คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 7 [1]


..........Mintra เป็นแกลเลอรี่ที่โชว์รูปวาดตั้งอยู่ชั้นล่างของโรงแรมหรูระดับห้าดาว ซึ่งมีแขกชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนมาชมและเลือกซื้อรูปวาด เพชรน้ำหนึ่งรู้จักกับเจ้าของสถานที่นี้ เพราะเคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเอกชน สมัยเรียนชั้นมัธยมปลายก่อนที่เธอไปเรียนต่อยังประเทศญี่ปุ่น

“มินตรา... ฉันมีธุระกับเธอ รูปวาดนี่อยากจะฝากขาย ช่วยจัดใส่กรอบให้ทีได้ไหม” เพชรน้ำหนึ่งไม่ได้กล่าวเกริ่นทักทายเพื่อนเก่าแบบทั่วไปที่เขาทำกันตามมารยาทผู้ดี

“ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้างจ๊ะแม่จอมหยิ่ง พูดน้อยต่อยหนักแม่นักมวยหญิงไม่ชอบคบเพื่อน แล้ววันนี้มาถึงนี่ได้ไง” เพื่อนอีกคนเอ่ยทัก ระคนเสียดสีอย่างหมั่นไส้

“อ้าว... กันยา” เธอกล่าวชื่อเพื่อนเก่าอีกคนเป็นการทักทาย โดยไม่แม้แต่จะยิ้มให้หรือพูดคุยด้วย

“รูปวาดสีน้ำชื่อภาพ ‘มิตรจิตมิตรใจ’ ที่มุมนี่มีลายเซ็นคนวาด ‘พิมพ์ใจ’ เธอไม่ได้วาดรูปนี้?” มินตราถาม

“ฉันไม่ใช่คนวาด คนที่วาดเป็นเด็กสลัม แต่เขาเห็นความสวยงามเลยถ่ายทอดความงามนั้นออกมาได้ เธอไม่เห็นว่าสวยเหรอ หรือว่ารังเกียจคนจน”

“ศิลปะไม่แบ่งชั้นวรรณะ ใครจะเป็นคนวาดก็ตามแต่จะยาจกเข็ญใจหรือว่าไฮโซโก้หรู เขาดูคุณค่าตามความงาม ฉันจะรับรูปวาดนี้ไว้ตั้งโชว์ ขายได้เมื่อไหร่จะติดต่อไปทันที ขอเบอร์โทรของเธอหน่อย” มินตรานั้นเป็นคนอ่อนโยนจึงพูดด้วยดี

จากนั้นเพชรน้ำหนึ่งเขียนเบอร์โทรใส่กระดาษโน้ตแผ่นเล็กส่งให้

“อ้าว... นี่มันเบอร์บ้านนี่... ไม่มีเบอร์มือถือ?” กันยาเข้ามาถามด้วย

“ฉันไม่ใช้มือถือ เพราะฉันไม่ได้อยู่ประเทศไทยนานแล้ว ติดต่อฉันเบอร์นี้แหละและทางอีเมล์ ขอบคุณนะมินตรา ขอตัวไปล่ะ”

“อ้าว... มาเร็วไปเร็วไม่ทันคุยกันเลย ไปอยู่ไหนมานะที่ว่าไม่ได้อยู่ประเทศไทย” กันยาคุยกับมินตรา

“ไม่รู้สิ แต่มีอีเมล์ก็ดีเหมือนกัน เผื่อต่อไปจะได้คุยกันทางเมล์”

“ไม่เห็นน่าคบเลย ยายนี่เคยบอกไม่ชอบคบเพื่อน ฉันว่าเพื่อนก็ไม่อยากคบด้วยหรอก ท่าทางสวยเริ่ดเชิดหยิ่งแถมเรียนมวยไทย เวลามองเพื่อนชายที่มาแซวชอบมองด้วยสายตาโหดร้ายน่ากลัวยังไงไม่รู้ ทำอย่างกับว่าไม่อยากให้ใครเข้ามาจีบ ฉันไม่ชอบเลยผู้หญิงแบบนี้หาแฟนยาก ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้หรอกถึงจะสวยก็เถอะ นี่ฉันว่าเธออย่าเอารูปนี้มาโชว์เลย ทิ้งมันไปเถอะ เพื่อนแบบหนึ่งนี่ไม่ต้องไปคบไม่ต้องคุยด้วยหรอก”

“ฉันเป็นจิตรกรนะ ฉันถึงเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปไม่เห็น ศิลปะและความงามในจิตใจผู้คน”

“อ๋อ... เหรอจ๊ะแม่จิตรกรเอก”

“สมัยเรียนฉันจำได้ เพชรน้ำหนึ่งช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียนเสมอ ช่วงปิดเทอมชอบเข้าค่ายอาสาบำเพ็ญประโยชน์ มีเรี่ยไรเงินเมื่อไหร่มักร่วมบริจาคด้วยทุกที บริจาคหนังสือ อุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนที่ขาดแคลนในชนบท บริจาคเสื้อผ้า ยารักษาโรค ฉันเคยเจอที่ธนาคารตอนกำลังโอนเงินบริจาคเข้ามูลนิธิหลายที่ อีกที่เคยเจอในร้านอาหารเห็นหยอดเงินใส่ตู้รับบริจาค”

“ไม่เห็นแปลก คนมีเงินนึกจะทำอะไรก็ทำได้”

“เธอกับฉันยังไม่ค่อยทำบุญบริจาคอะไร แถมไม่ค่อยช่วยเหลือสังคมเท่าไรเลยนะ มัวแต่ช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าหรูหราราคาแพงมากกว่า ในชีวิตฉันไม่เคยยกเครื่องดื่มไปบริการใครเลย มีแต่คนมาคอยรับใช้ฉัน นั่นแสดงว่าเพชรน้ำหนึ่งเป็นคนใจบุญ กับพวกเราฐานะเสมอกัน ไม่มีอะไรให้ต้องช่วยเหลือ เขาเลยเฉยเมยกับพวกเรา”

“แหม... ดูเธอเข้าใจยายนี่ดีจังเลยนะ”

“รูปวาดนี้สวยงาม สื่อให้เห็นน้ำใจไมตรีที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันของคนในสังคม มีคุณค่าทางศิลปะ คนวาดเป็นเพียงเด็กสลัมแต่มีจินตนาการ และเพชรน้ำหนึ่งมองเห็นคุณค่านี้ ฉันว่าเพชรน้ำหนึ่งเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นไม่ถือชั้นวรรณะ เรียกได้ว่าเป็นคนมีจิตใจสวยงาม ไม่ใช่สวยแค่หน้าตาเท่านั้น” เป็นคำกล่าวชื่นชมอย่างมิตรจากปากจิตรกรเจ้าของแกลเลอรี่ที่ชื่อ มินตรา



..........กลางดึกที่เงียบสงัดตีสองกว่า เวลาในขณะนี้ทุกคนปิดบ้านพากันนอนหลับสนิทหมดแล้ว แต่มีหน้าต่างกระจกบานหนึ่งยังเปิดแง้มเล็กน้อย

“เสียงเพลงจากไหนนะ ไม่ใช่มาจากวิทยุนี่นา เหมือนเสียงกีตาร์ตัวเดียว ดังมาจากที่ไม่ไกลนี่เอง” เธอลุกขึ้นไปดูที่ต้นเสียง เมียงมองทางหน้าต่าง ถึงแม้จะดึกมากโข แต่ไม่ได้มืดมิดนัก คืนนี้มีพระจันทร์ลอยเด่นส่องแสงสุกสว่างอยู่กลางท้องฟ้ายามราตรี ทำให้ทุกพื้นที่ดูสว่างสลัว ส่วนทางด้านหลังบ้านยังมีไฟทางเปิดให้แสงสว่างชัดเจน

“หอมเอยหอมดอกลั่นทม... ฯลฯ” เสียงร้องเพลง เป็นเพลงลูกทุ่งเก่านานแล้วแว่วมา คลอด้วยเสียงกีตาร์ดังลอยลมไปถึงในห้องนอนของเพชรน้ำหนึ่ง

“เอ๊ะ! นั่นพี่ยุติ... ไปดูให้ใกล้กว่านี้ดีกว่า” เธอคว้าเสื้อคลุมชุดนอนมาสวม แล้วหิ้วตะเกียงโป๊ะลงบันไดมาชั้นล่างออกประตูหลังบ้าน เดินมายังแพกลางน้ำซึ่งแพนี้พื้นเป็นไม้เนื้อแข็งทนน้ำไม่ผุง่าย ใต้พื้นล่างลงไปเป็นถังน้ำมันเปล่าหลายถังใช้เป็นทุ่นหนุนไว้ มีม้านั่งยาวที่มีพนักพิงหลังสองตัวหันหน้าชนกันไว้สำหรับนั่งเล่นหรือนอนเล่นชมเดือนดาว

“พี่ยุติ...” เธอเรียกชื่อเป็นการทักทายเล็กน้อย ยิ้มเย็นชื่นใจให้เขาในขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่

เขาได้แต่พยักหน้ารับ มองดูเธอลงนั่งฝั่งตรงข้าม ท่าทางตั้งใจมาฟังเพลงที่เขาร้อง เลยทำให้ดีใจขึ้นมาไม่น้อย

“เนื้อเพลงพรรณนาถึงช่วงเวลาของคนที่กำลังรัก พลอดรักกันอย่างเคลิบเคลิ้ม ...ฟังเพลินดี” เธอบอก เมื่อเขาร้องเพลงจบลง

“ชอบฟังเพลงลูกทุ่งสมัยเก่าเหรอ”

“ชอบสิ เคยได้ยินตายายชอบฟังเพลงเก่าอย่างนี้รู้สึกว่าเพราะดี หนึ่งชอบฟังเพลงที่ฟังนุ่มหู เนื้อเพลงเกี่ยวกับความรักที่ยังมีความสุขอยู่”

“อ๋ออย่างนั้นเอง ดีนะชอบเพลงที่พี่ร้อง ปกติพี่ตามหาตัวหนึ่งเจอยากมาก ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่สนใจใคร พอมีเสียงเพลงเท่านั้นเหมือนมีมนต์ดลใจเรียกให้ออกมาหาได้อย่างง่ายดาย พี่เพิ่งจะรู้นะนี่... ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้คงจะมานั่งร้องเพลงเรียกให้ออกมาหาตั้งนานแล้ว”

“แต่หนึ่งชอบฟังเฉพาะเพลงเพราะเสนาะหู”

”อืม... อย่างนั้นฟังเพลงนี้ดีกว่า ...หนึ่งมิตรชิดใกล้ รู้จักไหมเพลงนี้” เขาบอก เห็นเธอยิ้มพยักหน้าให้แทนคำตอบ “ชื่นชีวันเมื่อฉันและเธอชิดใกล้... ฯลฯ” เขาร้องเพลงไปจนจบ แล้วถึงได้รับคำชื่นชมจากเธอ

“เพื่อนแอบรักเพื่อน เพลงนี้น่ารักดี หึ หึ...” เธอพูดกลั้วหัวเราะ

“ใช่... ตอนนี้หนึ่งน่ารักมาก พี่ชอบเวลาหนึ่งยิ้มสดใสร่าเริง พี่ทำให้หนึ่งมีความสุขใช่ไหมล่ะ” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจตัวเอง เชิดหน้าชม้ายชายตามองเธอ

“ทำไมต้องมาทำให้หนึ่งมีความสุข? หนึ่งไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพี่ยุติ” ทั้งน้ำเสียงทั้งสีหน้าสาวสวยหม่นลงขณะกล่าว

“อ้าว... ทำไมคิดอย่างนั้น หนึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผู้ชายมักอยากรักอยากชอบและอยากทำสิ่งที่ดีให้ทั้งนั้นแหละ เหมือนจะคิดว่าตัวเองไม่มีความหมาย หรือคิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า?”

“หนึ่งเป็นคนไม่มีประโยชน์อะไรกับใครหรอก” พูดด้วยสีหน้าเศร้าเหงาหงอย

“ในใจหนึ่งยังคงคิดถึงคนรักอยู่ล่ะสิ เขาคงเป็นคนทำให้หนึ่งรู้สึกอย่างนั้น? เพราะเขาทิ้งหนึ่งไป”

“อย่าพูดถึงเขา ต่อไปหนึ่งจะไม่คิดถึงเขาอีก”

“เอาละไม่พูดก็ไม่พูด อย่างนั้นมาฟังเพลงจากความรู้สึกส่วนหนึ่งของพี่” เขาบอก แล้วร้องเพลงเกี่ยวกับการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสิ่งที่ดีให้กับคนที่ตนรัก แม้คนรักจะสงสัยในเหตุผลว่าที่เขาทำนั้นต้องการสิ่งใดและทำเพื่ออะไร?

“ซึ้งจัง... รักมันมีเหตุผลของมัน ที่ทำเพราะต้องการทำให้ ผู้ชายแบบนี้ถ้ามีในโลกคงเป็นผู้ชายที่โรแมนติกดี หนึ่งว่าคนรักของเขาคงได้รับความสุขมากทีเดียว” เธอยิ้มแบบปลื้มใจ ในขณะยุติชี้มือที่ตัวเอง

“นี่... นี่ผู้ชายโรแมนติกคนนั้นนั่งอยู่ตรงนี้ พี่เอง... พี่เอง” เขาพูดย้ำซ้ำทำท่าร่าเริงขึ้นมา

“อืม... หนึ่งได้กลิ่นหอมอ่อนบางมาจากตัวพี่ยุติด้วย” เธอทำท่าสูดลมหายใจเข้าไปครู่หนึ่ง... แล้วจึงพินิจพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ยุติเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่งเท่าที่หนึ่งเคยเห็นมา เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่นี่สวยดี แถมใส่เครื่องประดับเก๋ทั้งสร้อยคอและสายหนังที่ผูกข้อมือ คงเพราะพี่ยุติเป็นนักดนตรีจึงต้องมีบุคลิกน่ามอง เพื่อความสุนทรียภาพควบคู่ไปกับความไพเราะของบทเพลง หนึ่งว่าผู้หญิงคงชอบผู้ชายหล่ออย่างพี่ยุติกันทั้งนั้น” เธอเธอพูดโดยไม่ได้คิดจะจีบเขาแต่อย่างใด ...ที่กล่าวชื่นชมเขานั้นสะท้อนออกมาจากสายตาที่เห็นตามความเป็นจริง

“ปลื้มใจจังที่หนึ่งชอบ อย่างนั้นจงมาเป็นแฟนพี่นะน้องหนึ่งคนสวย”

“ฮะ ฮะ ฮะ... จะจีบหนึ่งไปทำอะไร สาวแฟนเพลงของพี่ยุติมีเยอะแยะมากมายหลายคนอยู่แล้วยังไม่พออีกหรือ มีหนึ่งเป็นแฟนเพิ่มขึ้นอีกคนจะดูแลไหวเหรอ” เธอพูดไปหัวเราะไป หัวใจยังไม่อ่อนไหวไปกับเขาเท่าไหร่ จนกระทั่งเขาเอ่ยถ้อยคำต่อจากนี้...

“พี่เคยดูแลมานานแล้ว หนึ่งไม่รู้ตัวบ้างเหรอ” เขาพูดสั้นเพียงเท่านั้นพร้อมทั้งใช้สายตามองตรงมา ประสานแววตากันนิ่งนานอยู่สักพักหนึ่ง

“ดวงตาของพี่ยุติสวยมากนะ ขนตายาวชนิดผู้หญิงสู้ไม่ได้ หนึ่งคิดฝันแทนแฟนสาวของพี่ยุติได้เลยว่า พวกเธอคงหลงรักพี่ยุติ เพียงแค่ได้มองตาเท่านั้นในใจคงหวั่นไหวไม่ใช่เล่น”

“แล้วหนึ่งล่ะเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า เวลาที่ได้มองตาพี่” เขาจ้องมองไม่วางตา จึงเห็นว่าเธอเลี่ยงหลบสายตาพร้อมอมยิ้มจนเห็นลักยิ้ม ...ไม่มีคำตอบ เขาสังเกตปฏิกิริยาของเธออยู่อย่างตาไม่กระพริบ ในใจพองโตเต็มไปด้วยความปลื้มสุดปลื้มจนเปล่งประกายออกมาทางสายตา ท่าทีที่เธอแสดงให้เห็นเป็นไปได้ว่าเธอนั้นชอบใจเขาไม่น้อย

“พระจันทร์คืนแรมคืนนี้ยังดวงโตอยู่เลยนะพี่ยุติ เพิ่งเริ่มต้นข้างแรมพระจันทร์ยังสุกสว่างเกือบเต็มดวงอยู่ หนึ่งชอบแสงจันทร์นวลแบบนี้ บรรยากาศที่สงบเงียบเย็นสบายไม่ร้อนอย่างตอนกลางวัน” เธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อแก้เขิน แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เต็มไปด้วยดาวมากมายรายรอบพระจันทร์คืนแรมดวงโตที่ดูราวกับเต็มดวงอยู่

เขามองตามเธอไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมามองดูเธอ... ในท่าทางการนั่งแบบชันเข่าเล็กน้อยตามความยาวของม้านั่ง มือทั้งสองข้างสอดประสานกันวางบนเข่า ยามนี้แสงจันทร์กระจ่างส่องสว่างเรื่อเรืองกระทบเรือนร่างเพรียวบาง ดูเหมือนผิวพรรณขาวเนียนนวลจะสะท้อนรับกับแสงจันทร์ ราวกับผิวกายนั้นเรืองแสงนวลออกมาได้ เสื้อผ้าชุดนอนเนื้อบางเบาดูสวยหวานเย้ายวนชวนมอง

“สวยจริงเลยนะหนึ่งนี่พี่ชอบมอง มองแล้วสุขใจ”

ได้พูดคุยกันในค่ำคืนดึกดื่นคืนนี้มีเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมก้องไป ใจของสาวที่เหงาหงอยค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ค่อยพูดคุยเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างให้ความเป็นกันเองมากขึ้น

“ขอบคุณที่พี่ยุติชมว่าหนึ่งสวย ไม่ค่อยมีใครชมหนึ่งเท่าไร เพราะหนึ่งไม่เคยคบเพื่อนชายเลย”

“เป็นไปได้เหรอ สวยขนาดหนึ่งไม่มีใครมาจีบ? ไม่น่าเชื่อ”

“คงมีคนมาจีบ แต่หนึ่งไม่เคยสนใจใคร หนึ่งเป็นคนไม่มีเพื่อน ไม่ชอบคบเพื่อนวัยเดียวกันทั้งเพื่อนชายเพื่อนหญิง มีแต่เพื่อนต่างวัยต่างฐานะ แล้วสมัยเรียนนี่มีแต่คู่ต่อสู้”

“หา!? คู่ต่อสู้” เขาอุทาน พูดซ้ำตามเธอ

“สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีคนญี่ปุ่นนิยมมวยไทยกันมากและหนึ่งก็เป็นมวยไทย นักมวยหญิงของค่ายคือหนึ่งนี่เอง คู่ต่อสู้ที่สูสีที่สุดคือลูกสาวยากูซ่า หนึ่งนับถือฝีมือของเขา และเขาก็นับถือฝีมือหนึ่ง เราชกกันบนสังเวียนบ่อยมาก ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ คนดูชอบดูเราสองคนปะทะกัน เคยได้รับการจัดให้เป็นมวยคู่เอกด้วยล่ะ ขนาดป๋ากับแม่ยังพากันมาดูมาเชียร์หนึ่งแทบทุกนัด”

“โอ้โฮน่ากลัว... อย่างนี้ผู้ชายเกรงใจไม่กล้าจีบแน่”

“คงจะอย่างนั้น” เธอยอมรับพร้อมยิ้มเหงาหงอย “ทุกวันนี้ยูริยังส่งเมล์มาคุยกับหนึ่งบอกว่าคนดูเรียกร้องอยากดูหนึ่งกับเขาขึ้นเวทีชกด้วยกันอีก หนึ่งดีใจนะที่มีคนมากมายคิดถึงหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมหนึ่งเบื่อทุกอย่าง ไม่มีกระจิตกระใจจะกลับไปที่นั่นอีก ทุกครั้งพี่ไทธรรพ์มาดูมาให้กำลังใจหนึ่งตลอด แต่วันนี้ไม่มีอีกแล้ว ฮือ ฮือ...” เธอร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

“อ้าว... แล้วกัน! ร้องไห้ขึ้นมาเฉยเลย แล้วจะทำยังไงดี พี่ทำอะไรไม่ถูก” เขาได้แต่มองเธอที่กำลังร้องไห้ แหงนหน้าขึ้นบนฟ้าหลับตา ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงทางหางตา “พี่ร้องเพลงนี้ให้ฟังดีกว่า เพลงเศร้าละกันนะ”





ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2559, 20:09:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2559, 20:09:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 943





<< ตอน 6 [2]   ตอน 7 [2] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account