คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 3 [2]


ยังไม่สว่าง ยุติเข้ามาในเขตบ้านอนัญชนา นั่งเล่นอยู่เงียบเชียบที่ศาลาริมน้ำ ไม่นานนักใกล้ฟ้าสาง เขาเห็นเพชรน้ำหนึ่งในชุดกางเกงยีนสีซีด เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปแขนยาว เดินออกจากประตูโรงรถด้านนั้นอยู่ติดกับชั้นล่างของตัวตึกใหญ่ แล้วเธอเดินข้ามสะพานไม้เล็กแคบ ตรงมาที่แพกลางน้ำ ซึ่งมีเรือลำเล็กจอดอยู่ข้างกันนั้น ยุติเห็นเธอได้ชัดเจนในความสลัว เพราะยังมีแสงไฟส่องทางเปิดอยู่ด้วย เธอลงเรือลำนั้นพายออกไปเล็กน้อย ใช้กรรไกรตัดก้านดอกบัว เลือกตัดเก็บทีละดอกจนพอใจ แล้วจึงตัดใบบัวห่อดอกบัว พายเรือเข้ามาเก็บที่เดิม เดินออกมาทางฝั่งกระท่อมตายาย

ยุติกำลังเดินสวนไปจึงเป็นการเดินเข้าประจันหน้ากันบนทางเดินแสนแคบที่หลีกกันไม่ได้ อาจตกน้ำกันไปสักคน แต่ด้านข้างมีที่เกาะเป็นราวไม้ไผ่ลำเล็กขนาบคู่กับสะพานทางเดินไม้

“มาแต่มืดอีกละ” เธอต่อว่าเล็กน้อย “ถอยไปหน่อยหนึ่งจะเดิน”

“เดี๋ยวพี่ช่วยถือดอกบัวให้” ชายหนุ่มอาสาด้วยความหวังดีเช่นเคย

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องหรอกหนึ่งถือเองได้” แม้จะปฏิเสธ แต่เขายังคงเข้ามาจับยึดยื้อไว้จะช่วยถือให้ได้ แรงที่ดึงกันไปมาทำให้สาวเจ้าเสียหลัก มือหลุดจากที่เกาะราว! ร่างเล็กเพรียวบางนั้นเอนเอียงทำท่าจะหล่นร่วงลงสู่บึงบัว

แต่ด้วยความไวของชายหนุ่ม เขารวบกอดเธอไว้ได้ทันก่อนจะตกลงไปในน้ำ

“มากอดทำไม หนึ่งไม่ชอบนะ” เธอโวยวาย

“อะไรกัน... ช่วยจับไว้ไม่ให้ตกน้ำ ยังไม่รู้จักขอบคุณอีก” แม้ปากจะเอ่ยทวงบุญคุณ แต่แอบปลื้มใจได้กอดสาวสวยตัวอุ่นนุ่มนิ่มถือเป็นกำไรชีวิตหนุ่มไปแล้ว ถึงได้ทำหน้าอิ่มอกอิ่มใจ

ระหว่างที่สองหนุ่มสาวเถียงกันอยู่ คุณตาพอดีเปิดหน้าต่างออกมาดูเหตุการณ์...

“อ้าว... ยุติมาแต่มืดเลย จับตัวหนึ่งไว้ให้ดีเดี๋ยวตกน้ำไป ตรงนั้นน้ำลึกด้วย หนึ่งยังว่ายน้ำไม่แข็ง”

“เห็นไหมล่ะ คุณตายังเป็นห่วงเลย” เขาว่าอย่างนั้น เธอจึงลดราท่าทีแข็งขืนของตัวเอง

“งั้นรับไปสิ ช่วยถือห่อดอกบัวด้วย” เธอพูดพร้อมยื่นให้

เขารับดอกบัวมาอุ้มไว้ในวงแขน อีกมือหนึ่งเกาะราวไม้ไผ่เดินกลับเข้าฝั่ง มีเธอค่อยเดินตามหลัง

“ตากับยาย... เดี๋ยวหนึ่งใส่บาตรด้วยคนนะจ๊ะ หนึ่งเตรียมของใส่บาตรไว้พร้อมแล้ว มาเก็บดอกบัวนี่จัดแต่งอีกนิดหน่อยจะได้เอาไปใส่บาตรด้วย”

“หนึ่ง... เอาดอกบัวเข้ามาในบ้านนี่ ให้ยายเขาพับกลีบบัวให้ เอ้อ... ยุติมาใส่บาตรด้วยกันเลยสิ” คุณตาพูดกับหลานสาว ก่อนหันมาชักชวนหนุ่มข้างบ้าน

“คุณตาชวนผมด้วยเหรอครับด้วยความยินดีมากครับ” ชายหนุ่มรีบตอบรับทันควัน ไม่ฟังเสียงค้านของใคร

“เดี๋ยวสิ หนึ่งไม่ได้เตรียมของใส่บาตรมาเผื่อพี่ยุติด้วยเลยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ยกสำรับข้าวขึ้นจบด้วยกันนั่นแหละ ช่วยกันหยิบจับใส่บาตรเป็นอันใช้ได้ ได้บุญเหมือนกัน”

“จริงครับคุณตา” ชายหนุ่มยิ้มรับ พร้อมกับยักคิ้วให้หญิงสาวเหมือนเย้ยว่าเขาชนะเธอ เธอได้แค่มองค้อน



เวลาห้าโมงเย็น บ้านอนัญชนา ในห้องนอนของเพชรน้ำหนึ่งซึ่งยังหลับไม่ตื่น แต่เธอกำลังดิ้นทุรนทุราย เหงื่อออกโทรมกาย!

“ไม่เอา ...อย่า อย่าทำหนึ่ง ปล่อย... ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย...” พยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครได้ยิน เพราะเสียงร้องนั้นไม่ได้ดังเล็ดลอดออกไปถึงภายนอก แล้วเธอสะดุ้งพรวด!! ผุดลุกขึ้นนั่งทันทีจากการตกใจตื่น เมื่อรู้สึกตัวจึงได้สติว่าตนนั้นแค่ฝันร้าย “เฮ้อ... ฝันบ้าอะไรอย่างนี้นะ” บ่นกับตัวเองแล้วเหลียวดูนาฬิกาข้างหัวเตียง

“วันนี้นัดคนขับรถไว้นี่นา เริ่มมาทำงานวันนี้วันแรก ตอนหกโมงเย็น” เพชรน้ำหนึ่งพูดกับตัวเองอย่างนั้น แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว เดินออกจากตัวบ้านใหญ่มานั่งรอตรงม้าหินที่ตั้งอยู่ข้างโรงรถ มีต้นดอกแก้วอยู่ใกล้ ส่งกลิ่นหอมอ่อนบางลอยมาตามกระแสลมเป็นระยะ หญิงสาวสูดอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด พอช่วยผ่อนคลายให้ค่อยยังชั่วจากอาการขวัญหนีดีฝ่อหลังฝันร้ายเมื่อตอนก่อนตื่นนอนไปได้บ้าง เธอหลับตาถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

...ไม่นานนักคนขับรถที่เธอรอ ได้เดินทางมาถึงจึงกดออดหน้าประตูรั้วบ้าน เธอไปเปิดประตูต้อนรับ แล้วพามานั่งที่ม้าหิน

เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง 172 เซนติเมตร ดูเป็นหนุ่มวัยรุ่นในสไตล์การแต่งตัวสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ผมสีดำถูกตัดสั้นมาก ผิวขาวเหลือง ใส่ต่างหูเป็นห่วงสีเงินข้างขวาที่เจาะหูตรง Helix (กระดูกอ่อนตำแหน่งที่อยู่ด้านบนริมใบหู) ใบหน้าสี่เหลี่ยมยาวเกือบรูปไข่แก้มอิ่ม ทั้งตาหูจมูกปากดูโดยรวมจัดได้ว่ามีใบหน้าธรรมดาค่อนข้างดี

“คุณคือคนที่สมัครงานคนขับรถใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“นั่งสิ ...ลงรับสมัครงานทางอินเตอร์เน็ตไว้ ต้องการคนขับรถ บุคลิกท่าทางแข็งแรง มีคุณเป็นคนแรกที่เข้ามาสมัครงาน ดูจากเอกสารแล้วผ่านทุกอย่างถึงได้นัดมาสัมภาษณ์ พอดีบ้านคุณอยู่ไม่ไกลจากนี้ การเดินทางใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที ขับรถได้หลายประเภท ทั้งมอเตอร์ไซค์และขับเรือได้ด้วย คุณชื่อ ภาสกร อายุยี่สิบสามปีใช่ไหม”

“ครับผม”

“ชื่อเล่นล่ะคะ”

“ กร ครับ”

“อย่างนั้นหนึ่งขอเรียกคุณว่าพี่กรละกัน เพราะพี่กรอายุมากกว่าหนึ่งหนึ่งปี พี่กรเรียกหนึ่งว่าคุณหนึ่งนะคะ เรื่องความสามารถพิเศษศิลปะป้องกันตัวล่ะพอมีไหมอย่างเช่น มวยไทย ยูโด คาราเต้ เทควันโด อะไรประมาณนี้” เธอซักถามด้วยคำถามพื้นฐานทั่วไป

“เคยหัดมวยไทยมาบ้างครับ”

“ดีมาก เพราะว่าบางทีอาจจะต้องติดตามหนึ่งไปในที่เปลี่ยวไม่น่าไว้ใจด้วย”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มตรงหน้าท่าทางอึกอักลังเล สงสัยอะไรบางอย่าง

“มีอะไรหรือคะ”

“ถ้าเป็นงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายผิดกฎหมาย ผมขอ... ไม่รับทำนะครับ” ผู้พูดลังเลก่อนเอ่ยจบประโยค

“ดีมากที่คิดอย่างนั้น เพราะการทำงานกับหนึ่งไม่มีเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน และหนึ่งไม่ชอบเรื่องผิดกฎหมายทุกชนิดด้วย หน้าที่ของพี่กรคือขับรถให้หนึ่งกับคุณตาและคุณยายของหนึ่ง เขาจะออกไปจ่ายตลาดกันประมาณตีสาม พี่กรขับเรือเป็นด้วยจะได้ช่วยขับเรือให้คุณตาคุณยายของหนึ่ง เพราะบางวันเขาต้องไปธุระกันทางเรือไปตลาดน้ำ ส่วนหนึ่งนอนกลางวันตื่นตอนเย็น ชอบออกไปถ่ายภาพตอนกลางคืน พี่กรกลัวผีหรือเปล่า”

“หา! มีเรื่องเกี่ยวกับผีด้วยหรือครับ” หนุ่มมาดแมนอุทาน ไม่ค่อยแฮปปี้หากมีผีมาเกี่ยวข้อง

“ก็... อาจจะ... หนึ่งพูดเผื่อไว้ พี่กรไหวไหม”

“...พอจะไหวครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วลง เก็บอาการหวั่นใจเพื่อไม่ให้เสียฟอร์มลูกผู้ชาย

เจ้านายสาวเพียงอมยิ้มอย่างพอเข้าใจลูกจ้างคนใหม่

“บางครั้งลูกผู้ชายอกสามศอก... ศึกเหนือเสือใต้สู้ได้ทุกสิ่ง ยิงฟันเท่าไรไม่หวั่นกลัว กลัวอยู่สิ่งเดียว ...ผี!”

“แหม... ไม่ถึงกับกลัวหรอกครับแค่เกรงใจและไม่อยากเจอเท่านั้น” ภาสกรบอกยิ้มเขิน

“แต่ทำงานกับหนึ่งเงินเดือนดีนะ คุ้มค่าเชียวล่ะ เพียงแต่ชั่วโมงการทำงานอาจนานหน่อย เริ่มงานหกโมงเย็นเลิกงานตีห้า ถ้ามีทำงานนอกเวลาหนึ่งให้โอทีด้วย สิ้นปีมีโบนัส เงินเดือนเริ่มต้นหนึ่งหมื่นห้าพันบาท พี่กรโอเคหรือเปล่า” หญิงสาวพูดเรื่องค่าตอบแทน เหมือนเป็นการปลอบขวัญ

“โอเคมากเลยครับ ผมเพิ่งเรียนจบมา หางานทำยาก ได้เงินเดือนตั้งขนาดนี้”

“แสดงว่าพี่กรเป็นคนดีที่ไม่โลภมาก ไม่ทะเยอทะยานอย่างผู้ชายธรรมดาทั่วไป ทำให้หนึ่งรู้ว่าคิดถูกแล้วที่รับพี่กรเข้าทำงาน”

“พ่อแม่ผมคงดีใจที่ผมได้งาน จะได้ให้เงินพ่อแม่บ้าง แต่ก่อนได้แต่แบมือขอพ่อแม่”

“อย่างนี้พี่กรจะได้ชื่อว่าเป็น ‘ลูกกตัญญู’ ต่อไปชีวิตจะมีแต่ความเจริญ”

“ผมโชคดีที่บังเอิญเจอเจ้านายใจดี แถมสวยด้วย”

“ขอบใจที่ชม” เธอยิ้มรับอย่างรู้ตัวดีตามคำกล่าวนั้น “เดี๋ยวไปเดินดูรอบบริเวณบ้านกัน หลังบ้านเป็นสวนมะพร้าว แถวหน้าบ้านนี่ปลูกพืชผักสวนครัว หนึ่งให้พี่กรเก็บไปกินที่บ้านได้ ถ้าพอมีเวลาว่างช่วยรดน้ำพรวนดินให้หน่อยนะคะ มีทั้งตะไคร้ พริกขี้หนู ใบโหระพา กะเพราขาว กะเพราแดง ขิง ข่า กระชาย ต้นหอม มะนาว ส่วนมะละกอมีอยู่ต้นเดียว แต่ในสวนยังมีอีกหลายต้น ข้างคันสวนมีต้นมะม่วงปลูกสลับกับต้นกล้วย มีต้นขนุนอยู่สามต้น ต้นมะขามหวานมีต้นเดียว ส่วนรั้วข้างบ้านปลูกโสน เอาไว้ทำขนมกิน บางทียายเก็บเอาไปทำขายด้วย” หญิงสาวชี้ให้ดูพร้อมเดินนำหน้า พาดูบริเวณรอบตัวบ้าน จนถึงสวนมะพร้าว ในท้องร่องของสวนมะพร้าวมีปลาน้อยใหญ่ว่ายเล่น พวกมันหาอาหารกินกันให้เห็นมากมายหลายตัวเกาะกลุ่มกันเป็นฝูง เช่นพวกปลาช่อน ปลาหมอ...

“โอ้โฮ! ปลาชุมจัง มีปลาช่อนตัวใหญ่น่าจับมาแกงส้มกิน”

“ที่นี่เหมือนเขตอภัยทาน คือไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เราปล่อยให้มันอยู่กันตามธรรมชาติของมัน พี่กรอย่าไปทำมันเลยนะ ตากับยายเวลาทำกับข้าวไปซื้อปลาที่ตายแล้วจากตลาดเอามาทำกิน ถ้าวันไหนที่บ้านทำแกงส้มปลาช่อนหนึ่งจะแบ่งให้พี่กรเอาไปกินที่บ้านนะคะ”

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ คุณหนึ่งนี่ใจบุญนะครับ”

“ตากับยายของหนึ่งก็ใจบุญชอบใส่บาตรทุกเช้า ส่วนหนึ่งคอยเก็บดอกบัวในบึงเอาไปใส่บาตรถวายพระด้วย วันนี้หนึ่งยังไม่ออกไปไหน พี่กรจะมีเวลาว่างจนกว่าจะตีสามค่อยไปขับรถให้คุณตาของหนึ่งไปจ่ายตลาด ถ้าพี่กรอยากจะพักผ่อนนั่งเล่นนอนเล่น มีกระท่อมไม่ไผ่อยู่บนคันสวนตรงโน้น แต่ถ้าพี่กรเดินเลยกระท่อมนั้นไป ต้องเดินกระทืบเท้าเสียงดังนะ แถวกอไผ่มีพวกสัตว์ร้าย มันจะได้รู้ตัวแล้วรีบหนีไป”

“ที่นี่มีสัตว์ร้ายด้วยเหรอครับ ตัวอะไร”

“งูเห่า... มันมาวางไข่ ตากับยายเคยเห็นไข่ของมันแล้ว ไม่รู้ตอนนี้ฟักเป็นตัวกันหรือยัง”

“โฮ้ย! ทำไมไม่ตีให้ตายเลยล่ะ ปล่อยไว้อันตรายมาก ถึงแม้ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแต่พวกงูพิษไม่น่าเลี้ยงไว้นะครับ”

“พวกเราไม่ได้เลี้ยงมันหรอก มันมาอยู่ของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หนึ่งยังไม่เคยเห็นเลย ตายายยังไม่เคยเห็นตัวเหมือนกัน แต่มีคนเคยเห็นบอกว่าตัวใหญ่มาก ตายายของหนึ่งบอกว่าสงสัยอาจจะเป็นงูเจ้าที่ ตามความเชื่อของคนโบราณเขาจะไม่ฆ่ามัน ถ้าเราไม่รบกวนมันมันจะไม่ทำอันตรายเราหรอก ที่จริงหนึ่งพูดเผื่อไว้ เราไม่ได้เจอมันง่ายนักหรอก เพราะมันคงหนีเราเพราะกลัวเราด้วยเหมือนกัน” เธอบอกแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูด “เอ่อ... เดี๋ยวหนึ่งจะพาพี่กรไปไหว้ตายายของหนึ่งค่ะ”



.



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2559, 15:32:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2559, 15:32:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 962





<< ตอน 3 [1]   ตอน 4 [1] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account