Love & Rock
นิยายภาคต่อของลูกหลานเฮียพาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเด็กๆ เข้าสู่วัยรุ่นและเริ่มผจญภัยในแบบของพวกเขา ภาคนี้เกี่ยวเนื่องกับมิคาเอล ไพร์ด อิคารัสและเฮเลน แต่ก็จะมีเหตุการณืหลายอย่างเกิดขึ้น และแน่นอนว่ายาวแน่ เพราะตัวละครหลักและรองเยอะเหลือเกินค่ะ
Tags: พาย

ตอน: LRock ตอนที่ 4 (ครึ่งหลัง)

มิคาเอลชักแปลกใจ แม้เขาจะเทิดทูนแม่เป็นต้นแบบของตัวเอง แต่เขาก็หันไปสนใจดนตรีมากกว่าการถ่ายภาพ เพราะเห็นพ่อกับน้องสาวเล่นมาตลอด ขณะที่เขาก็แทบจะไม่ได้ไปกองถ่ายกับแม่

ครั้งหนึ่งเขาไปกองถ่าย แต่เพราะความซนทำให้พ่อต้องห้ามขาด เนื่องจากทำกล้องแม่พังไปหนึ่งตัว ยังดีที่แม่กล้องสำรองด้วย แม้แม่จะเพียงหัวเราะกับความซนของเขา หากพ่อก็ไม่ต้องการให้งานของแม่ล่าช้า

ยิ่งปีนเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่อไม่ยอมให้เขาไปจนกระทั่งอายุสิบห้า แต่ถึงได้ไป เขาก็ไม่เคยได้ไปถ่ายภาพในเขาลึกกับแม่ นอกจากไปตั้งแคมป์เท่านั้น เพราะแม่ไม่ต้องการให้เกิดอันตรายกับเขาอย่างที่เคยเกิดกับพ่อเมื่อยี่สิบปีก่อน

เขาเรียกสติตัวเองกลับมายังแสงกระพริบตรงหน้าจออีกครั้ง แล้วตอบ “นี่ใจคอจะไม่ดีใจที่ได้รู้จักพี่บ้างเหรอ”

โจเซฟีนต้องหยุดพูดแล้วนิ่งคิดว่าควรดีใจไหม ก่อนจะตอบ “ก็ดีใจค่ะ แต่มิคขี้แกล้งอ่ะ ชอบแกล้งให้หนูใจเสียอยู่เรื่อย”

“นั่นไง” มิคาเอลหัวเราะ เพราะช่วงเวลาที่ได้รู้จักกัน เขาก็ต้องยอมรับว่าชอบแกล้งเด็กหญิงขี้กังวล “ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็แกล้งครบคนนี่ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว”

“ก็ใช่ค่ะ” โจเซฟีนรับคำ ก่อนจะทวงถาม “เมื่อไรหนูจะได้รับหนังสือคืนคะ”

“ขอคิดดูก่อนนะ แล้วจะให้คำตอบทีหลัง หรือไม่ก็รอจนกว่าอิซซี่จะกลับไปไง” มิคาเอลตอบแล้วอยากเห็นปฏิกิริยาของเด็กหญิง

“ก็ได้ค่ะ” เด็กหญิงตอบกลับมาอย่างซึมๆ เพราะคงต้องรอนาน กว่าจะได้ดูภาพอีกครั้ง

“ยังไม่ตอบเลย เธอมีกล้องแล้วเหรอ ถ่ายรูปเป็นเหรอ” มิคาเอลถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนมองปิแอร์ที่เข้ามามองสำรับของว่าง แล้วเขาก็ตักทานพอประมาณก่อนส่งคืนให้

“มีสิ เป็นสิ แต่ไม่มีกล้องดีๆ หรอกค่ะ พ่อแม่บอกว่าไว้รู้จักรับผิดชอบมากกว่านี้ จะซื้อกล้องแพงๆ ให้ เห็นในบทสัมภาษณ์ว่ากล้องพายบางตัวเป็นหมื่นเหรียญเลย หนูคงไม่สามารถซื้อกล้องแบบนั้นได้หรอกค่ะ” โจเซฟีนแสดงอีโมเศร้าๆ กลับมาในตอนท้าย

“เอาน่ายังเด็กอยู่ พ่อแม่เธอก็ใช่ว่าจะไม่มีเงินเสียที่ไหน เป็นจิตแพทย์เงินดีจะตาย โตขึ้นจะเป็นจิตแพทย์ไหมเนี่ย” มิคาเอลชวนพูดเรื่องอื่นบ้าง รู้สึกสนุกที่ได้อ่านข้อความจากเด็กหญิง

รอบข้างเขามีแต่คนสนใจ เด็กสาววัยรุ่นจนถึงหญิงสาวต่างก็เอาใจเขา เพราะเขาเป็นคุณหนูที่มีเงินร่ำรวย แล้วยังเป็นกลุ่มนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

“ไม่เอาหรอกค่ะ เครียดตาย หนูอยากเป็นตากล้องเหมือนพาย อยากมองโลกในเชิงลึก อยากเข้าใจโลกผ่านเลนส์ ที่ว่ามาเนี่ยเป็นคำสัมภาษณ์ในหนังสือนะคะ ถึงวันนี้หนูจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำสัมภาษณ์พวกนี้เท่าไร แต่หนูเชื่อว่าสักวันหนูจะรู้” โจเซฟีนพูดอย่างมั่นใจ ก่อนบอกลาเขา เพราะใกล้จะถึงกำหนดเวลาที่แม่ตั้งไว้ให้แชทกับเพื่อนได้

“หนูไปก่อนนะคะ หมดเวลาแล้วค่ะ แม่อยากให้ไปออกกำลังกายแล้ว อยู่หน้าคอมพิวเตอร์มากๆ ไม่ดีค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าลืมหนังสือของหนูด้วยค่ะ ลาก่อน” โจเซฟีนทิ้งท้าย โดยไม่รอเขาตอบก็รีบออฟไลน์ไป

มิคาเอลหยิบหนังสือแต่ละเล่มของแม่มานั่งดู เขาเคยเห็นอยู่บ่อยเวลาแม่จะส่งหนังสือไปพิมพ์ เพราะต้องตรวจก่อนส่ง แล้วเขาก็ไม่เคยอ่านข้อความในนั้น เพราะเป็นข้อความที่แม่เขาไม่ได้เขียน แต่เป็นตากล้องคนอื่นๆ ที่รู้จักแม่เขา เป็นคนช่วยเขียน

แม่เขาน่ะเหรอ...จะเขียนบทความพวกนี้ แม้แต่ลายเซ็นยังต้องเอามาจากเวลาเซ็นเอกสารเลย

แม่เขารักทุกอย่างที่เข้าใจได้ง่ายในแบบของแม่ และแม่ก็รักที่จะตีความทุกอย่างแบบเงียบๆ แล้วปล่อยให้คนอื่นๆ ตีความไปเอง

แม่บอกว่าเราตีความสิ่งที่เราต้องการผ่านภาพไปแล้ว ส่วนคนอื่นจะตีความอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องตีกรอบให้กับคนอื่น

มิคาเอลหยิบกล่องหนังสือรวมภาพ ก่อนจะเดินไปยังห้องนั่งเล่น หากพ่อแม่เขาเข้าห้องนอนแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย เพราะไม่อยากให้ความรักระหว่างพ่อแม่จืดจางลง

ทุกอย่างต้องมีช่องว่าง แม้กระทั่งระหว่างลูกกับพ่อแม่ เรื่องนี้พ่อเขาสอนอยู่เสมอให้เคารพที่ว่างของผู้อื่นด้วย ไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใครก็ตาม แม้กระทั่งคนที่เรารักในอนาคต

เสียงหัวเราะแทนคำตอบที่ดี เพียงแต่ในห้องนี้มีแม่กับพ่อเท่านั้น และทั้งสองกำลังดูภาพถ่ายเก่าๆ พร้อมระลึกถึงเรื่องราวต่างๆ

“รูปมิคตอนนี้ตลกดีนะ ดูเถอะลงไปในโคลน ตอนเห็นเขากำลังจับปลาในนาข้าว ดีที่เอากล้องไปด้วยถ่ายชัดเลย” พายกำลังขำกับสามีที่กำลังหัวเราะไม่แพ้กัน

“โธ่ แม่ฮะ ก็ผมไม่รู้นี่นา เห็นเขาก็นึกว่าเล่นนี่ฮะ” มิคาเอลแก้ตัว ก่อนจะมองความรักของพ่อแม่อย่างมีความสุข

“นั่นอะไรน่ะ” กาเบรียลถามถึงกล่องที่ลูกชายถือมา หากยังคงรอยยิ้มที่ได้คิดถึงวันเก่าๆ

“หนังสือรวมภาพของแม่ฮะ แม่เซ็นให้หน่อยสิฮะ สงสารเด็กน้อยรอคอยความหวังสักคนนะฮะ” มิคาเอลวางกล่องไว้ที่ตรงโต๊ะตรงหน้าแม่

พายมองหน้าลูก ก่อนจะถาม “เด็กน้อยที่ไหน”

“โจฮะแม่ เขาอยากได้ลายเซ็นแม่ ขนมาหมดบ้านฝากอิซซี่มาไงฮะ” มิคาเอลบอกกับแม่แล้วหยิบบางเล่มขึ้นดู

“อ๋อ วันก่อนอิซซี่เอามาให้แล้วล่ะ แม่ก็บอกไปแล้วนี่ ไม่เอาล่ะ แม่ไม่ชอบเซ็น” พายส่ายหน้าช้าๆ ก่อนวางอัลบั้มครอบครัวลงที่โต๊ะ

“แม่ฮะ ถือว่าช่วยผมก็ได้ ขนาดผมแกล้งบอกว่าสงสัยใครเอาไปทิ้งไว้ที่แคลิฟลอร์เนีย ก็กระวนกระวายกลัวหาย ผมก็สงสาร นะฮะๆ” มิคาเอลลงทุนขอร้องกับแม่

“ลงทุนแบบนี้ ก็ได้ เด็กคนนี้นี่สงสัยจะมีเสน่ห์แฮะ คราวก่อนแจ็คก็เอารูปปกซีดีลูกมาให้แม่เซ็นให้” พายบ่นๆ ก่อนจะเรียกหาปากกาแล้วก็โบกมือให้ลูกส่งหนังสือมาให้

“ก็น่ารักฮะ เป็นเด็กน้อยขี้กังวล นิสัยตรงไปตรงมาดี ห้าวนิดๆ ด้วยฮะ” มิคาเอลบอกขณะส่งหนังสือให้แม่เซ็น แล้วนึกขึ้นได้ “แม่มีหนังสือเก่าๆ เก็บไว้บ้างหรือเปล่าฮะ ผมขอให้โจหน่อยได้ไหมฮะ”

“ต้องให้น้านอร์ธดูให้นะ คนนั้นรู้ดีว่าเก็บอะไรไว้ที่ไหนหรือมีไม่มีน่ะ” พายตอบลูกชาย เมื่อเซ็นแต่ละเล่มเสร็จ

มิคาเอลมองภาพของแม่ต่อไป ภาพต่อภาพพร้อมอ่านบทสัมภาษณ์ที่นอร์ธ ปารีสหรือตากล้องในสังกัดพายเป็นผู้เขียนขึ้น โดยพยายามตีความหมายของสิ่งที่แม่เขาเป็นให้มากที่สุด

“ทำไมภาพๆ หนึ่ง ข้อความๆ หนึ่ง ถึงมีผลต่อความรู้สึกคนได้มากขนาดนี้ฮะ” มิคาเอลนึกประมวลรวมกับอาการตื่นเต้นของเด็กหญิง

“ลูกน่าจะเป็นคนท้ายๆ ที่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้นะ อย่าลืมสิว่าแฟนเพลงของลูกน่ะ ก็ชื่นชมเพลงของลูกแค่ไหน” กาเบรียลเปรียบเทียบอ้อมๆ ให้ลูกชายเข้าใจ

มิคาเอลคิดตามสักพักก็พยักหน้าช้าๆ แม้สารที่ส่งจะแตกต่างรูปแบบหรือว่าวิธีการสร้าง หากสุดท้ายก็สามารถสื่อความหมายให้คนที่ชื่นชอบได้เช่นกัน และทรงอิทธิพลต่อจิตใจของคนทั้งหลายได้เช่นกัน

“แม่ฮะ ผมทำรายการที่อยากได้ให้น้านอร์ธส่งของมาให้ที่นี่แล้วให้แม่เซ็นให้เลยได้ไหมฮะ จะได้ส่งไปให้โจเลย” มิคาเอลบอกกับแม่ทิ้งท้าย ก่อนจะกลับห้อง

“ตามสบาย อืม อีกห้าวันแม่จะไปอียิปต์คงไม่ทันหรอกมั้ง แค่นี้ไปก่อนแล้วกัน อีกสองอาทิตย์แม่กลับมาค่อยว่ากัน” พายบอกกับลูกชายก่อนจะมองสามีที่กำลังครุ่นคิด “มีอะไรหรือเปล่า”

“สองอาทิตย์เหรอ ฉันไปด้วยดีกว่าปล่อยเด็กๆ ซ้อมกันเองละกัน” กาเบรียลครุ่นคิดอีกครั้งหลังจากพูดไปแล้ว ค่อยเสนอใหม่ “ฝากอิกกี้ไว้กับโจดี้ได้ไหมนะ ไม่รู้ว่ามีเวลาไหม”

“ฉันว่านะ ถ้าโจดี้ไม่ว่าง ส่งไปให้ชุนดูแลก็ได้นะ เห็นว่าอยู่กับแอมไม่ใช่เหรอ คงพอติวให้กันได้” พายเสนอนักดนตรีชาวไทยอีกคนที่แต่งงานกับแอมโบรเซีย...นักร้องชื่อดัง

“อืม ลองคุยกับโจดี้ดูก่อน ไม่รู้ว่าแอมกับชุนมีงานแสดงค้างหรือเปล่านะ” กาเบรียลพยายามคิดๆ เพราะทั้งคู่เป็นนักดนตรีคู่กันและกำลังมีชื่อเสียงพอสมควร

“อืม เตรียมของเลยไหม ฉันกลัวว่านายจะลำบากน่ะสิ เดินทางไกลพอควรนะ” พายหันไปคุยกับสามี ขณะที่ลูกชายค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง

ชีวิตประจำวันของพ่อแม่เขาเป็นไปอย่างไม่ธรรมดาสำหรับคนอื่นเสมอ และมีการเดินทางบ่อยเสียจนลูกๆ ต้องทำใจ แต่พ่อแม่เพิ่งจะปล่อยพวกเขาตอนอายุสิบสาม หลังจากพาไปไหนๆ ด้วยเสมอๆ และไม่เคยปล่อยให้ต้องลำบากแต่อย่างใด

****************************************


เด็กหนุ่มกำลังพยายามกลั้นลมหาวเพื่อความเบื่อชีวิตสังคม ขณะที่แม่กำลังนั่งคุยกับคนรู้จักที่ด้านหนึ่ง ส่วนพ่อก็นั่งคุยกับท่านฑูต ซึ่งเป็นแฟนเพลงคนหนึ่งเช่นกัน

“ท่านพี่ง่วงนอนแล้วเหรอคะ ปกติไม่ใช่เวลานอนนี่คะ” แจ็คลีนเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วของตัวเองหลังจากตอบแชทของเพื่อน

“ไม่หรอก ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหาวน่ะ มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น พี่ไม่เหมือนแจ็คนี่ คุยเรื่องธุรกิจกับคนอื่นได้ด้วย” มิคาเอลโอบเอวน้องสาวที่ยืนอยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับน้องสาววัยสิบห้าของเขา

มิคาเอลทำท่าจะหาวอีกรอบ ก่อนเห็นแม่เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วยังมองผ่านเขาไปด้านหลัง ก่อนจะเห็นใครคนหนึ่งเดินมาใกล้เขากับน้อง เป็นหญิงวัยกลางคนผมสีแดง กำลังจ้องแม่เขาอย่างไม่วางตา

“สวัสดี พาย กาเบรียล” ชายวัยกลางคนที่มาด้วยทักทายก่อน

“สวัสดีโธมัส ลอเรตต้า” พายทักทายก่อนกาเบรียลที่กำลังคุยกับท่านฑูตอยู่ และเขาขอตัวกลับมายังกลุ่ม

“สวัสดีคุณและคุณนายวิลสัน” กาเบรียลเข้ามายืนด้านหลังภรรยาที่นั่งอยู่กับแขกอีกคนในงาน

พายมองแล้วก็รู้ว่าสามีคงยังไม่ลืมเรื่องเก่าๆ จึงได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะพูดคุยทักทาย “สบายดีเหรอโธมัส ไม่เจอกันยี่สิบปีได้นะ ยังดูดีเหมือนเดิม เธอด้วยลอเรตต้า ได้ข่าวว่ามีลูกฝาแฝดน่ารักมากเลยเนี่ย”

“ขอบใจ คราวก่อนเจอกาเบรียลที่งานแสดงดนตรี แต่ไม่เห็นเธอออกงานด้วยเลยนะ” โธมัสเป็นคนพูดแทนภรรยาทั้งหมด แม้จะนึกแปลกใจที่ภรรยาสนิทกับพายแต่กลับไม่คุยกับพายสักคำ

ลอเรตต้ามองพายด้วยความรู้สึกสับสน ทั้งที่ตลอดมาคิดถึงตากล้องสาวอยู่ตลอด คอยตามอ่านข่าวต่างๆ อยู่เนื่องๆ พอเจอตัวก็ได้แต่มองแล้วพูดไม่ออก

“ลอเรตต้า เธอเป็นยังไงบ้างล่ะ” พายถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนยังคงมองเธออยู่เช่นเดิม ก่อนจะนึกได้ “ทักทายคุณลุงคุณป้าสิลูก นี่มิคาเอลกับแจ็คลีนนะ”

แจ็คลีนค่อยๆ ย่อตัวอย่างน่ารัก ดึงชายกระโปรงเล็กน้อย ขณะที่มิคาเอลโค้งให้อย่างสุภาพ

“เอ่อ ฉันสบายดี ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคนนะ อืม ทอมคะ แคทเทอรีนกับเคลย์ตันอยู่ไหนคะ ดีจังเลยที่ได้เจอเธออีกครั้ง จะได้แนะนำให้รู้จักฝาแฝดของฉัน” ลอเรตต้าได้ทีก็นั่งลงตรงที่นั่งข้างๆ พาย ซึ่งคนรู้จักพายเมื่อครู่ได้ลุกไปแล้ว ก่อนจะกุมมือพายเอาไว้ด้วยมือตัวเองทั้งสองข้าง

กาเบรียลมองอย่างไม่ถูกใจนัก หากเวลาที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าต้องใจเย็นมากกว่านี้ เพราะพายกับเขาก็เลี่ยงกันมาตลอด แต่งานนี้เขาไม่ได้ตรวจสอบรายชื่อแขกให้ดี จึงต้องพบหน้าแบบเลี่ยงไม่ได้

โธมัสเห็นภรรยาได้เพื่อนคุยก็มองหาลูก เมื่อเจอก็โบกมือเรียกให้มาทักทาย ก่อนจะขอตัวไปทักทายกับคนอื่นต่อ “ขอตัวก่อนนะ พาย ไว้วันหลังนัดทานข้าวกันสิ จะได้คุยกันนานๆ”

“ตามสบายเลย โธมัส” พายโบกมือลา ก่อนหันไปมองกาเบรียลที่มีสีหน้าเรียบตึงขึ้นมาทันที แล้วพอมองลอเรตต้าที่กุมมือเธอแน่น ก็ตัดสินใจ “กาเบรียล มีคนเรียกทางโน้นน่ะ”

โชคดีที่มีคนเรียกกาเบรียลเสียก่อน เธอจึงแยกเขาออกไปได้ หากก็ต้องเจอปัญหาใหม่ เมื่อเด็กหนุ่มกับเด็กสาวสองคนเข้ามายืนอยู่ด้านหลังแม่

“แนะนำหน่อยสิ ลอเรตต้า” พายเรียกสติเพื่อนเก่า เมื่อเห็นเด็กทั้งสองยืนรออยู่

“นี่แคทเทอรีนและเคลย์ตัน อายุสิบเจ็ดจ๊ะ เรียนอยู่ที่นิวยอร์คล่ะ ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วฉันกับทอมก็ตารางว่างตรงกัน ก็เลยพามาที่นี่ด้วย ไม่คิดว่าจะเจอเธอนะ เห็นใครว่าปกติเธอไม่ค่อยมางานอย่างนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่เธอแต่งงานไปเนี่ย” ลอเรตต้าค่อยผ่อนคลายท่าทีลงแล้วพูดได้มากขึ้น

“ก็เรื่อยๆ พอดีแจ็คอยากมา อืม เด็กๆ นี่แจ็คลีนกับมิคาเอล มิคาเอลน่ะอายุสิบแปดแล้ว ส่วนแจ็คสิบห้า เรียนที่นี่ทั้งคู่ล่ะ ปีหน้ามิคจะเข้าวิทยาลัยดนตรีที่ที่กาเบรียลจบมานั่นล่ะ” พายพยายามพูดให้ไกลออกไปจากตัวเอง เพราะดูเพื่อนแล้วก็ยังพอเข้าใจอยู่มาก

เป็นช่วงเวลาที่พยายามห่างเหินกันมากที่สุด เพราะกลัวจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ ในดวงตาของเพื่อนเก่าอย่างลอเรตต้ายังคงน่ากลัวสำหรับกาเบรียล ขณะที่พายไม่ต้องการให้ทุกอย่างสับสน

****************************************

มัวเขียนนิยาย แต่ลืมโพสต์
ขออภัยนะคะ อิอิ ^^
เพราะงั้นพรุ่งนี้ใจดีต่อให้อีกตอนเต็มๆ อิอิ บ่าย เย็น ดึก ยังไม่แน่นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่ะ

คุณ ตุ๊งแช่ --- ^^ ภาคหน้ามีตัวละครเพิ่มอีกค่ะ สู้ๆ

คุณ anOO --- ยังไงหนอ...มิคกะโจ >,<

คุณ หนอนฮับ --- อ่ะรักกันๆ ค่ะ

คุณ XaWarZd --- ดูได้ที่เด็กดีค่ะ หรือบล็อกแก๊งค่ะ
http://writer.dek-d.com/Bzlion/writer/view.php?id=731082
มันก็อปลิงค์ไม่ได้นะคะ >,<
ถ้าเข้าเด็กดีแล้วหาเพลิงวารีเจอก็เข้าไปดูในเรื่องนี้ได้ค่ะ

คุณ tuktuk --- คิดเหมือนกันค่ะ คนไทยรักกัน รักกัน ^^

คุณ kaeka --- >.< ก็หนูมิคติดแม่นี่นา อิอิ




เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ส.ค. 2554, 19:25:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ส.ค. 2554, 19:28:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1889





<< LRock ตอนที่ 4 (ครึ่งแรก)   LRock ตอนที่ 5 >>
kaeka 8 ส.ค. 2554, 20:06:16 น.
กรี๊ดดดด มีลูกมีเต้าวัยกลางคนเข้าไปแล้ว ลอเรตต้ายังมิลืมเฮียพายจริงหรือนี่ จับคู่ลุกๆสิค่ะ ^^


ตุ๊งแช่ 8 ส.ค. 2554, 20:32:25 น.
เหมือนทำการบ้านเลย จำตัวละครเนี่ย มิคคู่กับโจ หรือป่าวค่ะ


หนอนฮับ 8 ส.ค. 2554, 21:11:46 น.
อิอิ...ดูท่ามิคจะหวงน้อง..


maplezaa 8 ส.ค. 2554, 22:43:58 น.
ลอเลตต้าจ๊ะ ผ่านมาหลายปีแร้วลืมๆๆบ้างก็ได้น่ะจ๊ะ


XaWarZd 9 ส.ค. 2554, 03:00:45 น.
ไม่ได้อ่านแต่เริ่มรุ่นพ่อแม่ ต้องกลับไปหาอ่านซะแล้ว


anOO 9 ส.ค. 2554, 10:24:55 น.
เดาใจคนเขียนไม่ถูก งั้นรอตอนต่อไปดีกว่า


tuktuk 9 ส.ค. 2554, 10:32:21 น.
ลอเรตต้านี่รักมั่นเนอะ...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account