แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 11 - 100%
ตอนที่ 11 - 100%
“พี่ไม่เห็นบอกผมเลยว่าผมจะต้องออกงานคู่กับเดหลี” ธรรศพูดด้วยหน้าตาเครียดทันทีเมื่อเข้าห้องทำงานส่วนตัวพี่ชาย หลังจากพยายามอดทนไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นในห้องประชุมว่าเขาอึดอัดมากขนาดไหน
นายแบบหนุ่มไม่อยากมีปัญหาเรื่องอดีตคู่หมั้นพี่ชายอีก แต่ธรรศก็สังเกตได้ว่าเดหลีก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรกับธรรศมากนัก ออกจะสนใจปราณนท์มากกว่า แต่ถึงอย่างไรธรรศก็ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เขาถึงได้พยายามอยู่ห่าง ๆ ช่อแก้วและครอบครัวปราชญ์ดามาตลอด
“ทำยังไงได้ พ่อและพี่ปฏิเสธทางเดหลีไม่ได้นี่นา ธรรศก็รู้ดีใช่ไหมว่าบริษัทเราได้รับการช่วยเหลือจากทางครอบครัวเดหลีมาตลอดตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้ว” ปราชญ์ดาวางมือบนไหล่น้องชายที่ยืนหน้าบึ้งหน้าตูมอยู่ พร้อมบอกให้เข้าใจเหตุผล “ก็แค่งานน่ะธรรศ อย่าคิดมาก”
“แน่ใจนะครับ” ธรรศเคยมีประสบการณ์ถูกพี่ชายจับคู่มาก่อนนั้นไม่ค่อยอยากจะไว้ใจเลย เรื่องเมื่อสามปีก่อนสร้างปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก
“เรื่องเมื่อสามปีก่อนพี่ต้องขอโทษนายจริง ๆ พี่ไม่คิดว่าคุณย่าจะโกรธแล้วเข้าใจนายผิดขนาดนั้น” แววตาของปราชญ์ดาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวในอดีต
ธรรศจะทำอย่างไรได้ เวลานี้ต่อมนิสัยคนขี้ใจอ่อนทำงานเต็มที่ ก็เลยทำได้แต่ถอนหายใจแล้วถามพี่ชายอีกคำถาม
“ทำไมพี่ถึงไม่ชอบเดหลีล่ะครับ ผมว่าพี่ปั้นน่าจะชอบแบบเดหลีนะ เธอมีคุณสมบัติเหมาะสมกับพี่ทุกอย่างเลย” ไม่ว่าจะหน้าตา ฐานะ หรือเรื่องธุรกิจ
“แล้วทำไมนายถึงไม่ชอบช่อแก้วล่ะ ช่อแก้วก็ดีกับนายมากนะ จงรักภักดีรักนายมาตลอด แถมนายก็รู้ว่าช่อแก้วเป็นหลานรักคุณย่า ช่อแก้วพูดอะไรคุณย่าก็ใจอ่อนทุกเรื่อง บางทีช่อแก้วอาจจะเป็นกาวใจระหว่างนายกับคุณย่าก็ได้”
ธรรศเบิกตากว้างกับคำถามของปราชญ์ดา ด้วยไม่คิดว่าจะถูกถามกลับเช่นนี้ หากเขาก็มีคำตอบให้พี่ชายแทบจะทันที
“มีใครบังคับเรื่องความรักได้บ้างล่ะครับ แล้วผมก็ไม่สนเรื่องผลประโยชน์จากความรักด้วยสิ ผมไม่ต้องการอะไรจากคนรักนอกจากเห็นเขามีความสุขแค่นั้นจริงๆ”
“พระเอกทั้งในจอและนอกจอเลยนะ” ปราชญ์ดาหัวเราะพร้อมแซวน้องชาย ก่อนจะพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคนพูด “ใช่ อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ความรักเป็นสิ่งนอกเหนือการควบคุม พี่เองก็อยากจะเจอความรักของพี่เหมือนกัน”
เสียงของปราชญ์ดาทั้งเศร้าและชวนให้สงสัย ธรรศมองหน้าพี่ชายด้วยความอยากรู้ อยากจะหยั่งไปถึงความนึกคิด จิตใจของปราชญ์ดาให้ลึกจนเห็นสิ่งที่พี่ชายซ่อนอยู่ ความรักแบบไหนที่พี่ชายของเขาใฝ่ฝันถึง
หากปราชญ์ดาก็ยังคงดูยากอยู่ดี ธรรศจึงเลิกพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าวันข้างหน้าพี่ชายจะต้องพาคนรักมาให้เห็นบ้างแน่ๆ
ธรรศได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของปราชญ์ดาส่งเสียงดัง เขารู้ดีว่างานของพี่ชายค่อนข้างจะยุ่งจึงไม่อยากรบกวนเวลาพี่ชายอีก
“ผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ มีนัดคุยงานต่อด้วย”
“โอเค พี่จ้างคนขับรถให้ทั้งนายและต้าหลิงแล้วนะจะได้ไม่มีใครหลับในจนเกิดอุบัติเหตุอีก ไม่ว่าที่บ้านจะมีใครคิดยังไงกับนายแต่นายก็คือน้องพี่นะธรรศ อย่าลืมซะล่ะ”
ธรรศรู้ซึ้งถึงความห่วงใยของพี่ชายดี แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมท้องแม่เดียวกัน แต่ธรรศก็รู้ดีว่าปราชญ์ดาหวังดีต่อเขามาตลอด เขาจึงไม่คิดโกรธเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่ปราชญ์ดาพยายามจับคู่จนคุณย่าเข้าใจเขาผิด อีกอย่างเรื่องมันแล้วไปแล้ว ธรรศไม่อยากเก็บมาคิดให้ช้ำใจอีกครั้ง
“ครับ”
เมื่อน้องชายเดินออกไปแล้ว ก็เป็นพี่ชายเสียอีกที่ยังถอนหายใจกับเรื่องในอดีต การทำให้คุณย่าโมโหธรรศไม่ใช่ความตั้งใจเลย แต่ก็ยอมรับว่าปราชญ์ดาอยากปัดปัญหาเรื่องเดหลีให้พ้นทางจริง ๆ เพราะพยายามอย่างไรปราชญ์ดาก็ชอบเดหลีไม่ลงจริง ๆ
ปราชญ์ดาเหม่อจมกับความคิดตัวเองจนเสียงโทรศัพท์หยุดดัง ภายในห้องทำงานกลายเป็นเงียบสนิท ตู้หนังสือมุมห้องที่ค่อนข้างอับแสงปรากฏเงาดำ เงาดำนั้นค่อย ๆ หนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นรูปเป็นร่างหญิงสาวผมยาวจนถึงบั้นเอว นอกจากดวงตาแดงก่ำของเธอแล้วก็ไม่เห็นรายละเอียดอื่นใดอีก ดวงตาแดงก่ำเหมือนสีของเลือดนั้นจ้องมองร่างสูงนิ่งและนานจนปราชญ์ดารู้สึกตัวแล้วตวัดสายตากลับไป เงาดำจางหายไปทันที มุมห้องอับแสงกลับกลายเป็นว่างเปล่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบยกหูโทรศัพท์ตอบรับคนในสาย เลิกสนใจว่าที่มุมห้องนั้นจะมีอะไรหรือใครอยู่หรือไม่ก็ตาม
ทันทีที่กลับจากสยาม อาร์ทีที บริษัทผลิตและจำหน่ายยางอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ดนุวัศ บอสใหญ่แห่งเลมอนพาย เรียกทีมงานที่ดูแลลูกค้าใหญ่เจ้านี้ประชุมด่วนเพื่อแจกจ่ายงานให้แต่ละฝ่าย
แม้แผนงานโปรโมทแบรนด์ยางรถจะถูกเลื่อนออกไป เพราะสยาม อาร์ทีที อยากให้เสนอแนวทางโปรโมทยางคู่กับบริษัทนำเข้ารถแข่งก่อน หากดูตามตารางที่วางไว้ก็ทำให้ทีมงานต้องทำงานทั้งสองแคมเปญไปแทบจะพร้อมกันอยู่ดี
ทั้งบ่ายวันนี้จึงค่อนข้างวุ่นวายมาก กระทั่งเวลาล่วงเลยจนสองทุ่มกว่า พนักงานคนอื่นต่างกลับบ้านกันหมดแล้ว แต่รวินท์รดายังนั่งคิดงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพียงลำพัง เธอกำลังนั่งออกแบบแนวทางของอีเวนท์รถแข่ง รวมถึงสไตล์เสื้อผ้าของพรีเซนเตอร์หนุ่มหล่อสาวสวยว่าจะออกมาในแบบไหน จะแรงหรู หรือเปรี้ยวเท่ ครีเอทีฟสาวลองตัดต่อพรีเซนเตอร์หนุ่มสาวกับตัวอย่างแบบชุดต่าง ๆ ที่เธอคิดเตรียมไว้ เพื่อที่จะนำเสนอให้เจ้านายได้เห็นภาพง่าย ๆ
สำหรับรวินท์รดา งานตัดต่อภาพทางคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายมาก แต่ทำไมพอเห็นหน้าของธรรศ รวินท์รดาถึงได้ใจว้าวุ่นฟุ้งซ่านขนาดนี้นะ ยิ่งเวลาต้องขยายภาพหน้าของชายหนุ่มเต็มหน้าคอมพิวเตอร์ หัวใจของเธอก็เต้นแรงจนต้องหลบตาเป็นพัก ๆ เธอจนใจ ยกธงขาวยอมรับความพ่ายแพ้อานุภาพหล่อเหลาของเขาจริง ๆ
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงคลิกเมาส์ของเธอดังเป็นระยะ ๆ อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินฝีเท้าคน!
รวินท์รดาลุกจากเก้าอี้มองไปยังรอบ ๆ ออฟฟิศ เวลานี้ไม่น่าจะเหลือใครในออฟฟิศแล้ว ไฟตรงจุดอื่นก็ปิดมืด เหลือแค่ไฟตรงโซนเธอและไฟตามทางเดินเท่านั้น รวินท์รดาถอนหายใจหนัก ๆ นึกสงสัยว่าอาจจะเป็นวิญญาณสักดวงมาป่วนเธอ
วิญญาณเหรอ … รวินท์รดากลืนน้ำลายลงคอ เธอดันคิดถึงวิญญาณเงาดำที่น่ากลัวดวงนั้นขึ้นมาเสียได้ แค่คิดถึงแข้งขาเธอก็แทบหมดแรงยืน ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเจอผีน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย แต่รวินท์รดาก็ไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงได้กลัวผีเงาดำนั่นขนาดนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่รวินท์รดาเหมือนจะได้คำตอบ ผีเงาดำเคยทำร้ายธรรศ รวมถึงตั้งใจผลักรถเข็นของมาชนเธอในวันที่ธรรศแถลงข่าว เธอมั่นใจว่าผีเงาดำนั่นต้องชอบทำร้ายคนเป็นแน่
“ดึกแล้ว ยังไม่เลิกงานอีกหรือครับ” อยู่ ๆ เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง รวินท์รดากำลังคิดเรื่องผีเงาดำจนทำให้เธอตกใจถึงกับหลุดกรี๊ดออกมาเสียงหลง
“กรี๊ด!!” เธอร้องก่อนจะผลักอีกฝ่ายอย่างแรง
“บัว!!”
เธอลืมตาเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเธอ เห็นร่างสูงกำลังหงายหลังจากการถูกผลักอย่างแรง รวินท์รดาถึงกับเบิกตากว้างทันทีที่เห็นเต็มสายตาว่าอีกฝ่ายนั้นคือใคร!!
“คุณธรรศ!!” รวินท์รดาร้องเสียงหลง ความตกใจทำให้เธอยื่นมือไปคว้ามือหนาไว้ ตัวของธรรศทั้งสูงกว่าและหนักกว่า ผลคือพากันล้มลงพื้นไปทั้งคู่
“โอย” ธรรศโอดเบา ๆ เวลานี้เขากลายเป็นเบาะรองรับร่างบาง แม้จะเจ็บตัวแต่เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่บนตัวเขา เขาก็ยิ้มและนอนอยู่อย่างนั้น
“คุณธรรศ! บัวขอโทษค่ะ คุณเจ็บหรือเปล่า” รวินท์รดารีบลุกจากร่างสูงอย่างทุลักทุเล พร้อมช่วยจับมือดึงอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นด้วย
“เจ็บสิครับ ผมเพิ่งรู้ว่าคุณก็หนักเอาเรื่องนะบัว”
“ว่าไงนะคะ” รวินท์รดาตกใจ หน้าขาวพลันแดงแป๊ด เถียงอะไรไม่ออกเลย พักนี้เธอยิ่งกังวลกับน้ำหนักตัวอยู่ด้วย
“ผมล้อเล่นน่ะ คุณไมได้หนักอะไรขนาดนั้นหรอก ขอโทษนะ” ธรรศเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงและเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำกลับก็รู้สึกว่าเขาอำเธอแรงไปแล้ว
“ไม่หรอก ฉันคงอ้วนแล้วจริง ๆ นั่นแหละ” เวลานี้รวินท์รดาอยากจะร้องไห้จริง ๆ เลย เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณธรรศคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ ในเวลานี้ด้วย” ปกติแล้วคนนอกไม่มีทางเข้าออกบริษัทนอกเวลางาน
“อ่อ นายนุเปิดให้เข้ามาน่ะ ผมนัดเจ้านั่นว่าจะไปหาอะไรดื่มกัน แต่ดูเหมือนจะล่มแล้วล่ะ เจ้านั่นดันทะเลาะกับแฟนน่ะสิเลยต้องรีบไปง้อ ผมโดนทิ้งแล้วล่ะบัว” ชายหนุ่มทำเสียงตัดพ้อกับประโยคสุดท้าย เรียกหาความเห็นใจจากหญิงสาวเบื้องหน้า โดยไม่บอกความจริงว่าเขาขอให้ดนุวัศกลับไปก่อนเมื่อรู้ว่าเธอยังไม่กลับบ้าน
หัวใจรวินท์รดาสะท้านกับแววตาเศร้าหงอยเหงาแต่ระยิบระยับของคนตัวสูง เล่นเอาต้องหลบตาไปมองจุดอื่นเป็นพัลวัน
“คุณก็กลับบ้านไปสิคะ โดนทิ้งแล้วนี่นา”
“ใจร้ายจริง ไม่สงสารผมหน่อยหรือบัว” ธรรศหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้โต๊ะข้าง ๆ แล้วปรายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หญิงสาวทำงานค้างอยู่
“ทำไมบัวต้องสงสารคุณด้วยล่ะ บัวรีบทำงานนะคุณธรรศ คุณรีบกลับไปเถอะค่ะ” รวินท์รดาโต้แย้งด้วยหน้ามุ่ย ๆ ไล่เขาแบบไม่แยแสสายตาละห้อยอีกฝ่าย
“นั่นผมหรือ … อืม ผมว่าชุดดูไม่ค่อยเข้ากับผมนะ” ธรรศไม่สนการถูกขับไล่ เขานั่งเท้าคางกับโต๊ะ นิ่วหน้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นหัวของตัวเองแปะอยู่กับตัวคนอื่นในชุดนักแข่งรถสีแดงแบบสวมทั้งตัว “ผมไม่ค่อยเข้ากับพวกชุดสีแดงเท่าไหร่ มันแรงไปสำหรับผม จริงสิผมเคยถ่ายแบบชุดแนว ๆ นี้อยู่นะ ลองเสิร์ชหาดูมั้ย”
รวินท์รดานั่งลงบนเก้าอี้ ธรรศเริ่มเลื่อนเก้าอี้ใกล้เธอมากขึ้น เขากดคีย์บอร์ดเพื่อหารูปตัวเองในอินเตอร์เน็ตให้หญิงสาวดูเป็นตัวอย่าง
ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้นะ … ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากกายสูง ต้นแขนกำยำกระทบต้นแขนเล็กเบา ๆ ก็สร้างความรู้สึกอุ่นซ่ายไปทั้งกาย ความใกล้ชิดเป็นเหมือนมนต์สะกดให้หญิงสาวเอาแต่นั่งเฉย แอบมองหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม
แล้วคิดถึงคำแนะนำของกีรณา เพื่อนซี้สาวสุดเปรี้ยวขึ้นมา
ครีเอทีฟสาวตั้งคำถามแบบเรื่องสมมติกับเพื่อนคอลัมนิสต์สาว
‘ถ้ามีคนที่เขาดูดีมากมาชอบแก แกจะทำยังไง จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจริงใจ’
‘แล้วเขาผิดตรงไหนที่เขาหล่อหรือดูดีล่ะ คนเราเลือกเกิดได้หรือ แกก็เลือกเกิดไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม ฉันว่าเอาเรื่องแบบนี้มาตัดสินว่าเขาจะหลอกแก เขาเป็นคนไม่ดี มันออกจะใจแคบไปหน่อยนะ ทำไมไม่ทำความรู้จักเขาแทนล่ะ เขาอาจจะคือรักแท้ที่แกตามหาก็ได้นะบัว’
รวินท์รดากำมือตัวเองแน่นอย่างสับสน เธอควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ก็ชอบ แต่ก็กลัว เหมือนมีบางสิ่งคอยรั้งไม่ให้เธอตกหลุมรักธรรศไปมากกว่านี้
‘แต่ฉันยังไม่พร้อมจะรับมือความเจ็บปวดจากความรักได้ … กลัวจะต้องเสียใจ’
‘เรื่องเสียใจ ถ้าสุดท้ายความรักจะต้องจบลง แต่อย่างน้อยแกก็ได้ทำตามใจที่แกต้องการใช่ไหม ไม่มีคำว่าเสียเวลาหรอกนะ แต่ถ้ายังไม่ได้เริ่มแล้วเอาแต่หนี นี่สิที่น่าเสียดายโอกาสนั้น’
“บัว เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงของธรรศปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ความคิด รวินท์รดาสบดวงตาคมปลาบเบื้องหน้า ไออุ่นแผ่ซ่านจากแววตาละมุน ความอ่อนหวานโอบล้อมรอบกาย เธอยิ่งกลัวใจตัวเอง
“ยังโกรธผมอยู่หรือ”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา แล้วถามเขาทั้งที่ยังกำมือแน่นอยู่บนตัก
“คุณคิดจะแก้ความเข้าใจผิดเรื่องของเรากับพี่ชายคุณและคุณช่อแก้วยังไงหรือคะ”
“ผมไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้น แต่ผมจะทำให้พวกเขาเข้าใจถูก”
“คุณมั่นใจหรือคะ คนแบบคุณจะมาชอบผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันหรือคะ” รวินท์รดาถามกลับ
ธรรศส่งยิ้มอ่อนโยน มือหนายกขึ้นเกี่ยวเส้นผมข้างแก้มใสไปทัดไว้หลังหูเล็กๆ ของคนขี้สงสัย
“บนโลกใบนี้คุณอาจจะเป็นผู้หญิงธรรมดา แต่สำหรับผม คุณคือคนพิเศษนะบัว ตั้งแต่ที่ผมชนกับคุณครั้งแรก ผมก็รู้ว่าคุณพิเศษสำหรับผม” ถ้าไม่เช่นนั้น เขาจะไปหาเธอในความฝันได้อย่างไร ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด ธรรศก็ขอบคุณที่ทำให้เขาได้พบช่วงเวลาพิเศษนั้น
ดวงตากลมกำลังประกายความหวั่นไหว หญิงสาวเขินเกินกว่าจะสบตาพระเอกปากหวาน
“บทละครเรื่องไหนของคุณคะ”
“ใจร้าย ผมพูดออกมาจากใจผมเลยนะ จริง ๆ ถ้าตัดเรื่องอาชีพของผมออกไป ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนะ แถมยังเป็นตัวอันตรายกับคนใกล้ชิด ผมกลัวผมจะเป็นอันตรายสำหรับคุณด้วยแต่ผมก็ไม่อยากเสียคุณไปอีก ให้โอกาสผมได้ไหมบัว ให้เราได้รู้จักกันมากกว่านี้”
รวินท์รดาหวั่นไหวต่อทุกคำของชายหนุ่ม “ให้เวลาฉันหน่อยเถอะค่ะ” เธอหลบตาลง หากในน้ำเสียงก็บอกได้ว่าเธอยอมแพ้ชายหนุ่มแล้ว
“ผมให้เวลาคุณได้เสมอ ต่อให้รอจนแก่ผมก็จะรอ” ธรรศไม่เร่งเร้าเอาคำตอบ ก่อนจะหันไปสนใจรูปที่หญิงสาวติดไว้ตรงพาร์ทิชั่นข้างโต๊ะทำงาน “รูปดอกบัวสีเหลือง” ธรรศมองรูปดอกบัวอย่างสนใจ ถ้าจำไม่ผิดเขาเคยเห็นรูปดอกบัวนี้ที่บ้านหลังเล็กกลางสวนของปราชญ์ดา
“เพื่อนฉันถ่ายมาให้น่ะค่ะ” รวินท์รดามองตามไปที่รูป
ธรรศเลิกสนใจกับเรื่องรูปที่เหมือนกัน ดอกบัวสีเหลืองก็มีเยอะแยะ บางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
“ผมว่านี่ก็ดึกมากแล้ว กลับบ้านเถอะนะ” ธรรศแนะนำ รวินท์รดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอไม่มีสมาธิจะทำงานต่อจึงรีบปิดคอมพิวเตอร์และหยิบกระเป๋าสะพาย เดินออกมาจากออฟฟิศพร้อมกับธรรศซึ่งเพิ่งได้รับสายจากต้าหลิงว่ากำลังจอดรถรอเขาอยู่ด้านหน้าบริษัทโฆษณา
หากธรรศก็ยังเดินช้า ๆ เคียงข้างหญิงสาว ไม่รีบร้อนไปที่รถตู้แต่อย่างใด อากาศตอนนี้กำลังดี ถ้าทำได้ธรรศก็อยากจะยืดเวลานี้ไปอีกนาน ๆ
แต่ความจริง เขาก็ยังต้องร่ำลาหญิงสาวอยู่ดี
“ไว้เจอกันวันฟิตติ้งนะครับ ฝากความคิดถึงถึงดาร์ลิ้งด้วยนะ ไว้ผมจะหิ้วขนมไปฝากเจ้าดาร์ลิ้งใหม่” เขาลูบผมเธออย่างกับลูบขนเจ้าดาร์ลิ้ง
“ขนมคราวก่อนยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะ และบัวว่ามันก็อ้วนมากขึ้นด้วย”
“ไว้ผมจะไปพิสูจน์นะ” ธรรศอยากเห็นว่าลูกแมวจะอ้วนอย่างที่แม่แมวบอกจริงหรือเปล่า แล้วยังอิดออดไม่ยอมไปที่รถตู้เสียที เขาถามเธออ้อน ๆ “ผมโทรหาบัวได้ไหม”
“คุณไม่ยุ่งหรือคะ” เธอถามกลับ
“ไม่หรอก ผมมีเวลาให้บัวเสมอ ผมจะโทรหาคุณทุกวันเลย”
“ไปได้แล้วค่ะ คุณต้าหลิงเดินมาตามแล้ว” รวินท์รดาเขินชอบกล เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาหวานเยิ้มให้เธอ
“โอเค ผมจะโทรหาคุณนะ ขี่รถกลับดี ๆ นะครับ” ธรรศยิ้มกว้างเพราะหญิงสาวไม่ปฏิเสธเขา ก่อนจะเดินไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่
รวินท์รดายกมือสัมผัสศีรษะตรงจุดที่ธรรศสัมผัสเมื่อครู่ เขายังทิ้งร่องรอยความอบอุ่นไว้อยู่บนเรือนผมของเธอ หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาสามารถทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอคือคนพิเศษของเขาจริง ๆ
โดยทั้งคู่ไม่รับรู้เลยว่าถูกบุษบาจับตามองอยู่ แววตาวิญญาณสาวจากยุคอดีตเต็มไปด้วยความห่วงใยชายหนุ่มหญิงสาวอย่างมาก
แต่ด้วยความสามารถที่เธอมีมันไม่มากพอจะปกป้องคนทั้งคู่ ตราบใดที่เธอยังถูกพันธนาการไว้ ไม่ว่าจะกักขังวิญญาณไม่ให้เธอไปตามทางที่ควรจะเป็น หรือแม้แต่อำนาจที่ทำให้เธอไม่สามารถพูดความจริงบางเรื่องได้ ‘มัน’ ต้องการให้เธอเห็นจุดจบที่อาจจะซ้ำรอยกับอดีต
ไม่มีทาง!
หม่อมเจ้าหญิงกำมือแน่น ใจหมายมั่นว่าจะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำลายความรักของน้องสาวที่ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งได้อีก ต่อให้เธอจะดับสูญไป เธอก็จะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่นอน!
สามวันต่อมาธรรศกลับถึงบ้านในสวนของปราชญ์ดาเกือบสี่ทุ่ม สามวันมานี้เขาไม่ลืมสัญญาที่บอกใครอีกคนเอาไว้ เขาเดินคุยโทรศัพท์มือถือระหว่างเดินเข้าบ้าน
“ผมเพิ่งถึงบ้าน พรุ่งนี้จะได้เจอกันแล้วนะ” นายแบบหนุ่มจะได้ไปลองชุดนักแข่งในวันรุ่งขึ้น “นี่คุณยังทำงานอยู่หรือ อย่าหักโหมมากนะผมเป็นห่วง ครับ พ่อแมวฝากความห่วงใยไปถึงลูกแมวด้วยนะครับแม่แมว”
ธรรศหัวเราะอย่างสดใส โลกที่เคยเป็นสีเทา ๆ ของเขากลายเป็นสีชมพู ดอกไม้บานสะพรั่งรอบตัว
ช่อแก้วที่มาดักรอธรรศได้แต่ยืนเงียบทั้งน้ำตา แม้จะเคยอยากได้ยินเสียงอ่อนโยน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของธรรศมาตลอด แต่พอได้ยินสมใจ ก็ไม่ต่างกับมีดแหลมกรีดแทงใจเธอเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ และคงไม่มีวันนั้น
วันถัดมา
ปราชญ์ดาจอดรถคันหรูของเขาหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะส่งกุญแจรถให้คนดูแลนำไปจอดในโรงรถอีกที เย็นนี้คุณย่าเรียกให้ลูกหลานมารวมตัวกินมื้อเย็นด้วยกัน ปราชญ์ดาจะไม่แปลกใจถ้าหากคุณย่าไม่เรียกธรรศมาร่วมมื้อเย็นด้วยกัน
พี่ชายหันมองน้องชายที่เดินทางมาด้วยกัน ธรรศเพิ่งไปวัดตัวลองสวมชุดนักแข่งเตรียมถ่ายแบบในวันรุ่งขึ้น วันนี้ธรรศก็ไม่ได้แสดงออกว่าอึดอัดเมื่อต้องอยู่ใกล้เดหลี อาจจะเป็นเพราะปราณนท์ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้ และดูเหมือนปราณนท์จะตัวติดกับเดหลีแทบตลอดเวลา
บางที อาจจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ก็ได้
“ผมเข้าไปจะดีหรือครับ” ธรรศถามอย่างไม่มั่นใจ เมื่อไม่ได้เจอหน้าคุณย่ามาร่วมสามปีแล้ว คุณย่าจะไม่ไล่ตะเพิดออกมาจากบ้านจริง ๆ หรือ
“คุณย่าบอกเองว่าให้ชวนนายมาด้วยนะ ท่านแก่มากแล้วล่ะธรรศ ท่านอาจจะปล่อยวางมากขึ้นก็ได้” เช้าเมื่อวาน ปราชญ์ดาได้ยินเองกับหู คุณย่าพูดอย่างชัดเจนว่าให้ชวนธรรศมาร่วมมื้ออาหารด้วยกัน
แม้ปราชญ์ดาจะแปลกใจ แต่ก็คิดไปในทางที่ดีไว้ก่อน
หากก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้าน คนพี่กลับชะงักกับวิญญาณหม่อมเจ้าหญิงบุษบาได้ปรากฏตัวเบื้องหน้า ปราชญ์ดามองใบหน้าหวานที่โปร่งใสอย่างตกใจ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เด็กรับใช้ในบ้านก็ส่งเสียงเรียกเขาเสียก่อน
“คุณปั้น คุณธรรศคะ นายผู้หญิงบอกให้ไปห้องอาหารได้เลยค่ะ”
“อืม” ปราชญ์ดาเบนสายตาไปยังเด็กรับใช้ แต่พอกลอกตากลับมาตรงหน้าอีกครั้ง หม่อมเจ้าหญิงบุษบาก็หายตัวไปแล้ว
“พี่ปั้น มีอะไรหรือครับ” ธรรศถามเมื่อเห็นพี่ชายหยุดเดิน ทำหน้าแปลก ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ” พี่ชายบอกแล้วเดินนำเข้าบ้าน ตรงไปยังห้องอาหารก็พบคุณปู่ คุณย่า บิดา มารดา คุณอา รวมถึงช่อแก้ว และเชรีนั่งรอบโต๊ะกลมรออยู่ก่อนแล้ว สำหรับปราณนท์คงจะใกล้จะถึงบ้านแล้วเช่นกัน
ธรรศรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอึดอัด คุณลุงธราดลยิ้มต้อนรับเขาดี ผิดกับป้าสะใภ้ ทิพวรรณและวธิดา คุณอาซึ่งดูแล้วไม่อยากเห็นหน้าธรรศมากนัก
“นั่งสิ ตาธรรศ” คุณย่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณปู่เรียก เชรีลุกไปขยับเก้าอี้ตัวระหว่างเธอกับช่อแก้วให้อย่างกะตือรือล้น
“พี่ธรรศมานั่งข้างพี่ช่อกับเชรีนะคะ”
ธรรศลอบถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตานั่งข้างช่อแก้ว แม้ช่อแก้วจะส่งสายตาและรอยยิ้มอย่างยินดีแค่ไหน ธรรศก็ไม่สนใจจะรับรู้ ทำเอาเจ้าของรอยยิ้มใจแป้วหน้าเสียไปทันที
“มาแล้วครับคุณปู่คุณย่า ขอโทษครับผมมาช้าใช่ไหมเนี่ย” ปราณนท์บอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามอุปนิสัยเจ้าตัว
“พี่ปิงมาช้าค่ะ เชรีหิวแล้วนะคะ” เชรีแกล้งบ่นพี่ชาย
“ก็พี่ไปส่งนางแบบของบริษัทมานี่นา พี่ไปทำงานนะเชรี” ปราณนท์บอกเหตุผล
“เอาเถอะ ๆ กินข้าวกันก่อนนะ ย่ามีเรื่องจะคุยด้วยตอนเรากินของหวานกัน”
ธรรศไม่ค่อยเจริญอาหารนัก เขาลอบมองสีหน้าคุณย่าก็อดใจหายไม่ได้ ท่านแก่ขึ้น และดูอ่อนแรงอิดโรยมาก จนถึงเวลาของหวาน ผลไม้วางแทนที่กับข้าวตรงกลางโต๊ะ และวัลภาก็บอกถึงเหตุผลที่เรียกหลานมารวมตัวกันในวันนี้
“ย่าอยากให้ปั้นสอนงานช่อแก้วเขา ให้ช่อแก้วเรียนรู้งานในบริษัทบ้าง”
“คุณย่าว่ายังไงนะครับ” ปราชญ์ดาตกใจ ไม่เชื่อหูว่าคุณย่าจะไหว้วานเขาเรื่องนี้
“ย่าคุยกับปู่แล้ว ย่าห่วงว่าถ้าย่าไม่อยู่แล้ว หนูช่ออาจจะลำบาก ย่าตั้งใจจะยกหุ้นส่วนหนึ่งของย่าให้หนูช่อ เพราะฉะนั้นปั้นสอนน้องทำงานทีนะ” คุณย่าบอกด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ เย็น ๆ
“แล้วใครจะดูแลคุณย่าล่ะครับ” ปราณนท์มองอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน
“ย่ามีเด็กคนอื่นดูแลอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ย่ามาคิดดูแล้วจะเก็บหนูช่อไว้กับตัวเองไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งย่าไม่อยู่ ใครจะดูแลหนูช่อแทนย่า” วัลภามองหลานที่รับมาเลี้ยงเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ช่อแก้วเป็นหลานเพื่อนสนิทผู้หญิงของวัลภา ซึ่งวัลภาสนิทเหมือนญาติพี่น้องแท้ ๆ ช่อแก้วถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่แบเบาะ เธอจึงรักช่อแก้วมากจนอยากเก็บไว้ใกล้ ๆ ตัว
“คุณยายคะ คุณยายยังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” ช่อแก้วทักท้วง เพราะไม่อยากได้ยินคำไม่เป็นมงคลจากปากผู้มีพระคุณเช่นนี้
“ถ้าคุณย่าต้องการแบบนั้น ผมก็จะสอนงานช่อให้ครับ” ปราชญ์ดารับปากคุณย่า ทั้งที่ใจยังสงสัยหลายเรื่อง
“และเพราะยายห่วงหนูมากนะช่อ ก่อนยายจะตาย ยายก็อยากมั่นใจว่าช่อจะได้แต่งงานกับคนที่ดี ดูแลหนูแทนยายได้”
ปราชญ์ดาเห็นสายตาคุณย่าก็หวั่นใจ คุณย่าเลื่อนสายตามาหยุดที่เขา เขารู้ดีว่าท่านไม่มีทางดึงดันจะให้เขาแต่งงานกับเดหลีแล้วแน่ ๆ พ่อของเขาเพิ่งบอกว่าคุณย่ารู้เรื่องปราณนท์กับเดหลีแล้ว
ถ้าอย่างนั้นคนที่คุณย่าหมายตาก็ไม่พ้นเขาน่ะสิ หัวใจของเขาเต้นแรงเพราะไม่อยากจะให้ความกลัวเป็นเรื่องจริง ปราชญ์ดารู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดเต็มฝ่ามือ พลางคิดหาเหตุผลร้อยแปดที่จะปฏิเสธการจับคู่ของผู้เป็นย่า
แต่แล้วคุณย่าก็กลอกตาผ่านเขาไป ท่านมองหลานสาวคนโปรดด้วยแววตารักสุดหัวใจ
“ยายจะยกหนูให้ …”
“คุณย่าครับ” ปราชญ์ดาจะคัดค้าน แต่ว่าไม่ทันเมื่อคุณย่าพูดต่อว่า
“ตาธรรศ ย่าจะให้หนูแต่งงานกับตาธรรศ”
จบตอน
ขออภัยที่หายไปนาน
งานเยอะมากกกกกค่ะ
ถ้ามีผิด ตกหล่นตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ อ่านทวนไปรอบเดียว เวลาน้อยจริงเลยยย
เพิ่งจะเอาชนะใจหนูบัวได้ ก็แย่แล้ว
คุณธรรศจะทำอย่างไรต่อไปน้าา
คุณ kaelek - นายปิงกับเดหลีต้องดูกันต่อไปค่ะ ฮ่าๆ
คุณ แว่นใส - ดาร์ลิ้งชอบผู้ชายหล่อ ๆ และไม่กลัวเหมือนหนูบัวด้วย ฮ่าๆ
คุณ Zephyr - จะถูกคู่ไหมน้าาา
คุณ พอใจ - จะรักแม่แมวต้องเข้าทางลูกแมวค่ะ ฮ่าๆๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ
“พี่ไม่เห็นบอกผมเลยว่าผมจะต้องออกงานคู่กับเดหลี” ธรรศพูดด้วยหน้าตาเครียดทันทีเมื่อเข้าห้องทำงานส่วนตัวพี่ชาย หลังจากพยายามอดทนไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นในห้องประชุมว่าเขาอึดอัดมากขนาดไหน
นายแบบหนุ่มไม่อยากมีปัญหาเรื่องอดีตคู่หมั้นพี่ชายอีก แต่ธรรศก็สังเกตได้ว่าเดหลีก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรกับธรรศมากนัก ออกจะสนใจปราณนท์มากกว่า แต่ถึงอย่างไรธรรศก็ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เขาถึงได้พยายามอยู่ห่าง ๆ ช่อแก้วและครอบครัวปราชญ์ดามาตลอด
“ทำยังไงได้ พ่อและพี่ปฏิเสธทางเดหลีไม่ได้นี่นา ธรรศก็รู้ดีใช่ไหมว่าบริษัทเราได้รับการช่วยเหลือจากทางครอบครัวเดหลีมาตลอดตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้ว” ปราชญ์ดาวางมือบนไหล่น้องชายที่ยืนหน้าบึ้งหน้าตูมอยู่ พร้อมบอกให้เข้าใจเหตุผล “ก็แค่งานน่ะธรรศ อย่าคิดมาก”
“แน่ใจนะครับ” ธรรศเคยมีประสบการณ์ถูกพี่ชายจับคู่มาก่อนนั้นไม่ค่อยอยากจะไว้ใจเลย เรื่องเมื่อสามปีก่อนสร้างปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก
“เรื่องเมื่อสามปีก่อนพี่ต้องขอโทษนายจริง ๆ พี่ไม่คิดว่าคุณย่าจะโกรธแล้วเข้าใจนายผิดขนาดนั้น” แววตาของปราชญ์ดาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวในอดีต
ธรรศจะทำอย่างไรได้ เวลานี้ต่อมนิสัยคนขี้ใจอ่อนทำงานเต็มที่ ก็เลยทำได้แต่ถอนหายใจแล้วถามพี่ชายอีกคำถาม
“ทำไมพี่ถึงไม่ชอบเดหลีล่ะครับ ผมว่าพี่ปั้นน่าจะชอบแบบเดหลีนะ เธอมีคุณสมบัติเหมาะสมกับพี่ทุกอย่างเลย” ไม่ว่าจะหน้าตา ฐานะ หรือเรื่องธุรกิจ
“แล้วทำไมนายถึงไม่ชอบช่อแก้วล่ะ ช่อแก้วก็ดีกับนายมากนะ จงรักภักดีรักนายมาตลอด แถมนายก็รู้ว่าช่อแก้วเป็นหลานรักคุณย่า ช่อแก้วพูดอะไรคุณย่าก็ใจอ่อนทุกเรื่อง บางทีช่อแก้วอาจจะเป็นกาวใจระหว่างนายกับคุณย่าก็ได้”
ธรรศเบิกตากว้างกับคำถามของปราชญ์ดา ด้วยไม่คิดว่าจะถูกถามกลับเช่นนี้ หากเขาก็มีคำตอบให้พี่ชายแทบจะทันที
“มีใครบังคับเรื่องความรักได้บ้างล่ะครับ แล้วผมก็ไม่สนเรื่องผลประโยชน์จากความรักด้วยสิ ผมไม่ต้องการอะไรจากคนรักนอกจากเห็นเขามีความสุขแค่นั้นจริงๆ”
“พระเอกทั้งในจอและนอกจอเลยนะ” ปราชญ์ดาหัวเราะพร้อมแซวน้องชาย ก่อนจะพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคนพูด “ใช่ อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ความรักเป็นสิ่งนอกเหนือการควบคุม พี่เองก็อยากจะเจอความรักของพี่เหมือนกัน”
เสียงของปราชญ์ดาทั้งเศร้าและชวนให้สงสัย ธรรศมองหน้าพี่ชายด้วยความอยากรู้ อยากจะหยั่งไปถึงความนึกคิด จิตใจของปราชญ์ดาให้ลึกจนเห็นสิ่งที่พี่ชายซ่อนอยู่ ความรักแบบไหนที่พี่ชายของเขาใฝ่ฝันถึง
หากปราชญ์ดาก็ยังคงดูยากอยู่ดี ธรรศจึงเลิกพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าวันข้างหน้าพี่ชายจะต้องพาคนรักมาให้เห็นบ้างแน่ๆ
ธรรศได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของปราชญ์ดาส่งเสียงดัง เขารู้ดีว่างานของพี่ชายค่อนข้างจะยุ่งจึงไม่อยากรบกวนเวลาพี่ชายอีก
“ผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ มีนัดคุยงานต่อด้วย”
“โอเค พี่จ้างคนขับรถให้ทั้งนายและต้าหลิงแล้วนะจะได้ไม่มีใครหลับในจนเกิดอุบัติเหตุอีก ไม่ว่าที่บ้านจะมีใครคิดยังไงกับนายแต่นายก็คือน้องพี่นะธรรศ อย่าลืมซะล่ะ”
ธรรศรู้ซึ้งถึงความห่วงใยของพี่ชายดี แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมท้องแม่เดียวกัน แต่ธรรศก็รู้ดีว่าปราชญ์ดาหวังดีต่อเขามาตลอด เขาจึงไม่คิดโกรธเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่ปราชญ์ดาพยายามจับคู่จนคุณย่าเข้าใจเขาผิด อีกอย่างเรื่องมันแล้วไปแล้ว ธรรศไม่อยากเก็บมาคิดให้ช้ำใจอีกครั้ง
“ครับ”
เมื่อน้องชายเดินออกไปแล้ว ก็เป็นพี่ชายเสียอีกที่ยังถอนหายใจกับเรื่องในอดีต การทำให้คุณย่าโมโหธรรศไม่ใช่ความตั้งใจเลย แต่ก็ยอมรับว่าปราชญ์ดาอยากปัดปัญหาเรื่องเดหลีให้พ้นทางจริง ๆ เพราะพยายามอย่างไรปราชญ์ดาก็ชอบเดหลีไม่ลงจริง ๆ
ปราชญ์ดาเหม่อจมกับความคิดตัวเองจนเสียงโทรศัพท์หยุดดัง ภายในห้องทำงานกลายเป็นเงียบสนิท ตู้หนังสือมุมห้องที่ค่อนข้างอับแสงปรากฏเงาดำ เงาดำนั้นค่อย ๆ หนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นรูปเป็นร่างหญิงสาวผมยาวจนถึงบั้นเอว นอกจากดวงตาแดงก่ำของเธอแล้วก็ไม่เห็นรายละเอียดอื่นใดอีก ดวงตาแดงก่ำเหมือนสีของเลือดนั้นจ้องมองร่างสูงนิ่งและนานจนปราชญ์ดารู้สึกตัวแล้วตวัดสายตากลับไป เงาดำจางหายไปทันที มุมห้องอับแสงกลับกลายเป็นว่างเปล่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบยกหูโทรศัพท์ตอบรับคนในสาย เลิกสนใจว่าที่มุมห้องนั้นจะมีอะไรหรือใครอยู่หรือไม่ก็ตาม
ทันทีที่กลับจากสยาม อาร์ทีที บริษัทผลิตและจำหน่ายยางอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ดนุวัศ บอสใหญ่แห่งเลมอนพาย เรียกทีมงานที่ดูแลลูกค้าใหญ่เจ้านี้ประชุมด่วนเพื่อแจกจ่ายงานให้แต่ละฝ่าย
แม้แผนงานโปรโมทแบรนด์ยางรถจะถูกเลื่อนออกไป เพราะสยาม อาร์ทีที อยากให้เสนอแนวทางโปรโมทยางคู่กับบริษัทนำเข้ารถแข่งก่อน หากดูตามตารางที่วางไว้ก็ทำให้ทีมงานต้องทำงานทั้งสองแคมเปญไปแทบจะพร้อมกันอยู่ดี
ทั้งบ่ายวันนี้จึงค่อนข้างวุ่นวายมาก กระทั่งเวลาล่วงเลยจนสองทุ่มกว่า พนักงานคนอื่นต่างกลับบ้านกันหมดแล้ว แต่รวินท์รดายังนั่งคิดงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพียงลำพัง เธอกำลังนั่งออกแบบแนวทางของอีเวนท์รถแข่ง รวมถึงสไตล์เสื้อผ้าของพรีเซนเตอร์หนุ่มหล่อสาวสวยว่าจะออกมาในแบบไหน จะแรงหรู หรือเปรี้ยวเท่ ครีเอทีฟสาวลองตัดต่อพรีเซนเตอร์หนุ่มสาวกับตัวอย่างแบบชุดต่าง ๆ ที่เธอคิดเตรียมไว้ เพื่อที่จะนำเสนอให้เจ้านายได้เห็นภาพง่าย ๆ
สำหรับรวินท์รดา งานตัดต่อภาพทางคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายมาก แต่ทำไมพอเห็นหน้าของธรรศ รวินท์รดาถึงได้ใจว้าวุ่นฟุ้งซ่านขนาดนี้นะ ยิ่งเวลาต้องขยายภาพหน้าของชายหนุ่มเต็มหน้าคอมพิวเตอร์ หัวใจของเธอก็เต้นแรงจนต้องหลบตาเป็นพัก ๆ เธอจนใจ ยกธงขาวยอมรับความพ่ายแพ้อานุภาพหล่อเหลาของเขาจริง ๆ
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงคลิกเมาส์ของเธอดังเป็นระยะ ๆ อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินฝีเท้าคน!
รวินท์รดาลุกจากเก้าอี้มองไปยังรอบ ๆ ออฟฟิศ เวลานี้ไม่น่าจะเหลือใครในออฟฟิศแล้ว ไฟตรงจุดอื่นก็ปิดมืด เหลือแค่ไฟตรงโซนเธอและไฟตามทางเดินเท่านั้น รวินท์รดาถอนหายใจหนัก ๆ นึกสงสัยว่าอาจจะเป็นวิญญาณสักดวงมาป่วนเธอ
วิญญาณเหรอ … รวินท์รดากลืนน้ำลายลงคอ เธอดันคิดถึงวิญญาณเงาดำที่น่ากลัวดวงนั้นขึ้นมาเสียได้ แค่คิดถึงแข้งขาเธอก็แทบหมดแรงยืน ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเจอผีน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย แต่รวินท์รดาก็ไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงได้กลัวผีเงาดำนั่นขนาดนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่รวินท์รดาเหมือนจะได้คำตอบ ผีเงาดำเคยทำร้ายธรรศ รวมถึงตั้งใจผลักรถเข็นของมาชนเธอในวันที่ธรรศแถลงข่าว เธอมั่นใจว่าผีเงาดำนั่นต้องชอบทำร้ายคนเป็นแน่
“ดึกแล้ว ยังไม่เลิกงานอีกหรือครับ” อยู่ ๆ เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง รวินท์รดากำลังคิดเรื่องผีเงาดำจนทำให้เธอตกใจถึงกับหลุดกรี๊ดออกมาเสียงหลง
“กรี๊ด!!” เธอร้องก่อนจะผลักอีกฝ่ายอย่างแรง
“บัว!!”
เธอลืมตาเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเธอ เห็นร่างสูงกำลังหงายหลังจากการถูกผลักอย่างแรง รวินท์รดาถึงกับเบิกตากว้างทันทีที่เห็นเต็มสายตาว่าอีกฝ่ายนั้นคือใคร!!
“คุณธรรศ!!” รวินท์รดาร้องเสียงหลง ความตกใจทำให้เธอยื่นมือไปคว้ามือหนาไว้ ตัวของธรรศทั้งสูงกว่าและหนักกว่า ผลคือพากันล้มลงพื้นไปทั้งคู่
“โอย” ธรรศโอดเบา ๆ เวลานี้เขากลายเป็นเบาะรองรับร่างบาง แม้จะเจ็บตัวแต่เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่บนตัวเขา เขาก็ยิ้มและนอนอยู่อย่างนั้น
“คุณธรรศ! บัวขอโทษค่ะ คุณเจ็บหรือเปล่า” รวินท์รดารีบลุกจากร่างสูงอย่างทุลักทุเล พร้อมช่วยจับมือดึงอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นด้วย
“เจ็บสิครับ ผมเพิ่งรู้ว่าคุณก็หนักเอาเรื่องนะบัว”
“ว่าไงนะคะ” รวินท์รดาตกใจ หน้าขาวพลันแดงแป๊ด เถียงอะไรไม่ออกเลย พักนี้เธอยิ่งกังวลกับน้ำหนักตัวอยู่ด้วย
“ผมล้อเล่นน่ะ คุณไมได้หนักอะไรขนาดนั้นหรอก ขอโทษนะ” ธรรศเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงและเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำกลับก็รู้สึกว่าเขาอำเธอแรงไปแล้ว
“ไม่หรอก ฉันคงอ้วนแล้วจริง ๆ นั่นแหละ” เวลานี้รวินท์รดาอยากจะร้องไห้จริง ๆ เลย เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณธรรศคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ ในเวลานี้ด้วย” ปกติแล้วคนนอกไม่มีทางเข้าออกบริษัทนอกเวลางาน
“อ่อ นายนุเปิดให้เข้ามาน่ะ ผมนัดเจ้านั่นว่าจะไปหาอะไรดื่มกัน แต่ดูเหมือนจะล่มแล้วล่ะ เจ้านั่นดันทะเลาะกับแฟนน่ะสิเลยต้องรีบไปง้อ ผมโดนทิ้งแล้วล่ะบัว” ชายหนุ่มทำเสียงตัดพ้อกับประโยคสุดท้าย เรียกหาความเห็นใจจากหญิงสาวเบื้องหน้า โดยไม่บอกความจริงว่าเขาขอให้ดนุวัศกลับไปก่อนเมื่อรู้ว่าเธอยังไม่กลับบ้าน
หัวใจรวินท์รดาสะท้านกับแววตาเศร้าหงอยเหงาแต่ระยิบระยับของคนตัวสูง เล่นเอาต้องหลบตาไปมองจุดอื่นเป็นพัลวัน
“คุณก็กลับบ้านไปสิคะ โดนทิ้งแล้วนี่นา”
“ใจร้ายจริง ไม่สงสารผมหน่อยหรือบัว” ธรรศหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้โต๊ะข้าง ๆ แล้วปรายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หญิงสาวทำงานค้างอยู่
“ทำไมบัวต้องสงสารคุณด้วยล่ะ บัวรีบทำงานนะคุณธรรศ คุณรีบกลับไปเถอะค่ะ” รวินท์รดาโต้แย้งด้วยหน้ามุ่ย ๆ ไล่เขาแบบไม่แยแสสายตาละห้อยอีกฝ่าย
“นั่นผมหรือ … อืม ผมว่าชุดดูไม่ค่อยเข้ากับผมนะ” ธรรศไม่สนการถูกขับไล่ เขานั่งเท้าคางกับโต๊ะ นิ่วหน้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นหัวของตัวเองแปะอยู่กับตัวคนอื่นในชุดนักแข่งรถสีแดงแบบสวมทั้งตัว “ผมไม่ค่อยเข้ากับพวกชุดสีแดงเท่าไหร่ มันแรงไปสำหรับผม จริงสิผมเคยถ่ายแบบชุดแนว ๆ นี้อยู่นะ ลองเสิร์ชหาดูมั้ย”
รวินท์รดานั่งลงบนเก้าอี้ ธรรศเริ่มเลื่อนเก้าอี้ใกล้เธอมากขึ้น เขากดคีย์บอร์ดเพื่อหารูปตัวเองในอินเตอร์เน็ตให้หญิงสาวดูเป็นตัวอย่าง
ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้นะ … ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากกายสูง ต้นแขนกำยำกระทบต้นแขนเล็กเบา ๆ ก็สร้างความรู้สึกอุ่นซ่ายไปทั้งกาย ความใกล้ชิดเป็นเหมือนมนต์สะกดให้หญิงสาวเอาแต่นั่งเฉย แอบมองหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม
แล้วคิดถึงคำแนะนำของกีรณา เพื่อนซี้สาวสุดเปรี้ยวขึ้นมา
ครีเอทีฟสาวตั้งคำถามแบบเรื่องสมมติกับเพื่อนคอลัมนิสต์สาว
‘ถ้ามีคนที่เขาดูดีมากมาชอบแก แกจะทำยังไง จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจริงใจ’
‘แล้วเขาผิดตรงไหนที่เขาหล่อหรือดูดีล่ะ คนเราเลือกเกิดได้หรือ แกก็เลือกเกิดไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม ฉันว่าเอาเรื่องแบบนี้มาตัดสินว่าเขาจะหลอกแก เขาเป็นคนไม่ดี มันออกจะใจแคบไปหน่อยนะ ทำไมไม่ทำความรู้จักเขาแทนล่ะ เขาอาจจะคือรักแท้ที่แกตามหาก็ได้นะบัว’
รวินท์รดากำมือตัวเองแน่นอย่างสับสน เธอควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ก็ชอบ แต่ก็กลัว เหมือนมีบางสิ่งคอยรั้งไม่ให้เธอตกหลุมรักธรรศไปมากกว่านี้
‘แต่ฉันยังไม่พร้อมจะรับมือความเจ็บปวดจากความรักได้ … กลัวจะต้องเสียใจ’
‘เรื่องเสียใจ ถ้าสุดท้ายความรักจะต้องจบลง แต่อย่างน้อยแกก็ได้ทำตามใจที่แกต้องการใช่ไหม ไม่มีคำว่าเสียเวลาหรอกนะ แต่ถ้ายังไม่ได้เริ่มแล้วเอาแต่หนี นี่สิที่น่าเสียดายโอกาสนั้น’
“บัว เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงของธรรศปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ความคิด รวินท์รดาสบดวงตาคมปลาบเบื้องหน้า ไออุ่นแผ่ซ่านจากแววตาละมุน ความอ่อนหวานโอบล้อมรอบกาย เธอยิ่งกลัวใจตัวเอง
“ยังโกรธผมอยู่หรือ”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา แล้วถามเขาทั้งที่ยังกำมือแน่นอยู่บนตัก
“คุณคิดจะแก้ความเข้าใจผิดเรื่องของเรากับพี่ชายคุณและคุณช่อแก้วยังไงหรือคะ”
“ผมไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้น แต่ผมจะทำให้พวกเขาเข้าใจถูก”
“คุณมั่นใจหรือคะ คนแบบคุณจะมาชอบผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันหรือคะ” รวินท์รดาถามกลับ
ธรรศส่งยิ้มอ่อนโยน มือหนายกขึ้นเกี่ยวเส้นผมข้างแก้มใสไปทัดไว้หลังหูเล็กๆ ของคนขี้สงสัย
“บนโลกใบนี้คุณอาจจะเป็นผู้หญิงธรรมดา แต่สำหรับผม คุณคือคนพิเศษนะบัว ตั้งแต่ที่ผมชนกับคุณครั้งแรก ผมก็รู้ว่าคุณพิเศษสำหรับผม” ถ้าไม่เช่นนั้น เขาจะไปหาเธอในความฝันได้อย่างไร ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด ธรรศก็ขอบคุณที่ทำให้เขาได้พบช่วงเวลาพิเศษนั้น
ดวงตากลมกำลังประกายความหวั่นไหว หญิงสาวเขินเกินกว่าจะสบตาพระเอกปากหวาน
“บทละครเรื่องไหนของคุณคะ”
“ใจร้าย ผมพูดออกมาจากใจผมเลยนะ จริง ๆ ถ้าตัดเรื่องอาชีพของผมออกไป ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนะ แถมยังเป็นตัวอันตรายกับคนใกล้ชิด ผมกลัวผมจะเป็นอันตรายสำหรับคุณด้วยแต่ผมก็ไม่อยากเสียคุณไปอีก ให้โอกาสผมได้ไหมบัว ให้เราได้รู้จักกันมากกว่านี้”
รวินท์รดาหวั่นไหวต่อทุกคำของชายหนุ่ม “ให้เวลาฉันหน่อยเถอะค่ะ” เธอหลบตาลง หากในน้ำเสียงก็บอกได้ว่าเธอยอมแพ้ชายหนุ่มแล้ว
“ผมให้เวลาคุณได้เสมอ ต่อให้รอจนแก่ผมก็จะรอ” ธรรศไม่เร่งเร้าเอาคำตอบ ก่อนจะหันไปสนใจรูปที่หญิงสาวติดไว้ตรงพาร์ทิชั่นข้างโต๊ะทำงาน “รูปดอกบัวสีเหลือง” ธรรศมองรูปดอกบัวอย่างสนใจ ถ้าจำไม่ผิดเขาเคยเห็นรูปดอกบัวนี้ที่บ้านหลังเล็กกลางสวนของปราชญ์ดา
“เพื่อนฉันถ่ายมาให้น่ะค่ะ” รวินท์รดามองตามไปที่รูป
ธรรศเลิกสนใจกับเรื่องรูปที่เหมือนกัน ดอกบัวสีเหลืองก็มีเยอะแยะ บางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
“ผมว่านี่ก็ดึกมากแล้ว กลับบ้านเถอะนะ” ธรรศแนะนำ รวินท์รดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอไม่มีสมาธิจะทำงานต่อจึงรีบปิดคอมพิวเตอร์และหยิบกระเป๋าสะพาย เดินออกมาจากออฟฟิศพร้อมกับธรรศซึ่งเพิ่งได้รับสายจากต้าหลิงว่ากำลังจอดรถรอเขาอยู่ด้านหน้าบริษัทโฆษณา
หากธรรศก็ยังเดินช้า ๆ เคียงข้างหญิงสาว ไม่รีบร้อนไปที่รถตู้แต่อย่างใด อากาศตอนนี้กำลังดี ถ้าทำได้ธรรศก็อยากจะยืดเวลานี้ไปอีกนาน ๆ
แต่ความจริง เขาก็ยังต้องร่ำลาหญิงสาวอยู่ดี
“ไว้เจอกันวันฟิตติ้งนะครับ ฝากความคิดถึงถึงดาร์ลิ้งด้วยนะ ไว้ผมจะหิ้วขนมไปฝากเจ้าดาร์ลิ้งใหม่” เขาลูบผมเธออย่างกับลูบขนเจ้าดาร์ลิ้ง
“ขนมคราวก่อนยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะ และบัวว่ามันก็อ้วนมากขึ้นด้วย”
“ไว้ผมจะไปพิสูจน์นะ” ธรรศอยากเห็นว่าลูกแมวจะอ้วนอย่างที่แม่แมวบอกจริงหรือเปล่า แล้วยังอิดออดไม่ยอมไปที่รถตู้เสียที เขาถามเธออ้อน ๆ “ผมโทรหาบัวได้ไหม”
“คุณไม่ยุ่งหรือคะ” เธอถามกลับ
“ไม่หรอก ผมมีเวลาให้บัวเสมอ ผมจะโทรหาคุณทุกวันเลย”
“ไปได้แล้วค่ะ คุณต้าหลิงเดินมาตามแล้ว” รวินท์รดาเขินชอบกล เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาหวานเยิ้มให้เธอ
“โอเค ผมจะโทรหาคุณนะ ขี่รถกลับดี ๆ นะครับ” ธรรศยิ้มกว้างเพราะหญิงสาวไม่ปฏิเสธเขา ก่อนจะเดินไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่
รวินท์รดายกมือสัมผัสศีรษะตรงจุดที่ธรรศสัมผัสเมื่อครู่ เขายังทิ้งร่องรอยความอบอุ่นไว้อยู่บนเรือนผมของเธอ หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาสามารถทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอคือคนพิเศษของเขาจริง ๆ
โดยทั้งคู่ไม่รับรู้เลยว่าถูกบุษบาจับตามองอยู่ แววตาวิญญาณสาวจากยุคอดีตเต็มไปด้วยความห่วงใยชายหนุ่มหญิงสาวอย่างมาก
แต่ด้วยความสามารถที่เธอมีมันไม่มากพอจะปกป้องคนทั้งคู่ ตราบใดที่เธอยังถูกพันธนาการไว้ ไม่ว่าจะกักขังวิญญาณไม่ให้เธอไปตามทางที่ควรจะเป็น หรือแม้แต่อำนาจที่ทำให้เธอไม่สามารถพูดความจริงบางเรื่องได้ ‘มัน’ ต้องการให้เธอเห็นจุดจบที่อาจจะซ้ำรอยกับอดีต
ไม่มีทาง!
หม่อมเจ้าหญิงกำมือแน่น ใจหมายมั่นว่าจะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำลายความรักของน้องสาวที่ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งได้อีก ต่อให้เธอจะดับสูญไป เธอก็จะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่นอน!
สามวันต่อมาธรรศกลับถึงบ้านในสวนของปราชญ์ดาเกือบสี่ทุ่ม สามวันมานี้เขาไม่ลืมสัญญาที่บอกใครอีกคนเอาไว้ เขาเดินคุยโทรศัพท์มือถือระหว่างเดินเข้าบ้าน
“ผมเพิ่งถึงบ้าน พรุ่งนี้จะได้เจอกันแล้วนะ” นายแบบหนุ่มจะได้ไปลองชุดนักแข่งในวันรุ่งขึ้น “นี่คุณยังทำงานอยู่หรือ อย่าหักโหมมากนะผมเป็นห่วง ครับ พ่อแมวฝากความห่วงใยไปถึงลูกแมวด้วยนะครับแม่แมว”
ธรรศหัวเราะอย่างสดใส โลกที่เคยเป็นสีเทา ๆ ของเขากลายเป็นสีชมพู ดอกไม้บานสะพรั่งรอบตัว
ช่อแก้วที่มาดักรอธรรศได้แต่ยืนเงียบทั้งน้ำตา แม้จะเคยอยากได้ยินเสียงอ่อนโยน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของธรรศมาตลอด แต่พอได้ยินสมใจ ก็ไม่ต่างกับมีดแหลมกรีดแทงใจเธอเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ และคงไม่มีวันนั้น
วันถัดมา
ปราชญ์ดาจอดรถคันหรูของเขาหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะส่งกุญแจรถให้คนดูแลนำไปจอดในโรงรถอีกที เย็นนี้คุณย่าเรียกให้ลูกหลานมารวมตัวกินมื้อเย็นด้วยกัน ปราชญ์ดาจะไม่แปลกใจถ้าหากคุณย่าไม่เรียกธรรศมาร่วมมื้อเย็นด้วยกัน
พี่ชายหันมองน้องชายที่เดินทางมาด้วยกัน ธรรศเพิ่งไปวัดตัวลองสวมชุดนักแข่งเตรียมถ่ายแบบในวันรุ่งขึ้น วันนี้ธรรศก็ไม่ได้แสดงออกว่าอึดอัดเมื่อต้องอยู่ใกล้เดหลี อาจจะเป็นเพราะปราณนท์ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้ และดูเหมือนปราณนท์จะตัวติดกับเดหลีแทบตลอดเวลา
บางที อาจจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ก็ได้
“ผมเข้าไปจะดีหรือครับ” ธรรศถามอย่างไม่มั่นใจ เมื่อไม่ได้เจอหน้าคุณย่ามาร่วมสามปีแล้ว คุณย่าจะไม่ไล่ตะเพิดออกมาจากบ้านจริง ๆ หรือ
“คุณย่าบอกเองว่าให้ชวนนายมาด้วยนะ ท่านแก่มากแล้วล่ะธรรศ ท่านอาจจะปล่อยวางมากขึ้นก็ได้” เช้าเมื่อวาน ปราชญ์ดาได้ยินเองกับหู คุณย่าพูดอย่างชัดเจนว่าให้ชวนธรรศมาร่วมมื้ออาหารด้วยกัน
แม้ปราชญ์ดาจะแปลกใจ แต่ก็คิดไปในทางที่ดีไว้ก่อน
หากก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้าน คนพี่กลับชะงักกับวิญญาณหม่อมเจ้าหญิงบุษบาได้ปรากฏตัวเบื้องหน้า ปราชญ์ดามองใบหน้าหวานที่โปร่งใสอย่างตกใจ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เด็กรับใช้ในบ้านก็ส่งเสียงเรียกเขาเสียก่อน
“คุณปั้น คุณธรรศคะ นายผู้หญิงบอกให้ไปห้องอาหารได้เลยค่ะ”
“อืม” ปราชญ์ดาเบนสายตาไปยังเด็กรับใช้ แต่พอกลอกตากลับมาตรงหน้าอีกครั้ง หม่อมเจ้าหญิงบุษบาก็หายตัวไปแล้ว
“พี่ปั้น มีอะไรหรือครับ” ธรรศถามเมื่อเห็นพี่ชายหยุดเดิน ทำหน้าแปลก ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ” พี่ชายบอกแล้วเดินนำเข้าบ้าน ตรงไปยังห้องอาหารก็พบคุณปู่ คุณย่า บิดา มารดา คุณอา รวมถึงช่อแก้ว และเชรีนั่งรอบโต๊ะกลมรออยู่ก่อนแล้ว สำหรับปราณนท์คงจะใกล้จะถึงบ้านแล้วเช่นกัน
ธรรศรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอึดอัด คุณลุงธราดลยิ้มต้อนรับเขาดี ผิดกับป้าสะใภ้ ทิพวรรณและวธิดา คุณอาซึ่งดูแล้วไม่อยากเห็นหน้าธรรศมากนัก
“นั่งสิ ตาธรรศ” คุณย่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณปู่เรียก เชรีลุกไปขยับเก้าอี้ตัวระหว่างเธอกับช่อแก้วให้อย่างกะตือรือล้น
“พี่ธรรศมานั่งข้างพี่ช่อกับเชรีนะคะ”
ธรรศลอบถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตานั่งข้างช่อแก้ว แม้ช่อแก้วจะส่งสายตาและรอยยิ้มอย่างยินดีแค่ไหน ธรรศก็ไม่สนใจจะรับรู้ ทำเอาเจ้าของรอยยิ้มใจแป้วหน้าเสียไปทันที
“มาแล้วครับคุณปู่คุณย่า ขอโทษครับผมมาช้าใช่ไหมเนี่ย” ปราณนท์บอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามอุปนิสัยเจ้าตัว
“พี่ปิงมาช้าค่ะ เชรีหิวแล้วนะคะ” เชรีแกล้งบ่นพี่ชาย
“ก็พี่ไปส่งนางแบบของบริษัทมานี่นา พี่ไปทำงานนะเชรี” ปราณนท์บอกเหตุผล
“เอาเถอะ ๆ กินข้าวกันก่อนนะ ย่ามีเรื่องจะคุยด้วยตอนเรากินของหวานกัน”
ธรรศไม่ค่อยเจริญอาหารนัก เขาลอบมองสีหน้าคุณย่าก็อดใจหายไม่ได้ ท่านแก่ขึ้น และดูอ่อนแรงอิดโรยมาก จนถึงเวลาของหวาน ผลไม้วางแทนที่กับข้าวตรงกลางโต๊ะ และวัลภาก็บอกถึงเหตุผลที่เรียกหลานมารวมตัวกันในวันนี้
“ย่าอยากให้ปั้นสอนงานช่อแก้วเขา ให้ช่อแก้วเรียนรู้งานในบริษัทบ้าง”
“คุณย่าว่ายังไงนะครับ” ปราชญ์ดาตกใจ ไม่เชื่อหูว่าคุณย่าจะไหว้วานเขาเรื่องนี้
“ย่าคุยกับปู่แล้ว ย่าห่วงว่าถ้าย่าไม่อยู่แล้ว หนูช่ออาจจะลำบาก ย่าตั้งใจจะยกหุ้นส่วนหนึ่งของย่าให้หนูช่อ เพราะฉะนั้นปั้นสอนน้องทำงานทีนะ” คุณย่าบอกด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ เย็น ๆ
“แล้วใครจะดูแลคุณย่าล่ะครับ” ปราณนท์มองอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน
“ย่ามีเด็กคนอื่นดูแลอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ย่ามาคิดดูแล้วจะเก็บหนูช่อไว้กับตัวเองไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งย่าไม่อยู่ ใครจะดูแลหนูช่อแทนย่า” วัลภามองหลานที่รับมาเลี้ยงเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ช่อแก้วเป็นหลานเพื่อนสนิทผู้หญิงของวัลภา ซึ่งวัลภาสนิทเหมือนญาติพี่น้องแท้ ๆ ช่อแก้วถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่แบเบาะ เธอจึงรักช่อแก้วมากจนอยากเก็บไว้ใกล้ ๆ ตัว
“คุณยายคะ คุณยายยังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ” ช่อแก้วทักท้วง เพราะไม่อยากได้ยินคำไม่เป็นมงคลจากปากผู้มีพระคุณเช่นนี้
“ถ้าคุณย่าต้องการแบบนั้น ผมก็จะสอนงานช่อให้ครับ” ปราชญ์ดารับปากคุณย่า ทั้งที่ใจยังสงสัยหลายเรื่อง
“และเพราะยายห่วงหนูมากนะช่อ ก่อนยายจะตาย ยายก็อยากมั่นใจว่าช่อจะได้แต่งงานกับคนที่ดี ดูแลหนูแทนยายได้”
ปราชญ์ดาเห็นสายตาคุณย่าก็หวั่นใจ คุณย่าเลื่อนสายตามาหยุดที่เขา เขารู้ดีว่าท่านไม่มีทางดึงดันจะให้เขาแต่งงานกับเดหลีแล้วแน่ ๆ พ่อของเขาเพิ่งบอกว่าคุณย่ารู้เรื่องปราณนท์กับเดหลีแล้ว
ถ้าอย่างนั้นคนที่คุณย่าหมายตาก็ไม่พ้นเขาน่ะสิ หัวใจของเขาเต้นแรงเพราะไม่อยากจะให้ความกลัวเป็นเรื่องจริง ปราชญ์ดารู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดเต็มฝ่ามือ พลางคิดหาเหตุผลร้อยแปดที่จะปฏิเสธการจับคู่ของผู้เป็นย่า
แต่แล้วคุณย่าก็กลอกตาผ่านเขาไป ท่านมองหลานสาวคนโปรดด้วยแววตารักสุดหัวใจ
“ยายจะยกหนูให้ …”
“คุณย่าครับ” ปราชญ์ดาจะคัดค้าน แต่ว่าไม่ทันเมื่อคุณย่าพูดต่อว่า
“ตาธรรศ ย่าจะให้หนูแต่งงานกับตาธรรศ”
จบตอน
ขออภัยที่หายไปนาน
งานเยอะมากกกกกค่ะ
ถ้ามีผิด ตกหล่นตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ อ่านทวนไปรอบเดียว เวลาน้อยจริงเลยยย
เพิ่งจะเอาชนะใจหนูบัวได้ ก็แย่แล้ว
คุณธรรศจะทำอย่างไรต่อไปน้าา
คุณ kaelek - นายปิงกับเดหลีต้องดูกันต่อไปค่ะ ฮ่าๆ
คุณ แว่นใส - ดาร์ลิ้งชอบผู้ชายหล่อ ๆ และไม่กลัวเหมือนหนูบัวด้วย ฮ่าๆ
คุณ Zephyr - จะถูกคู่ไหมน้าาา
คุณ พอใจ - จะรักแม่แมวต้องเข้าทางลูกแมวค่ะ ฮ่าๆๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ธ.ค. 2559, 20:29:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2559, 20:49:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1062
<< ตอนที่ 11 - 50% | ตอนที่ 12 - 50% >> |
kaelek 11 ธ.ค. 2559, 06:52:18 น.
เฮ้ย!!! ได้ไงอ่ะ คุณย่าถามนายธรรศก่อนมั้ย??? เรื่องเดหลีหลายปีก่อนก็โกรธ นี่มาเรื่องช่อแก้ว คงอยู่บ้านไม่ได้แน่เลย..โธ่หนูบัว
เฮ้ย!!! ได้ไงอ่ะ คุณย่าถามนายธรรศก่อนมั้ย??? เรื่องเดหลีหลายปีก่อนก็โกรธ นี่มาเรื่องช่อแก้ว คงอยู่บ้านไม่ได้แน่เลย..โธ่หนูบัว
พอใจ 12 ธ.ค. 2559, 00:32:14 น.
เอ้ยๆๆๆ ม่ายจริงน๊าาาา คุณย่าโดนหลานรักเป่ามนต์อะไรใส่
เอ้ยๆๆๆ ม่ายจริงน๊าาาา คุณย่าโดนหลานรักเป่ามนต์อะไรใส่
แว่นใส 12 ธ.ค. 2559, 13:54:53 น.
อ้าว ไหงงั้นอะ
อ้าว ไหงงั้นอะ
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 15:39:31 น.
อ้าว ย่า ถ้าจะเรียกมาเพราะประโยชน์ของคนโปรดแบบนี้
เกลียดที่ธรรศต่อไปเถอะ
เซ็งคนแก่เรื่องมาก ยุ่งยาก
อ้าว ย่า ถ้าจะเรียกมาเพราะประโยชน์ของคนโปรดแบบนี้
เกลียดที่ธรรศต่อไปเถอะ
เซ็งคนแก่เรื่องมาก ยุ่งยาก