Love & Rock
นิยายภาคต่อของลูกหลานเฮียพาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเด็กๆ เข้าสู่วัยรุ่นและเริ่มผจญภัยในแบบของพวกเขา ภาคนี้เกี่ยวเนื่องกับมิคาเอล ไพร์ด อิคารัสและเฮเลน แต่ก็จะมีเหตุการณืหลายอย่างเกิดขึ้น และแน่นอนว่ายาวแน่ เพราะตัวละครหลักและรองเยอะเหลือเกินค่ะ
Tags: พาย

ตอน: LRock ตอนที่ 5

หลังจากที่แม่ๆ แนะนำ มิคาเอลยื่นมือไปทักทายกับเคลย์ตัน ขณะที่แจ็คลีนก็ทำแบบเดียวกันกับแคทเทอรีน หากความรู้สึกบางอย่างบอกให้รู้ว่า ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ชอบหน้ากันเท่าไรนัก ยกเว้นเมื่อต่างเพศมองหน้ากัน ต่างก็รู้สึกแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

ทว่ามิคาเอลกับแจ็คลีนนั้นต่างก็รู้สึกเฉยๆ แต่ก็พอรู้ว่าสายตาที่ทั้งสองมองพวกเขานั้นเป็นอย่างไร การที่ต้องอยู่ในสังคมที่มีแต่การฟาดฟัน ก็ทำให้ทั้งสองต้องระมัดระวังอยู่ไม่น้อย นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมมิคาเอลถึงไม่ชอบออกงานเช่นน้องสาว เขาชอบที่จะเที่ยวโลดโผนอย่างแม่มากนัก

“เรียนที่ปารีสสนุกไหม” แคทเทอรีนถามแจ็คลีนอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ก็ดี” แจ็คลีนไม่อยากอธิบาย เพราะการเรียนของเธอนั้นจัดได้ว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของโรงเรียน จากที่เธอไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ นั่นเอง

“ที่นี่มีอะไรน่าเรียน” เคลย์ตันถามอย่างเย่อหยิ่ง โดยเฉพาะเวลามองผมสีนิลยาวสยายอย่างแปลกๆ จากเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกัน

“ไม่รู้สิ ไม่ได้ไปโรงเรียนมานานมากแล้วนะ ตั้งแต่ชกหน้าประธานโรงเรียนคราวก่อนน่ะ” มิคาเอลตอบตามความจริง แม้ตอนนั้นเขาจะอายุเพียงสิบสามก็ตาม

ลอเรตต้าฟังแล้วขมวดคิ้วก่อนจะถามพาย “ทำไมมิคาเอลไม่ไปโรงเรียนล่ะ”

พายมองลูกชายตอบอย่างกวนประสาทคนอื่น แล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะอธิบายให้เพื่อนฟัง “อ๋อ กาเบรียลกลัวว่าลูกจะไล่เตะก้นเด็กอวดดีแถวนั้นน่ะ แล้วก็เห็นว่าสะดวกกว่าถ้าจะให้เรียนกับอาจารย์ส่วนตัว ไปไหนก็สะดวกด้วยน่ะ”

ลอเรตต้ารับรู้แล้วก็คุยกับเพื่อนต่อ ขณะที่เด็กๆ ทำท่าจะเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่ต้น เพราะความแตกต่างทางความคิดและสิ่งแวดล้อมที่เจอมา

“พาย เธอมาอยู่ที่นี่เอง อ้าว ไง ลอเรตต้า เฮ้อ ช่างเถอะ ช่วยฉันก่อนนะ” ดีไซเนอร์วัยกลางคนที่ยังคงพูดจาคล่องอยู่เสมอเข้ามาจับแขนอีกข้างของเพื่อน แต่โดนยื้อเอาไว้ ก่อนจะยื่มแก้มหอมกัน

“ไงจ๊ะ การ์เซียร่าที่รัก” พายก็หอมแก้มซ้ายขวาของเพื่อนอย่างสนิทสนม

“ก็ไม่ไงหรอก ปวดหัวอยู่หลังเวที นี่นางแบบก็ไม่มาอีก เซ็งจะตายอยู่แล้ว” กาเซียร์บ่นกับเพื่อนก่อนหันมามองเด็กสาวทั้งสองคนแล้วชอบใจเด็กสาวผมสีทอง จึงพูดขึ้นเสียงสูงอย่างพออกพอใจ “ต๊ายตาย ลูกสาวเธอกับกาเบรียลมาด้วยเหรอ เห็นกี่ทีกี่ทีก็ชอบ ถอดแบบพ่อมาเยอะ ชอบจังขอยืมตัวสักเดียวได้ไหมจ๊ะ”

พายส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะพูด “ไม่ได้ๆ คนนี้พ่อเขาหวงนะ ว่าแต่ขอยืมไปทำอะไร”

“ต๊ายตาย มิคเนี่ย ขอได้ไหมๆ ขอไปซบอกสักสองสามคืน อายุสิบแปดแล้วไม่ผิดกฏหมายแล้ว” กาเซียร์ถือวิสาสะจับมือถือแขนเด็กหนุ่ม หากมิคาเอลก็จับมือขึ้นแล้วก้มลงจูบที่หลังมือเพื่อนแม่เบาๆ แทนการทักทาย ส่วนแจ็คลีนก็ย่อตัวอย่างให้เกียรติ

“น่ารักออกอย่างนี้ ไม่รู้ว่าละลายใจผู้หญิงไปสักกี่คนแล้วนะ ขอยืมเถอะนะ ขอเถอะ” กาเซียร์ยังคงพูดเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนานทำให้พายหัวเราะ ขณะที่เด็กสองคนก็คุ้นกับป้าคนนี้ไม่น้อย

“เว้นไว้สักคนเถอะจ๊ะ พ่อเขาหวงทั้งคู่แหละ ตกลงจะยืมแจ็คไปทำอะไร” พายถามเพื่อนเอาคำตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

“เอาไปเดินแบบ สูงเท่าไรเนี่ย สักห้าฟุตเจ็ดได้ไหม สบายมาก สูงดีจริงเด็กสมัยนี้ นะ พอดีเลย นางแบบคนนั้นก็สูงประมาณนี้ล่ะ ขอยืมนะ” กาเซียร์ยังบอกกับเพื่อนอยู่เช่นเดิม

“ว่าไงแจ็ค ช่วยป้าเขาหน่อยสิ ขอให้เบเนดิกซ์ตามไปด้วย มิคโทรตามเบเนดิกซ์ให้ไปกับแจ็คด้วยละกัน” พายเห็นว่าคงไม่เป็นไร จึงบอกกับลูกสาว แล้วกำชับกับเพื่อน “อย่าทำอะไรกับผมแจ็คมากนะ อุตส่าห์ดัดจนน่ารักแบบนี้แล้วล่ะ”

“ได้จ๊ะ ได้ ขอบใจ ว่าแต่ลูกชายคนนี้ให้ยืมไปกอดได้ไหม” กาเซียร์ถามอีกครั้งอย่างจริงจัง จนแม้แต่มิคาเอลยังสะอึก

“ถามพ่อเขาไหมล่ะ” พายย้อนถามเพื่อนแบบปัดหน้าที่การตัดสินใจ

การ์เซียก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมา ก่อนจะบ่นๆ “พูดอย่างนี้ก็หมดสิทธิ์ กาเบรียลเนี่ยขี้หวงนะเนี่ย ตั้งแต่แม่จนมาถึงลูก หวงไปหมด แต่ไม่เป็นไรอภัยได้เพราะความสวยนะเนี่ย”

พายฟังตอนท้ายของเพื่อนแล้วก็หัวเราะ หากมองลอเรตต้าแล้วก็รู้ว่าเพื่อนอีกคนอารมณ์กำลังขุ่น แต่เธอไม่คิดจะใส่ใจมากนัก เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว

“ทำไมเด็กๆ ไม่ไปเดินเล่นกันล่ะ มายืนอยู่ตรงนี้ทำไม” การ์เซียถาม ก่อนจะควงแขนพาแจ็คลีนไปยังหลังเวที

มิคาเอลยังคงอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ขณะที่อีกสองคนรีบไปทันทีอย่างเบื่อหน่าย

พายยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คอยตอบคำถามของลอเรตต้าไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเลี่ยงไปไหน เพราะรู้ดีว่าเลี่ยงยาก ที่ผ่านมาเธอจึงเลือกที่จะไม่พบหน้าดีกว่าพบหน้าแล้วต้องพยายามเลี่ยง หากพอพบ เธอก็ไม่คิดว่าการเลี่ยงจะได้ผล

เมื่อถูกถาม เธอก็ตอบสั้นบ้างยาวบ้าง ขณะที่มิคาเอลก็ยืนนิ่ง จนกระทั่งพ่อกลับมาแล้วจ้องลอเรตต้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน เขาจึงต้องทำอะไรสักอย่าง

“พาย เพื่อนฉันอยากเจอเธอน่ะ” กาเบรียลบอกตามจริง เพราะเพื่อนเขาที่เป็นนักดนตรีมาที่นี่ แล้วอยากพบภรรยาเขา

“ได้สิ” พายตอบรับ ก่อนหันไปบอกลาลอเรตต้า “ไว้เจอกันใหม่”

“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่ อืม แล้วฉันจะโทรหานะ” ลอเรตต้าบอกพายแล้วยิ้มที่มุมปาก หากสายตามองไปยังกาเบรียลคล้ายจะส่งสารบางอย่างไปให้ และเธอยิ่งรู้สึกสะใจนิดๆ ที่ทำให้เขาหึงได้

กาเบรียลเก็บความรู้สึกเล็กน้อย ก่อนจะโค้งให้พอประมาณแล้วดึงเอาเจ้าลูกชายไปด้วย หากพอมองหาลูกสาวก็ต้องถามขึ้น “แจ็คไปไหน”

“กาเซียร์ยืมตัวไปเดินแบบน่ะ” พายบอกกับสามีอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เดินแบบได้ยังไง ลูกเดินเป็นเหรอ” กาเบรียลค่อนข้างงงกับสิ่งที่ภรรยาบอก

“ไม่รู้สิ กาเซียร์ขอ ก็ให้ไปอ่ะนะ ช่างเถอะ ลูกเราเอาตัวรอดได้ล่ะนะ ไหนล่ะเพื่อน” พายพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่าเขาจะคิดมากเป็นห่วงลูกอีก

กาเบรียลจึงเปลี่ยนเรื่องทั้งที่ยังอดกังวลไม่ได้ ขณะที่มิคาเอลไม่เป็นห่วงน้องเท่าไรนัก เพราะสิ่งไหนที่แจ็คลีนยอมทำแปลว่าต้องทำได้แน่นอน และต้องทำได้ดีด้วยความพยายามทั้งหมด

หลังจากทุกอย่างเข้าที่ ก็เริ่มมีการเดินแบบพร้อมการประมูลชุดเพื่อการกุศล จนกระทั่งแจ็คลีนเดินแบบชุดสุดท้าย และรอเรียกการประมูล

ไม่ผิดหวังสำหรับคนเป็นพ่อแม่ เพราะแจ็คลีนเพียงยืนและเดินตามปกติของเธอ ก็สง่าราวกับหญิงสาวในสังคมชั้นสูง อาจแตกต่างจากนางแบบคนอื่นไปบ้าง เพราะเธอถูกอบรมมาตามฉบับผู้ดีเก่าและรู้จักวางตัวให้สง่าผ่าเผย

เธอไม่เพียงทำได้ดีแทบทุกอย่าง ยังกลายเป็นหลานรักของปู่ย่าในเวลาไม่นาน เพราะความสามารถในการเข้ากับคนอื่นได้ดี แตกต่างจากพ่อแม่ที่มักปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปและเป็นตัวของตัวเองเสมอ

แจ็คลีนรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร จากการอ่านข้อมูลจำนวนมาก และการฝึกวิเคราะห์ทุกอย่าง ตามที่ปู่เธอสอน ให้เธอรู้จักเอาตัวรอดในสังคม ที่มีแต่การแข่งขันแย่งชิง

แจ็คลีนเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มีความคิดอ่านเกินตัว เพราะเธอรู้สึกว่าการเอาตัวรอดในสังคม ที่พร้อมจะเชือดเฉือนกันนั้น เป็นความท้าทายที่เธอต้องการลิ้มลอง

ทว่าครอบครัวเป็นสถาบันเดียวที่เธอเชื่อมั่นและไว้วางใจได้อย่างเต็มที่...

“สองแสนห้าหมื่น” เสียงหนึ่งดึงความสนใจของผู้คนได้ดีทีเดียว เมื่อกาเบรียลพูดดักคอคนอื่นทันที

เรือนผมสีทองดัดลอนสวยถูกรัด ด้วยยางรัดประดับเพชรราคาเป็นหมื่นเหรียญ ยังคงเอกลักษณ์ของลูกสาวที่เขานิยม ส่วนชุดที่แต่งก็เข้ากับลักษณะภายนอกของลูกสาว ด้วยชุดสีขาวลูกไม้ฝรั่งเศสราคาแพงระยับบนเรือนร่างลูกสาวสุดที่รักของเขา กับเครื่องประดับอื่นที่กาเซียร์จัดให้ก็ยังคงแพงอยู่แล้ว ไม่ดูขัดกับยางรัดผมราคาเรือนหมื่นของแจ็คลีนแม้แต่น้อย

“สามแสน” อีกเสียงดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง เมื่อลอเรตต้าพูดขึ้น ทำเอาทุกคนงงกันเป็นแถวๆ

กาเบรียลนึกขัดใจ ก่อนมองภรรยานิดๆ เป็นเชิงถาม เห็นพายส่ายหน้าขำนิดๆ เขาก็ชักตีความไม่ถูก

อีกเสียงพูดขึ้น “ห้าแสน”ทำให้คนต้องมอง เพราะคนประมูลเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบแปดเท่านั้น

มิคาเอลยิ้มให้กับทุกคน เมื่อเขาประมูลแทนพ่อเสียเลย แต่ถึงอย่างไรพิธีกรก็ต้องถามกาเบรียลอยู่ดี เพราะไม่ใช่คนที่อยู่ในรายชื่อที่จะประมูลได้

“มองซิเออธีโอฟาสเต้ต้องการประมูลตามนั้นไหมครับ”

“ครับ” กาเบรียลโอบไหล่ลูกชายอย่างพอใจ ที่ตัดสินใจรวดเร็ว ก่อนมองพายแยกตัวออกไปหาลอเรตต้า แล้วพูดอะไรบางอย่าง ทำให้อีกฝ่ายยุติการประมูล

“ชุดลูกไม้ฝรั่งเศสพร้อมเครื่องประดับชุดนี้เป็นของมองซิเออธีโอฟาสเต้ครับ ขอบคุณที่ให้ความสนใจในการประมูลครับ เชิญ” พิธีกรประกาศปิดการประมูลอีกเล็กน้อยเพื่อสรุปรายการทุกอย่าง

ขณะที่แจ็คลีนเดินลงมาหาพ่อแม่แล้วกอดพ่ออย่างดีใจ ก่อนพูดกับพ่อเป็นภาษาฝรั่งเศส “ขอบคุณค่ะ พ่อ”

พายเดินกลับมาหาลูกสาว ก่อนจะยิ้มเอ็นดูที่ลูกสาวน่ารักสมใจต้องการ มองสามีที่ยิ้มฝืนๆ ดูจะติดหึงๆ เพราะภรรยาไปหาแฟนเก่า เธอจึงยิ้มเล็กน้อย ก่อนชม “สวยจังเลยลูกแม่”

“แหม ก็พ่อหนูสวยนี่คะ เป็นไงคะท่านพี่ แจ็คสวยไหม” แจ็คลีนหันมาหาพี่ชาย ก่อนจะหมุนตัวให้พี่ชายมอง

มิคาเอลมองน้องสาวพร้อมชมไม่ขาดปาก “เป็นนางแบบได้เลยนะเนี่ย สนใจไหม”

“ไม่ล่ะค่ะ แจ็คสนใจอย่างอื่นมากกว่า อ๋อ เครื่องเพชรกับชุดของแจ็คที่ถอดออก อยู่ที่เบนแล้วนะคะ เดี๋ยวแจ็คบอกเบนให้เอากลับเลย แจ็คใส่ชุดนี้กลับละกัน ขี้เกียจเปลี่ยนค่ะ” แจ็คลีนสรุปในตอนท้าย

“น่าเสียดายนะที่อิซซี่ไม่ได้มาด้วย แต่ไม่เป็นไร เมื่อกี้พ่อก็ประมูลชุดมาอีกสองชุด ไว้ให้อิซซี่ใส่ก็ได้นะ” มิคาเอลคุยกับน้องสาวต่อ พร้อมนึกถึงน้องอีกคนที่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย

“เราไปทักทายกาเซียร่ากันเถอะลูกๆ คงดีใจได้เงินการกุศลไปเยอะเลยทีเดียว” พายชวนลูกๆ ก่อนจะควงแขนสามีแล้วตบเบาๆ เธอในเสื้อสูทก็ดูดีไม่หยอก

มิคาเอลให้น้องสาวควงแขน ก่อนได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน

“คุยอะไรกับลอเรตต้าน่ะ” กาเบรียลถามภรรยาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฟังดูแปลกสำหรับลูกชายเขา

“ก็ไม่ทำไมหรอก ฉันรู้ว่าลอเรตต้ากำลังจะทำอะไร ก็เลยห้ามไว้น่ะ แก่ๆ กันแล้วจะอะไรนักหนา” พายบอกให้สามีใจเย็นลงกับเรื่องเก่าๆ บ้าง

เธอก็รู้ว่าเรื่องที่เขาถูกลอเรตต้าปองร้ายในสมัยก่อน และพายยังไม่เอาผิดคู่ขาเก่า ก็เป็นเรื่องที่กาเบรียลไม่ลืม เพียงแต่ไม่หยิบมาพูดให้ชีวิตแต่งงานวุ่นวายเท่านั้น

กาเบรียลไม่ตอบความ แต่ก็ยอมสงบแต่โดยดี โดยเฉพาะกาเซียร์ที่เข้ามาถูกเวลาพอดี ทำให้การสนทนาเป็นไปได้อย่างราบลื่นไม่มีปัญหา และความสนใจของมิคาเอลก็หยุดเพียงนั้น เพราะกำลังโดนทาบทามให้ไปเป็นหมอนข้างให้กับเพื่อนแม่ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องขำขัน ซึ่งถ้าได้ กาเซียร์ก็ไม่ขัดข้องแน่นอน

****************************************


เสียงรถแข่งดังลั่นสนามแข่งแทนที่จะทำให้เกิดความรำคาญกลับทำให้ใจที่สับสนสงบลงได้ หลังจากการสอบที่แสนทรมานสิ้นสุดลง พวกเขาก็ค้นพบว่าสนามแข่งรถที่พายมีหุ้นส่วน ทำให้เขาได้ปลดปล่อยจิตใจที่ตื่นเต้นลงได้

“เฮ้อ” เด็กหนุ่มผมสีนิลถอนหายใจ เมื่อการแข่งรถรอบของเขาสิ้นสุดลง

“อะไร ไม่สบายใจปานนั้นเชียว” ไพร์ดตบไหล่ลูกพี่ลูกน้องแทนการให้กำลังใจ

“ก็มันเหนื่อยเนี่ยสิ พ่อก็ไปแสดงคอนเสิร์ตทันทีที่พวกเราสอบเสร็จเลย อยากรู้จริงๆ ว่าผลจะเป็นยังไง” มิคาเอลผู้ไม่ชอบใจในกฏเกณฑ์ก็ต้องยอมลงให้ เพราะพ่อเขาเป็นคนตั้งข้อเสนอนี้กับลูกชายเอง

“น่า กาเบรียลคงรู้ตั้งแต่ตอนไปฟังสอบแล้วล่ะ คนที่น่าจะห่วงน่ะ นั่นต่างหาก” ไพร์ดชี้ไปยังคนที่กำลังหงุดหงิด เพราะเล่นผิดไปหลายคีย์โดยไม่รู้ตัว ทั้งที่เล่นได้ไพเราะจับใจคนฟัง

มิคาเอลมองเพื่อนอย่างเข้าใจ เพราะกรรมการสอบก็บอกอยู่ว่าอิคารัสเล่นผิดไปหลายคีย์ หากก็เป็นเพลงแปลกใหม่ที่ไพเราะ ทว่าเจ้าตัวนั้นจำแต่เรื่องผิดคีย์ที่ตัวเองกังวล มากกว่าเรื่องความไพเราะที่กรรมการชม จึงเครียดอย่างแรง

“เฮ้ย ไปขี่สักรอบ ไป๊ แล้วอย่าเสียสมาธินะ ชีวิตแขวนไว้บนรถสองล้อนี่” เขาส่งหมวกกันน็อคให้เพื่อน เป็นเชิงบังคับเล็กน้อย

อิคารัสเกาหัวแรงๆ ก่อนพยักหน้า จากคนพูดมากก็พูดน้อยไปในทันที

“จำไว้ตั้งสมาธิกับการขี่รถนะ ไม่อยากต้องมาดูแลคนเจ็บเหมือนคราวก่อน อีกอย่างตารางแน่นมากไม่มีเวลาให้เกิดอุบัติเหตุ ตั๋วคอนเสิร์ตก็ขายหมดแล้วทั้งญี่ปุ่น เกาหลี แล้วก็ทั่วยุโรปเนี่ย ไม่มีเหลือเลย” ไพร์ดเตือนเพื่อนในฐานะหัวหน้าวงดาร์คไนท์...แม้ชื่อวงจะแปลว่าคืนที่มืดมน แต่ชื่อเสียงและความชื่นชมกลับมีแต่แสงสว่าง

“เออ” อิคารัสรับคำอย่างหงุดหงิด เมื่อโดนกดดันครั้งแล้วครั้งเล่า

“ก็ไปกดดันมัน” มิคาเอลตบไหล่ญาติอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะยืนคู่กันแสดงให้เห็นความแตกต่างชัดเจน เมื่อไพร์ดเพิ่งตัดผมสั้นดูดี ผิดกับญาติหนุ่มที่ยังคงเอกลักษณ์ผมยาวสยายเอาไว้ตามแบบฉบับแม่ของเขา

“ก็ถ้าไม่กดดันมันหน่อยก็มัวคิดอยู่แต่เรื่องเมื่อวันจันทร์ นี่ก็วันพุธแล้วยังจะเครียดอีก” ไพร์ดพูดทั้งที่เป็นห่วง เขาไม่ค่อยคิดมากเรื่องสอบ เพราะเขาเล่นได้ดีแล้วเข้าถึงอารมณ์ผู้ฟัง

ถึงแม้ว่าอิคารัสจะจำเนื้อที่เล่นได้ไม่ดีนัก แต่เพราะเขาเล่นด้วยหัวใจ จึงเปล่งประกายความไพเราะออกมาได้มาก และด้วยความตื่นเต้น ตัวเขาเองจึงไม่ได้สังเกตว่ากรรมการพอใจกับการเล่นของเขาแค่ไหน ขณะที่ไพร์ดมักติดนิสัยใส่ใจสิ่งต่างๆ รอบข้างมาก ตามนิสัยที่ถูกปลูกฝังมาจากพ่อแม่

ด้านมิคาเอลนั้นมีส่วนที่คล้ายพ่ออยู่เช่นกัน เขามักอยู่ในโลกส่วนตัวเวลาเล่นดนตรีหรือแต่งเพลงเสมอ ซึ่งก็คงไม่แปลก เพราะเป็นสิ่งที่แม่เขาเองก็มี เพียงแต่พายนั้นเคยอยู่ในสถานที่ที่อันตรายมีอยู่ตลอดเวลา จึงตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์อยู่เสมอ

เสียงเรียกที่กำลังสั่นอยู่ในกระเป๋าไพร์ด กำลังเรียกความสนใจจากเขา เมื่อเขาเปิดดูก็รู้ว่าเฮเลนโทรมาหาอิคารัสพี่ชาย จึงกดรับ “อะไร อิซซี่”

“อิกกี้ไม่อยู่เหรอคะ” เฮเลนถามด้วยความสงสัย ก่อนได้ยินเสียงแข่งรถดังลั่นจากโทรศัพท์

“ไม่ได้ยินเลยเดี๋ยวนะ” ไพร์ดเดินกลับเข้าไปยังห้องพักที่กันเสียงจากภายนอก ก่อนถาม “มีอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวให้อิกกี้โทรกลับได้ไหม”

“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ หนูไม่รู้จะทำอะไรดี แจ็คกี้อ่านหนังสืออยู่ก็เลยโทรมาคุยกับอิกกี้ ก็เห็นอิกกี้เครียดตลอดคืน หนูเป็นห่วงค่ะ” เฮเลนบอกปลายสายและรู้สึกห่วงพี่ชายจริงจัง

“อ๋อ ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงก็พออยู่ได้ละนะ ตอนนี้ลงไปสนามแข่งแล้วล่ะ” ไพร์ดบอกกับน้องสาวเพื่อน หากก็ต้องประหลาดใจ เมื่อมีคนอื่นเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของทีมเขา

“อิคารัสเจออุบัติเหตุ” ช่างเครื่องเข้ามาบอก ก่อนรีบออกไปจากห้อง

“แค่นี้ก่อนนะ อิซซี่ เดี๋ยวพี่โทรกลับ” ไพร์ดรีบบอกปัด เพราะตอนแรกปิดไมค์เอาไว้ ทำให้เฮเลนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อเฮเลนวางสาย เขาก็เอามือถือใส่ไว้ในกระเป๋า ก่อนจะออกไปดูเพื่อน เห็นมิคาเอลหิ้วปีกเพื่อนมาก็ค่อยโล่งอก เพราะคงไม่เป็นไรมาก ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว

“บอกแล้วว่าอย่าใจลอย เป็นไงล่ะ” ไพร์ดส่ายหน้าช้าๆ เขาตำหนิเพราะเป็นห่วงเพื่อน

“ใจลอยก็ดีดิ คนใจลอยน่ะไม่ใช่ฉันหรอก ไม่งั้นฉันคงต้องขึ้นคอนเสิร์ตทั้งๆ ใส่เฝือกล่ะ บ้าชะมัด ไอ้เบอร์สามสิบเก้าสิ เครื่องขัดข้องยังบิดอยู่ได้ ตัดหน้าฉันเกือบแย่” อิคารัสลืมเรื่องการสอบแล้วโมโหเรื่องอื่นแทน

“เป็นอะไรมากไหมน่ะ” ไพร์ดโล่งใจที่เพื่อนยังเล้งได้ แปลว่าคงดี

“ไปตรวจหน่อยดีกว่า แต่เท่าที่เห็น มันกระโดดจากรถแล้วลงที่กองฟางพอดี แต่ตอนตกลงจากกองฟาง ขาไปกระแทกกับพื้นหน่อย ถลอกเล็กน้อย” มิคาเอลเล่าตามเหตุการณ์ที่เห็น

“ให้ตายเถอะ ดีที่เรียนฟิสิกส์มาหน่อย ไม่งั้นลงไม่ถูกเลย” อิคารัสบ่นๆ เพราะอาจารย์พิเศษบังคับเรียนวิชาที่ไม่สนใจด้วย

“โธ่ ทำคุย ไม่ต้องเรียนฟิสิกส์คนที่ไหนก็รู้ว่าต้องลงบนกองฟาง” มิคาเอลขยี้ผมสีแดงเข้มของเพื่อนอย่างแรง ด้วยความหมั่นไส้

หากทั้งหมดเป็นเพราะพายเป็นห่วงกลัวเด็กๆ ที่ทำท่าจะตามรอยเธอต้องไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการบาดเจ็บหลายครั้งอย่างเธอมากกว่า จึงบังคับให้ทั้งหมดต้องเรียนและทำแบบฝึกหัดจากครูพิเศษ

ไพร์ดกับมิคาเอลหัวเราะแข่งเสียงคน เพราะต่างก็รู้ดีว่า อิคารัสชอบบ่นเรื่องอ่อนเลขและฟิสิกส์ของตนเองแค่ไหน โชคดีที่ครูพิเศษเป็นคนเก่ง ยิ่งสอนตัวต่อตัวแล้วด้วย ก็ยิ่งต้องหาวิธีจัดการพวกเขาทั้งสามคนจนได้

****************************************


พายมองหนังสือสมุดภาพเล่มเก่าๆ ที่มีอยู่เกือบยี่สิบเล่มอย่างงงๆ ก่อนจะโทรหารุ่นน้อง “แกส่งมาทำไมเยอะแยะ พี่สั่งเมื่อไร”

นอร์ธงงกับคำถาม ก่อนนึกขึ้นได้ว่าส่งอะไรไป แล้วตอบ “ก็มิคบอกให้ผมส่งไปให้น่ะครับ บอกว่าจะใช้ ผมก็ไม่ทันได้ถามครับพี่ อ๋อ แล้วเฮเลนละครับ เป็นไงบ้าง”

“มิค เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้นี่ เออ ก็ดีนะ แจ็คพาไปเที่ยวโรมอีกสองสามวันคงกลับ กลับมาจากเวียนนาก็ต้องมาเวียนหัวอีกวุย” พายมองๆ แล้วก็รู้ว่าถ้ารวมกับสิบเล่มคราวก่อน ก็ครบทั้งหมดที่เธอเคยออกฉบับรวมเล่มแน่ๆ

“ไม่หรอกฮะ ผมล่ะสบายใจจริงๆ ตอนนี้กำลังหวานกับปารีสอีกรอบ ในที่สุดก็มีเวลาส่วนตัวกันเยอะๆ ซะที” นอร์ธบอกอย่างอารมณ์ดี เมื่อไม่มีลูกคอยอยู่กวนใจ

“เป็นพ่อประสาอะไรวะ ไม่ห่วงลูกสักคน” พายพูดอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหัวเราะกับคำพูดรุ่นน้อง

“โหย ว่าน้อง ตัวเองล่ะ ไม่เห็นจะห่วงเลย กลับมาเรื่องผม ก็อยู่กับลูกๆ พี่ทั้งนั้น มีบอดี้การ์ดอีกตั้งหลายคน ผมก็สบายใจอย่างแรงแล้ว” นอร์ธให้เหตุผลที่เขาคิดว่าเข้าท่าที่สุด

“นั่นไง ฝากลูกให้ลูกคนอื่นเลี้ยง” พายหัวเราะขบขันกับความสบายใจของรุ่นน้อง

“แหม ลูกคนอื่นที่ไหน ก็ลูกพี่สาวผมนี่ อ่าพี่ ผมขอลางานไปฮันนีมูนรอบสองสักสองอาทิตย์นะฮะ ยังไงถ้าพี่ว่างเข้ามาที่นี่หน่อยนะฮะ แต่ก็มีผู้ช่วยของปารีสคอยดูแลตารางเวลาของตากล้องอื่นๆ อยู่ฮะ พี่รู้ไหมว่าเรามีตากล้องตั้งเจ็ดคนแล้วนะ” นอร์ธพยายามให้ข้อมูลรุ่นพี่

“ไม่รู้สิ ไม่งั้นจะจ้างผู้ช่วยไว้ให้ปารีสทำไม ไปเถอะ ไม่มีหักเงินเดือนหรอกน่า แถมปลายปียังแจกโบนัสอีก นายจ้างดีๆ แบบนี้หาที่ไหนได้อีกหว่า” พายพูดแล้วก็ขำราวกับนายจ้างที่พูดถึงไม่ใช่ตัวเอง

“เง้อ แหม พี่สาวก็นะ ผมน่ะ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนะ พอมีพอกินเท่านั้น เศรษฐกิจแบบนี้ ขนาดเงินปันผลของพอลยังไม่มากเลย” นอร์ธรู้ว่าเงินลดลง แต่เขาก็ไม่ลำบากนัก

“เออ รู้แล้ว พี่ก็มีนโยบายเลี้ยงคนอยู่แล้วล่ะ สงสารเอาบุญ งานมีก็แจกให้ ดีที่เป็นยุคโฆษณา เราถึงยังมีงานถ่ายภาพอยู่เรื่อยๆ เออ แจ็คให้ชุดที่ประมูลไปคราวก่อนน่ะ กับเฮเลนนะ เห็นว่าส่งไปให้ แล้วก็ช็อปปิ้งอะไรให้เฮเลนอีกหลายอย่าง เห็นเบนรายงานมาว่าส่งไปทางเรือ ยังไงรอรับด้วย” พายบอกเมื่อนึกขึ้นได้

“โห พี่ แม่ปารีสบ่นตาย เดี๋ยวต้องทำห้องอิกกี้ให้กลายเป็นห้องเก็บของของเฮเลนแล้ว” นอร์ธส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็ยิ้มที่ได้รับอะไรมากมายจากรุ่นพี่คนนี้

“คิดมากน่า หลานทั้งคนดูแลกันหน่อย ก็รู้อยู่ว่าเมืองนี้มันเมืองอะไร แล้วนี่ไปเที่ยวกันสองคน เอาเงินที่ไหนเที่ยว ค่าเทอมอิกกี้เท่าไรแล้ว” พายถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอกฮะ กันเงินเอาไว้แล้ว อีกอย่างอิกกี้ก็ใช้เงินตัวเองเรียน เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับ เจ้าสี่ล้อคู่ใจที่พี่ให้ก็ยังอยู่ แม้จะอายุมาก แต่ก็ยังพอมีราคาอยู่บ้างนะฮะ” นอร์ธไม่อยากรบกวนรุ่นพี่ที่ให้อะไรมากมายกับเขาและครอบครัว รวมทั้งช่วยดูแลลูกทั้งสองคนอย่างไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาก็ดีใจมากแล้ว

“เออ อย่าถึงกับขายรถคันนั้นเลย มันแดงได้ใจ ไว้ให้เฮเลนขับไปโรงเรียนก็ได้นี่ เท่ห์แน่ๆ” พายบอกรุ่นน้องหนุ่มแล้วหัวเราะกับเสียงโอดครวญที่ได้ยิน

“แม่ปารีสได้เอาตาย ขืนให้ขับ แต่พี่พูดขึ้นมาก็ต้องคิดบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่ปีก็ต้องสอบใบขับขี่แล้วนะ เฮ้อ ถึงเวลานั้นต้องหารถให้ลูกอีก” นอร์ธบ่นๆ อีกตามเคย

“คิดมากก็ยังไม่ต้องให้สอบเหมือนอิกกี้ไง ขี่เจ้าสองล้อไปก่อน” พายบอกอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนเห็นลูกชายเข้าห้องมา “แค่นี้ก่อนนะ จะคุยกับมิค”

มิคาเอลได้ยินชื่อตัวเองก็ขมวดคิ้วแล้วงงๆ ก่อนจะมองกองหนังสือที่เฮนริคเอามาวางไว้ในห้องให้แม่ ก็เข้าใจแล้วยิ้มแห้งๆ

“ลูกคิดว่าแม่จะเซ็นให้เหรอ” พายถามลูกชายแล้วส่ายหน้าช้าๆ

“แฮ่ๆ ก็หวังว่าแม่จะกรุณาครับ” มิคาเอลต้องยอมให้แล้วก็ยิ้มๆ

“ก็หวังต่อไป เพราะเยอะขนาดนี้แม่ไม่เซ็นให้หรอก เอานี่ก็คงพอ บอกเด็กของลูกด้วยก็แล้วกัน” พายหันไปหยิบภาพขนาดใหญ่หนึ่งภาพ จากเจ็ดใบที่ใส่กรอบแล้วถูกห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล

มิคาเอลขมวดคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะแกะห่อที่แม่ส่งให้แล้วดู เพราะเป็นภาพที่แม่เป็นคนถ่ายให้ตอนอยู่ที่นิวยอร์ค ก่อนจะยิ้มๆ “แม่เอาเวลาที่ไหนไปทำฮะ รูปสวยมากๆ”

“โธ่ แม่ก็ทำค้างไว้ แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ นี่เป็นรูปทั้งหมดที่แม่คัดไว้ใส่อัลบั้มไม้อย่างดีนะ เฮนริคจัดการให้ แค่นี้ก็พอ เซ็นไว้ให้ด้วย เผื่อทุกคนหมด จะเก็บจะโยนทิ้งยังไงก็ตามใจ แต่แม่ไม่แยกหรอกนะ ในอัลบั้มก็จะมีทั้งภาพเดียวภาพคู่ของทั้งเจ็ดคนนั่นแหละ แบ่งกันเอาเอง” พายบอกก่อนจะลุกเตรียมออกไปจากห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยของที่ยังไม่ได้รับคำสั่งว่าให้จัดการยังไง

“บอกเฮนริคด้วยว่าพวกลูกๆ จะเอายังไงกับของนะ อย่าให้เฮนริคต้องมาคอยถาม หัดเกรงใจเขาบ้าง” พายเตือนลูกชายอีกรอบก่อนเดินออกไปจากห้อง

“ครับๆ เดี๋ยวผมบอกคนอื่นๆ เอง” มิคาเอลพูดขณะเอามือถือออกมาเรียกเพื่อนอีกสองคนเข้ามา

ไพร์ดมองภาพเดียวที่ถูกฉีกออกแล้วก็มองของในห้อง กะง่ายๆ คิดว่าคงมีอย่างละเจ็ดชุดได้ “มีอะไรเหรอ”

“แม่สั่งให้ถามว่าจะเอายังไง พวกนายแบ่งกันไปคนละชุด นายด้วยอิกกี้กับเฮเลนก็คนละชุด ว่าไง” มิคาเอลถามเพื่อน แล้วก็มองภาพสวยๆ ที่แม่ตกแต่งออกมาราวกับภาพวาดได้อย่างสวยงาม เขานึกทึ่งในความสามารถที่ไม่ธรรมดาของแม่ แล้วเห็นบางอย่างในความสนใจของโจเซฟีน

“ของเฮเลนส่งกลับบ้านก็ได้นะ ส่วนของฉันนี่ เอาไว้ที่นี่ก่อน ยังคิดไม่ออกอ่ะนะ ไว้มีบ้านของตัวเองก็ค่อยว่ากัน” อิกกี้ตอบ ก่อนจะลงมือเปิดอัลบั้มไม้ดูภาพอย่างสนใจ “ป้าพายเนี่ยสุดยอดไปเลย”

“แน่ล่ะ แม่ฉันทั้งคน แล้วนายล่ะ จะให้ส่งไปเมืองไทยหรือเปล่า” มิคาเอลถามญาติเขาที่กำลังมองภาพถ่ายอย่างพิจารณา

“คงต้องอย่างนั้นล่ะ แม่คงดีใจได้เห็นหน้าฉันบ้าง คิดๆ แล้วอยากกลับเมืองไทยบ้างแต่ทัวร์คอนเสิร์ตนี่สิ เดือนหน้านี่วุ่นแน่ ตั้งสองเดือนเลยนะ จะได้มาตอนเปิดเทอมไหมก็ไม่แน่ใจ” ไพร์ดดูตารางงานละเอียดกว่าเพื่อนมากนัก เพราะเขามีหน้าที่คอยตามเพื่อนๆ ให้ทำงาน

“สองเดือน ดีเท่าไรไม่ต้องไปทั้งหกเดือนปีนึง ดรอบเรียนกันยาว” มิคาเอลบ่นๆ อย่างไม่จริงจังนัก ทั้งที่เขาก็ไม่ค่อยเป็นเด็กเรียนเหมือนน้องสาวเท่าไร

“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย แต่ไซเฟอร์ดูตารางให้แล้ว ถ้ามัวแต่ทัวร์ไปทั่วก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ ดูอันที่สำคัญๆ เพราะถ้าเราออกงานเยอะ เราก็ไม่มีเวลาสร้างงานของเรานะ เพลงน่ะไม่แต่งแล้วเหรอ” ไพร์ดบอกเพื่อน แล้วนั่งลงดูภาพแต่ละภาพไปเรื่อยๆ

เสียงถอนหายใจดังขึ้น เพราะอีกสองคนเริ่มเอียนกับเพลงแล้ว ด้วยถูกจับซ้อมเพลงมาเป็นเป็นเดือนๆ กับครูฝึกที่เข้มงวดอย่างกาเบรียล

****************************************


เมื่อหาเวลาว่างได้ เด็กหนุ่มก็นั่งลงหน้าคอม เพื่อตรวจเช็คเมล ก่อนจะเห็นจดหมายขอบคุณของโจเซฟีน เมื่อได้รับของที่เขาส่งไปให้พร้อมกับเจนีน ที่ถามถึงงานคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นของเขา

เขาอ่านเลยผ่าน ก่อนเห็นแสงไฟจากโปรแกรมแชทกระพริบขึ้น เขาส่ายหน้าแล้วคิดว่าไม่อยากคุย หากมันกระพริบถี่ จนเขาต้องดู

เป็นจุดสามจุดราวยี่สิบบรรทัดได้ เขาเห็นเป็นโจเซฟีนก็ส่ายหน้าก่อนจะถาม

“มีอะไร โจ”

“อยู่เหรอ โล่งใจจัง”

“อยู่สิ ถ้าไม่อยู่จะออนเหรอ”

“ขอบคุณค่ะ หนังสือรวมภาพที่ให้มาเป็นของที่มีค่าสำหรับหนูมากๆ นะคะ” โจเซฟีนแสดงความซาบซึ้งให้กับเพื่อนหนุ่มต่างวัยอย่างจริงใจ

“ไม่เป็นไรหรอก ดีใจที่มีคนชอบแม่พี่มากก็เท่านั้นล่ะ” มิคาเอลบอกตามจริง ก่อนจะหันไปสนใจผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาทัก

“หนูจะทยอยคืนเงินค่าหนังสือให้นะคะ” โจเซฟีนทิ้งข้อความเอาไว้ เมื่อเห็นเขาเงียบไปนาน ก่อนจะคุยกับเพื่อนที่กำลังเดินทางตามแจ็คลีนไปมากกว่า

มิคาเอลคุยกับผู้หญิงอีกคนจนพอใจ ก่อนจะมองแสงกระพริบที่เข้ามาเรื่อยๆ แล้วคุยต่อ คนไหนไม่รู้จักเขาก็ปิดทิ้งจนกระทั่งกลับมายังหน้าของโจเซฟีน ก็ต้องรีบตอบ

“ไม่ต้องๆ ไม่เสียเงินอะไร เอาไปเถอะ” มิคาเอลบอกออกไปแล้วก็ประหลาดใจ เพราะมีเพียงประโยคเดียว ทั้งที่ปกติเด็กช่างคุย “เป็นเด็กเป็นเล็กคุยเก่งนะเนี่ย ยังออนอยู่เลย”

โจเซฟีนคุยกับเพื่อนยังไม่เสร็จ ได้ยินเสียงข้อความเข้าก็เข้ามาดู อ่านเสร็จก็ขมวดคิ้วอย่างงอนๆ “คุยกับอิซซี่อยู่ค่ะ แล้วใครเป็นเด็กเป็นเล็กคะ พี่นั่นล่ะ หนูทิ้งข้อความไปตั้งชั่วโมงกว่าแล้วเพิ่งจะมาตอบหนู ลาล่ะค่ะ”

มิคาเอลเป็นงงที่อยู่ดีๆ เด็กหญิงก็งอนเขา จึงตอบกลับไป “เป็นอะไรน่ะ”

หากโจเซฟีนล็อคออฟไปแล้ว ยิ่งทำให้เขาเป็นงงหนัก ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เขาจึงส่ายหน้าแล้วบอกกับคนนอกห้อง “เข้ามาได้”

พอเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นปิแอร์เดินเข้ามาจึงถาม “มีอะไรเหรอครับ ปิแอร์”

“คุณไพร์ดส่งตารางงานมาให้ครับ เห็นว่าเย็นนี้ไม่กลับนะครับ” ปิแอร์พูดพร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจัดโต๊ะให้เรียบร้อย

มิคาเอลพลิกดูผ่านๆ ก็พอรู้ว่าคงไม่มีเวลาว่างทำอะไรมากกว่ากินข้าวบนรถ นอนในโรงแรม แล้วก็แสดงคอนเสิร์ต ตามด้วยซ้อมที่เวทีต่างๆ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นด้านข้าง มิคาเอลก็หยิบขึ้นมาแล้วฟังปลายสาย

“ทำไมมิคกี้ไปว่าโจละคะ รู้ไหมว่าทำให้โจเสียใจ” เฮเลนถามปลายสายด้วยน้ำเสียงปกติปนสงสัยนิดๆ

“อะไร ทำไมต้องเสียใจล่ะ พี่งงนะ” มิคาเอลบอกไปตามตรง

“ก็ไปว่าโจเป็นเด็กเป็นเล็ก แล้วก็ยังว่าเหมือนรำคาญที่โจคุยด้วย รู้ไหมคะ ว่าโจบอกหนูว่าจะไม่คุยกับพี่อีกแล้ว” เฮเลนพูดภาษาไทยกับพี่ชายต่างสายเลือดได้อย่างสนิทสนมกลมกลืน

“ก็เป็นเด็กเป็นเล็ก น่ารักจะตาย ไม่ได้รำคาญ ทำไมชอบคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เนี่ย อิซซี่ก็อย่าเอาอย่างล่ะ ยิ่งคิดมากอยู่ เดี๋ยวก็อยากโตขึ้นมาอีกหรอก” มิคาเอลตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะไม่เห็นเป็นเรื่องอะไรสักนิด

“ทำไมมิคกี้ว่าหนูล่ะ โจน่ะเขาเสียใจจริงๆ นะคะ บอกกับหนูแค่นี้ก็ออฟไลน์ไปเลย อีกอย่างถึงหนูจะไม่โตเท่าพี่ แต่หนูก็ไม่ใช่เด็กเล็กแล้วนะคะ อีกไม่นานหนูก็เป็นวัยรุ่นเหมือนกับพี่ๆ ถ้าหนูกับโจน่ารำคาญมาก หนูไม่โทรมารบกวนแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ” เฮเลนกดตัดสายในทันที ยิ่งทำให้มิคาเอลปวดหัวหนักเข้าไปใหญ่

ถึงแม้จะอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่เขายังไม่คิดว่าจะเดินไปห้องสาวๆ ในคืนนี้ให้ปวดหัว และเขายังไม่มีอารมณ์ตอบปัญหาของน้องสาวในเวลานี้

****************************************

>,< มาเกือบวินาทีสุดท้ายค่ะ
มัวเขียนแจ็คลีน กับตัดสินใจเรื่องนิยายเรื่องใหม่
แล้วก็เรื่องจะเปิดให้สั่งจองหนังสือที่ไม่ได้ตีพิมพ์ผ่าน สนพ
มีเรื่องในครอบครัวให้ต้องคิดอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันมาโดยตลอดนะคะ

คุณ kaeka --- sheยังมิลืม แม้จอมหลอกล่อของเราจะพยายามหลบหลีกก็ตามค่ะ อิอิ

คุณ ตุ๊งแช่ --- อ่ะ "มิคคู่กับโจ หรือป่าวค่ะ" คำถามนี้ขออุ๊บอิ๊บ อิอิ

คุณ หนอนฮับ --- มิคหวงน้องค่ะ อิอิ น้องสาวทั้งคนเนอะ

คุณ maplezaa --- ฮ่าๆ ของที่ไม่ได้ มันก็ยังอยากได้อยู่นั่นแหละค่ะ อิอิ

คุณ XaWarZd --- สามารถอ่านได้ในเด็กดีค่ะ กระทู้เรื่อง "แว่วเสียงเพลงผ่านเลนส์รัก" ในหนังสือก็เรื่อง "พาย" ค่ะ

คุณ anOO --- >,< จัดให้แล้วนะคะ

คุณ tuktuk --- รักแล้วยังไม่ได้มากกว่าค่ะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2554, 21:06:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2554, 21:06:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1883





<< LRock ตอนที่ 4 (ครึ่งหลัง)   LRock ตอนที่ 6 >>
kaeka 9 ส.ค. 2554, 21:38:58 น.
555 เด็กๆนี่กำลังจะโต กำลังจะหนุ่ม วุ่นวายกันพิลึก
แต่นอร์ธก็ยังหวานกับเมียไม่เปลี่ยน พอๆกับพายเลย ^^


หนอนฮับ 9 ส.ค. 2554, 21:47:04 น.
สู้ๆ คะ


maplezaa 9 ส.ค. 2554, 22:07:10 น.
มิคเอ๊ยยย อารมณ์ผู้หญิง ต้องเข้าใจน้องน่ะ


XaWarZd 9 ส.ค. 2554, 23:22:14 น.
โตๆกันแล้วเนอะ ยาวได้ใจ คราวหน้าขอยาวๆ อีกนะ


ตุ๊งแช่ 10 ส.ค. 2554, 06:30:03 น.
แสดงว่าเดาถูกทาง พายกับลอเลตต้า รุ่นแม่กิ๊กกัน ไหงรุ่นลูกเขม่นกันซะงั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account