โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๘.๒ - ล่อลวง


พนมกรตื่นจากภวังค์เมื่อพนักงานหนุ่มผู้นั้นยื่นเอกสารให้กรอกพร้อมกับกุญแจห้องให้
“ชั้นสี่ ห้องสี่สองหกนะครับ”

กรอกเอกสารและจ่ายค่ามัดจำห้องเรียบร้อย พนมกรก็ฉวยกุญแจแล้วโอบไหล่พาสายรุ้งเดินตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

เสื้อสูทที่เขาใช้คลุมร่างของหล่อนเปียกชุ่ม ตัวหล่อนเองก็เปียกไม่น้อย และคงหนาวมากเพราะหน้าหล่อนซีดไร้สีเลือด และตัวสั่นตลอดเวลา เขาเลื่อนมือขึ้นลงตรงต้นแขนหล่อนหวังช่วยให้หล่อนรู้สึกดีขึ้น

“เดี๋ยวถึงห้องก็ได้ห่มผ้าอุ่นๆ แล้ว ทนหน่อยนะรุ้ง”

เขากระซิบข้างหูหล่อน เสียงแผ่วเบาแหบพร่า ขณะที่มือโอบประคอง สัมผัสหล่อนอย่างไม่คลาดคลา

สัมผัส...ที่ใช่เพียงทำให้หล่อนอุ่น หากเขายังหวังว่ามันจะทำให้แรงขับเคลื่อนตามธรรมชาติที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวหล่อนผุดพลุ่งขึ้นมาได้

หล่อนตัวสั่นกว่าเดิม

...ไม่แน่ใจว่าเพราะความหนาว หรือกลัวเขากันแน่

พนมกรลอบยิ้ม มุมปากยกเพียงน้อย สายรุ้งเอาแต่ก้มหน้าจึงไม่อาจมองเห็น หรือถ้าหล่อนมองเขา รอยยิ้มนั้นก็น้อยนิดเสียจนหล่อนคงไม่สังเกต

เด็กหนอเด็ก...หล่อนเด็กกว่าเขากี่ปีกันนะ ถึงสิบปีหรือเปล่าหนอ?

คิดมาถึงตรงนี้เขาก็อดขำไม่ได้...นี่เขากำลังล่อลวงเด็กหรือ

เด็ก...ที่เพิ่งโตเป็นสาวได้ไม่นาน ยิ่งเป็นสายรุ้งด้วยแล้ว แม้ว่าหล่อนจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วแต่เขากลับรู้สึกเหมือนหล่อนเพิ่งจะสิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น

เถอะ!...ล่อลวงแล้วอย่างไร ใช่ว่าจะไม่รับผิดชอบเสียเมื่อไร

เขาน่ะ...ตั้งใจจะแต่งงานกับหล่อนอยู่แล้ว เพียงแค่ทำให้มันเกิดขึ้นเร็วหน่อยเท่านั้นเอง

แม้เขาจะใช้วิธีสกปรกไปสักหน่อย หากก็ไม่ได้เลวทรามอย่างผู้ร้ายคดีฆ่าข่มขืนสักหน่อยนี่นะ

เขาตั้งใจจะใช้เสน่ห์ของตัวเองทำให้หล่อนลุ่มหลงจนลืมตัวชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ได้คิดข่มขืน ไม่ได้คิดทำร้าย ตรงกันข้าม เขาจะทะนุถนอมหล่อน งัดเอาประสบการณ์และความช่ำชองของตนเองมาปรนเปรอหล่อน ทำให้หล่อนครวญครางอย่างเป็นสุข...สุขจนแทบขาดใจตายกับประสบการณ์ครั้งแรก

พนมกรมั่นใจว่าสายรุ้งไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน หล่อนบริสุทธิ์ผุดผ่องและไร้เดียงสา...ง่ายต่อการให้เขาชักจูง ล่อหลอกให้ลุ่มหลงต่อความปรารถนาในส่วนลึก

เขารอมานาน...นานจนเกินไป ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องตักตวงจากหล่อน

ทำให้หล่อน...เป็นของเขาโดยสมบูรณ์ และหลังจากนั้นเขาจะได้แต่งงานกับหล่อน ได้เกี่ยวดองกับนาฏยรัตย์อย่างที่วาดหวัง!

อีกนิดเดียว...ปลายทางที่เขาหวังอยู่เพียงแค่มือเอื้อม

แค่ทำให้หล่อนเป็นของเขา...ไม่ว่าจะเกิดจากความรัก ความใคร่ ความทะเยอทะยาน หรือความละโมบในใจเขา เขาก็ไม่สนใจ เขาสนใจแต่ปลายทางของมันเท่านั้น!


หนทางช่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคเลยแม้แต่นิดเดียว...

แน่ละ...หากไม่ใช่เพราะเขาวางแผนไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างจะง่ายดายเพียงนี้หรือ

เขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าวันนี้คุณดิลกต้องบินไปญี่ปุ่น หนทางน่าจะสะดวกมากมายหากเขาสร้างสถานการณ์ให้สายรุ้งอยู่กับเขาสองต่อสอง

แผนการวันนี้เริ่มจากการชวนหล่อนมาหัวหินเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แอบเปลี่ยนแบตโทรศัพท์ของหล่อน ...จากที่มีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จจึงเหลืออยู่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็หาโอกาสโทร.สั่งการคนของเขาให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม

...พนักงานต้อนรับสองคนนั้นได้ ‘ค่าแรง’ และ ‘ค่าปิดปาก’ ไปไม่น้อย ถึงได้ดำเนินการตามแผนอย่างแนบเนียน

ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พนมกรพรูลมออกจากปากอย่างเบาใจเมื่อไขกุญแจเปิดห้องพักสี่สองหก เขาโอบไหล่ประคองคนข้างตัวอย่างระมัดระวังและทะนุถนอม มือของเขาเย็นชืด ใจของเขาเต้นแรง อากาศหนาวเหน็บ แต่ไรผมและแผ่นหลังของเขากลับมีเหงื่อซึม

พนมกรยอมรับว่าตื่นเต้น...เป็นความตื่นเต้นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะรู้สึกประหนึ่งว่าเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม...รุ่มร้อน ตื่นตัว หวาดหวั่น กริ่งเกรง และลิ้มลองจนตัวสั่น เป็นความรู้สึกสมัยที่เขากำลังจะมีประสบการณ์ครั้งแรกกับสาวสักคน ความรู้สึกนั้นย้อนกลับมาอีกครั้งในวัยที่เกินเลขสามมาสักพักแล้ว เรียกได้ว่าเขาไม่ใช่ ‘มือใหม่’ ในเรื่องนี้ ทว่า...กับผู้หญิงแบบสายรุ้ง เขากลับรู้สึกต่างออกไป เป็นเพราะหล่อนบริสุทธิ์งั้นหรือ เขาตื่นเต้นที่จะได้เป็นคนแรกของหล่อนหรืออย่างไร

เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ และพนมกรเองก็ไม่อยากเสียเวลาคิดให้ปวดหัวเสียเปล่าๆ

หลังจากเปิดไฟในห้องและกดปุ่มให้เครื่องปรับอากาศทำงานแล้ว เขาก็ประคองหล่อนให้นั่งลงตรงปลายเตียงซึ่งมีอยู่เตียงเดียว ไม่ใช่เตียงคู่แบบที่สายรุ้งคิด เห็นดังนั้น...นอกจากใบหน้าที่ถอดสีแล้ว แววตาหล่อนยิ่งเป็นกังวล

“คืนนี้พี่คงต้องนอน...” พนมกรเดาออกว่าหล่อนรู้สึกเช่นไรจึงเหลียวซ้ายแลขวาสำรวจไปรอบห้องก่อนไหวไหล่ ทอดถอนใจเล็กน้อย “บนพื้นแล้วละ”

“จะดีหรือคะ พี่กรลำบากแย่เลย ดึกๆ น่าจะหนาวด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกรุ้ง พี่น่ะทนแดดทนหนาวจะตาย นอนพื้นแค่นี้ก็ไม่ลำบากอะไรหรอก เมื่อก่อนตอนที่พี่อยู่ห้องเช่าก็นอนพื้นแข็งๆ แบบนี้แหละ”

ดวงตากลมโตอ่อนแสงลง ความกังวลปลิดปลิวหาย ความระแวดระวังก็ลดทอนลงเสียเกือบครึ่ง เหลือเพียงแต่ความเห็นอกเห็นใจกึ่งสงสาร

ความจริงแล้วพนมกรไม่ชอบความรู้สึกนี้ เขาไม่ชอบให้ใครอื่นมองเขาอย่างเวทนา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยเล่าชีวิตที่แสนลำบากยากเข็ญในวัยเด็กให้ใครฟัง น้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้...นอกจากเพื่อนที่ชื่อตรีทศ ก็มีสายรุ้งอีกคนที่เขาเล่าความทรงจำในหนหลังให้ฟังโดยมีคิดปิดบัง

เขาไม่เคยถามตัวเองว่าเหตุใดจึงเล่าให้หล่อนฟังทุกซอกทุกมุมของชีวิต ทั้งเรื่องที่มารดาบังเกิดเกล้าทิ้งบิดาและเขาไปแต่งงานกับเศรษฐี หนี้สินมหาศาลที่ทำให้เขาและบิดาต้องระเห็จไปอยู่บ้านเช่าแถวชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง เรื่องที่ต้องอดมื้อกินมื้อ หรือต้องกินข้าวกับปลาทูเค็มให้ได้ทั้งอาทิตย์ เขาก็เล่าจนหมดเปลือก

กับผู้หญิงคนอื่น เขาไม่คิดจะเล่า ไม่คิดถึงวันวานอันรันทดนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่กับสายรุ้ง...เขากลับเปิดปากโพล่งมันออกมาอย่างไม่รู้สึกกดดันใดๆ...ทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น จนป่านนี้พนมกรก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

“ไม่ได้หรอกค่ะ รุ้งไม่ยอมให้พี่กรนอนบนพื้นแน่ๆ”

หญิงสาวเหลียวไปมองเตียง เม้มปากเล็กน้อย แล้วกลั้นใจเอ่ย

“นอนด้วยกันบนเตียงเถอะค่ะ”

พนมกรหลุบสายตาลง ซุกซ่อนความสมใจเอาไว้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำของหล่อน

“รุ้งคงหนาวแย่แล้ว รีบไปอาบน้ำเถอะ”

“อาบน้ำ?”

“อื้ม” เขาว่าพลางเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อคลุมตัวยาวสีขาวออกมาชูให้หล่อนดู “อาบน้ำแล้วสวมเสื้อคลุมซะ พี่จะไม่ยอมให้รุ้งนอนทั้งที่ยังสวมชุดเปียกๆ นั่นหรอกนะ”

“ตะ...แต่ว่า...”

เขาไม่รอฟังคำปฏิเสธของหล่อน คว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมเดินดุ่มเข้าไปหาหล่อน ดึงตัวหล่อนให้ลุกยืน แล้วทั้งจูงทั้งลากไปยังห้องน้ำ

“รีบอาบซะ พี่จะได้อาบบ้าง” รุนหลังหล่อนเข้าไปในห้องน้ำได้ก็ดึงประตูปิด “พี่จะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้จนกว่ารุ้งจะยอมอาบ” ยื่นคำขาดเพียงครู่เดียว ก็แว่วเสียงใสๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านใน

“ก็ได้ค่ะ” เสียงของหล่อนมีความกระเง้ากระงอดเล็กน้อย “รุ้งอาบไม่นานหรอกค่ะ พี่กรรอแป๊บนะคะ”

“ต้องอย่างนี้สิ เด็กดีของพี่”

เมื่อหล่อนเชื่อฟัง เขาก็สาวเท้าจากมา ทรุดนั่งตรงปลายเตียง สองมือประสานกัน โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แววตาที่จับจ้องมองผนังห้องมีแววครุ่นคิดและมาดหมายเต็มเปี่ยม



ไม่ถึงห้านาทีสายรุ้งก็ออกจากห้องน้ำโดยสวมเสื้อคลุมสีขาว มือของหล่อนยกกอดอก สองตาหลุบต่ำ ไม่เหลือบแลมองเขาแม้สักเสี้ยววินาที

“พี่กรไปอาบได้แล้วค่ะ”

เขารู้ว่าหล่อนกระดากอายจึงไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร คว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมได้ก็ก้าวฉับๆ เข้าห้องน้ำไปทันควัน ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเสร็จสรรพในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างตัวเองไว้ สองตาแลมองไปยังกระจกเบื้องหน้าก้อนก้มมองพื้นที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เพียงเสี้ยววินาทีดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายวูบก่อนผู้เป็นเจ้าของจะทิ้งร่างลงบนพื้นพลางร้องตะโกนโอดโอย

ไม่ถึงนาที เสียงใสๆ แสนร้อนรนก็ดังแทรกผ่านช่องประตูเข้ามาให้ได้ยิน

“พี่กร! พี่กรคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ล้ม...พี่ล้มน่ะรุ้ง พื้นมันลื่นมากเลย”

“ตายจริง! เจ็บมากไหมคะ ลุกไหวหรือเปล่า”

“ไหวๆ” ตอบพลางลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งคลำสะโพกตัวเองป้อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาเหยเก

...เอาน่ะ! เจ็บตัวนิดหน่อยแลกกับผลที่ได้ก็นับว่าคุ้มน่า!

ชายหนุ่มรำพันกับตัวเอง พลางเอื้อมมือไปเปิดประตู
สายรุ้งแทบจะถลาเข้ามาหา คว้ามือเขาบีบกระชับแน่นพลางกวาดตามองสำรวจเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย

ท่านบนอันเปลือยเปล่า และท่อนล่างที่มีแต่ผ้าเช็ดตัวคลุมไม่ได้ทำให้หล่อนประหม่าหรือกระดากอาย คงเพราะความมีความเป็นห่วงมีมากกว่า

“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ตรงนี้”

พนมกรเอ่ยเสียงอ่อย พลางคลำป้อยๆ ที่สะโพกของตน

“ตรงนี้ด้วย”

มืออีกข้างแตะลงบนริมฝีปากของตนเอง ดวงตาวับหวานยามจับจ้องวงหน้านวล

“คะ?”

สายรุ้งทำสีหน้างุนงงในตอนแรก ก่อนแก้มนวลจะซับสีเรื่อเมื่อมองสบแววตาของคนรัก

แววตาที่ทั้งอบอุ่นจนคลายความหนาวเหน็บไปจากกายหล่อน และยังวาบหวาม...ชวนให้ใจหล่อนเต้นแรง

หญิงสาวก้าวถอยหลัง เว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองติดขัด มือที่เกาะกุมมือเขาอยู่คลายออก แต่ก่อนจะทันได้ดึงกลับมา พนมกรกลับคว้ามันไว้เสียก่อน

มือหยาบกระด้างร้อนจัดบีบกระชับมือของหล่อนอย่างสนิทแนบ

“รุ้ง”

เขาทอดเสียงอ่อนหวาน กึ่งออดอ้อน ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ราวกับหล่อนเพิ่งจะรู้ตัว...รู้ถึงสภาพของเขาและของตนเอง รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่มากเกินไป รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ

หล่อนยิ่งถอยห่าง พนมกรก้าวตาม เพียงก้าวเดียว พลันเกิดอุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน

“อุ๊ย”

สายรุ้งอุทานเมื่อเสียหลักล้ม ความตกใจยิ่งทบเท่าทวีคูณเมื่อคนตัวโตเซซวนแล้วล้มลงบนตัวหล่อน สองแขนของเขาคร่อมตัวหล่อนไว้ ท่อนล่างสัมผัสกันอย่างสนิทแนบ เช่นเดียวกับริมฝีปาก

พนมกรได้ประทับจุมพิตลงบนเรียวปากของหล่อนอย่างถนัดถนี่

เขา...ฉวยโอกาสนั้น บดเบียด เคล้าคลึง และทำให้หล่อนอ่อนระทวยด้วยปลายลิ้นอันช่ำชอง ละเลียดชืมกลีบปากนุ่มประหนึ่งละเลียดกาแฟหอมกรุ่น

เขาทำเสมือนไม่ตั้งใจ แต่เป็นอารมณ์ดิบเถื่อนมี่ผุดพลุ่งชึ้นมาเพราะความรักอันท่วมท้นในอก

“รุ้ง” ด้วยไม่ต้องการให้หล่อนตกใจเกินไป เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่า “รุ้งจ๋า...พี่รักรุ้งเหลือเกิน”

กระซิบข้างหูเสียงแผ่ว แต่ช่างสะเทือนหัวใจคนฟังจนสั่นคลอน

“รุ้งจะใจร้ายให้พี่คอยถึงสามปีเลยหรือ”

“พะ...พี่กร...”

พนมกรลุกขึ้นยืนโดยดึงตัวหล่อนให้ลุกตาม แรงดึงทำให้สายรุ้งต้องถลาซบลงบนอกเขา

ในอ้อมกอดร้อนรุ่ม...หล่อนแทบขยับตัวไม่ได้ ยิ่งเมื่อปลายจมูกของเขาคลอเคลียบนแก้มของหล่อนไม่ห่างเช่นนี้ด้วยแล้ว สมองของหล่อนยิ่งมึนงงจนคิดไม่ออกว่าตัวเองควรจะพูดอะไร หรือทำอะไร

“พี่มีรุ้งคนเดียว ไม่เคยคิดนอกใจมีใครอื่น รุ้งยังไม่เชื่อใจพี่อีกหรือ”

เขาเชยปลายคางหล่อน บังคับให้ดวงตากลมโตที่กำลังไหววูบมองสบดดวงตาทรงเสน่ห์ของตน

“พี่ไม่เคยรักใครอย่างจริงๆจังๆ มาก่อน รุ้งเป็นคนแรกและเป็นคนเดียวที่พี่จะรัก”

คำหวานที่หล่อนไม่เคยได้รับจากหนุ่มคนไหนทำให้หัวใจดวงน้อยปลิดปลิว...สู่กำมือของเขาอย่างง่ายดาย

แววตาของหล่อนเปลี่ยนเป็นวับหวาน...มีความชื่นชม เทิดทูน และเปี่ยมด้วยรักอย่างชัดแจ้ง

พนมกรมองสายรุ้งด้วยดวงตาเป็นประกาย เรืองรองด้วยความวาดหวังเต็มเปี่ยม ขณะก้มศีรษะลงมาอย่างช้าๆ

สายรุ้งไม่ขัดขืน หล่อนยืนนิ่ง...รอคอย ราวกับต้องมนตร์สะกด

เขายกยิ้ม...นั่นคือรอยยิ้มของผู้ชนะ เขากำหัวใจของหล่อนไว้ได้อย่างอยู่หมัด

และวันนี้...หัวใจดวงนี้จะไม่มีวันเล็ดลอดไปจากมือเขาได้

ชายหนุ่มทาบทับริมฝีปากลงบนกลีบปากอิ่มอีกครา ปรนเปรอ เร่งเร้า หยอกล้อ... ริมฝีปากคู่นี้ ทำหน้าที่ของมันอย่างมุ่งมั่นแน่วแน่ยิ่งกว่าครั้งใด เขาทำให้หล่อนอ่อนปวกเปียกในอ้อมกอด หลายนาทีจนหล่อนครางเสียงผะแผ่ว เขาจึงถอนริมฝีปากออก อุ้มหล่อนแนบอก พาหล่อนมาที่เตียง วางหล่อนอย่างเบามือ ก่อนตามลงไปทายทับ กักขังหล่อนไว้ด้วยสองแขน

ดวงตาของเขายิ่งเข้มข้นรุนแรง...มิใช่เพียงความวาดหวัง แต่เป็นความปรารถนาที่ลุกโชนดั่งกองเพลิง

...เพลิงพิศวาสที่เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย

หากครั้งนี้ต่างออกไป เขาอ่อนโยน ทะนุถนอมหล่อน แตะต้องหล่อนอย่างแผ่วเบาราวกับเกรงว่าหล่อนจะแตกสลาย

ทุกการกระทำออกมาจากหัวใจอันอ่อนโยน หาใช่เพียงเพราะอยากปลดปล่อยความกำหนัดของตนไม่

พนมกรไม่เคยทำเช่นนี้กับใคร...ละเลียด 'ชิม' หล่อน อย่างเนิบช้า แผ่วเบา อ่อนหวานดั่งท่วงทำนองของดนตรี งดงาม และเปี่ยมด้วยความสุข

และปลายทางของตวามปรารถนานั้นก็ทำให้เขาทอดถอนใจอย่างเป็นสุข สองแขนตระกองกอดร่างเปลือยเปล่าไว้ในอ้อมกอดอย่างหวงแหน

กับผู้หญิงคนอื่นน่ะหรือ เมื่อสุขสม เขาก็แทบจะผลุนผลันจากไปอย่างไร้เยื่อใย

เขารับรู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป

ทำไมล่ะ เขารักหล่อนหรือ...

พลันที่ถามตัวเอง คำตอบกลับผุดขึ้นมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาตรึกตรอง

ไม่!...ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะหล่อนคือเป้าหมายที่เขาจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้ต่างหาก!

และวันนี้เขาก็ทำสำเร็จ!



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2559, 00:48:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2559, 00:48:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1073





<< บทที่ ๘.๑ - ล่อลวง   บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๑ >>
ร้อยวจี 25 พ.ย. 2559, 10:21:52 น.
น่าสงสารนางเอกจัง


Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 21:54:24 น.
เสร็จพี่กรจนได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account