โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๒

สายรุ้งกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ หล่อนมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้เพราะจู่ๆ รถของพนมกรก็ใช้งานได้ ไม่ได้มีอาการร่อแร่แบบเมื่อคืนนี้

‘สงสัยเครื่องมันรวน’ พนมกรว่าพลางส่ายหน้าอย่างระอา ‘เดี๋ยวดีเดี๋ยวเสียมาสองสามครั้งแล้ว พี่คงต้องส่งเข้าศูนย์เช็กครั้งใหญ่แล้วละ’

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ ไม่ได้โมโหโทโสอะไรมากมาย เขารีบพาหล่อนกลับบ้านโดยไม่ได้แวะที่ไหนอีก ระหว่างทางมือใหญ่กุมมือเล็กไว้แทบตลอดเวลา

ครั้นมาถึงที่หมาย ก่อนจากกัน เขายังรั้งตัวหล่อนเข้าไปกอด จูบหนักๆ บนขมับและพวงแก้มของหล่อน

“ชื่นใจจริง”

เขาประคองใบหน้าหล่อนด้วยสองมือ ส่งยิ้มผ่านริมฝีปากและดวงตาอันทรงเสน่ห์

“พี่ต้องรีบเข้าบริษัท ไว้เจอกันเย็นนี้นะรุ้ง”

พูดจบก็ประทับจุมพิตบนเรียวปากของหล่อน คราแรกเพียงแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อ แต่เพราะอะไรก็ยากจะคาดเดาเมื่อจู่ๆ เขาก็บดเบียดหนักหน่วง เคล้าคลึงอย่างหลงใหล และละเลียดชิมอย่างเพลิดเพลิน...ยังดีที่เขาจูบหล่อนเพียงครู่เดียว เพราะหากนานกว่านี้หล่อนคงแทบขาดใจตายเป็นแน่

“อย่าลืมคิดถึงพี่นะคะ”

สายรุ้งหน้าแดงปลั่ง ดวงตาหลุบต่ำซ่อนความขวยเขิน

“ขึ้นห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะนะ ถ้ารู้สึกว่าไม่สบายก็กินยาเลยนะรุ้ง พี่เป็นห่วง”

“ขอบคุณค่ะ” หล่อนพึมพำก่อนก้าวลงจากรถ “พี่กรก็เหมือนกันนะคะ ดูแลตัวเองด้วย”

จากนั้นหล่อนก็โบกมือลาเขา ยืนรอจนรถคันนั้นลับสายตาจึงก้าวเข้าไปในบ้าน

คนแรกที่หล่อนได้พบหน้าคือป้าพิศ ผู้ซึ่งกวาดตามองทั่วทั้งเนื้อตัวของหล่อนอย่างเป็นห่วง

“คุณรุ้งหายไปไหนมาคะ ป้าเป็นห่วงแทบแย่ โทร.หาก็ติดต่อไม่ได้เลย โทร.หาคุณฝนก็โทร.ไม่ติด”

“พอดีมีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยน่ะค่ะ” หล่อนเดินลากเท้าขึ้นบันได มือข้างหนึ่งนวดท้ายทอยด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “รถพี่กรเสียก็เลยต้องค้างคืนที่นู่น ตอนแรกรุ้งคิดจะโทร.หาน้าพันเหมือนกัน แต่แบตโทรศัพท์ของรุ้งหมดเสียก่อน จริงๆ จะใช้โทรศัพท์ของโรงแรมโทร.ก็ได้ แต่ว่าตอนนั้นดึกมากแล้วฝนก็ตกหนักด้วย รุ้งเกรงใจไม่อยากให้น้าพันลำบาก กลัวว่าแกจะเกิดอุบัติเหตุด้วยก็เลยตัดสินใจพักโรงแรมที่นู่นคืนหนึ่ง”

หล่อนไม่ลงรายละเอียดว่าโรงแรมแห่งนั้นเหลือห้องอยู่เพียงห้องเดียว

“แล้วนี่น้าพ้นไปไหนคะ ไม่เห็นหน้าเลย”

“รถเฉี่ยวค่ะคุณรุ้ง ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล”

“ตายจริง!” หญิงสาวหันขวับไปมองผู้เดินตาม ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“ไม่มากหรอกค่ะ แค่ข้อเท้าแพลง แขนเคล็ด แล้วก็มีแผลถลอกนิดหน่อย นี่ดีนะคะที่เป็นมอเตอร์ไซค์ ถ้าเป็นรถยนต์คงเจ็บหนักกว่านี้”

“แล้วทำไมรถถึงเฉี่ยวได้ล่ะคะ”

“คงเมาน่ะค่ะ แล้วดันไปเดินข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเลย หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ เลยค่ะ”

เดินมาถึงห้องพอดี ป้าพิศเปิดประตู ก้าวเท้าเข้าไปก่อน ปรี่ไปจัดเตียงให้กับคุณหนูของตน

“คุณรุ้งท่าทางเหนื่อยมาก นอนพักก่อนดีกว่าค่ะ”

“เอ...จะดีหรือคะ รุ้งว่ารุ้งไปเยี่ยมน้าพันก่อนดีกว่า”

“โฮ้ย...ไม่ต้องหรอกค่ะคุณรุ้ง มันไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกสองสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ป้าว่าคุณรุ้งพักผ่อนเถอะ นอนซักตื่นแล้วค่อยโทร.ถามอาการก็ได้นี่คะ”

สายรุ้งพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะตอนนี้ดวงตาของหล่อนหรี่ปรือจนแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว

“นอนสักตื่นก็ดีเหมือนกันค่ะ ขอบคุณป้าพิศมากนะคะที่เป็นห่วง”

“งั้นป้าไม่รบกวนแล้วนะคะ”

คล้อยหลังป้าพิศ สายรุ้งก็รีบชร์ตแบตโทรศัพท์ กดหมายเลขบริษัทเพื่อขอโทษที่ไม่ได้ไปทำงานและขอลางานหนึ่งวัน จากนั้นจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว


หกนาฬิกา บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ส์ 4 คอนเวอร์ติเบิลสีขาวแล่นผ่านประตูใหญ่มาจอดเทียบหน้าตึก พนมกรก้าวลงจากรถ ถอดเสื้อสูทสีดำพาดไว้กับเบาะรองศีรษะ ดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกง พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่สอง จากนั้นจึงโน้มตัวหอบกุหลาบแดงช่อใหญ่ออกมา กอดไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างหนึ่งควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อสูท เมื่อพบแล้วจึงหย่อนมันลงในกระเป๋ากางเกง

เวลานั้นเด็กรับใช้ผู้หนึ่งเดินออกมาต้อนรับ พนมกรรีบถาม

“คุณรุ้งอยู่ที่ไหน”

“ทำอาหารอยู่ในครัวค่ะ”

พนมกรคลี่ยิ้ม...รอยยิ้มบางๆ ที่แสดงถึงความพึงพอใจ และอาจจะมีความสุขใจเล็กๆ ซ่อนอยู่แบบที่ตัวเองคงไม่รู้

เขารู้ว่าวันนี้สายรุ้งเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้เขา หล่อนโทร.มาบอกด้วยน้ำเสียงคาดหวังเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้

‘รีบมานะคะพี่กร รุ้งจะทำอาหารรอ’

น่าจะลืมตัวโพล่งออกมา เขาจึงได้ยินเสียงอุทานจากหล่อน

‘ว้า...แย่จัง คิดว่าจะเซอร์ไพรส์พี่กรซะหน่อย ดันเผลอพูดออกไปจนได้’

เขาหัวเราะแผ่ว กึ่งขบขันกึ่งเอ็นดู

‘ไม่เห็นเป็นไรนี่ พี่ก็ยังเซอร์ไพรส์อยู่นะเพราะพี่ยังไม่รู้เลยว่ารุ้งจะทำอะไรให้พี่กิน’

ได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงของหล่อนจึงแช่มชื่นขึ้น สายรุ้งก็เป็นแบบนี้ ดีใจง่าย เสียใจง่าย ตรงไปตรงมา ไม่คิดอะไรซับซ้อน หัวใจของหล่อนบริสุทธิ์จึงถูกชักจูงและล่อลวงได้ง่าย

‘ออกจากบริษัทแล้วพี่จะรีบไปหา คิดถึงรุ้งทั้งวัน อยากเจอ’

หยอดคำหวานสักนิด หัวใจหล่อนก็พร้อมจะเพริดไปกับเขาอย่างง่ายดาย

พนมกรคิดด้วยความลำพองใจ อำนาจที่มีอยู่ในมือต่อสาวหัวอ่อนอย่างหล่อนทำให้เขาฮึกเหิมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ชายหนุ่มก้าวฉับๆ เข้าไปด้านใน ตรงรี่ไปยังห้องครัวซึ่งอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน ประตูสีขาวเปิดกว้าง ให้เขาได้เห็นร่างแบบบางง่วนอยู่หน้าเตา หล่อนสวมชุดลำลอง เสื้อยืด กางเกงขาสั้นเหนือเข่าสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีชมพู ผมที่เคยปล่อยยาวสยายถูกรวบเป็นมวยกลางศีรษะเผยให้เห็นลำคอระหง ผิวอันนวลเนียนทำให้เขานึกถึงรสชาติและกลิ่นกายของหล่อน...กลิ่นหอมหวานละมุนราวกับดอกไม้

...เป็นกลิ่นที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จนป่านนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจางหาย

เป็นความแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ปกติ...เขาไม่เคย ‘ติด’ กลิ่นของใครง่ายๆ สาวๆ เหล่านั้นเพียงแค่ผ่านมาผ่านไป ไม่มีอะไรให้จดจำ แต่กับสายรุ้ง เขากลับรู้สึกต่างออกไป

ไม่เคยมีใครทำให้เขาครุ่นคิดคำนึงและถวิลหาเท่านี้มาก่อน...ใช่แค่กลิ่นกาย แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวของหล่อนทำให้เขาโหยหา

อาจเพราะหล่อน ‘พิเศษ’ เขาจึงปฏิบัติต่อหล่อน มีความรู้สึกต่อหล่อนไม่เหมือนคนอื่น

พนมกรเอนกายพิงขอบประตู มองหล่อนด้วยความเอื้อเอ็นดู ยามนี้สายรุ้งกำลังก้มๆ เงยๆ หมุนซ้ายหมุนขวา บ้างก็หันมาอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตรงกลาง ก่อนจะหันไปง่วนอยู่กับกระทะตรงหน้า

รอยยิ้มของเขาฉีกกว้างขึ้นเมื่อหล่อนหันมาเห็น

“พี่กร! มาแล้วหรือคะ” หล่อนยกหลังมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ในขณะที่พนมกรสาวเท้าเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ในมือให้

“สำหรับรุ้งจ้ะ”

สายรุ้งยิ้มแป้น อวดฟันเรียงเป็นระเบียบ ดวงตาของหล่อนราวกับดวงตาของเด็กยามได้รับของที่ถูกใจ

“ขอบคุณค่ะพี่กร” หญิงสาวรับมาไว้ในอ้อมกอดพลางทั้งผลักทั้งดันให้เขาออกไปรอข้างนอก “พี่กรนั่งรอก่อนนะคะ ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวรุ้งยกออกไปให้”

“ให้พี่ช่วยไหม”

“ไม่ค่ะ” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “รุ้งอยากทำเอง พี่กรไปนั่งรอเถอะ...นะคะ”

คำท้ายออดอ้อนเล็กน้อย พนมกรจึงไม่ดื้อดึง ยอมไปนั่งรอที่ห้องรับประทานอาหารแต่โดยดี



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ย. 2559, 19:18:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 2559, 19:18:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 966





<< บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๑   บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๓ >>
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 22:01:21 น.
สายรุ้งออกจะน่ารักนะพี่กร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account