นเสียงเมื่อครู่โผล่พ้นม่านสีขาวเข้ามาพอดี
“อ้าว! คุณ... ฟื้นแล้วหรือคะ หลับไปนานกำลังคิดอยู่ว่าจะโทรแจ้งพี่หมอท็อปให้มาดู”
สาวหน้าหมวยผิวขาวร่างเล็กในเดรสสั้นสีดำสวมทับด้วยชุดกาวน์สีขาวเอ่ยทัก ธารวารีผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ คุณหมอ…”
“คุณจำไม่ได้จริง ๆ หรือคะ”
คุณหมอสาวแว่นโตท่าทางคงแก่เรียนวัยน่าจะใกล้เคียงกันส่งรอยยิ้มเยือกเย็นมาให้ จนธารวารีนึกขยาดได้แต่ส่ายหน้า
ทำไมจะจำไม่ได้! ก็เมื่อครู่หล่อนใจหวิวเหมือนจะเป็นลม แล้วความทรงจำช่วงนั้นก็ขาดหายไป จำได้เพียงว่านั่งแถวหน้าที่อัฒจรรย์กลางแจ้งสวนงู เพื่อรอเวลาพบลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหมออยู่ที่นี่
หล่อนไม่เคยนึกชอบเจ้าสัตว์เลื้อยคลานไม่ว่าชนิดไหนก็ตาม เพียงแค่เจ้าหน้าที่สาธิตวิธีจับงูชูคอสบตาให้ดู ใกล้มากจนนึกขยะแขยงดวงตาและผิวมันมะเมื่อมของมันจนขนลุกขนพอง ขาแข้งพาลอ่อนจนวูบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่เสียแล้ว แต่จะตอบว่าอย่างไรได้ ก็ดูหน้าคุณหมอท่าทางดุเหลือใจ
“คือ... ฉันคิดว่า”
“คุณเป็นลม พยาบาลรู้จักว่าคุณเป็นน้องของหมอท็อปเคยมาที่นี่บ่อยๆ แต่พอโทรหาพี่เค้าไม่รับสายสงสัยติดสอน หมอก็เลยให้คุณมานอนพักที่ห้องนี้ก่อน”
“ค่ะ ฉันแค่งงที่อยู่ดี ๆ ก็มานอนพักที่นี่”
“คุณติดต่อไว้ว่าจะมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลืองใช่ไหมคะ”
“ค่ะ แล้วพี่ท็อป... เมื่อไหร่คุณหมอนภัทรจะมาหรือคะ”
“อีกสักครู่ใหญ่ค่ะ เห็นว่ารถติดมาก ”
คุณหมอสาวแว่นโตละสายตาจากแฟ้มคนไข้ เงยหน้าขึ้นสบตา ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
“ลืมแนะนำตัว หมอชื่อทิวา เรียกวาเฉย ๆ ก็ได้ ถ้าคุณรีบไม่อยากรอ หมอฉีดให้เองก็ได้นะคะ”
“อุ๊ย!... ไม่เป็นไรค่ะ รอได้ ฉันไม่รีบค่ะหมอ”
ธารวารีหน้าเสียรีบปฏิเสธ ยิ่งเห็นท่าทางขึงขังของคุณหมอสาวที่เตรียมพร้อมทั้งซองบรรจุเข็มและหลอดยาขึ้นมาวางบนโต๊ะ หล่อนยิ่งใจหายแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ฉีดป้องกันไข้เหลืองตัวเดียวนะคะ ไม่อยากได้ตัวอื่นเพิ่มเผื่อไว้หรือคะ ไปแถบนั้นความเสี่ยงโรคค่อนข้างสูงนะ ไข้เหลือง มาลาเรีย อหิวาห์ตกโรค แต่ละอย่างอันตรายทั้งนั้น ยังไม่นับไข้กาฬหลังแอ่นที่ระบาดแถวแอฟริกาอีกหนึ่งตัว”
“โอย ขอแค่ตัวเดียวก่อนค่ะ แค่นี้ก็ทำใจตั้งนานนะคะคุณหมอหมอ” ธารวารีอิดออด ทำหน้าปุเลี่ยน
“แล้วนี่จะเดินทางวันไหนคะ”
“อีกสิบกว่าวันค่ะ” ธารวารีตอบ จ้องมือคุณหมอสาวไม่วางตา
ในใจนึกสงสัย หรือว่าเป็นกลอุบายเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเข็มฉีดยาตรงหน้า มัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ได้สนใจว่าอุปกรณ์ฉีดเตรียมพร้อมเรียบร้อย ทิวาเรียกและชี้มือมาที่แขนหล่อน ธารวารีถึงกับสะดุ้งเฮือก หน้าซีด
“ถลกแขนเสื้อขึ้นนิดหนึ่งค่ะ หมอจัดการให้เสร็จแล้วคุณจะได้กลับไปพักผ่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอพี่ท็อปได้จริง ๆ ไม่ได้รีบไปไหน”
ธารวารีนั่งนิ่งไม่ทำตามคุณหมอสาวบอก ทิวาขยับแว่นเริ่มหน้านิ่งไม่ยิ้มแย้ม
“คุณไม่ไว้ใจหมอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คุณหมอ คือฉันเข้าใจว่าวัคซีนป้องกันไข้เหลืองนี่ต้องให้พยาบาลฉีดเสียอีก ได้ข่าวว่าที่นี่พยาบาลมือนิ้มนิ่มค่ะ”
“ไม่ว่าจะหมอ พยาบาล หรือนักเทคนิคการแพทย์ พวกเราก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน”
“อ๋อ ค่ะ”
หล่อนจนปัญญาจะหาข้ออ้าง พยายามสูดลมหายใจลึกทั้งที่มือเย็นเฉียบ
“ไม่อยากจะคุย หมอก็มือนิ่มที่สุดของรุ่นค่ะ รับรองคุณจะไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียว”
“เกรงใจจัง ดิฉันไม่ได้กลัวเจ็บ แต่เกิดเป็นลมรอบสองไปคุณหมอจะลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ สำหรับคุณเป็นกรณีพิเศษเพราะพี่ท็อปรีเควสมา บอกว่าคุณกลัวเข็มมาก เห็นจะจริง” ทิวาหัวเราะเบาๆ แต่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าม้านรีบปฏิเสธ
“เปล่า ไม่ได้กลัวจริง ๆ นะคะ พี่ท็อปก็พูดเกินไป ฉันน่ะขาลุยตัวจริงค่ะ”
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะ แค่ฉีดยา ไปเอธิโอเปียยากกว่านี้เยอะ” ทิวาตอบยิ้มๆ
ธารวารีหน้าซีด สองมือกำแน่นเย็นเฉียบ หล่อนกลัวเข็มมากความลับนี้มีแต่นภัทรเท่านั้นที่รู้ แต่ตอนนี้พี่ชายตัวแสบกลับมาทิ้งกัน แถมยังบอกความลับของหล่อนให้คุณหมอสาวรู้อีก
คนไข้ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครชอบเข็มฉีดยาเท่าไหร่นักหรอก หล่อนก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วหล่อนควรจะอายไหม!
ธารวารีรู้สึกอับอายที่คุณหมอสาวดูเหมือนเวทนาหล่อนอย่างไรพิกล จึงแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่แล้วก็ถึงกับนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงไอเย็นของแอลกอฮอล์กระทบผิวเนื้ออ่อน กลิ่นของมันฉุนจัดหล่อนไม่เคยชอบเลยสักนิด
โอย... สงสัยต้องท่องนะโมสามจบ... แต่คงไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อรู้ว่าเลี่ยงอย่างไรก็คงไม่พ้น ธารวารีหลับหูหลับตากำมือแน่น สักพักสีหน้าก็คลายลงเป็นถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปลายเข็มถ่ายเทเจ้าสิ่งเหลวใสออกไปจากหลอดเข้าสู่ร่างกายจนหมดสิ้น แล้วถูกแทนที่ด้วยความเย็นของสำลีชุบแอลกอฮอล์ พ่วงท้ายด้วยเทปกาวแปะกันสำลีห้ามเลือดหลุด
“เสร็จแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างเจ็บไหมคะ”
“ไม่ค่ะ... ไม่เจ็บ ไม่เจ็บสักนิด แค่หวิว ๆ นิดเดียวเอง”
หล่อนตอบปฏิเสธไปแต่สีหน้าต่างกันลิบลับ ทิวาต้องรู้แน่ว่าหล่อนทั้งกลัว หวาดระแวง แต่คิดจะหาคำแก้ตัวก็คงสายไปเพราะสีหน้ามันฟ้อง ได้แต่เงียบไม่ต่อปากต่อคำอีกจะได้รีบออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด และเหมือนระฆังช่วยชีวิตเมื่อคุณหมอสาวเอ่ย
“บอกแล้วไงคะว่าไม่เจ็บ คุณไปรอรับสมุดรับรองที่ห้องด้านนอกได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ธารวารีคลำแขนป้อยๆ จะลุกออกไปแต่ทิวาเรียกไว้อีก หญิงสาวหันกลับมาทำหน้างง จึงได้รับรอยยิ้มกลับมาพร้อมคำถาม
“คุณจะไปหาพี่หมอรุจหรือคะ”
“ค่ะ คุณรู้จักพี่รุจหรือคะ”
คำตอบของหญิงสาวเรียกความสนใจจากทิวาได้ สีหน้าคุณหมอสาวคลายความตึงเครียดไปมากโข
“พี่หมอรุจเป็นรุ่นพี่ที่เคารพนับถือของน้อง ๆ ค่ะ แล้วคุณจะไหวหรือคะ ทางไกลทุรกันดารขนาดนั้น”
“ไกลแค่ไหนก็ต้องไปค่ะ ดิฉันตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์เขา”
“เขาคงดีใจที่คุณไปหา จะได้มีกำลังใจ อุตส่าห์สละตัวเองเพื่อไปรักษาผู้ป่วยยากไร้ถึงที่นั่น น้อยมากนะคะที่จะมีใครไป”
“ค่ะ เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงคะ ฉันถึงเป็นห่วงเขามาก”
ธารวารีรู้สึกแปลกกับท่าทางของคุณหมอแว่นโตที่ดูจะสนใจสถาณภาพของหล่อนกับคู่หมั้นเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“สมุดรับรองไข้เหลืองคุณจำเป็นต้องใช้ ระวังอย่าทำหายนะคะ วัคซีนป้องกันได้สิบปี เท่ากับอายุของสมุดรับรอง ถ้าครบสิบปีแล้วคุณมีความจำเป็นต้องไปอีกก็ต้องมาฉีดและทำสมุดใหม่นะคะ”
“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวไปรอด้านนอกนะคะ”
“ขอให้คุณโชคดีได้เจอพี่หมอรุจเร็ว ๆ ค่ะ”
ทิวาลุกขึ้นยืนส่ง ธารวารีไหว้ขอบคุณแล้วเดินตัวปลิวออกไปด้วยความรู้สึกโล่งใจ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องก็ถอนหายใจ
“คิดว่าจะได้ถามเรื่องพี่รุจจากพี่ท็อป ทำไมเป็นคุณหมอทิวาไปได้ เห็นทีต้องไปหาแม่ของคู่หมั้นอีก แต่จะทำยังไงไม่ให้สงสัยเรื่องพี่รุจหายไปดีนะ ยายรีเอ๊ย”
สีหน้ายุ่งยากขัดกับดวงหน้าหวาน ทำให้ชายหนุ่มที่เดินสวนกันหน้าห้องหยุดชะงัก โดยที่ธารวารีไม่ทันจะได้สนใจ ชายหนุ่มถึงกับนิ่งงันเมื่อหล่อนเดินผ่านเขาไปแบบฉิวเฉียด
ดวงตาคู่นั้น! ช่างเหมือนยายดอกการะเวกเปียยาว บ้านอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับบ้านของเขา
ทิวานั่งครุ่นคิดเรื่องคู่หมั้นของรุจิภพ พลันนึกไปถึงใครอีกคนที่หล่อนนิยมชมชอบเป็นการส่วนตัว เพื่อนชายคนเดียวที่สนิทที่สุด... ภูบดี พี.บอร์ด หรือ ภูบดี พิพัฒนะพงษ์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ หมอหนุ่มฝีมือดี อนาคตไกล ที่หล่อนต้องตาต้องใจ
และเป็นน้องชายของรุจิภพ ที่ป่านนี้อาจจะยังไม่รู้เรื่องการหายตัวไปของพี่ชายที่ข่าววงในปิดกันให้แซ่ด
“จะบอกภูดีไหมนะ เรื่องคุณรีจะไปตามพี่หมอรุจ”
ทิวาพึมพำพลางจะกดโทรศัพท์มือถือปรึกษานภัทรเจ้ากรมข่าวลือ แต่คิดไปคิดมาก็ส่ายหน้า
“ไม่ได้ ๆ เกิดภูตามไปแล้วหายไปอีกคนคงแย่” ทิวาครุ่นคิด
แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะ หญิงสาวถึงกับชะงักและหันไปหาที่มาของเสียง
ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างผอมสูงสวมแว่นกันแดดสีชา ผมสั้นเสยปัด ๆ ยาวกว่ารองทรงเล็กน้อย เขามาในชุดเสื้อแจ็กเก็ตสีดำทับเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบสีดำ ดูสบายเกินไปเสียจนคนมองตกใจ ไม่ใช่แค่ตกใจในความเซอร์ แต่การปรากฏตัวของเขาทำให้หล่อนทั้งดีใจและประหม่า
“ภู! ภูจริง ๆ ด้วย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก เราจะได้ไปรับที่สนามบิน” ทิวาเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้น ปรี่เข้าหาชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองไปทางประตูทั้งที่เพิ่งเข้ามา
“ผู้หญิงคนนั้นใคร”
“คนไหน” ทิวาถึงกับงง
“ก็คนที่ออกไปเมื่อกี้ไง”
เจ้าของเสียงห้วนเดินผ่านหล่อนแล้วถือวิสาสะลากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานออกมานั่งห่าง ๆ ยกขาไขว่ห้างสูงกับโต๊ะตัวเตี้ยอย่างสบายอารมณ์ ทิวาเหลือบมองกิริยาผ่านแว่นหนาอย่างนึกขัดใจ เขาไม่สนใจในความห่วงใยของหล่อนเลย
ทิวาสะกดอารมณ์ไม่พอใจลึก ๆ ลุกขึ้นมายืนกอดอกพิงโต๊ะทำงาน มองสบตา
“เราถามก็ตอบมาก่อนสิ ว่ามาเมื่อไหร่ พักที่ไหน กับใคร” คุณหมอสาวเน้นหนักที่คำพูดสุดท้าย
“เราก็ยังไม่ได้คำตอบเลยนะวา ว่าคนนั้นน่ะใคร”
“แล้วทำไมต้องสนใจ ก็แค่คนไข้”
“เราก็แค่อยากรู้” เขาตอบ จ้องหล่อนตาไม่กะพริบ
“แล้วภูจะอยากรู้ไปทำไม”
หญิงสาวตอบเสียงห้วนกวนกลับไม่ลดราวาศอกเช่นกัน ชายหนุ่มมองสบดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเสียงอ่อนลงอย่างรู้ตัว
“ก็หน้าคุ้น ๆ เรานึกว่าคนรู้จัก”
“น่าจะรู้จักอยู่หรอก ลูกพี่ลูกน้องของพี่ท็อปและเป็นคู่หมั้นพี่รุจด้วย ทีนี้จะบอกได้รึยังว่า...”
หล่อนยังพูดไม่จบ ชายหนุ่มเจ้าของท่าทางยียวนกวนประสาทก็ผุดลุกขึ้นทันที ทิวาถึงกับหน้าถอดสีมองท่าทีลนลานของชายหนุ่มอย่างตกตะลึง
“ทำไมไม่บอกเล่า! ปัดโธ่! ป่านนี้จะไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เราไม่คิดว่ามันสำคัญนี่... ภู! จะไปไหน” ทิวาคว้าแขนชายหนุ่มไว้ ภูบดีหันมามองสีหน้าเครียด
“ปล่อย! เราบอกให้ปล่อยไงวา”
“มีอะไรสำคัญนักหนา ก็แค่คู่หมั้นพี่ชาย”
“สำคัญสิ เธอสำคัญกับเรา” เขาตอบ ยังคงมองไปทางประตูอย่างกระวนกระวาย
“สำคัญกว่าเราอย่างนั้นหรือ”
หล่อนตัดพ้อ พยายามสบสายตาแต่คนฟังไม่สนใจ สะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการเกาะกุมของหล่อน ตามด้วยเสียงประตูปิดดังปังใหญ่
เขาไม่เคยรับรู้การมีตัวตนของหล่อน! แม้แต่จะเสียเวลาตอบคำถามเขายังไม่ทำ
ทิวาถึงกับถอนหายใจหนักหน่วง แววตาหม่นแสงเศร้าสร้อย มือเรียวบางสั่นระริกเอื้อมหยิบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่กลับไปห้องพักของตน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอแบ่งลงวันละครึ่งตอนนะคะ จะได้ไม่ยาวเกินไป ^^
คุณอังค์จิก -- ขอฝากติดตามด้่วยค่า เย้
คุณแว่นใส -- ตามธารวารีไปหาพี่รุจกันค่า
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^___^
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ต.ค. 2559, 08:49:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ต.ค. 2559, 08:49:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1249
<< บทที่ 1/2 ตามหัวใจไปหาเธอ | บทที่ 2/2 เฉียด >> |
อังค์จิก 28 ต.ค. 2559, 17:48:55 น.
คนเรามีความสำคัญต่อกันไม่เท่ากันจริงๆ ครับ เฮ้อ
คนเรามีความสำคัญต่อกันไม่เท่ากันจริงๆ ครับ เฮ้อ
lovereason2 29 ต.ค. 2559, 10:26:07 น.
คุณอังค์จิก -- จะเศร้าแทนหมอวาหรือพี่ภูดีเนอะ อิอิ
คุณอังค์จิก -- จะเศร้าแทนหมอวาหรือพี่ภูดีเนอะ อิอิ
ปริยาธร 6 พ.ย. 2559, 07:35:06 น.
ท่าทางคุณภูน่าสงสัยจริงๆ
ท่าทางคุณภูน่าสงสัยจริงๆ
lovereason2 6 พ.ย. 2559, 19:48:30 น.
พี่นุ้ย - พี่ภูเป็นเด็กมีปัญหาค่า
พี่นุ้ย - พี่ภูเป็นเด็กมีปัญหาค่า