แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง

"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!

แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน

นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา

ตอน: ตอนที่ 10 - 100%

ตอนที่ 10 - 100%


“พี่ปั้น … คุณลุงดล คุณลุงดลสั่งให้ช่อทำค่ะ” ช่อแก้วละล่ำละลักตอบ แรงบีบที่ข้อมือเธอจากมือหนานั้นคลายลงทันที ช่อแก้วค่อย ๆ ช้อนตามองร่างสูงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กับท่าทางอีกฝ่ายเหมือนจะนิ่งไป

“ช่อเป็นแค่คนที่ติดต่อนักข่าวคนนั้นเท่านั้นเอง ช่อทำไปเพราะคุณลุง …” ช่อแก้วอธิบายไม่จบเมื่อปราชญ์ดายกมือขึ้นมาตรงหน้า เพื่อสั่งให้เธอหยุดพูด

ปราชญ์ดาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อของเขาเป็นคนสั่งการ

“เหตุผลล่ะ พ่อได้บอกหรือเปล่าว่าทำไม” ปราชญ์ดาสบตาของช่อแก้วอีกครั้ง ดวงตาของเขาเองนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“คุณลุงธราดลอยากให้พี่ธรรศเลิกทำงานในวงการบันเทิง เพื่อจะได้กลับมาทำงานกับท่านค่ะ” ช่อแก้วตอบชัดถ้อยชัดคำแล้วรีบหลบสายตาของร่างสูง

แน่นอนว่าเธอทำให้คนฟังนิ่งงันไปอีกครั้ง กระทั่งเขาขยับตัวหันหลังให้เธอพร้อมบอกว่า

“เธอกลับไปได้แล้ว แล้วห้ามบอกใครเรื่องที่พี่ถาม” ปราชญ์ดาพูดจบก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาไป ทิ้งให้ช่อแก้วยืนหอบหายใจแรง เธอหลับตาเพื่อข่มกลั้นความกลัวและความตกใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปบ้าง



บุษบาปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้องทำงานของปราชญ์ดา ดวงตาของวิญญาณหญิงสาวผู้สูงศักดิ์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นขณะมองตามชายหนุ่มรูปงามผู้มาดมั่นของปราชญ์ดาไป

“อย่าทำสายตาแบบนั้นสิ น่ากลัวนะท่านหญิง” เทวดาหนุ่มปรากฏตัวขวางหน้า เอ่ยเตือนบุษบาในลักษณะก้มมองวิญญาณของหม่อมเจ้าหญิงบุษบาด้วยแววตาอ่อนโยน

บุษบาเบือนหน้าหลบตาวาววับหนีเพราะยังทำใจไม่ได้ การกำมือแน่น กายสั่นเพราะความคับแค้นใจที่ปวดร้าวมานาน เธอจะวางความโกรธเกลียดลงได้อย่างที่ศตายุแนะนำได้อย่างไร ผู้ชายคนนั้นทำลายชีวิตเธอจนแหลกเหลว เธอต้องทนทุกข์เพราะเขามาตั้งเป็นร้อยปี

“ผมรู้ว่าคุณโกรธเขานะท่านหญิง” ศตายุเห็นใจสาวในอดีตก็จริง แต่ถ้าปล่อยให้ความแค้นครอบงำ เธอก็จะติดบ่วงกรรมไปไม่จบไม่สิ้นเสียที

บุษบาอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ทำได้เพียงตัดพ้อด้วยการส่ายหน้าไปมา

“ใจเย็น ๆ ท่านหญิง ผมเข้าใจ ส่วนเรื่องหนูบัว … คุณก็เห็นว่าผมช่วยหนูบัวทัน ตราบใดที่ผมอยู่ ไม่มีใครทำร้ายหนูบัวได้หรอกนะครับ เวลานี้คุณควรพยายามตั้งสติแล้วคิดให้ออกว่าทำไมคุณถึงพูดอะไรไม่ได้ แล้วทำไมต้องล่องลอยอยู่อย่างนี้มากกว่านะ”

คราวนี้แววตาของวิญญาณหญิงสาวเปลี่ยนไป เธอกำลังมองเขาอีกความหมายที่ศตายุคาดเดาได้ เขาอมยิ้มละมุนให้เธอ

“ทำไมผมถึงอยากช่วยคุณกับหนูบัวหรือครับ ผมน่ะถูกชะตากับหนูบัวล่ะมั้งครับ … นี่ผมคงต้องไปปลอบใจหนูบัวแล้วล่ะ ป่านนี้เธอคงจะกลัวแย่ คุณอยากจะไปกับผมไหม ท่านหญิง”

บุษบายิ้มรับ ก่อนจะพากันหายตัวไปจากจุดนั้น



รถเอสยูวีสีขาวยี่ห้อหรูจอดตรงประตูทางเข้าคอนโดมิเนียมฝั่งอาคารจอดรถชั้นสองเพราะปลอดคนกว่า ธรรศนั่งด้านหลังกับรวินท์รดา ตั้งแต่ต้าหลิงขับรถออกจากบริษัทมา ครีเอทีฟสาวก็เอาแต่นั่งประสานมือนิ่งเงียบด้วยใบหน้าเครียดจัด

“ขอบคุณนะคะที่มาส่งบัว ขอบคุณนะคะคุณต้าหลิง” เธอบอกชายหนุ่มทั้งสองก่อนจะลงจากรถ ธรรศทำเพียงพยักหน้าตอบ เขากำลังคิดบางเรื่องและลังเลว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จนต้าหลิงหันมาสะกิดเรียก

“พี่ธรรศ! ลงไปด้วยสิครับ!”

“ลงไปหรือ จะดีเหรอ” ธรรศเองก็อยากตามหญิงสาวลงไปอยู่หรอก แต่เขาก็กังวลใจว่าผีตัวดำ ๆ นั่นอาจจะทำร้ายเธออีก เหมือนเช่นที่ทำร้ายต้าหลิงมาแล้ว ธรรศเริ่มหดหู่กับตัวเองอีกครั้ง

“ครับ! ถ้าไม่ลง ไม่ตื๊อเธอแล้วมาบ่นกับผมว่าอกหักอีก ผมจะหัวเราะเยาะนะ” ผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มบอกจริงจังมาก

“นี่นายรู้ด้วยหรือว่าฉันหมายถึงบัว” คนถามแปลกใจ

“ผมอยู่กับพี่ธรรศมาตั้งนานนะครับ ผมสงสัยอยู่ว่าพี่กับคุณบัวเป็นแฟนกันอย่างที่พี่ปั้นบอกผมหรือเปล่า แต่ดูแล้วเหมือนพี่จะสร้างเรื่องหลอกคนอื่นมากกว่า ยังจีบเขาไม่ติดล่ะสิ” ต้าหลิงบอกอย่างรู้ทัน “พี่จะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ เจอคนที่ชอบก็ลุยดีกว่ามานั่งรอนะ”

“อืม … แล้วนายล่ะ” ธรรศรู้สึกฮึกเหิมหลังจากหวั่น ๆ เรื่องผีควันดำนั่น แต่ก็อดถามไม่ได้ ซึ่งเขาก็ได้รับสีหน้ารำคาญใจจากต้าหลิงตอบกลับมาด้วย

“โอ๊ยพี่ธรรศ ผมโตจนจะมีเมียได้แล้ว ผมดูแลตัวเองได้ครับ พี่ธรรศรีบ ๆ เถอะ เดี๋ยวคุณบัวก็เข้าลิฟท์ไปก่อนพอดี เร็วครับเร็ว อย่าลืมหมวกลืมแว่นด้วยนะครับ อย่าโดนจับได้ล่ะ”

ธรรศจึงรีบตามไปยืนข้าง ๆ รวินท์รดาที่กำลังยืนรอลิฟท์อยู่ โดยไม่ลืมสวมหมวกและแว่นตาดำเพื่อพรางสายตาคนอื่น เธอหันมองธรรศอย่างสงสัย

“คือต้าหลิงจะไปทำธุระก่อน เลยให้ผมมารอกับคุณก่อนน่ะ … ได้ไหม” ธรรศพูดออกไปก็สงสัยว่าทำไมคนมั่นใจตัวเองอย่างเขานั้นจะต้องหาเหตุผลงี่เง่านี้มาเพื่อตามเธอด้วยนะ

“แล้วทำไมถึงไม่ไปด้วยกันล่ะคะ” รวินท์รดาเห็นต้าหลิงขับรถออกไปแล้ว

“บางทีต้าหลิงก็ออกจะเอาแต่ใจบ้าง รำคาญผมบ้างน่ะ … เดี๋ยวเขาทำธุระเสร็จคงโทรหาผม … ลิฟท์มาแล้วล่ะ” ธรรศบอก ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในลิฟท์

รวินท์รดาเลยรีบเดินเข้าลิฟท์ กลายเป็นว่ายอมให้ธรรศรอต้าหลิงที่คอนโดฯ เธอไปอย่างช่วยไม่ได้

“บัว คุณยังกลัวอยู่หรือเปล่า” ธรรศถามเสียงเบาเมื่ออยู่ภายในลิฟท์กันสองคน รวินท์รดายังมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ก็ยังไม่หายตกใจ ผีตัวนั้นก็น่ากลัวจริง ๆ แล้วรถคันนั้นก็เกือบจะชนฉันด้วยนะ” ผีเงาดำทะมึนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถึงทำให้คนไม่กลัวผีอย่างเธอถึงกับกรีดร้องสติหลุดได้

พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมา เธอก็เขินธรรศจะแย่ เธอกอดเขาแน่นเลย!!

“ผีก็น่ากลัวไปหมด ไม่มีผีที่ไม่น่ากลัวหรอกมั้ง … นี่ บัว ผมขอโทษนะ” ธรรศพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด แต่คนฟังไม่เข้าใจ

“ขอโทษทำไมหรือคะ”

“บางทีผมอาจจะเป็นสาเหตุให้คุณเจ็บตัวก็ได้”

คนฟังยิ่งไม่เข้าใจคำตอบมากไปใหญ่ แต่ไม่ทันได้ถามอะไรประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้งที่ชั้นสี่ ซึ่งเป็นชั้นจอดรถอีกชั้นหนึ่ง ทันทีที่มีคนเข้ามาใหม่เป็นคู่รักชายหนุ่มหญิงสาว ทั้งคู่หยุดคุยกันโดยอัตโนมัติ

รวินท์รดานิ่วหน้ารู้สึกอึดอัดกับการพลอดรักของหนุ่มสาวคู่รัก กอดจูบกันแบบไม่อายฟ้าอายดินอายคนร่วมลิฟท์ แต่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นพลันหายไปจากความรู้สึกเธอจนหมด อยู่ ๆ ธรรศขยับตัวหันหลังใส่คู่รักจู๋จี๋ แล้วหันหน้ามาทางเธอ ธรรศไม่ลืมกดปีกหมวกลงเพื่อบังใบหน้าจากคนอื่น คงไม่ดีแน่ ๆ ถ้ามีคนจำเขาได้ตอนนี้

“คุณธ …” รวินท์รดาเกือบหลุดเรียกชื่อเขาออกไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่ธรรศยกนิ้วชี้แตะปากบอกให้เธออย่าเพิ่งเรียกชื่อเขาออกมาเวลานี้

ลิฟท์เคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในความเงียบ มีเพียงเสียงอี๋อ๋อของคู่รักง้องแง้งเบา ๆ

ขนาดของลิฟท์กับคนสี่คนก็ยืนกันได้สบาย ๆ แต่พอลิฟท์เลื่อนมาถึงชั้นแปดประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้ง คุณป้าร่างอุ้ยอ้ายในชุดเสื้อคลุมว่ายน้ำสีชมพูสดใสเข้ามายืนในลิฟท์ด้วย ที่ชั้นดาดฟ้ามีสระว่ายน้ำของคอนโดมิเนียมอยู่ ธรรศถูกคุณป้าชนเข้าอย่างแรง แม้จะใช้มือยันกำแพงลิฟท์เอาไว้แต่ตัวของเขาก็ถูกดันจนไปเบียดรวินท์รดาเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ขอโทษนะ แต่ผมขยับไม่ได้” ธรรรศกระซิบบอกคนที่สูงแค่ปลายคาง เวลานี้เธอยืนตัวแข็งขณะเบียดอกของเขา ธรรศเองก็เขินจนหัวใจของเต้นแรง

หญิงสาวเหลือบมองแผงลิฟท์ ไฟมาหยุดที่เลขบอกว่าชั้นสิบ เหลือแค่อีกสองชั้นเอง … รวินท์รดาพยายามลุ้นให้ลิฟท์เลื่อนไปถึงชั้นห้องของเธอไว ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาไม่กี่วินาทีกลายเป็นแสนเนิ่นนาน ใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ แม้จะพยายามหลบตาร่างสูงแล้วก็ตาม

กระทั่งประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นสิบสอง ธรรศรีบจูงมือรวินท์รดาให้ออกมาจากลิฟท์อย่างไว

“เฮ้อ! … บัวไม่เป็นไรใช่ไหม” ธรรศผ่อนลมหายใจขับไล่ความอึดอัด ก่อนจะหันไปทางหญิงสาวที่หน้าแดงแป๊ด ธรรศเผลออมยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ ท่าทางเขาจะได้คำตอบแล้วว่ารวินท์รดาอาจจะเป็น ‘อะไร’ ก็ได้

“ขำอะไรคะคุณธรรศ” คนไม่ปกติค้อนใส่ พลันรีบดึงมือตัวเองออกจากมือหนา

“ตอนนี้หน้าคุณไม่ซีดแบบเมื่อกี้แล้วนะ แก้มแดงน่ารักเชียว” ธรรศยิ้มกว้างกับอาการเขินของหญิงสาวที่น่ารักน่ามอง

“คุณธรรศ!” รวินท์รดาทั้งค้อนทั้งเสียงเข้มใส่ ธรรศเกรงจะไม่มีที่อยู่เลยรีบยกธงขาว เจรจาสงบศึกก่อนเลย

“โอเค ๆ ผมไม่แกล้งบัวแล้ว เอาจริง ๆ นะผมแค่สบายใจที่คุณไม่หน้าซีดแล้วเท่านั้นเอง จริง ๆ นะ” เขายืนยัน ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตูห้องของคนแสนงอน “บัวครับ ผมไม่ควรยืนตรงนี้นาน ๆ เดี๋ยวมีคนเห็นก็ได้เป็นข่าวอีกหรอก”

รวินท์รดาอดถอนหายใจใส่เขาไม่ได้จริง ๆ

“ถ้าคุณแกล้งฉันอีก ฉันจะไล่คุณไปรอคุณต้าหลิงริมถนนแน่ ๆ คุณธรรศ”

คนโดนขู่พยักหน้ายอมเชื่อฟังไม่ดื้อแพ่ง เขาขยับหลบให้เจ้าของห้องเสียบคีย์การ์ดปลดล็อคประตูห้อง ทันที้ประตูเปิด ธรรศเผลอลืมตัว ส่งเสียงเรียกเจ้าแมวเปอร์เซียขนสีขาวอย่างสนิทสนม

“ดาร์ลิ้ง คิดถึงจังเลยครับ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ธรรศอ้าแขนรับดาร์ลิ้ง เจ้าแมวขนฟูสีเต็มอ้อมกอด

รวินท์รดามองอย่างประหลาดใจ เจ้าดาร์ลิ้ง แมวนิสัยหยิ่งที่สุด ที่นอกจาเธอแล้วไม่เคยญาติดีกับคนอื่นเลยนั้นกำลังยอมให้ธรรศกอดเล่นเหมือนรู้จักกันดี

ทำไมล่ะ? ไปสนิทกันมาตอนไหน?

รวินท์รดามอง แล้วถามออกมาอย่างแปลกใจ

“คุณธรรศ ทำไมคุณถึงรู้จักแมวของฉันคะ”

ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปทันทีที่ได้ยินคำถามจากเธอ

“ว่าไงคะ คุณรู้จักดาร์ลิ้งได้ยังไง”

รวินท์รดาจ้องตากดดันรอฟังคำตอบ ธรรศมั่นใจว่าเขาคงเบี่ยงประเด็นไม่สำเร็จแน่นอน

“ชื่อดาร์ลิ้งหรือครับ บังเอิญจัง ผมชอบเรียกแมวสวย ๆ ว่าดาร์ลิ้งน่ะ” เขาแกล้งทำหน้าแปลกใจบ้าง

“จริงหรือคะ” รวินท์รดาขมวดคิ้วมุ่น ดวงตากลม ๆ ยังไม่ปักใจเชื่อคำตอบในทันที

“จริง ๆ นะครับ” ธรรศยืนยัน โดยไม่ลืมบอกเพิ่มอีกว่า “แต่เฉพาะกับแมวสวย ๆ เท่านั้นนะครับ ผมไม่เรียกผู้หญิงคนไหนว่าดาร์ลิ้ง คุณไม่ต้องหึงนะบัว ผมชอบคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”

“ฉันบอกตอนไหนว่าหึงคุณคะ!” รวินท์รดาตาโต แย้งเสียงดัง ยิ่งเห็นคนชอบกวนประสาทหัวเราะสนุก เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มเป็นหลายเท่า

แต่ธรรศก็ยังยิ้มให้เธอไม่เลิกเลย เอาแต่เล่นกับดาร์ลิ้งโดยไม่สนใจอาการฟึดฟัดของเธออีกด้วย



ด้านปราชญ์ดาเองก็หงุดหงิด และเครียดกับเรื่องข่าวของธรรศ ยิ่งรู้ว่าคนวางแผนคือใคร เขาก็ยิ่งไม่สบายใจมากกว่าเดิมเลยขับรถมายังสถานที่หนึ่งที่อาจจะทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง

เขาไม่แปลกใจเมื่อรู้ความจริงว่าผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังคือพ่อของเขาเอง เพราะพิชิต บรรณาธิการสำนักข่าวก็บอกให้เขาคิดแบบนั้นเหมือนกัน

“มีผู้หญิงส่งข่าวให้ผม บอกว่ามีคนสั่งเธอมาอีกที ผู้หญิงคนนั้นใช้ชื่อย่อว่า แก้ว … ในครอบครัวของคุณมีคนชื่อทำนองนี้ใช่ไหมล่ะ … ผมยังรู้มาอีกนะว่าคุณย่าของคุณก็ไม่ค่อยจะชอบคุณธรรศเท่าไหร่ บางทีคนที่อยากให้ผมทำลายคุณธรรศ อาจจะเป็นคุณย่าคุณก็ได้นะ ผมยังมีข่าวเรื่องคุณธรรศอีกเพียบเลย ถ้าอยากให้ผมหยุด ผมต้องได้อะไรมาปิดปากผมหน่อยนะ คุณปราชญ์ดา”

พิชิตสารภาพด้วยท่าทางน่าหงุดหงิด แถมยังเรียกค่าปิดปากอีก ปราชญ์ดาโกรธจนแทบอยากเลาะฟันพิชิตออกมาทั้งปาก!

และถึงแม้พิชิตจะไม่ไบ้ว่าชื่อย่อว่า แก้ว นั้นคือใคร เขาก็เดาได้ว่าคือช่อแก้ว แต่คนเบื้องหลังไม่มีทางเป็นคุณย่าวัลภาแน่นอน คุณย่าออกจะกันไม่ให้ธรรศยุ่งกับธุรกิจด้วยซ้ำ

ในตอนแรกปราชญ์ดาอาจจะสงสัยว่าช่อแก้วจะทำร้ายธรรศไปทำไม หากได้เห็นสายตา ได้พบว่าช่อแก้วคิดอย่างไรกับธรรศ เขาก็เหมือนจะเดาทุกอย่างได้ ช่อแก้วเคยพูดออกมาเองว่า

‘ทำงานประจำมั่นคงกว่างานวงการบันเทิงตั้งเยอะนะคะ พี่ธรรศน่าจะมาช่วยพี่ปั้นดูบริษัทมากกว่า พี่ธรรศก็เรียนเก่ง ฉลาด ไหวพริบดี น่าจะไปได้สวยนะคะพี่ปั้น’

ปราชญ์ดาเดาความต้องการของช่อแก้วได้ว่าคงอยากบีบให้ธรรศซมซานกลับมาทำงานที่บ้าน แต่สำหรับพ่อ เขาไม่สามารถเดาว่าพ่อของเขาคิดอะไรอยู่ และจะให้ถามไปตรง ๆ พ่อคงไม่มีทางตอบความจริงแน่นอนเลย

ปราชญ์ดาจอดรถคันหรูของเขาริมกำแพงบ้านเก่าที่เขาซื้อเก็บไว้เมื่อเดือนที่แล้ว นั่งคิดเรื่องช่อแก้วอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะลงจากรถแล้วใช้กุญแจไขเข้าบ้าน เขาเงยมองหน้าการบูรณะบ้านเก่าที่เขาบังเอิญได้มา พอคิดว่าอีกไม่นานบ้านก็คงจะกลับมาใหม่อีกครั้ง ปราชญ์ดาก็เริ่มยิ้มออกบ้าง

ขณะที่ปราชญ์ดาเดินรอบ ๆ บ้านเพื่อดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง เขาเกิดได้ยินเสียงคนคุยกันที่แถวสระน้ำด้านหลังบ้าน

“ใครน่ะ” ปราชญ์ดาตะโกนถาม ทำให้คู่สนทนาหนุ่มสองคนสองวัยหยุดคุย หันมองปราชญ์ดาเป็นสายตาเดียวกัน

“คุณปั้น!” ลุงพูล คนเฝ้าบ้านวัยเกือบหกสิบปีตกใจ ตาลีตาเหลือกเข้ามาหา ลุงพูลไม่คิดว่าเจ้านายจะมากะทันหันแบบนี้ “มาตอนเย็น ๆ แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมมาดูบ้านเฉย ๆ แล้วนั่นใคร” ปราชญ์ดามองไปยังชายหนุ่มมาดเซอร์อ่อนวัยกว่าอีกคน ที่เดินตามลุงพูลมาหาเขา “หลานลุงหรือ”

“ไม่ใช่หรอกครับ คือหนุ่มคนนี้เขาเป็น เอ่อ …” ลุงพูดโกหกไม่เป็นเลยได้แต่อ้ำอึ้งตอบไม่ออก กลัวโดนนายดุใส่

“ผมชื่ออาร์ตครับ ผมอยู่แถว ๆ นี้ครับ คือเห็นบ้านของคุณสวยดี แล้ว …” ห้องศิลป์พยายามจะอธิบาย หากอีกฝ่ายกลับหันไปตำหนิคนเฝ้าบ้านหน้าตาเครียดขรึม

“มันใช่เรื่องที่จะพาใครก็ไม่รู้มาในบ้านผมหรือ ลุงพูล”

“อย่าไปดุลุงเลยครับคุณ ผมผิดเอง ผมแค่ชอบบ้านหลังนี้เลยขอลุงพูลเข้ามาดูครั้งนึง แต่ผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ แค่ดูเฉย ๆ วันนี้ผมก็แวะเอาของฝากมาเยี่ยมลุงแกก็เท่านั้น อย่าตำหนิลุงแกเลยนะครับคุณ” ห้องศิลป์ไม่อยากให้คนเฝ้าบ้านต้องโดนลงโทษเพราะเขาเลย ที่มาวันนี้ก็แค่อยากเอาของมาฝากลุง ตอบแทนที่ให้เขาเข้ามาถ่ายรูปดอกบัวแค่นั้น

“งั้นก็รีบออกไปได้แล้ว ที่นี่สถานที่ส่วนบุคคล ไม่ใช่สวนสาธารณะที่ใครจะเข้ามาได้ตามใจ ” ปราชญ์ดาสั่งเสียงดุ

คนฟังย่นคิ้วกับเจ้าของบ้านหน้ายักษ์ที่ดุอย่างกับตัวอะไร …

“ครับ ๆ ผมจะไม่มาที่นี่อีก … แต่คุณอย่าลงโทษลุงแกนะ ผมขอล่ะ” ห้องศิลป์ขอร้องอย่างจริงจัง

“ออกไปได้แล้ว” ปราชญ์ดาชี้นิ้วไปทางประตู ก่อนคิ้วจะกระตุกกับการไหวไหล่ของคนเด็กกว่า อย่างไรเขาก็แก่กว่าไหม มารยาทแบบนี้ไม่ไหวเลย!!

“ผมไปนะลุง ไว้ผมจะเอาขนมมาให้ลุงใหม่ แต่ผมส่งให้ที่หน้าบ้านก็แล้วกันนะลุง เจ้าของที่ดุเหลือเกิน” ห้องศิลป์ยอมรับว่าพูดแขวะใส่อีกคนที่ยืนหน้ายักษ์อย่างหมั่นไส้เหลือจะทน ก่อนจะเดินจ้ำ ๆ ตรงไปยังประตู โดยห้องศิลป์รู้สึกถึงสายตาดุ ๆ จากเจ้าของบ้านไล่ตามหลังเขาไม่เลิก

ช่างภาพหนุ่มจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ริมรั้วอีกด้าน ทันทีที่มาถึงรถก็หยิบหมวกกันน็อกขึ้นสวมหัว ไม่วายบ่นออกมา

“คนอะไรวะ ดุอย่างกับหมา!”

ก่อนจะตกใจจนสะดุ้ง ตัวของห้องศิลป์ชาจนทำอะไรไม่ถูกเพราะหันไปเห็น ‘หมา’ ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหลัง

หมาหน้ายักษ์ไม่พูดอะไรออกมา นอกจากส่งสายตาคมกริบยิ่งกว่ามีดแหลม ๆ ขณะยื่นบัตรพนักงานมาตรงหน้า ห้องศิลป์มองก็ตกใจอีกรอบ เขาทำบัตรพนักงานหล่นไปอย่างไม่รู้สึกตัวเลย!!

ห้องศิลป์รับบัตรคืนมา ยังไม่ทันได้พูดขอบคุณอะไรสักคำ หมาหน้ายักษ์ก็เดินกลับเข้าบ้านไปเงียบ ๆ ห้องศิลป์ได้แต่หวังว่าลุงเฝ้าบ้านจะไม่ซวยเพราะความปากเสียของเขาหรอกนะ!



จบตอน



นำนิยายมาส่งค่า
การเจอกับของสองหนุ่ม จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของผีๆ ด้วยน้าา


คุณแว่นใส - ผียังป่วนอีกเยอะค่ะ ^^

คุณkaelek - บัวกลัวผี แต่ไม่กลัวพี่ปั้นนะคะ ฮ่า ๆ


พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่า



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2559, 02:28:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2559, 02:39:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 916





<< ตอนที่ 10 - 50%   ตอนที่ 11 - 50% >>
kaelek 30 พ.ย. 2559, 07:40:56 น.
มีกลิ่นอายแปลกๆ ระหว่าง 2 คนนี้ พี่ปั้น& อาร์ตี้ เอ๊ะ!! ยังไงหว่าาา


แว่นใส 30 พ.ย. 2559, 12:12:53 น.
นึกว่าเป็นบ้านของธรรศซะอีกนะ


Zephyr 2 ธ.ค. 2559, 21:13:49 น.
เอาพี่ปั้นคู่คนนี้ดีกว่า 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account