โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๓

เมื่อพนมกรสาวเท้าเข้ามาภายในห้องรับประทานอาหาร ป้าพิศก็กำลังปักดอกเยอบีร่าสีส้มดอกสุดท้ายลงในแจกันซึ่งวางอยู่กลางโต๊ะอย่างพอดิบพอดี

“ป้าพิศอยู่นี่เอง” ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้ สองตาเหลือบแลมองหัวโต๊ะด้านหนึ่งจึงเห็นผ้ารองจานลายลูกไม้พร้อมกับช้อนส้อมและแก้วน้ำถูกนำมาวางเตรียมไว้แล้ว “ไม่เห็นอยู่กับรุ้ง ผมก็นึกว่าป้าออกไปข้างนอก”

“ป้าเข้ามาจัดโต๊ะให้น่ะค่ะ” หญิงสูงวัยว่าพลางส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร

รอยยิ้มเช่นนี้ แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจและการยอมรับ...ป้าพิศคงไม่เอะใจว่าการที่เขาเข้าหาสายรุ้งนั้นเป็นเพราะหวังผลบางอย่าง หาใช่เพราะความรัก

“คุณกรมาเร็วจังค่ะ ป้านึกว่าจะมาสักทุ่มเสียอีก”

“เสร็จงานเร็วน่ะครับ โชคดีที่รถไม่ติดด้วย...” เขาหย่อนกายลงบนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ เอนกายพิงพนักในท่วงท่าสบาย “แล้วรุ้งเข้าครัวตั้งแต่กี่โมงแล้วครับ”

คนถูกถามยิ้มกว้างกว่าเดิม มีรอยขบขันในแววตาขณะตอบ

“ตั้งแต่บ่ายสองแล้วค่ะคุณกร ดู...เอ...เขาเรียกว่าอะไรนะคะ ไอ้...ยูท้งยูทูปอะไรนั่นน่ะค่ะ เห็นว่ามีวิธีสอนอยู่ คุณรุ้งนั่งดูตั้งแต่บ่ายสองนู่นแหนะค่ะ กว่าจะเตรียมของกว่าจะลงมือทำก็เกือบสี่โมง ท่าทางตื่นเต้นมากเลยนะคะ”

“เอ...นินทาอะไรรุ้งอยู่หรือเปล่าคะ”

เมื่อสายรุ้งปรากฏกาย ทั้งสองก็หยุดการสนทนาเพียงแค่นั้น

“มีแค่สองอย่างนะคะ ไม่รู้ว่าพี่กรจะอิ่มหรือเปล่า”

หญิงสาววางถอดลงบนโต๊ะ แล้วยกจานสีขาวใบใหญ่ลงตรงหน้าพนมกร บนนั้นเป็นเส้นสปาเกตตี้ราดด้วยซอสครีมข้น เพิ่มสีสันด้วยเบคอนทอดกรอบชิ้นเล็ก เห็ดแชมปิญองสองสามชิ้น และโรยพริกไทยตบท้าย

“สปาเกตตี้คาโบนาร่าค่ะ” น้ำเสียงสดใสและภาคภูมิใจที่ “รุ้งทำสุดฝีมือเลยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากพี่กรหรือเปล่า”

เอ่ยพลางยกจานของตนวางลงบนผ้ารองจาน ก่อนเอี้ยวตัวไปรับอาหารอีกจานหนึ่งจากเด็กรับใช้ที่เดินตามเข้ามา

“อีกอย่างค่ะ...กุ้งอบชีส”

กุ้งตัวโตเรียงอยู่ในจานอย่างสวยงาม ด้านบนเป็นชีสสีครีมเหลือง ตกแต่งให้เพิ่มสีสันต้นหอมซอยและพริกไทย

“ลองชิมดูสิคะ”

หล่อนว่าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเหลือเพียงหล่อนกับพนมกรในห้องสองต่อสอง

“รุ้งเลือกแบบที่ทำง่ายๆ ที่สุดแล้วค่ะ อันไหนยากๆ รุ้งคงทำไม่ไหว กลัวพี่กรจะกินไม่ได้ด้วย”

เสียงของหล่อนกลืนหาย เมื่อจู่ๆ คนตัวโตก็เอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของหล่อนให้

สัมผัสอ่อนโยน อ้อยอิ่งเมื่อเขาเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง กดเบาๆ บนแอ่งชีพจรชวนให้ระลึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากร้อนจัดที่พร่างพรมลงบนนั้น

สายรุ้งหน้าแดงก่ำ สองตาหลุบต่ำหลบแววตาคู่คมของอีกฝ่าย

“ขอบคุณมากรุ้ง แต่จริงๆ ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ก็ได้”

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ สนุกดี”

ปลายนิ้วร้อนๆ เลื่อนออกห่าง ทำให้หล่อนหายใจหายคอคล่องขึ้นมาหน่อย หญิงสาวหยิบส้อมขึ้นมาจิ้มลงไปในจาน เตรียมจะตักสปาเกตตี้เข้าปาก พลันต้องชะงักเมื่อเขาถาม

“ดอกกุหลาบของพี่ล่ะ รุ้งทิ้งไปแล้วหรือ”

“โธ่...ใช่ที่ไหนเล่าคะ รุ้งให้ใส่แจกันแล้วเอาขึ้นไปไว้บนห้องแล้วต่างหาก”

“อ้อ...นึกว่าไม่ชอบเลยทิ้งไปซะแล้ว ถ้ารุ้งทิ้งละก็...” เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้หล่อน “พี่ลงโทษรุ้งแน่”

บทลงโทษที่ว่าโชนฉายออกมาจากดวงตาของเขาจนหมด

...รอยวับหวาน โหยหา ต้องการ และเร่าร้อน

แค่สายตาคู่นี้ หล่อนก็แทบหลอมละลาย ทั้งที่ไม่มีส่วนใดในตัวเขาแตะต้องหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว!

“กินกันเถอะค่ะพี่กร”

หล่อนข่มความขวยเขินและประหม่า มุ่งมั่นอยู่กับการรับประทาน

อาหารรสชาติเช่นไร ยากจะรับรู้ได้ เพราะที่หล่อนลิ้มรสตอนนี้คือรสชาติซ่านทรวงที่เขามอบให้เมื่อคืนนี้

“จะไม่ถามสักคำเลยหรือคะว่าพี่ชอบหรือเปล่า”

“คะ?”

“ก็อาหารที่รุ้งทำให้ไงคะ ไม่อยากรู้หรือคะว่าพี่ชอบหรือเปล่า”

คนถูกถามกะพริบตาปริบๆ ก่อนสลัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่านแล้วพยักหน้า

“อยากสิคะ พี่กรว่ายังไงล่ะคะ กินได้หรือเปล่า หรือรสชาติแย่จนกินไม่ลง”

“อร่อยค่ะ อร่อยที่สุดเท่าที่พี่เคยกินมาเลยละ”

คนตัวเล็กหัวเราะร่วน ส่ายหน้าไปมา

“อย่าอวยรุ้งเลยค่ะ ม่าถึงขั้นนั้นหรอก ฝีมือรุ้งออกจะธรรมดา พอกินได้ ไม่ถึงกับอร่อยที่สุดในโลกหรอก”

ท้ายประโยคค่อยๆ แผ่วลงๆ เมื่อพนมกรยื่นหน้าเข้ามาใกล้...ทีละนิดๆ จนปลายจมูกสัมผัสกัน

ก่อนที่หล่อนจะทันได้ผงะถอย หรือเบี่ยงศีรษะหลบ เขาก็ประทับจุมพิตลงบนปากหล่อน ปลายลิ้นเลียไล้ตรงมุมปากชวนให้หล่อนสะท้าน

เพียงอึดใจเขาก็ผละออก กระซิบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“กินเลอะเทอะเป็นเด็กเลยนะคะ”

คนขี้อายก้มหน้างุด สองมือที่วางบนตักบิดไปมา ชั่ววินาทีนั้น จู่ๆ คนตุสโตก็คว้ามือหล่อนหมับ แล้วอะไรบางอย่างที่เย็นเยียบก็ถูกสวมลงบนนิ้วของหล่อน

...นิ้วนางข้างซ้ายที่เขาว่ากันว่าเป็นที่ตั้งของเส้นเลือดแห่งความรัก...เส้นเลือดที่เชื่อมต่อไปยังหัวใจ

“แต่งงานกับพี่นะคะ”

หล่อนอุ่นวาบในอก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานหล่อนกับเขาจะแต่งงานกัน แต่เมื่อจู่ๆ เขามาขอหล่อนแต่งงานอย่างไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ หล่อนก็อดรู้สึกปลาบปลื้มและเป็นสุขไม่ได้

ความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกขอแต่งงานเป็นเช่นนี้สินะ

...เสมือนเท้าลอยไม่ติดพื้น หัวใจก็คล้ายจะพองฟูเป็นลูกโป่งพร้อมจะปลิดปลิวสู่มือของคนพูด

“พี่รักรุ้ง”

คำหวานของเขาจารลงในใจหล่อนอย่างง่ายดายมานานแล้ว คำว่ารัก...เขาบอกเป็นร้อยครั้ง หล่อนเองก็เชื่อหมดใจ ยิ่งเมื่อหล่อนตกเป็นของเขาเสียแล้ว ใจหล่อนก็ยิ่งถูกเขาครอบครอง...เขายึดพื้นที่ในหัวใจของหล่อนไปจนหมด ไม่เหลือเผื่อแผ่ให้ใครอื่นแม้แต่คนเดียว!

“พี่กร...”

หล่อนไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะเสียงโทรศัพท์กรีดร้องขัดจังหวะเสียก่อน

สายรุ้งล้วงหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง รีบกดรับโดยไม่ทันได้มองหน้าจอ

“คุณพ่อหรือคะ!”

หล่อนอุทานด้วยไม่คิดว่าบิดาจะโทร.มาหาทั้งๆ ที่ท่านยังอยู่ที่ญี่ปุ่น

“มีเรื่องอะ...”

ยังไม่ทันได้ถาม คำพูดกลับกลืนหายลงไปในลำคอ พร้อมกับใบหน้าที่เผือดลงจนแทบไร่สีเลือด

“ค่ะ”

คำสุดท้ายก่อนเลิกสายเบาจนแทบไม่ได้ยิน และเมื่อหล่อนเงยหน้ามองคนตรงหน้า แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก น้ำตาเอ่อคลอและเสียงสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อหล่อนเอ่ย

“มีคนส่งรูปไปให้คุณพ่อดู”

“รูป? รูปอะไรคะ?”

“รูปของเราค่ะพี่กร รูป...ทะ...ที่โรงแรมค่ะ”








ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2559, 10:18:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2559, 10:18:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1002





<< บทที่ ๙ - รอยรัก คำหวาน จารใจ ๒   บทที่ ๑๐ - แผนการขั้นสุดท้าย ๑ >>
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 22:05:02 น.
พี่กรนั่นละส่ง
ถ้ารุ้งรู้ความจริงนางคงเสียใจมาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account