แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง

"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!

แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน

นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา

ตอน: ตอนที่ 8 - 100%

ตอนที่ 8 - 100%



รวินท์รดาทำอย่างที่พูดไป ไม่ยอมกลับไปเยี่ยมธรรศ เธออาจจะคิดถึงนายแบบหนุ่มในตอนเช้า แต่พอเข้าที่ทำงานก็มีงานวุ่นวายจนลืมทุกเรื่องไปสนิท แถมตั้งแต่ตื่นนอนรวินท์รดาไม่ได้อ่านข่าวหรือเข้าอินเตอร์เน็ตเลย เธอไม่รู้ข่าวธรรศแม้ว่าเพื่อนที่ทำงานจะคุย แต่มันก็ไม่ได้เข้าหูรวินท์รดาเลย พอสิบเอ็ดโมงกว่าก็นัดเพื่อนซี้นัดออกไปรับประทานมื้อเที่ยงกัน โดยนัดกันที่ร้านเสต็กชื่อดังแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองซึ่งใกล้ออฟฟิศของเธอมาก

“อาร์ตี้ เอาแต่อ่านอะไรอยู่ได้” รวินท์รดาชักจะหงุดหงิด เพื่อนซี้หนุ่มเอาแต่ก้มหน้ามองแต่โทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจเธอเลย

“โทษที ๆ บอกออาร์ตน่ะสิส่งข้อความมาถามเรื่องงาน วุ่นวายจริงๆ” อาร์ตี้ หรือ ห้องศิลป์บ่นหลังจากยอมวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ แล้วเริ่มตั้งใจกินอาหารเที่ยงเสียที

“มีงานด่วนหรือเปล่า” รวินท์รดาถามอย่างเกรงใจ เกรงว่าจะแย่งเวลาทำงานของห้องศิลป์มา ห้องศิลป์ เพื่อนมาดเซอร์ของเธอเป็นช่างภาพทีวีข่าวช่องหนึ่ง เป็นผู้ชายสายตาสั้น สวมแว่นตากรอบสีดำ ผิวขาวแบบอาตี๋ ค่อนข้างโดดเด่นเพราะตัวสูงเกินมาตรฐานชายไทย ที่สนิทกันก็เพราะห้องศิลป์เคยอกหักจากการจีบเพื่อนร่วมคณะของเธอ ห้องศิลป์เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี เธอก็เลยเป็นเพื่อนดูแลแผลใจให้จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด

“ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ช่างเถอะ” ช่างภาพหนุ่มตอบโดยไม่ได้เงยหน้าจากจานเสต็ก ก่อนจะหันไปยุกยิก ๆ หยิบถุงกระดาษใบหนึ่งจากกระเป๋าสะพายข้าง ยื่นให้รวินท์รดาทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารหมุบหมับ

“อะไรน่ะ” คนรับมาเอ่ยถาม ก่อนจะเปิดถุงดูแล้วพบว่าคือโปสการ์ดกับผ้าคลุมไหล่สีเหลืองอ่อนเนื้อนิ่มและเบา ครีเอทีฟสาวยิ้มนิด ๆ พร้อมมองหน้าคนให้อย่างไม่เข้าใจ

“ของฝาก วันหยุดที่แล้วเราไปถ่ายรูปมา ไม่รู้ทำไมพอเห็นดอกบัวสีเหลืองกลางสระแล้วคิดถึงบัว ตัดใจไม่ได้เลยอัดโปสการ์ดมาฝากบัวดีกว่า ส่วนผ้านั่นสวยดี อาร์ตรู้สึกว่าเหมาะกับบัวน่ะ”

“คงเพราะบัวชอบสีเหลืองล่ะมั้ง อาร์ตี้คงจำได้” รวินท์รดามองภาพดอกบัวบานกลีบสีเหลืองกลางสระช่างสวยงามถูกใจก็ยิ้มไม่หุบ ไม่รวมผ้าคลุมไหล่ผืนสวยอีก “ขอบใจอาร์ตี้มากเลยนะ”

“ไม่เป็นไร นี่อยากเล่าต่อ บ้านที่เราไปถ่ายรูปน่ะสวยมากเลย โชคดีชะมัดที่ผ่านไปเจอ”

ช่างภาพหนุ่มยังติดใจบ้านเก่าที่ถูกปิดตายมาหลายสิบปี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเศรษฐีไปซื้อแล้วนำมาปรับปรุงใหม่ โชคบังเอิญที่ห้องศิลป์ขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านบ้านหลังนั้นขณะผู้เฝ้ากำลังเปิดให้คนงานเข้าไปซ่อมแซม

ห้องศิลป์อาศัยความเป็นหนุ่มเจ้าคารม ตีซี้ตีสนิทจนผู้เฝ้ายอมให้เขาเข้าไปชมรอบ ๆ บ้านหลังนั้นได้ แม้ทุกอย่างจะดูเก่าทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้านที่เคยทาสีขาว สีก็หลุดร่อนจนเห็นอิฐด้านใน หลังคากร่อน แตกบางส่วน ต้นไม้และสนามรอบบ้านรกร้างเพราะไม่ได้รับการดูแล แต่ท่ามกลางความเสื่อมโทรม กลับมีดอกบัวดอกหนึ่งที่ชูช่อบานโดดเด่นกลางสระน้ำ ห้องศิลป์พกเลนส์ถ่ายรูปที่สามารถซูมภาพดอกบัวกลีบสีเหลืองกลางสระจนถ่ายภาพออกมาได้ชัดแจ๋ว แล้วเขาก็คิดถึงเพื่อนสาวที่ชื่อ บัว จนต้องอัดภาพมาฝากเธอ

“น่าไปจัง ไว้พาบัวไปบ้างสิ” รวินท์รดาก็อยากเห็นดอกบัวด้วยตาเปล่าของเธอเอง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะห้องศิลป์ยังรับปากไม่ได้

“เราก็แอบขอคุณลุงคนเฝ้าบ้านเข้าไป ไว้เราจะลองขอเขาดูนะ”

รวินท์รดาเข้าใจเหตุผลของเพื่อนมาดเซอร์ดี จึงได้แต่คาดหวังว่าคุณลุงคนนั้นจะอนุญาตเธอบ้าง

เสร็จจากมื้อเที่ยงแล้ว รวินท์รดาก็ต้องแยกกับห้องศิลป์ทันที เพราะหัวหน้าของเพื่อนซี้โทรตามตัวกะทันหัน

“เราไปก่อนนะ ถ้าถึงออฟฟิศแล้วโทรบอกอาร์ตด้วยล่ะ” ห้องศิลป์บอกก่อนจะแยกไปอีกทางที่เขาจอดรถเอาไว้ ส่วนหญิงสาวก็เดินหาห้องน้ำเข้าก่อนจะกลับออฟฟิศเธอเช่นกัน

หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จ รวินท์รดายืนล้างมือเพียงลำพังตรงอ่างหน้ากระจกเงา เธอสะดุ้งเฮือกแล้วรีบหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจ เพราะในห้องน้ำหญิงเวลานี้ นอกจากเธอเพียงคนเดียวแล้ว ยังมีวิญญาณหญิงสาวในเสื้อลูกไม้ผ้าซิ่นสีชมพูอ่อนยืนอยู่กลางห้องน้ำด้วย หญิงสาวผู้มีใบหน้าคล้ายเธอราวกับส่องกระจก!! จะต่างกันก็ตรงทรงผม วิญญาณหญิงสาวดูเป็นสาวหลงยุคสมัย ทั้งเสื้อผ้า และผมทรงลักษณะรวบเก็บไปด้านหลังศีรษะ

“ท่านหญิงบุษบา” รวินท์รดาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสั่น

วิญญาณสาวปริศนาทำเพียงพยักหน้าให้ แล้วเอาแต่จ้องเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าจวนจะร้องไห้ ริมฝีปากอิ่มซีด ๆ คล้ายอยากจะบอกบางอย่าง แต่ทันทีที่มีคนอื่นเข้ามาใช้ห้องน้ำ ผีสาวตัวนั้นก็ตกใจแล้วจางหายไป

แม้ผีตัวนั้นจะไปแล้ว แต่รวินท์รดายังใจเต้นแรงไม่หยุด หากเธอก็สัมผัสได้ว่าใจที่สั่นไม่ใช่มาจากความกลัว ทว่าเป็นความรู้สึกโหยหาในอดีตนานแสนนานจนเธอไม่สามารถระลึกถึงได้แม้แต่น้อย



ธรรศต้องกลับมาพักอยู่บ้านทั้งที่ไม่เต็มใจตามคำสั่งของพี่ชายคนโต

หลังจากพี่ชายพาเขาออกจากโรงพยาบาลก่อนจะได้เจอคุณอาเพียงเสี้ยวนาที ธรรศได้ยินคุณอาโทรศัพท์หาปราชญ์ดาด้วยความโกรธจัด ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะช่อแก้วมาเตือนปราชญ์ดาก่อนวธิดาจะมาถึง

ธรรศไม่สนใจว่าช่อแก้วจะมาช่วยเขา หรือจะถูกปราณนท์ขัดขวางดึงตัวกลับไปก่อน เพราะธรรศกำลังไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพี่ชายร่วมนามสกุลเท่าไหร่

‘พี่ให้คนไปดูที่คอนโดนายแล้ว มีนักข่าวดักรอนายอยู่ นายก็ยังไม่หายดีด้วย … พี่รู้ว่านายไม่อยากกลับบ้าน แต่มันไม่มีที่ไหนแล้วที่จะปกป้องนายเท่ากับบ้านของเรา’

ในห้องที่โรงพยาบาล ปราชญ์ดาบอกเหตุผลตอนที่ตัดสินใจจะพาธรรศหนีนักข่าวกลับบ้าน ก่อนจะประกาศช่วงเวลาแถลงข่าวอีกที

‘นายไม่ต้องห่วง บ้านที่นายจะไปอยู่ห่างกับเรือนคุณย่ามาก นายจะไม่ได้เจอคุณย่าแน่นอน ส่วนคุณอาธิดา พี่จะคุยกับท่านให้เอง’

ธรรศฟังแล้วไม่ได้สบายใจชึ้นเลย แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะคัดค้านอะไร ธรรศจึงต้องทำตามความคิดพี่ชาย และพาตัวเองมาอยู่กลางเรือนไม้หลังเล็กด้านหลัง เรือนไม้หลังน้อยซ่อนตัวอยู่ในร่มเงาต้นไม้ครึ้มจนแทบไม่มีใครรู้ว่ายังมีเรือนหลังนี้อยู่ในอาณาเขตบ้านอัศวชยภัทรด้วย เพราะตัวบ้านนี้แยกออกจากเรือนใหญ่หลาย ๆ หลังด้านหน้าค่อนข้างไกล เวลาจะไปหากันต้องเดินกันไกลมากทีเดียว รถกอล์ฟจึงเป็นยานพาหนะหลักของคนที่จะมาบ้านหลังนี้

“พี่สั่งให้คนสร้างเอง เอาไว้มานั่งสมาธิที่นี่ ไม่ค่อยมีคนจากบ้านใหญ่มาแถวนี้ เพราะพี่ไม่ได้บอกใครไว้” ปราชญ์ดาบอก ขณะที่ธรรศสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็นสบายแม้ไม่ต้องเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เสียงนกร้องแว่วดังช่วยให้ธรรศสบายใจขึ้นอย่างประหลาด

“มีชั้นเดียวนะ ด้านนั้นเป็นห้องนอน ห้องน้ำด้านใน ข้าง ๆ คือห้องพระ ส่วนครัวกับห้องกินข้าวอยู่ตรงนี้ ที่นี่ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีอินเตอร์เน็ต มีโทรศัพท์ใช้ได้ ถ้านายอยากได้อินเตอร์เน็ต พี่จะเรียกคนมาติดให้ อาหารสามมื้อจะให้เด็กขับรถกอล์ฟมาส่งให้ ว่าง ๆ พี่จะมากินข้าวด้วย” ปราชญ์ดาแนะนำจุดต่าง ๆ ของบ้านให้ ไม่ลืมคิดเผื่อว่าน้องชายอาจจะเหงาก็ได้

“ผมไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวนะครับพี่ปั้น เรื่องข่าวมันเป็นเรื่องปกติกับอาขีพผม ผมจะออกไปให้คำตอบกับทุกคนเอง ผมกลับไปอยู่คอนโดดีกว่า” ธรรมชาติและเสียงนกร้องทำให้ธรรศเริ่มใจเย็นลง จึงมองเห็นทางออกว่าเขาควรทำอะไรบ้าง “ผมกับต้าหลิงจัดการเรื่องข่าวได้ครับ”

“สิ่งที่นายคิดว่าต้องทำอะไรบ้างคงไม่ต่างกับพี่หรอก เรื่องอื่นค่อยจัดการหลังจากนายหายดีแล้ว พี่อยากให้นายอยู่ที่นี่ ถ้าไปอยู่ที่อื่น แล้วเกิดโดนนักข่าวตามจนบาดเจ็บไปอีกจะทำยังไง ที่นี่จะปกป้องนายจากเรื่องร้าย ๆ ได้นะธรรศ”

“พี่ปั้นหมายถึงอะไรครับ” อยู่ ๆ ธรรศก็นึกถึงเรื่องที่เขาถูกทำร้ายจากผีที่คอนโดของรวินท์รดา แม้มันจะเป็นไปไม่ได้ที่ปราชญ์ดาจะรู้เรื่องผีตัวนั้น ปราชญ์ดาไม่เชื่อเรื่องผีสางพอ ๆ กับปราณนท์

“พี่ก็หมายถึงพวกอุบัติเหตุ … นายคิดอะไรน่ะ” ปราชญ์ดาทำหน้าเหมือนได้ยินคำถามแปลก ๆ และตบไหล่น้องชายเบา ๆ

“พักผ่อนเถอะ อาหารในตู้เย็นกินรองท้องไปก่อน ไว้เดี๋ยวให้เด็กเอามาให้ อดทนหน่อยนะ”

ธรรศถอนหายใจอย่างอึดอัดเมื่ออยู่เพียงลำพัง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ได้คืนจากต้าหลิงขึ้นมอง ปราชญ์ดาให้คนขับรถไปส่งต้าหลิงที่บ้านเรียบร้อยแล้ว นายแบบหนุ่มรู้ดีว่าการเข้าอินเตอร์เน็ตอ่านข่าวเวลานี้จะยิ่งทำให้ปวดหัวมากกว่าเดิม เขาจึงเลือกเดินสำรวจบ้านเงียบ ๆ แทน

และไม่นานก็เดินมาทรุดตัวนั่งกลางบ้านแล้วหลับทั้งหน้าตาเหนื่อยกับทุกเรื่อง …

ชายหนุ่มคิดและปรารถนาอยากจะพบพานความสุขเล็ก ๆ เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจที่บอบช้ำบ้าง

เขาไม่อยากกลับไปตั้งคำถามเดิม ๆ ว่า เขาเกิดมาทำไม อีกแล้ว …

ก่อนที่ธรรศจะได้กลิ่นหอมเย็นของดอกไม้โชยมาจากไหนสักที่ เปลือกตาสีอ่อนของเขากระตุกเปิดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสวยเหมือนลูกแก้วแวววาว ธรรศกลอกนัยน์ตาสีสวยมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย การหากลิ่นหอมดอกไม้หยุดลงเมื่อธรรศพบสิ่งที่น่าสนใจกว่า

ที่กลางผนังฝั่งตรงข้ามโซฟาที่ธรรศนั่ง มีภาพวาดจากสีน้ำเป็นรูปดอกบัวบานในสระแขวนอยู่ ดอกบัวเพียงดอกเดียวในภาพมีกลีบสีเหลืองสดใส น่าแปลก แต่ภาพดอกบัวสีเหลืองก็ทำให้ใจหม่นหมองของธรรศเริ่มผ่อนคลาย

ธรรศไม่แน่ใจว่าเขานั่งมองภาพดอกบัวกลีบสีเหลืองนานแค่ไหน ก่อนจะจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา เพราะรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนเองยืนอยู่กลางห้องพักของรวินท์รดาอีกแล้ว

เขาหลุดยิ้ม … ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับความสุขเล็ก ๆ แล้ว …

เสียงเปิดประตูห้องทำให้ธรรศหันไปมอง เป็นจังหวะเดียวที่สายตาดีใจของเขาประสานกับแววตาตกใจจากเจ้าของห้องสาวที่เพิ่งกลับมาถึงห้องเข้าพอดี …



อีกด้านหนึ่ง ท่านหญิงบุษบาในสภาพวิญญาณ ผิวขาวไร้สีเลือดนั้นปรากฏตัวภายในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมืดมิดเพราะเจ้าของห้องไม่เปิดไฟ รวมถึงไม่รูดม่านเปิดรับแสงจากหน้าต่าง

ท่านหญิงมองเจ้าของแผ่นหลังใหญ่ที่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือเพียงลำพังด้วยแววตาโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำนองไปด้วยน้ำตาที่แค้นเขาเสียเหลือเกินยิ่งกร้าวกว่าเดิม เมื่อได้ยินเขาสั่งการด้วยน้ำเสียงห้วนและเอาจริง

“ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวธรรศ ไม่ว่าจะต้องทำยังไง ก็ต้องหาคำตอบมาให้ได้!”



จบตอนที่ 8 - 100%



เหมือนเทวดาจะใจดี ยอมให้คุณธรรศได้มาพักใจกับหนูบัวนะคะ ^^
ส่วนท่านหญิงเริ่มมีบทบาทด้วยแล้ว ออกมายืนแค้นใส่ใครน้อ เดากันได้ไหมน้า


คุณ แว่นใส - ดูเหมือนจงใจจะให้ธรรศเจ็บปวดมากเลยนะคะ

คุณ พอใจ - จะมีบทกุ๊กกิ๊กพระนางมาแทรกบ้างแล้วล่ะค่ะ ^^



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2559, 00:44:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2559, 00:47:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1063





<< ตอนที่ 8-50%    ตอนที่ 9 - 35% >>
แว่นใส 12 พ.ย. 2559, 08:23:34 น.
มีความแค้นอะไรน๊า


พอใจ 13 พ.ย. 2559, 19:19:25 น.
บ้านหลังนั้น กับท่านหญิงบุษบา กับหนูบั จะเกี่ยวข้องกันยังไงบ้างน๊าา


Zephyr 26 พ.ย. 2559, 00:00:10 น.
แค้นพี่ปั้นทำไมน้อออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account