แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 7-50%
ตอนที่ 7-50%
ธรรศก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้เขาจะแน่ใจว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายลามกขนาดแอบมองผู้หญิงเปลื้องผ้า หากนาทีนี้นายแบบหนุ่มกลับไม่สามารถละสายตาจากร่างแบบบางได้เลย ดวงตาคมปลาบมองนิ้วเรียวเล็กค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจากเม็ดบนช่วงลำคอ ลงมาระดับกลางอก ราวกับเวลาเดินช้าลง ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง ไม่มีสิ่งไหนน่าสนใจไปว่าภาพที่เขาจ้องมองอยู่
ความเงียบและสมาธิที่จดจ่อมองกระดุมเสื้อหญิงสาวหลุดไปสองเม็ดนั้นทำให้ธรรศมีท่าทางคล้ายคนละเมอ จนเสียงร้องเมี้ยวของดาร์ลิ้งทำเอาธรรศสะดุ้งเฮือก ดาร์ลิ้งตะกุยขาเจ้านายสาวเรียกร้องความสนใจ รวินท์รดาเลิกยุ่งกับเสื้อตัวเอง จัดการอุ้มแมวเปอร์เซียสีขาวขึ้นมาแทน
“ว่าไง ดาร์ลิ้ง”
ปิ๊ง!
ธรรศสะดุ้งอีกครั้งกับเสียงปริศนาที่ดังขึ้นข้างหู แล้วภาพครีเอทีฟสาวอุ้มแมวก็คือภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่ธรรศจะลืมตาตื่น ธรรศกลับมาอยู่กลางห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลอีกแล้ว
“โอยย” พอรู้สึกตัว ธรรศก็รู้สึกปวดเสียดตรงกลางอกจนร้องออกมาแผ่วเบา ปราณนท์นั่ง ๆ นอน ๆ เล่นโทรศัพท์มือถือตรงโซฟาเบ๊ดสำหรับคนเฝ้าไข้รีบกระโจนเข้าหาพี่ชายทันที
“พี่ธรรศ ตื่นแล้วหรือพี่ ดื่มน้ำไหม”
“ปิงหรือ … เอาสิ หยิบน้ำให้พี่ที”
ได้ยินดังนั้น น้องชายก็รีบกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้ว พร้อมวางหลอด ก่อนจะช่วยพยุงพี่ชายขึ้นมาดูดน้ำจากหลอดด้วย
“ขอบใจนะ” ธรรศเอ่ย ก่อนจะถามอย่างสงสัย “นายมาอยู่เป็นพี่อีกแล้วหรือ”
“ครับ ผมกลัวพี่หนีอีก” ปราณนท์บอกตรง ๆ แล้วอดค้อนใส่คนเจ็บตัวป่วนที่อมยิ้มไม่ได้ “รู้ไหมเขาตามหาพี่กันให้ทั่ว หนีไปทำไมครับ”
“นายไม่กลัวพี่หรือไง” ธรรศถามกลับด้วยหน้าเศร้า ๆ
“โธ่ ผมไม่เชื่อหรอกพี่ เรื่องเหลวไหลทั้งเพ” ปราณนท์บ่นพลางลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพี่ชาย “พี่เชื่อเรื่องงมงายนั่นด้วยหรือ เคยเห็นผีที่ตามพี่อยู่หรือไง”
“ถ้าเคยล่ะ” คำตอบจากธรรศ ทำให้คนฟังทำตาโตใส่ “ถ้าพี่บอกว่าพี่เองก็โดนผีทำร้ายจนหมดสติไป”
“ผมว่าพี่ป่วยมากไปแล้ว นอนเถอะพี่” ปราณนท์รีบปิดประเด็น ถึงเขาจะไม่เชื่อเรื่องผีสางงมงาย แต่มาคุยเรื่องผีตอนดึก ๆ ในโรงพยาบาลแบบนี้ ปราณนท์ก็ขนลุกไปทั้งตัว
ธรรศขยับผ้าห่มแล้วตะแคงหน้าไปมองอีกฝั่งที่ไม่ใช่ด้านเตียงของน้องชาย เห็นท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างกระดำกระด่างจากแสงไฟตามตึกสูง เมื่อจิตใจสงบ อดีตที่ชวนน่าสงสัยก็มาแทนที่เรื่องตื่นเต้นจากหญิงสาวกับแมวเหมียว นายแบบหนุ่มหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น
เขาเห็นผู้หญิงเสื้อลูกไม้ขาวกับกระโปรงผ้านุ่งสีชมพูอีกแล้ว เขาจึงเดินตามเธอคนนั้นไปก่อนจะประจัญหน้ากับสิ่งน่ากลัว
แค่นึกถึง ธรรศยังขนลุกและหวาดกลัวไม่หาย ผู้หญิงในชุดขาวผ้านุ่งสีชมพูกลายร่างเป็นสีดำทะมึนทั้งตัว นัยน์ตาของเธอแดงก่ำน่ากลัวมาก ธรรศขยับตัวไม่ได้ เรียกขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้เลย ถูกผีร้ายผลักจนเขาล้มกองกับพื้น และขณะที่เขาอาจจะตายไปตรงนั้น ถ้าธรรศไม่คิด หรือฝันไปเอง เขาเห็นรวินท์รดาโดนผีทำร้ายเช่นกัน
ธรรศถอนหายใจ เขายังจำคำพูดของต้าหลิงได้ ต้าหลิงอาจจะบาดเจ็บเพราะผีที่ติดตามตัวเขา แล้วรวินท์รดาอีกเล่า เธออาจจะเดือดร้อนเพราะเขาอีกคนก็ได้
ราวเที่ยงวันใหม่ ธรรศกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ ดูโทรทัศน์อยู่ โดยมีนายหมึก คนสวนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแทนปราณนท์ที่ไปทำงาน อีกหน้าที่ของหมึกก็คือเฝ้าไม่ให้ธรรศแอบหนีไปไหนอีก
ต้าหลิงเข้ามาเยี่ยมธรรศ แต่ธรรศกลับรู้สึกผิดจนไม่อยากสบตาต้าหลิงเลย เขาจึงแกล้งหลับหนีไปดื้อ ๆ
ความรู้สึกของธรรศเวลานี้ช่างเหมือนเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ธรรศอายุสิบสามปีดันไปอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานจนทำให้มีคนเสียชีวิต ธุรกิจครอบครัวเสียหายหลายสิบล้าน ธรรศไม่ได้ทำอะไรให้ไฟไหม้ หลักฐานก็หาเจอว่ามีคนงานสูบบุหรี่และทำให้เกิดประกายไฟ หากพวกคุณย่า คุณอา และป้าสะใภ้ก็โทษว่าเป็นเพราะธรรศคือตัวซวย แม้เขาจะไม่ผิด แต่ธรรศก็โดนโยนความผิดไว้ในใจตั้งแต่เด็ก ธรรศเจ็บปวดอย่างไม่รู้ว่าจะระบายออกมาแบบไหน หรือจะชดเชยต่อครอบครัวได้อย่างไรนอกจากพยายามอยู่ห่าง ๆ พวกนั้นไว้
เวลานี้ก็เช่นกัน เขารักต้าหลิงเหมือนน้องชาย ทำให้ธรรศคิดว่าจะต้องปกป้องต้าหลิงให้ได้
“พี่ธรรศ นอนยังไม่ตื่นหรือครับ”
ธรรศได้ยินต้าหลิงถามเสียงเบา นายหมึกตอบคำถามแทน ส่วนเขาก็ยังแกล้งหลับไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
“พี่ธรรศครับ ผมขอโทษนะที่พูดว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น จริง ๆ เพราะผมขับรถประมาทเองแท้ ๆ ผมคงหลับในและฝันไปเองว่าเห็นผีตัดหน้ารถ ผมไม่อยากให้พี่เจ็บปวดจนหนีผมไปอีก เราเป็นพี่น้องกันนะพี่ธรรศ”
ธรรศพยายามอดทนกลั้นน้ำตาไว้ แม้ขอบตาจะแสบร้อนแค่ไหนก็ตาม ต้าหลิงผ่อนลมหายใจอีกครั้งก่อนจะยอมกลับออกไป นายแบบหนุ่มจึงค่อย ๆ ลืมตาที่แดงก่ำ และเสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ธรรศแกล้งหลับอีกครั้งเพราะไม่อยากคุยหรือรับแขกคนไหนเวลานี้
“คุณธรรศหลับหรือคะ งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า ฝากถุงนี่ให้คุณธรรศหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
แต่เสียงหวานที่ดังขึ้น ก็ทำให้ธรรศลืมตา หันมองไปทางต้นเสียงอย่างลืมตัว
“เดี๋ยว บัว!!”
รวินท์รดาตกใจ เมื่อธรรศหันมาเรียกเธอเสียงหลง
“ฉันนึกว่าคุณหลับซะอีก” เธอเดินมายืนชิดเตียงคนไข้ แล้วสงสัยจนต้องถามออกมา “เสียงของฉันไม่ได้ปลุกคุณใช่ไหม ฉันโดนพี่นุให้เอาของมาให้คุณ เพราะพี่นุต้องบินไปทำงานด่วนค่ะ” หญิงสาวชี้ไปยังถุงใบใหญ่ตรงโซฟาข้าง ๆ นายหมึก
“คุณโอเคใช่ไหม บัว” ธรรศมองร่างบางไปทั่ว แล้วก็เผลอนึกถึงตอนรวินท์รดาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเมื่อคืน ใบหน้าขาวเห่อร้อนกลายเป็นสีเข้ม
“เรื่องอะไรหรือคะ” รวินท์รดาเลิกคิ้วถามกลับ
ธรรศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่าถ้าเขาพูดเรื่องผี บางทีหญิงสาวอาจจะหาว่าเขาบ้าก็ได้
“ก็เรื่องทั่ว ๆ ไป สบายดีใช่ไหม” เขาเห็นคนฟังยิ่งทำหน้างงมากขึ้นไปอีก
“ก็สบายดีค่ะ คุณต่างหากที่น่าจะเจ็บ ยังเจ็บอยู่ไหมคะ”
ธรรศพยักหน้าช้า ๆ แล้วก็เอาแต่จ้องตาหญิงสาว รวินท์รดาอ่านสายตาชายหนุ่มไม่ออก กระทั่งเธอนึกธุระอีกเรื่องที่ทำให้เธอยอมมาเยี่ยมธรรศ
“ฉันเอานี่มาให้คุณด้วย” เธอหยิบสร้อยสีดำห้อยพระเครื่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตตัวเอง แล้วส่งให้นายแบบหนุ่ม
“ขอให้พระคุ้มครอง ให้คุณหายไว ๆ นะ” พูดไป เธอก็รู้สึกเขินชอบกล เขาจะคิดว่าเธอตลกไปไหมเนี่ย
ธรรศไม่หัวเราะ แต่กลับอมยิ้ม ชวนให้หญิงสาวเขินหนักกว่าเดิม
“เอ่อ คุณยังสวมไม่ได้หรอกมั้ง ฉันแขวนไว้หัวเตียงให้คุณละกันนะ” เธอจึงจัดการแขวนสร้อยพระไว้ตรงแถวหัวเตียงให้
การที่หญิงสาวโน้มตัวไปทางหัวเตียง ทำให้ร่างบางอยู่ใกล้ใบหน้าของธรรศมากจนเขาใจเต้นตึกตัก อาการปวดร้อนตรงกลางอกหายไปหมด เหลือเพียงความหวิวไหวอุ่นซ่านแปลก ๆ เกิดขึ้น ธรรศคว้ามือบางมากุมไว้ด้วยสองมือ
“ขอบคุณนะบัว”
“คุณธรรศ”
รวินท์รดาได้แต่ทำตาโตมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ และแววหวานซึ้งจากสายตาของธรรศก็ทำให้โลกของเธอหยุดหมุน ดั่งมีดอกไม้เบ่งบาน ณ กลางใจของเธอ
หากความละมุนทุกสิ่งอย่างก็สะดุด เมื่อรวินท์รดาที่พยายามหลบตาหนีนัยน์ตาหวานของชายหนุ่มไปยังปลายเตียง เธอถึงกับมองตาค้างกับวิญญาณหญิงสาวในชุดเสื้อลูกไม้ผ้านุ่งสีชมพูยืนอยู่ ณ จุดนั้น
รวินท์รดายิ่งเบิกตาโตกว่าเดิมเพราะใบหน้าหญิงสาวคนนั้นช่างคล้ายคลึงเธอมากเหลือเกิน
วูบหนึ่งชื่อ ‘ท่านหญิงบุษบา’ ก็ปรากฏในความคิด ชื่อของวิญญาณหญิงคือ บุษบา โดยรวินท์รดาไม่สามารถหาที่มาได้ว่าทำไมเธอถึงเรียกวิญญาณหญิงสาวที่เห็นว่า ‘ท่านหญิงบุษบา’
ก๊อก ๆ ๆ … แอ๊ด …
แต่แล้วเสียงประตูห้องเปิดก็ทำให้วิญญาณหญิงสาวนามว่า บุษบา ก็ตกใจแล้วรีบหายตัวไป คราวนี้คนที่มาเยี่ยมนั้นคือช่อแก้ว
ความตกใจทำให้รวินท์รดารีบดึงมือออกจากมือนายแบบหนุ่ม แต่เขากลับยึดมือครีเอทีฟสาวแน่นกว่าเดิม แม้ช่อแก้วจะมองเขาด้วยสายตาตกตะลึงปนเจ็บปวดก็ตาม
อีกด้านหนึ่ง ต้าหลิงนั่งมองท้องฟ้าด้านนอกห้องพร้อมถอนหายใจ ก่อนที่เชรี น้องสาวอีกคนของธรรศจะมาชวนต้าหลิงลงไปเดินเล่นในสวนข้างโรงพยาบาล ก่อนปราณนท์จะมาถึงโรงพยาบาล และมาร่วมวงด้วยตรงร้านน้ำผลไม้ปั่นยี่ห้อดังพูดคุยกัน
เชรีกับปราณนท์นั่งดื่มน้ำผลไม้ปั่นไปพลาง ฟังต้าหลิงระบายไปพลาง
“พี่ธรรศคงโกรธผมมากเลย” ต้าหลิงเครียดจนเริ่มปวดหัว
“อย่าคิดมากสิคะพี่ต้าหลิง พี่ธรรศรักพี่ต้าหลิงมาก เชาไม่โกรธหรอกค่ะ อาจจะแค่คิดถึงแฟนเขาจริง ๆ ก็ได้” เชรีปลอบใจ
“แฟนพี่ธรรศน่ะหรือครับ ใครครับ ผมไม่เห็น ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยนะ” ต้าหลิงถามอย่างตกใจ
“พี่ธรรศน่าเป็นห่วงนะ” ปราณนท์ไม่สนคำถามของต้าหลิง เมื่อวางแก้วน้ำผลไม้ปั่นลงบนโต๊ะก็ถอนหายใจอย่างเครียด ๆ “พี่ธรรศคงเครียดมากจนเริ่มหลอน เขาบอกว่าเขาเห็นผีที่ตามตัวเองอยู่ แล้วยังบอกพี่ด้วยนะว่าโดนผีทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลนี่น่ะ”
“พี่ปิง” คนฟังทั้งสองต่างตกใจ และต้าหลิงก็เป็นคนแรกที่นึกได้
“พี่ปิงอย่าพูดสิครับ เดี๋ยวมีใครได้ยิน พี่ธรรศจะเป็นข่าวได้นะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก นอกจากนายกับเชรีและพ่อแล้ว ฉันก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรอก พี่ธรรศอาจจะสมองกระทบกระเทือนล่ะมั้ง เฮ้อ!”
โดยไม่รู้เลยว่าต้าหลิงรู้สึกช้าไป โต๊ะด้านหลังนั้นมีนักข่าวที่คุ้นเคยกับวงการบันเทิงแอบฟังอยู่ และแอบระแคะระคายอาการของธรรศจาก ‘วงใน’ และเมื่อได้ยินชัดขนาดนี้แล้วนักข่าวถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ข่าวใหม่ นักข่าวคงต้องขอบคุณ ‘วงใน’ ผู้ใกล้ชิดเป็นอย่างมากเชียวล่ะ!
จบตอน
พี่ธรรศงานเข้าอีกแล้ว >_<
คุณพอใจ - ดาร์ลิ้งมาช่วยทันค่ะ ฮ่าๆ และเสียงปิ๊งนั่นก็ด้วย ^^
คุณZephyr - น่าจะเป็นที่ที่ีธรรศอยู่แล้วสบายใจมากเลยนะคะ ฮ่าๆ
คุณkaelek - ปิง ๆ ก่อกวนช่อแก้วไปเรื่อยค่า ฮ่าา ชอแก้วชอบคนอื่นอยู่นี่นา
คุณแว่นใส - ปิงเป็นพวกแกล้งเพราะรักหรือเปล่าน้าา ส่วนช้อตเด็ด พี่ธรรศอดค่ะ อิอิ
คุณwane - ตัวละครจะยังมีความลับกันอยู่ค่ะ ^^
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ทั้งคอมเมนท์ และนักอ่านเงาทุกท่าน
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ธรรศก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้เขาจะแน่ใจว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายลามกขนาดแอบมองผู้หญิงเปลื้องผ้า หากนาทีนี้นายแบบหนุ่มกลับไม่สามารถละสายตาจากร่างแบบบางได้เลย ดวงตาคมปลาบมองนิ้วเรียวเล็กค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจากเม็ดบนช่วงลำคอ ลงมาระดับกลางอก ราวกับเวลาเดินช้าลง ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง ไม่มีสิ่งไหนน่าสนใจไปว่าภาพที่เขาจ้องมองอยู่
ความเงียบและสมาธิที่จดจ่อมองกระดุมเสื้อหญิงสาวหลุดไปสองเม็ดนั้นทำให้ธรรศมีท่าทางคล้ายคนละเมอ จนเสียงร้องเมี้ยวของดาร์ลิ้งทำเอาธรรศสะดุ้งเฮือก ดาร์ลิ้งตะกุยขาเจ้านายสาวเรียกร้องความสนใจ รวินท์รดาเลิกยุ่งกับเสื้อตัวเอง จัดการอุ้มแมวเปอร์เซียสีขาวขึ้นมาแทน
“ว่าไง ดาร์ลิ้ง”
ปิ๊ง!
ธรรศสะดุ้งอีกครั้งกับเสียงปริศนาที่ดังขึ้นข้างหู แล้วภาพครีเอทีฟสาวอุ้มแมวก็คือภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่ธรรศจะลืมตาตื่น ธรรศกลับมาอยู่กลางห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลอีกแล้ว
“โอยย” พอรู้สึกตัว ธรรศก็รู้สึกปวดเสียดตรงกลางอกจนร้องออกมาแผ่วเบา ปราณนท์นั่ง ๆ นอน ๆ เล่นโทรศัพท์มือถือตรงโซฟาเบ๊ดสำหรับคนเฝ้าไข้รีบกระโจนเข้าหาพี่ชายทันที
“พี่ธรรศ ตื่นแล้วหรือพี่ ดื่มน้ำไหม”
“ปิงหรือ … เอาสิ หยิบน้ำให้พี่ที”
ได้ยินดังนั้น น้องชายก็รีบกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้ว พร้อมวางหลอด ก่อนจะช่วยพยุงพี่ชายขึ้นมาดูดน้ำจากหลอดด้วย
“ขอบใจนะ” ธรรศเอ่ย ก่อนจะถามอย่างสงสัย “นายมาอยู่เป็นพี่อีกแล้วหรือ”
“ครับ ผมกลัวพี่หนีอีก” ปราณนท์บอกตรง ๆ แล้วอดค้อนใส่คนเจ็บตัวป่วนที่อมยิ้มไม่ได้ “รู้ไหมเขาตามหาพี่กันให้ทั่ว หนีไปทำไมครับ”
“นายไม่กลัวพี่หรือไง” ธรรศถามกลับด้วยหน้าเศร้า ๆ
“โธ่ ผมไม่เชื่อหรอกพี่ เรื่องเหลวไหลทั้งเพ” ปราณนท์บ่นพลางลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพี่ชาย “พี่เชื่อเรื่องงมงายนั่นด้วยหรือ เคยเห็นผีที่ตามพี่อยู่หรือไง”
“ถ้าเคยล่ะ” คำตอบจากธรรศ ทำให้คนฟังทำตาโตใส่ “ถ้าพี่บอกว่าพี่เองก็โดนผีทำร้ายจนหมดสติไป”
“ผมว่าพี่ป่วยมากไปแล้ว นอนเถอะพี่” ปราณนท์รีบปิดประเด็น ถึงเขาจะไม่เชื่อเรื่องผีสางงมงาย แต่มาคุยเรื่องผีตอนดึก ๆ ในโรงพยาบาลแบบนี้ ปราณนท์ก็ขนลุกไปทั้งตัว
ธรรศขยับผ้าห่มแล้วตะแคงหน้าไปมองอีกฝั่งที่ไม่ใช่ด้านเตียงของน้องชาย เห็นท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างกระดำกระด่างจากแสงไฟตามตึกสูง เมื่อจิตใจสงบ อดีตที่ชวนน่าสงสัยก็มาแทนที่เรื่องตื่นเต้นจากหญิงสาวกับแมวเหมียว นายแบบหนุ่มหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น
เขาเห็นผู้หญิงเสื้อลูกไม้ขาวกับกระโปรงผ้านุ่งสีชมพูอีกแล้ว เขาจึงเดินตามเธอคนนั้นไปก่อนจะประจัญหน้ากับสิ่งน่ากลัว
แค่นึกถึง ธรรศยังขนลุกและหวาดกลัวไม่หาย ผู้หญิงในชุดขาวผ้านุ่งสีชมพูกลายร่างเป็นสีดำทะมึนทั้งตัว นัยน์ตาของเธอแดงก่ำน่ากลัวมาก ธรรศขยับตัวไม่ได้ เรียกขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้เลย ถูกผีร้ายผลักจนเขาล้มกองกับพื้น และขณะที่เขาอาจจะตายไปตรงนั้น ถ้าธรรศไม่คิด หรือฝันไปเอง เขาเห็นรวินท์รดาโดนผีทำร้ายเช่นกัน
ธรรศถอนหายใจ เขายังจำคำพูดของต้าหลิงได้ ต้าหลิงอาจจะบาดเจ็บเพราะผีที่ติดตามตัวเขา แล้วรวินท์รดาอีกเล่า เธออาจจะเดือดร้อนเพราะเขาอีกคนก็ได้
ราวเที่ยงวันใหม่ ธรรศกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ ดูโทรทัศน์อยู่ โดยมีนายหมึก คนสวนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแทนปราณนท์ที่ไปทำงาน อีกหน้าที่ของหมึกก็คือเฝ้าไม่ให้ธรรศแอบหนีไปไหนอีก
ต้าหลิงเข้ามาเยี่ยมธรรศ แต่ธรรศกลับรู้สึกผิดจนไม่อยากสบตาต้าหลิงเลย เขาจึงแกล้งหลับหนีไปดื้อ ๆ
ความรู้สึกของธรรศเวลานี้ช่างเหมือนเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ธรรศอายุสิบสามปีดันไปอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานจนทำให้มีคนเสียชีวิต ธุรกิจครอบครัวเสียหายหลายสิบล้าน ธรรศไม่ได้ทำอะไรให้ไฟไหม้ หลักฐานก็หาเจอว่ามีคนงานสูบบุหรี่และทำให้เกิดประกายไฟ หากพวกคุณย่า คุณอา และป้าสะใภ้ก็โทษว่าเป็นเพราะธรรศคือตัวซวย แม้เขาจะไม่ผิด แต่ธรรศก็โดนโยนความผิดไว้ในใจตั้งแต่เด็ก ธรรศเจ็บปวดอย่างไม่รู้ว่าจะระบายออกมาแบบไหน หรือจะชดเชยต่อครอบครัวได้อย่างไรนอกจากพยายามอยู่ห่าง ๆ พวกนั้นไว้
เวลานี้ก็เช่นกัน เขารักต้าหลิงเหมือนน้องชาย ทำให้ธรรศคิดว่าจะต้องปกป้องต้าหลิงให้ได้
“พี่ธรรศ นอนยังไม่ตื่นหรือครับ”
ธรรศได้ยินต้าหลิงถามเสียงเบา นายหมึกตอบคำถามแทน ส่วนเขาก็ยังแกล้งหลับไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
“พี่ธรรศครับ ผมขอโทษนะที่พูดว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น จริง ๆ เพราะผมขับรถประมาทเองแท้ ๆ ผมคงหลับในและฝันไปเองว่าเห็นผีตัดหน้ารถ ผมไม่อยากให้พี่เจ็บปวดจนหนีผมไปอีก เราเป็นพี่น้องกันนะพี่ธรรศ”
ธรรศพยายามอดทนกลั้นน้ำตาไว้ แม้ขอบตาจะแสบร้อนแค่ไหนก็ตาม ต้าหลิงผ่อนลมหายใจอีกครั้งก่อนจะยอมกลับออกไป นายแบบหนุ่มจึงค่อย ๆ ลืมตาที่แดงก่ำ และเสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ธรรศแกล้งหลับอีกครั้งเพราะไม่อยากคุยหรือรับแขกคนไหนเวลานี้
“คุณธรรศหลับหรือคะ งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า ฝากถุงนี่ให้คุณธรรศหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
แต่เสียงหวานที่ดังขึ้น ก็ทำให้ธรรศลืมตา หันมองไปทางต้นเสียงอย่างลืมตัว
“เดี๋ยว บัว!!”
รวินท์รดาตกใจ เมื่อธรรศหันมาเรียกเธอเสียงหลง
“ฉันนึกว่าคุณหลับซะอีก” เธอเดินมายืนชิดเตียงคนไข้ แล้วสงสัยจนต้องถามออกมา “เสียงของฉันไม่ได้ปลุกคุณใช่ไหม ฉันโดนพี่นุให้เอาของมาให้คุณ เพราะพี่นุต้องบินไปทำงานด่วนค่ะ” หญิงสาวชี้ไปยังถุงใบใหญ่ตรงโซฟาข้าง ๆ นายหมึก
“คุณโอเคใช่ไหม บัว” ธรรศมองร่างบางไปทั่ว แล้วก็เผลอนึกถึงตอนรวินท์รดาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเมื่อคืน ใบหน้าขาวเห่อร้อนกลายเป็นสีเข้ม
“เรื่องอะไรหรือคะ” รวินท์รดาเลิกคิ้วถามกลับ
ธรรศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่าถ้าเขาพูดเรื่องผี บางทีหญิงสาวอาจจะหาว่าเขาบ้าก็ได้
“ก็เรื่องทั่ว ๆ ไป สบายดีใช่ไหม” เขาเห็นคนฟังยิ่งทำหน้างงมากขึ้นไปอีก
“ก็สบายดีค่ะ คุณต่างหากที่น่าจะเจ็บ ยังเจ็บอยู่ไหมคะ”
ธรรศพยักหน้าช้า ๆ แล้วก็เอาแต่จ้องตาหญิงสาว รวินท์รดาอ่านสายตาชายหนุ่มไม่ออก กระทั่งเธอนึกธุระอีกเรื่องที่ทำให้เธอยอมมาเยี่ยมธรรศ
“ฉันเอานี่มาให้คุณด้วย” เธอหยิบสร้อยสีดำห้อยพระเครื่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตตัวเอง แล้วส่งให้นายแบบหนุ่ม
“ขอให้พระคุ้มครอง ให้คุณหายไว ๆ นะ” พูดไป เธอก็รู้สึกเขินชอบกล เขาจะคิดว่าเธอตลกไปไหมเนี่ย
ธรรศไม่หัวเราะ แต่กลับอมยิ้ม ชวนให้หญิงสาวเขินหนักกว่าเดิม
“เอ่อ คุณยังสวมไม่ได้หรอกมั้ง ฉันแขวนไว้หัวเตียงให้คุณละกันนะ” เธอจึงจัดการแขวนสร้อยพระไว้ตรงแถวหัวเตียงให้
การที่หญิงสาวโน้มตัวไปทางหัวเตียง ทำให้ร่างบางอยู่ใกล้ใบหน้าของธรรศมากจนเขาใจเต้นตึกตัก อาการปวดร้อนตรงกลางอกหายไปหมด เหลือเพียงความหวิวไหวอุ่นซ่านแปลก ๆ เกิดขึ้น ธรรศคว้ามือบางมากุมไว้ด้วยสองมือ
“ขอบคุณนะบัว”
“คุณธรรศ”
รวินท์รดาได้แต่ทำตาโตมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ และแววหวานซึ้งจากสายตาของธรรศก็ทำให้โลกของเธอหยุดหมุน ดั่งมีดอกไม้เบ่งบาน ณ กลางใจของเธอ
หากความละมุนทุกสิ่งอย่างก็สะดุด เมื่อรวินท์รดาที่พยายามหลบตาหนีนัยน์ตาหวานของชายหนุ่มไปยังปลายเตียง เธอถึงกับมองตาค้างกับวิญญาณหญิงสาวในชุดเสื้อลูกไม้ผ้านุ่งสีชมพูยืนอยู่ ณ จุดนั้น
รวินท์รดายิ่งเบิกตาโตกว่าเดิมเพราะใบหน้าหญิงสาวคนนั้นช่างคล้ายคลึงเธอมากเหลือเกิน
วูบหนึ่งชื่อ ‘ท่านหญิงบุษบา’ ก็ปรากฏในความคิด ชื่อของวิญญาณหญิงคือ บุษบา โดยรวินท์รดาไม่สามารถหาที่มาได้ว่าทำไมเธอถึงเรียกวิญญาณหญิงสาวที่เห็นว่า ‘ท่านหญิงบุษบา’
ก๊อก ๆ ๆ … แอ๊ด …
แต่แล้วเสียงประตูห้องเปิดก็ทำให้วิญญาณหญิงสาวนามว่า บุษบา ก็ตกใจแล้วรีบหายตัวไป คราวนี้คนที่มาเยี่ยมนั้นคือช่อแก้ว
ความตกใจทำให้รวินท์รดารีบดึงมือออกจากมือนายแบบหนุ่ม แต่เขากลับยึดมือครีเอทีฟสาวแน่นกว่าเดิม แม้ช่อแก้วจะมองเขาด้วยสายตาตกตะลึงปนเจ็บปวดก็ตาม
อีกด้านหนึ่ง ต้าหลิงนั่งมองท้องฟ้าด้านนอกห้องพร้อมถอนหายใจ ก่อนที่เชรี น้องสาวอีกคนของธรรศจะมาชวนต้าหลิงลงไปเดินเล่นในสวนข้างโรงพยาบาล ก่อนปราณนท์จะมาถึงโรงพยาบาล และมาร่วมวงด้วยตรงร้านน้ำผลไม้ปั่นยี่ห้อดังพูดคุยกัน
เชรีกับปราณนท์นั่งดื่มน้ำผลไม้ปั่นไปพลาง ฟังต้าหลิงระบายไปพลาง
“พี่ธรรศคงโกรธผมมากเลย” ต้าหลิงเครียดจนเริ่มปวดหัว
“อย่าคิดมากสิคะพี่ต้าหลิง พี่ธรรศรักพี่ต้าหลิงมาก เชาไม่โกรธหรอกค่ะ อาจจะแค่คิดถึงแฟนเขาจริง ๆ ก็ได้” เชรีปลอบใจ
“แฟนพี่ธรรศน่ะหรือครับ ใครครับ ผมไม่เห็น ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยนะ” ต้าหลิงถามอย่างตกใจ
“พี่ธรรศน่าเป็นห่วงนะ” ปราณนท์ไม่สนคำถามของต้าหลิง เมื่อวางแก้วน้ำผลไม้ปั่นลงบนโต๊ะก็ถอนหายใจอย่างเครียด ๆ “พี่ธรรศคงเครียดมากจนเริ่มหลอน เขาบอกว่าเขาเห็นผีที่ตามตัวเองอยู่ แล้วยังบอกพี่ด้วยนะว่าโดนผีทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลนี่น่ะ”
“พี่ปิง” คนฟังทั้งสองต่างตกใจ และต้าหลิงก็เป็นคนแรกที่นึกได้
“พี่ปิงอย่าพูดสิครับ เดี๋ยวมีใครได้ยิน พี่ธรรศจะเป็นข่าวได้นะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก นอกจากนายกับเชรีและพ่อแล้ว ฉันก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรอก พี่ธรรศอาจจะสมองกระทบกระเทือนล่ะมั้ง เฮ้อ!”
โดยไม่รู้เลยว่าต้าหลิงรู้สึกช้าไป โต๊ะด้านหลังนั้นมีนักข่าวที่คุ้นเคยกับวงการบันเทิงแอบฟังอยู่ และแอบระแคะระคายอาการของธรรศจาก ‘วงใน’ และเมื่อได้ยินชัดขนาดนี้แล้วนักข่าวถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ข่าวใหม่ นักข่าวคงต้องขอบคุณ ‘วงใน’ ผู้ใกล้ชิดเป็นอย่างมากเชียวล่ะ!
จบตอน
พี่ธรรศงานเข้าอีกแล้ว >_<
คุณพอใจ - ดาร์ลิ้งมาช่วยทันค่ะ ฮ่าๆ และเสียงปิ๊งนั่นก็ด้วย ^^
คุณZephyr - น่าจะเป็นที่ที่ีธรรศอยู่แล้วสบายใจมากเลยนะคะ ฮ่าๆ
คุณkaelek - ปิง ๆ ก่อกวนช่อแก้วไปเรื่อยค่า ฮ่าา ชอแก้วชอบคนอื่นอยู่นี่นา
คุณแว่นใส - ปิงเป็นพวกแกล้งเพราะรักหรือเปล่าน้าา ส่วนช้อตเด็ด พี่ธรรศอดค่ะ อิอิ
คุณwane - ตัวละครจะยังมีความลับกันอยู่ค่ะ ^^
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ทั้งคอมเมนท์ และนักอ่านเงาทุกท่าน
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2559, 01:26:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ย. 2559, 01:36:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 1151
<< ตอนที่ 6 | ตอนที 7 - 100% >> |
kaelek 4 พ.ย. 2559, 06:41:28 น.
งานเข้านายธรรศ!! ..ช่อแก้วมา เดี๋่ยวปิงเห็นก็โดนก่อกวนอีกแน่
งานเข้านายธรรศ!! ..ช่อแก้วมา เดี๋่ยวปิงเห็นก็โดนก่อกวนอีกแน่
แว่นใส 4 พ.ย. 2559, 07:19:51 น.
เป็นข่าวอีกละ เรื่องก็ยังไม่เริ่มกระจ่างเลยนะ
เป็นข่าวอีกละ เรื่องก็ยังไม่เริ่มกระจ่างเลยนะ
wane 4 พ.ย. 2559, 15:34:41 น.
บัว อย่าลืมไปถามท่านเทวดานะว่า ท่านหญิงบุษบาเป็นใคร อยากรู้เหมือนกันจ้า
บัว อย่าลืมไปถามท่านเทวดานะว่า ท่านหญิงบุษบาเป็นใคร อยากรู้เหมือนกันจ้า
พอใจ 5 พ.ย. 2559, 10:47:46 น.
ท่านหญิงบุษบา คือคู่รักของธรรศในอดีตชาติรึเปลานะ...
แลัวที่ยังคาใจคือ พวกพี่น้องของธรรศ เค้าจริงใจกับธรรศรึเปล่านะ ดูแต่ละคนไม่ค่อยจริงใจเลยค่ะ
ท่านหญิงบุษบา คือคู่รักของธรรศในอดีตชาติรึเปลานะ...
แลัวที่ยังคาใจคือ พวกพี่น้องของธรรศ เค้าจริงใจกับธรรศรึเปล่านะ ดูแต่ละคนไม่ค่อยจริงใจเลยค่ะ
Zephyr 6 พ.ย. 2559, 10:16:24 น.
โอ้ย น้องแต่ละคน ปากสว่างพาซวยทั้งนั้น ชิชิ
จะช่วยพี่ รึ ตอกโลงพี่กันแน่ห้ะ
อ้ายยยย ขัดอกขัดใจ
โอ้ย น้องแต่ละคน ปากสว่างพาซวยทั้งนั้น ชิชิ
จะช่วยพี่ รึ ตอกโลงพี่กันแน่ห้ะ
อ้ายยยย ขัดอกขัดใจ