คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 5 [2]


..........หลังจากพากันไปส่งโรงพยาบาลแล้ว

“โชคดีที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แขนไม่หักแค่เคล็ดและเย็บแผลนิดหน่อย พี่กรคงเสียเงินค่ารักษาฉันไปเยอะเลยล่ะสิ เอาไว้ถ้าฉันหางานทำได้เมื่อไหร่ ฉันจะเอาเงินมาคืนพี่นะจ๊ะ” มะเฟืองพูดอย่างเกรงใจแฟนของตน

“ไม่ต้องเอาเงินมาคืนพี่หรอก พี่ยังไม่ทันได้เงินเดือน คุณหนึ่งเขาออกเงินค่ารักษาให้ก่อน พี่ตั้งใจว่าพี่จะเป็นคนจ่ายคืนให้คุณหนึ่งเขาเองตอนเงินเดือนออก”

“ขอบคุณมากนะคะคุณหนึ่ง ถ้าไม่ได้คุณฉันคงต้องทนเจ็บอยู่อย่างนั้น รักษาตัวเองไปตามมีตามเกิด”

“ไม่เป็นอะไรมากนะดีแล้วล่ะ เรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องคืนฉันหรอก ถือว่าช่วยเหลือกันในยามตกทุกข์ได้ยาก ท่าทางพี่กรเขารักและเป็นห่วงมะเฟืองมากนะ” หญิงสาวพูดไปตามที่เห็น

“ฉันมีแต่พี่กรมาตลอดที่เป็นที่พึ่งยามยาก เขาดีกับฉันเสมอ ฉันสิยังไม่มีอะไรจะตอบแทนพี่เขาได้เลย เพราะยากจนเข็ญใจ”



..........เพชรน้ำหนึ่งขอให้ภาสกรพามะเฟืองไปส่งถึงที่บ้านและปล่อยให้อยู่ดูแลกัน แล้วแยกจากกันตรงนั้น คนที่มานั่งขับรถแทนคือยุติ

“นึกไม่ถึงนะเห็นหนึ่งท่าทางเฉยไม่สนใจใคร นึกว่าจะคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยเหลือเมื่อเจอคนอื่นเขากำลังลำบาก”

“ถ้าเป็นพี่ยุติหนึ่งเชื่อว่าพี่ยุติต้องช่วยเหลือเขาแน่ เพราะพี่ยุติเป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นเสมอ เห็นท่าทางเขาสองคนแล้ว ดูจะรักใคร่ห่วงใยดูแลกันและกันอย่างดีเลยนะ ถึงเป็นคนจนแต่รักกันจริง”

“อิจฉาเขาล่ะสิ หรือว่าแอบปลื้มคนขับรถรูปหล่ออยู่” ยุติพูดเย้าหยอก แต่อีกฝ่ายขมวดคิ้วชักสีหน้าหงุดหงิด “เป็นอะไรไปอีกล่ะ เงียบไม่พูดไม่จาอีกละ”

“หงุดหงิดง่วงนอน เลยเวลานอนมานานแล้ว”

“นั่นสินะพี่เองง่วงเหมือนกัน งั้นคุยกันไปเรื่อยเปื่อยเผลอคงถึงบ้านพอดี”

“ไม่อยากคุย” เพชรน้ำหนึ่งน้ำเสียงพูดราบเรียบ ปล่อยสายตาเหม่อลอยไปไกล แล้วถอนหายใจเบาลง “ไม่อยากเจอใคร ทั้งที่มีผู้คนอยู่มากมายกลับรู้สึกเหงา...”

ยุติเพียงชำเลืองมองเหมือนจะเข้าใจในความรู้สึกนั้น ขับรถต่อไปโดยไม่ชวนคุยอะไรอีก



..........ตอนเย็นในห้องครัว บ้านอมตนครา

“ลูกชายน้าทั้งสองคนนิสัยพอกันเลย ถ้าเป็นเรื่องกินล่ะเรื่องมาก แล้วแถมเลือกมากด้วย ขนาดจะหาแฟนยังจ้องหาแต่ผู้หญิงที่ทำอาหารอร่อย ท่าทางจะหาแฟนยากทั้งที่มีผู้หญิงมาชอบเยอะยังไม่มีแฟน ไม่เคยพามาให้แม่ดูตัวสักที แต่แบบหนูหนึ่งนี่ตอนยังเด็กน้าอยากได้มาเป็นลูกสาว แต่ตอนโตอย่างนี้น้าอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้จัง หนูชอบคนไหนเลือกได้เลย ทั้งคนพี่หรือคนน้องน้ายกให้” คุณเพ็ญพิศคอยพูดโน้มน้าวเพชรน้ำหนึ่ง เอาใจลุ้นช่วยลูกชายตนเอง

“หนึ่งไม่ได้คิดอะไรกับทั้งสองคนนะคะน้าเพ็ญพิศ หนึ่งนับถือพี่ยุติเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ส่วนลิตเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็ก” เธอบอกตามตรง “ว้าย!” แล้วอุทานตกใจที่จู่ ๆ ผนังห้องด้านหลังตู้เย็นใหญ่เลื่อนออกพร้อมกับลิลิตเดินออกมา

“อ้าวหนึ่ง... ไม่ต้องตกใจ ข้างในนี่เป็นห้องลับของพี่ยุติ มีบันไดขึ้นไปห้องใต้หลังคา ผมเข้าไปหาของเก่านิดหน่อย”

“เออใช่... หนูหนึ่งยังไม่เคยเห็นห้องนี้เลย ไม่มีของมีค่าอะไรหรอกมีแต่ของเล่นสมัยเด็ก นอกนั้นเป็นพวกสมบัติบ้าไร้สาระของยุติทั้งนั้น”

“แปลกจังมีห้องใต้หลังคาด้วย บ้านหนึ่งไม่มีอย่างนี้ ขอหนึ่งขึ้นไปดูห้องใต้หลังคาบ้างได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยขอด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“คงไม่เป็นไรมั้ง ยุติโตเป็นผู้ใหญ่คงไม่หวงห้องนี้แล้ว น้าอนุญาตจ้าหนูหนึ่งขึ้นไปดูได้ตามสบาย” คุณเพ็ญพิศออกปาก

หญิงสาวจึงไม่รอช้าเดินขึ้นไปสำรวจห้องใต้หลังคา ถึงจะมีฝุ่นเกาะบ้างแต่ไม่ได้สกปรกรกรุงรัง มีตู้กระจกเก็บพวกหนังสือการ์ตูนเด็กมากมายล็อคกุญแจ แถมมีอีกหลายตู้ที่ทึบพร้อมทั้งปิดล็อค ยังมีสิ่งที่เด่นสะดุดตาตั้งอยู่ตรงหน้าต่างกระจก มันคือกล้องส่องดูดาว เธอจึงตรงเข้าไปส่องดู... แล้วยิ่งประหลาดใจที่มองเห็นห้องนอนของตนเองได้ทะลุปรุโปร่ง เพราะเป็นห้องกระจกโปร่งใสเห็นถึงเตียงนอนของตัวเองชัดมาก ขนาดเห็นแม้แต่ตัวเลขของนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่หัวเตียง แต่แล้วเธอถูกทำให้ตกใจมากเมื่อมีมือของใคร? มาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอจากทางด้านหลัง!

“ดูอะไรหนึ่ง เข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องลับส่วนตัวของพี่ เกิดมีของหายไปจะว่าไง” เสียงถามเยือกเย็นแต่ไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก

“หนึ่งขออนุญาตน้าเพ็ญพิศ เขาอนุญาตหนึ่งแล้ว” เธอบอก

ขณะยุติจับแขนทั้งสองข้างของเธอให้เผชิญหน้ากัน แต่เธอไม่ยอมเงยหน้ามองตาเขา

“ทำความผิดนะนี่... ยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างนี้ต้องโดนลงโทษ” ชายหนุ่มแกล้งพูดหยอกเล่น

“ปล่อยหนึ่ง... ไม่เอา... อย่าทำอย่างนี้ หนึ่งกลัว ...ปล่อย”

“ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอหรอก เราอยู่กันสองคนในห้องลับนี่... ไม่มีใครรู้เห็น ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” ชายหนุ่มหัวเราะเหมือนผู้ร้ายในละคร กำลังแกล้งเธอด้วยนึกสนุกแม้รู้ใจอีกฝ่ายที่เกิดความกลัวขึ้นมาจริง เธอสะบัดแขนให้หลุดจากมือของเขา แล้ววิ่งหนีลงบันไดมาข้างล่าง

“น้าเพ็ญพิศ พี่ยุติจะทำร้ายหนึ่ง ...หนึ่งกลัว” เธอฟ้องร้องกับมารดาของยุติ ส่งเสียงดังด้วยความตกใจกลัว

“ยุติ! แกทำอะไรหนูหนึ่ง ดูสิวิ่งหนีหน้าตาตื่นเนื้อตัวสั่นมาหาแม่แบบนี้” คุณเพ็ญพิศทำเสียงเข้มถามเสียงดังกับบุตรชายคนโต

“ผมแกล้งล้อเล่นน่า ผมไม่ชอบให้ใครเข้าไปในห้องเก็บของส่วนตัวของผม” ยุติตอบเสียงเรียบเรื่อย เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“พอเลยยุติเลิกเล่นแกล้งกันได้แล้ว ดูท่าหนูหนึ่งกลัวจริงด้วย” คุณเพ็ญพิศพูดปรามลูกชาย

“ทำไมกล้องส่องทางไกลนั่นถึงหันไปทางห้องนอนของหนึ่ง แสดงว่าพี่ยุติแอบส่องกล้องมองห้องนอนของหนึ่งมาตลอด พี่ยุติทำแบบนั้นทำไม” เธอต่อว่าเขาโดยตรง

“เปล่า.. พี่แค่ส่องดูเหตุการณ์ทั่วไป เผื่อมีโจรผู้ร้ายหรือสัตว์ร้ายอะไรมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านจะได้ป้องกัน”

“จริงเหรอหนูหนึ่ง น้าไม่เคยมองดูในกล้องนั้น เลยไม่รู้”

“จริงค่ะ ดูจากกล้องของพี่ยุติแล้วเห็นห้องนอนของหนึ่งถนัดมาก พี่ยุติเป็นพวกถ้ำมอง”

“อ้าว... ลูกแม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย เหมือนเป็นพวกโรค...”

“หยุดพูดเลยแม่ ผมไม่ใช่พวกโรคจิตนะ หนึ่งนั่นแหละชอบมีพฤติกรรมแปลกน่าเป็นห่วง คนเขาหวังดีถึงต้องคอยสอดส่องบ้างเป็นธรรมดา”

“ในที่สุดยอมรับสารภาพจนได้ จนมุมด้วยหลักฐานสิถ้า แม่ว่าอย่าทำอีกพฤติกรรมมันไม่ดี ถึงเจตนาจะหวังดีแต่ฟังไม่ขึ้นหรอกยุติ” แม่ว่า

ชายหนุ่มอึ้งไปนิดหนึ่ง ...เถียงไม่ทัน

“แล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ” แม่ถามอย่างนั้น...

เล่นเอาบุตรชายอมยิ้มเก้อเขินให้เห็นขึ้นมา

“เห็นหนึ่งใส่ชุดนอน... แต่มันโป๊มากเลยนะแม่ ไม่เรียบร้อยเลยผมไม่ชอบ”

“อ้อ... แกคงไม่ชอบมากเลยสิ ถึงตั้งกล้องส่องดูอยู่ได้” แม่ว่าประชด “อาการหนักเข้าขั้น สมควรโดนประณามว่า...”

“ไม่ต้องเลยแม่ไม่ต้องว่าผมหรอก ผมไม่ใช่พวกโรคจิตแน่นอน ต่อไปผมจะระวัง ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่ส่องอีก ...พอใจกันหรือยัง” ยุติรีบแก้ต่างอย่างผู้ไม่ยอมตกเป็นจำเลย

เพชรน้ำหนึ่งได้แต่มองค้อนยุติ ทั้งโกรธทั้งอายปะปนอยู่ด้วย “ทำน่าเกลียด” เธอว่าตำหนิยุติแล้วผละหนีออกมา

“พี่ขอโทษ แต่พี่ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับหนึ่งเลยนะ” ยุติรีบเดินตามพลางกล่าวขอโทษ

“จะคิดร้ายหรือคิดมิดีมิร้ายก็ห้ามส่องกล้องนั่นอีก หนึ่งไม่ชอบให้ใครมาคอยแอบมอง ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ทั้งนั้น ไม่รู้พวกแฟนคลับของพี่ยุติเขาหลงใหลได้ปลื้มพี่ยุติไปได้ยังไง คงไม่รู้ว่าพี่ยุติเป็นคนแบบนี้”



..........ตอนเช้าตรู่อากาศมักสดชื่น แต่เพชรน้ำหนึ่งกลับไม่สดชื่นอย่างใครอื่นเขา

“ใส่บาตรด้วยกันสิยุติ” คุณตาเอ่ยชวน เมื่อเห็นยุติมายืนรอหน้ากระท่อมตายายอยู่ก่อนแล้ว สายตาเขาเหลือบมองเพชรน้ำหนึ่งซึ่งถือถาดดอกบัว กำลังเดินตามหลังคุณยายออกมา

“เรื่องเมื่อวานให้มันแล้วกันไปเถอะนะ พี่ขอโทษแล้วหายโกรธพี่หรือยัง”

“มีเรื่องโกรธกันเหรอ เรื่องอะไรล่ะ” คุณยายหันมาถามทั้งสอง

“เรื่องเล็กน้อยครับ” ยุติรีบตอบ

“ถ้าจะให้เล่ารายละเอียด พี่ยุติคงไม่กล้าเล่าหรอก เพราะละอายแก่ใจในเรื่องพฤติกรรมของตัวเอง”

“กล้าสิ... ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ” เขารีบเถียงเธอ แล้วบอกเล่า

“เพราะพฤติกรรมชอบสอดรู้สอดเห็นของผม ผมถึงช่วยหนึ่งได้ทัน ...เมื่อเจ็ดปีก่อนตอนที่พ่อแม่หนึ่งไม่อยู่บ้านมีผู้ร้ายปีนเข้าบ้านแล้วทำร้ายหนึ่ง ผมใช้กล้องส่องทางไกลส่องเห็นเข้าพอดี ถึงได้รีบวิ่งมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันท่วงที” เขาพูดกับสองตายาย “ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันนี้หรอก ตอนนั้นคุณตาคุณยายไม่เห็นหนึ่งถูกทำร้ายอยู่ในห้องนอน” ประโยคหลังนี้เขาเข้ามาพูดใกล้ตัวเธอ

“ใช่... พี่เขาช่วยหนึ่งไว้ต้องถือเป็นบุญคุณสิ จะไปโกรธพี่เขาทำไม” คุณตาบอกกับหลานสาว

“เลิกโกรธพี่เขาเถิด เวลาเช้าก่อนจะใส่บาตรทำบุญ ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสจะได้บุญมากกว่า อย่าทำใจให้ขุ่นมัวเลย ให้นึกถึงว่าพี่เขาดีกับเรามากนะ และมีบุญคุณที่ได้เคยช่วยชีวิตไว้”

“ร้ายมากนะพี่ยุติ พูดให้กลับกลายเป็นเอาความดีใส่ตัวจนได้” เธอยังไม่วายต่อว่าอีกเล็กน้อย

“ทำใจให้เป็นบุญเป็นกุศลเถอะน่า หลานยายเคยเป็นเด็กน่ารักว่านอนสอนง่ายนี่นา”

“...ได้จ้า” เธอรับคำด้วยความเกรงใจคุณตากับคุณยาย

ส่วนยุติได้ใจจึงยิ้มแก้มปริไปเท่านั้นเมื่อมีผู้ใหญ่คอยเข้าข้าง




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ย. 2559, 20:30:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ย. 2559, 20:30:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 765





<< ตอน 5 [1]   ตอน 6 [1] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account